“ หนูดำท่านปู่ไม่ได้กลับมาเมื่อคืนนี้ ป่าตั้งกว้างใหญ่ไพศาลแล้วเราจะไปตามหาที่ไหนกัน หรือจะไปที่เขาวงกตที่เ้าพูดถึงก่อนดี”
“ ถ้าปู่ของเ้าไปหาสมุนไพรก็น่าจะเป็ที่นั่นแหละ เพราะแถวนั้นมีสมุนไพรที่หายากขึ้นอยู่เยอะ เราไปเริ่มต้นที่โน้นก็ได้เ้าต้องเอาอะไรไปด้วยไหม”
“ ไม่มีเราออกเดินทางกันเถอะข้าเป็ห่วงท่านปู่ เ้าเพิ่งวิ่งมาเหนื่อยต้องพักเอาแรงก่อนไหมหนูดำ”
“ข้าไม่เหนื่อยหรอก แต่ข้าอาจจะหดตัวให้เล็กลงและวิ่งนำหน้าเ้าไป เ้าวิ่งตามก็แล้วกัน ” ความจริงแล้วมันเหนื่อย แต่เห็นความกังวลของเด็กน้อยก็เลยพูดไปอย่างนั้น
จู๋จื่อวิ่งตามหนูดำที่ตามรอยท่านปู่ไป ทั้งคู่เดินทางมาจนถึง่เย็น จึงพบเข้ากับป่าที่หนูดำพูดถึง
“ เข้าเขตตรงนี้ไปจะเป็เขาวงกต เ้าจะอยู่ข้างนอกรอให้สว่างก่อนค่อยเข้าไปไหม เพราะดูเวลาแล้วไม่กี่ชั่วยามก็จะมืดแล้ว”
“ ข้าเป็ห่วงท่านปู่เราเข้าไปข้างในเลยไม่ได้รึ มืดตรงไหนเราก็นอนตรงนั้น หรือเ้ารู้ว่าทางออกของป่าอยู่ตรงไหนเราไปเข้าตรงนั้นได้ไหม”
“ ทางออกของป่าวงกตงั้นรึ ต้องเดินทางอีกไกล เ้าจะไปตอนนี้เลยไหม”
“ ไปเลยหนูดำ มืดที่ไหนก็นอนที่นั่นข้าเป็ห่วงท่านปู่ ท่านอายุเยอะแล้ว ไม่ได้เตรียมที่หลับนอนมาด้วย นี้เป็คืนที่สองแล้ว”
“ ข้าว่าท่านน่าจะเป็ห่วงเ้าที่อยู่คนเดียวในกระท่อมมากกว่า กลัวเ้าจะไม่มีอะไรกิน แถมยังนอนคนเดียวด้วย”
“ นั่นแหละข้าถึงอยากไปหาท่านปู่ให้ไว ตอนนี้ท่านปู่ต้องทุกข์ทั้งกายและใจแน่ ทำไมข้าถึงไม่บินได้นะ น่าจะไปถึงไวกว่านี้”
“ เ้าโตขึ้น เ้าต้องหาอสูรที่สามารถบินได้ไปที่ไหนก็ไวด้วย แต่ว่าที่โลกนี้ข้าไม่เคยเห็นอสูรที่บินได้แล้วเก่ง มีแต่ระดับต่ำทั้งนั้นเลย เ้าต้องไปหาโลกที่ข้าเคยอยู่และจากมา”
“ มีโลกอื่นด้วยงั้นรึ เ้าถึงกับมาจากโลกอื่น แล้วมาได้ยังไงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วจะไปโลกที่จากมาได้ยังไง”
“ เ้าถามมาเป็ชุดแบบนี้ รอให้หาที่พักได้ก่อนแล้วค่อยคุยกัน”จู๋จื่อนั่งอยู่บนหลังหนูดำ เพราะถึงยังไงนางก็ยังเป็เด็กน้อยจึงปวดเมื่อยไปทั้งตัว ต้องเดินทางตลอดไม่หยุด
“ พักตรงนี้แหละพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อ ” หนูดำพูดขึ้นหลังจากเจอโพรงไม้ ที่พอให้ทั้งสองได้อาศัยอยู่
พอได้ที่นอนจู๋จื่อก็หลับไปทันที มีหนูดำนอนขวางทางเข้าโพรงไม้ มันก็นอนพักผ่อนเอาแรงเหมือนกัน
“จู๋จื่อสว่างแล้ว เ้านอนทั้งคืนลุกมาได้แล้วจะได้ออกเดินทางต่อ” หนูดำเรียกเด็กน้อยที่ยังนอนคุดคู้อยู่ในโพรง
“ สว่างแล้วรึ ข้ารู้สึกว่านอนไปไม่นานนี่เอง ถ้าอย่างงั้นก็เดินทางกันต่อเถอะ”
