“บทเพลงที่กล่าวถึงเื่ราวของพวกเรา จะต้องให้เหมยอี่เหลียนเป็ผู้ขับขานเท่านั้น”
“ท่านพี่ ท่านต้องสัญญาก่อน หากมิให้เหมยอี่เหลียนร้องเพลงของเรา ข้าจะไม่แต่งงานกับท่าน”
เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เ่าั้ ดวงตาของเว่ยฉีหรานพลันวาววับเพราะม่านน้ำตา ทรมานใจอย่างแสนสาหัส ประหนึ่งถูกคมมีดกรีดแทง
เหมยอี่เหลียนพลันตื่นตระหนกกับสายตาของเขา หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พลางเค้นเสียงถามเบาๆ “แม่ทัพเว่ย เหตุใดท่านถึงมองข้าเช่นนั้น?”
พอฟื้นจากความทรงจำสุดทุกข์ระทมมาได้ เว่ยฉีหรานก็เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความผ่อนคลาย แต่สีหน้าก็ยังคงไร้อารมณ์ ขณะเอ่ยถามเสียงราบเรียบ “เ้าเกี่ยวข้องอันใดกับมือสังหารผู้นั้น?”
เหมยอี่เหลียนก้มหน้า ก่อนตอบ “ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายผู้นั้น เพียงแค่ไม่อยากเห็นเขาทำร้ายท่าน เลยเผลอลงมือไป”
เว่ยฉีหรานพยักหน้ารับฟัง แล้วถามต่อ “เช่นนั้น การที่คนร้ายซ่อนตัวอยู่ใต้เวทีของเ้าเล่า จะอธิบายอย่างไร?”
เขาแสดงท่าทีประหนึ่งกำลังพูดคุยกับสหายเก่า หว่างคิ้วดูผ่อนคลาย ไม่เหมือนคนที่ตกเป็เป้าสังหารในครานี้เลย
พอมองดูเว่ยฉีหรานแล้ว ทุกคนต่างก็คิดไปในทางเดียวกัน ว่าคนผู้นี้ทำตัวอย่างกับคนบ้า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดาใจไม่ถูก!
เหมยอี่เหลียนผ่อนอารมณ์ ทำใจให้สงบ และตอบออกไปอย่างไม่รีบร้อน “ข้าก็ไม่ทราบ...”
ทันใดนั้น ผู้าุโเว่ยเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง จึงเอ่ยตัดบท “แม่ทัพเว่ย จุดที่เราวางข้าวของเอาไว้ถูกวางเพลิง มือสังหารคงจะอาศัยจังหวะชุลมุนใน่นั้น เข้าไปซ่อนใต้เวที”
เหมยอี่เหลียนเสริม “เขาคงตั้งใจจะทำให้เกิดความวุ่นวายในคณะของเรา”
“อืม...”
หลังส่งเสียงตอบ เว่ยฉีหรานก็มิได้เอ่ยอันใดอีก จึงไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น และเดินจากไป โดยมีบรรดาผู้ติดตามเร่งฝีเท้าตามไปติดๆ
เหมยอี่เหลียนและผู้าุโเว่ยสบตากันด้วยความงุนงง ไม่อาจคาดเดาได้ ว่าเว่ยฉีหรานกำลังคิดสิ่งใด
หนีเจียเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งนอกจวน กระทั่งเว่ยฉีหรานกับพวกจากไปแล้ว นางก็ยังซุ่มรอต่อ จนเห็นคนของคณะงิ้วสกุลเหมยทยอยกันออกมา นางถึงมั่นใจมารวมกลุ่มกับพวกเขา ซึ่งกำลังเดินทางกลับไปยังจวนสกุลเหมย
แล้วก็เป็ไปคาด ผู้าุโเว่ยกับเหมยอี่เหลียน รอนางอยู่ในห้องของโจวชิงหวาแล้ว
โจวชิงหวาเอนตัวพิงบานประตู พลางจับจ้องความเคลื่อนไหวที่ด้านนอก เมื่อร่างของหนีเจียเอ๋อร์เข้ามาในสายตา เขาก็รีบสาวเท้าไปกอดนางแน่น พลางกระซิบข้างหูเสียงพร่า “ข้าไม่อยากให้เ้าไปเสี่ยงเพื่อข้าอีกแล้ว!”