“ เ้าขึ้นมานั่งบนหลังข้าก่อน ไว้่สายเ้าค่อยลงมาเดิน ดูเหมือนเ้ายังตื่นไม่เต็มที่เลย”
ทั้งสองเดินทางมาจนถึง่เย็นอีกวันหนึ่ง ก็มาถึงทางเข้าป่าอีกด้านหนึ่งของป่าวงกต
หนูดำไม่ถามจู๋จื่อมันเดินตรงเข้าป่าวงกตเลย ถึงถามก็คงจะได้คำตอบเดิม
“ เดี๋ยวก่อนหนูดำ เ้าบอกว่าตรงนี้เป็ทางเข้าป่าวงกต แล้วไม่หาอะไรมาทำเป็เครื่องหมายรึ เดินเข้าไปแบบนี้ก็ต้องหลงเข้าไป แล้วจะหาทางออกเจอยังไง”
“ เ้าจะเอาอะไรมาทำเป็เครื่องหมาย ป่าที่เหมือนกันหมดแบบนี้”
“ ตัดกิ่งไม้กิ่งที่อยู่ใต้ต้นไม้ได้ไหม อย่างน้อยขาเดินออกมากิ่งไม้มันน่าจะเหลืองหรือแห้ง แต่ไม่มีมีดที่คมหรือเ้าจะขยายตัว แล้วเหยียบกิ่งไม้ใครหักเป็่ๆไป”
“ เอาแบบนั้นก็ได้ ข้าจะเหยียบกิ่งไม้ให้หักติดๆกันทุกหนึ่งลี้ แต่ทางที่เดินผ่านมันก็มีรอยอยู่แล้วนะ ข้าแค่ขยายให้ใหญ่ขึ้น”
“ ถ้าอย่างนั้นตลอดการเดิน เข้าป่าวงกตเ้าไม่ต้องหดตัวให้เล็ก ทำตัวตัวใหญ่เข้าไว้เหยียบกิ่งไม้ใบหญ้าให้ ราบเป็หน้ากลองไปเลยจะได้จำทางกลับได้”
หนูดำแบกทั้งเด็กน้อยและเหยียบต้นไม้ใบหญ้าตลอดทางเดิน จนมืดถึงพากันพัก มันเป็หนูที่พักของมันก็ต้องเป็โพรงไม้อยู่แล้ว แต่ว่าเป็โพรงใหญ่ สำหรับให้จู๋จื่อนอนพักด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น“ หนูดำทำไมมันถึงได้ไกลนักเล่า ท่านปู่จะเป็ยังไงบ้างหลายคืนแล้วนะ”
“ ข้าว่าถ้าท่านปู่ของเ้าหลงเข้ามาที่นี่จริง วันนี้เราคงได้เจอแล้ว แต่ทำยังไงถึงจะให้ท่านรู้ว่าเรากำลังตามหาอยู่”
“ หรือว่าข้าจะหาต้นไม้ที่สูง แล้วปีนขึ้นไปร้องะโก้องไปทั่วป่า ท่านปู่อาจจะได้ยิน”
“ แบบนั้นก็ได้เ้าแค่ส่งพลังไปที่เสียง แล้วส่งออกไปปู่ของเ้าน่าได้ยิน แต่ว่าเสียงของเ้าดังไปทั่วป่าแล้วปู่ของเ้าจะรู้ได้ยังไงว่าเ้าอยู่ตรงไหนของป่า”
“ ต้องหาต้นไม้ที่สังเกตได้ง่ายและต้นใหญ่ ช่วยข้าด้วยหนูดำ ถ้าท่านปู่รู้ว่าข้าตามหาอยู่ท่านน่าจะดีใจ”
“ ต้นโน้นมันใหญ่และสูงกว่าเพื่อน เ้าจะปีนได้ไหมล่ะ กิ่งไม้มันอยู่ไกลกันอยู่นะ นอกจากเ้าจะปีนตรงปลายของต้นไม้จากกิ่งหนึ่งไปกิ่งหนึ่ง เพราะใบมันอยู่ชิดกัน”
“ ต้องได้สิ แต่่แรกเ้าขยายตัวให้ข้าขึ้นไปบนกิ่งไม้ก่อน ลำต้นมันใหญ่ข้าปีนไม่ได้ ต้องไปเริ่มต้นที่กิ่งไม้เลย”
จู๋จื่อปีนจากหลังหนูดำขึ้นกิ่งไม้ ปีนขึ้นตามกิ่งเล็กกิ่งน้อยจนขึ้นไปบนสุด“มองจากตรงนี้ลงไปข้างล่าง มีป่าเขียวไปหมด มีทางเดียวเท่านั้นที่จะหาท่านปู่เจอ”
“ท่านปู่อยู่ไหน ข้าจู๋จื่อมาตามหาท่านแล้วท่านปู่ ”จู๋จื่อส่งพลังไปกับเสียงด้วย
“ถ้าท่านได้ยินที่ข้าพูด ท่านจุดไฟให้มีควันไฟขึ้นเยอะๆได้ไหม ข้าอยู่ที่สูงมองเห็นตำแหน่งที่ท่านปู่ได้ ท่านปู่ได้ยินที่ข้าพูดไหม”
เสียงจู๋จื่อดังก้องไปทั้งขุนเขา “ข้าจะนั่งรอจนกว่าท่านจะจุดไฟ ท่านก็รีบหาต้นหญ้าแห้งมาจุดไฟเข้า”จู๋จื่อนั่งลงกอดกิ่งไม้ที่ ไหวเอนตามกระแสลมในหุบเขา
เริ่มมีแสงแดดสาดส่องลงมาบนยอดเขา มาถึงต้นไม้ที่จู๋จื่อนั่งอยู่บนยอดไม้ สายตามองไปทั่ว ดูว่าควันไฟจะมาจากจุดไหนของป่าใหญ่ผืนนี้
“ท่านปู่จุดไฟหรือยัง ข้ายังมองไปเห็นควันไฟเลย ข้ารอท่านอยู่น่ะ”จู๋จื่อร้องะโเสร็จก็นั่งลง
“ ท่านปู่ทำอะไรอยู่นะ ทำไมถึงไม่ยอมจุดไฟสักที พอมีแสงแดดลมก็พัดแรงขึ้น ข้าจะตกต้นไม้ก่อนไหมนี่ ทำไมท่านปู่ไม่จุดไฟเสียที
“ โอ๊ะ!โน้นหนูดำทางทิศตะวันออก มีควันไฟขึ้นมาตรงทางทิศตะวันออกห่างจากนี่ประมาณสิบลี้ได้ เรารีบไปกันเถอะ”จู๋จื่อรีบปีนลงมาจากต้นไม้ ขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังหนู
“ เ้ารีบไปเลย ยังไงตอนออกจากป่าก็มีรอยของเ้าอยู่เต็มไปหมดแล้ว ถ้ายังหลงอยู่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะ”
หนูดำวิ่งด้วยความไวเท่าที่มันจะมีไปยังทิศตะวันออก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยามก็มาถึงแล้ว
“ ทิศตะวันออกก็กว้างท่านปู่อยู่ตรงไหนนะ ตอนข้ามองลงมาตรงที่ควันไฟขึ้นมีต้นไม้หนาแน่น เ้ามองดูตรงไหนที่มีต้นไม้แน่นกว่าที่อื่น”
“ ท่านปู่ท่านอยู่ตรงไหนข้ามาถึงตรงนี้แล้ว แต่หาท่านไม่เจอ ตอบข้าด้วย”
“ป๊อก ป๊อก ป๊อก!”
“ เสียงเคาะไม้หนูดำเ้าวิ่งไปตามเสียงเคาะไม้เลย สงสัยท่านปู่เจ็บคอเลยไม่มีแรงะโตอบ ต้องใช้วิธีเคาะไม้แทน รีบพาข้าไปหาท่านปู่เร็วเข้า”
หนูดำวิ่งไปตามเสียงเคาะไม้ซึ่งดังอยู่ไม่ไกลจากที่มันยืนอยู่
“ท่านปู่ ข้ามาช่วยท่านออกจากป่าแล้วท่านเป็อย่างไรบ้างเ้าค่ะ”
“เ้า…เ้ามากับ หนูั์ตัวนี้ได้ยังไงกันหลานปู่ แล้วทำไมถึงรู้ว่าปู่หลงเข้ามาที่นี่ล่ะ เดี๋ยวก่อนดูเหมือนเ้าจะมีพลังธาตุแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเ้าตอนปู่ไม่อยู่กัน”
“ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ท่านปู่ฟังเ้าค่ะ แต่ว่าท่านปู่เป็ยังไงบ้างเ้าคะ ไม่ได้กลับบ้านตั้งหลายวัน เครื่องนอนก็ไม่ได้เอามาด้วย ”
“ ปู่ไม่เป็ไรหรอก ห่วงแต่เ้าที่อยู่คนเดียวนั่นแหละ ยังไงเสียปู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายสิบปี”
จู๋จื่อเล่าเื่หนูดำ ไปถึงถ้ำจนได้พลังธาตุและของวิเศษกลับมาด้วย การตามหาทั้งหมดหนูดำเป็ผู้ช่วย ดูแลรักษาความปลอดภัยให้และยังคอยแนะนำ
“ดี…ดี หลานของปู่โชคดีแล้ว ถึงกับเปิดพลังได้ แถมยังได้สัตว์อสูรระดับสูง อย่างหนูดำมาอยู่เป็เพื่อนด้วย”
“ ข้าอยู่ป่านี้มานานไม่เคยเจอสัตว์อสูรระดับสูง ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ เ้ามาจากที่ไหนหรือหนูดำ”
“ ข้ามาจากป่าใหญ่ มาจากที่อื่นถูกดูดเข้ามาที่นี่นานมาแล้ว วิ่งเล่นอยู่แต่ในป่า พอดีเจอกับเ้าเด็กน้อยผู้นี้จึงถูกชะตา หวังจะได้เด็กน้อยมาเป็เพื่อนวิ่งเล่นในป่าแห่งนี้ จะได้ไม่เงียบเหงาอย่างที่ผ่านมา”
“ เ้าถูกดูดเข้ามาอย่างงั้นรึ! นานมาแล้วก่อนที่เ้าถูกดูดมาเ้าอยู่ที่ไหน เพราะข้าก็ถูกดูดมาเหมือนกัน”
“ ท่านก็ถูกดูดมาเหมือนกันรึ! แสดงว่าท่านก็อยู่มาหลายพันปีแล้วล่ะสิ ตอนที่ข้าถูกดูดมาดูเหมือนข้าจะเดินอยู่ในป่าหุบเขาหมื่นเมฆา เหมือนที่นั่นกำลังมีเหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีทั้งกระแสลมหมุนท้องฟ้ามืดดำ ข้าวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น เลยถูกกระแสบางอย่างดูดมาที่นี่”
“ ข้าก็เป็เซียนอยู่เหนือหุบเขาหมื่นเมฆา แต่วันนั้นข้าเข้ามาหาสมุนในป่า แล้วเจอเหตุการณ์เหมือนเ้า กระแสลมหมุนท้องฟ้ามืดดำ ข้ารู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”
“ ข้าใช้ชีวิตอยู่ในเมืองบ้างในป่าบ้าง คนที่รู้จักทยอยตายไปทีละรุ่น ข้าก็ต้องเข้ามาอยู่ในป่า ออกไปเจอรุ่นใหม่พอพวกเขาใกล้เสียชีวิต ข้าก็ต้องเข้าไปอยู่ในป่าอีก เป็แบบนี้มานานหลายปีแล้ว”
“ ท่านปู่กับหนูดำมาจากที่เดียวกันหรือเ้าคะ แล้วแบบนี้พวกท่านจะกลับไปได้ไหม ที่นี่ก็มีพลังทำไมผู้คนที่อยู่ในเมืองนี้ถึงอายุสั้นล่ะเ้าคะ”
“ พวกเขาก็ไม่ได้มีอายุสั้นเสียทีเดียวหรอก อยู่ได้ถึงสามร้อยปี แต่ถ้าเทียบกับปู่ที่อยู่ได้หลายพันปีมันก็ต่างกัน”
“ แต่ยิ่งอยู่นานปู่ก็เหมือนจะอายุสั้นลง ตามไปด้วยความรู้ความสามารถที่มี บางอย่างใช้ไม่ได้กับที่นี่เลย ”
“ แล้วอย่างนี้ท่านปู่พอจะมีหนทาง ให้กลับไปที่เดิมได้ไหมเ้าคะ ตรงที่ไหนนะที่พวกท่านเคยอยู่และถูกดูดมาที่นี่”
“ ชื่อหุบเขาหมื่นเมฆาน่ะหลาน ตอนแรกที่มารู้สึกตัวที่นี่ ปู่ก็หาหนทางกลับออกไปเหมือนกัน แต่ไม่มีทางไหนที่กลับไปได้เลย และหลุมดำที่เคยดูดมาที่นี่ก็ไม่ปรากฏขึ้นอีกเลย”
“ ใช่แล้วข้าก็เหมือนกัน หาวิธีทางทุกที่เผื่อจะเจอหลุมดำดูดกลับ วิ่งไปทั่วป่าถึงรู้ทุกมุมของป่านี้เกือบทั้งหมดยังไงล่ะ”
“ ท่านปู่กับหนูดำ มีแผนที่ไหมเ้าคะ แผนที่ของหุบเขาหมื่นเมฆาก็ได้ เผื่อวันหนึ่งพวกท่านอาจจะย้อนกลับไปที่นั่นได้”
“ หนูดำแล้วเ้าของโอสถ และของวิเศษที่อยู่ในถ้ำล่ะ ไม่ใช่ว่าท่านก็โดนดูดไป พร้อมกับพวกท่านโดนดูดมา เป็ไปได้ไหมสลับที่กัน เพราะแรงดูดจึงทำให้ปากถ้ำปิด เพราะว่าเซียนผู้นั้น อาจจะต่อต้านแรงดูด เลยทำให้ถ้ำถล่มไปครึ่งหนึ่ง”จู๋จื่อพูดขึ้นตามความนึกคิดของตัวเอง