อ้อมกอดของเขารัดแน่น จนนางเกือบหายใจไม่ออก ราวกับว่าได้สิ่งสำคัญกลับคืนมา และจะไม่ปล่อยมันไปอีก
พอััได้ถึงความร้อนในร่างกายของเขาซึ่งต่ำกว่าคนทั่วไป หนีเจียเอ๋อร์ก็ยิ่งปวดใจ “ไม่เป็ไร เ้าก็เห็นแล้วนี่ ว่าข้ากลับมาอย่างปลอดภัย”
คนทั้งสองที่กอดกันอย่างแน่นแฟ้น พลันต้องแยกออกจากกัน เมื่อเห็นสัมภาระของตัวเองถูกโยนลงกับพื้น
หนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวารีบไปคว้าข้าวของมา
ผู้าุโเว่ยพูดเสียงขุ่นเคือง “พวกเ้าจงออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
เหมยอี่เหลียนก้าวออกไปพูดเสียงอ่อน “ท่านปู่เว่ย เราทำอันใดไม่ได้แล้ว ในเมื่อผิดพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะไปทางซ้ายหรือขวาก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้ที่ข้างนอกนั่น คนของเว่ยฉีหรานคงจะตระเวนไปทั่ว ให้พวกเขาซ่อนตัวสักสองวันมิได้หรือ?”
ผู้าุโเว่ยถลึงตาด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ขณะคำรามลั่น “แค่ผิดพลาดหรือ? เท่านี้ยังไม่พอใช่หรือไม่? ในฐานะหัวหน้าคณะงิ้วสกุลเหมย เ้ายื่นมือช่วยเหลือผู้อื่น แล้วเคยคิดถึงคนของตนหรือไม่? หากเกิดอะไรขึ้นกับคณะงิ้วสกุลเหมย เ้าจะให้ข้าไปสู้หน้าปู่กับพ่อของเ้าได้อย่างไร!”
เมื่อนึกถึงคนในคณะงิ้ว เหมยอี่เหลียนก็พูดไม่ออก
หนีเจียเอ๋อร์หยิบสัมภาระทั้งสองขึ้นมาจากพื้น ตบฝุ่นออก และเข้าไปจับมือชายหนุ่มเอาไว้ พลางกล่าว “พี่เหมย พวกเราขอขอบคุณ และจะไม่มีวันลืมบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเราสองพี่น้องเอาไว้”
โจวชิงหวาพยักหน้าให้เหมยอี่เหลียนและทุกคนเป็การบอกลา
ในที่สุด ใบหน้าเคร่งเครียดของผู้าุโเว่ยก็คลายลง “ตามข้าไปประตูหลัง”
ขณะที่คนทั้งสามกำลังจะเดินไปยังประตูหลัง จู่ๆ ก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่ง บุกเข้ามาชักกระบี่ชี้หน้าโดยไม่พูดจาสักคำ
ทุกคนตื่นตระหนก หลังหลบการโจมตีครั้งแรกได้ ก็พร้อมใจกันคว้าอาวุธที่อยู่ใกล้ๆ มาป้องกันตัว เตรียมสู้ตาย!
ผู้าุโเว่ยใที่มีคนบุกรุกเข้ามากะทันหัน จึงตวาดลั่น “พวกเ้าเป็ใคร?”
ทว่า ไม่มีผู้ใดตอบ
บุรุษสวมชุดดำสามคนถือกระบี่วิ่งเข้าใส่หนีเจียเอ๋อร์ แต่โจวชิงหวาผลักร่างของนางออกไป และพยายามต่อสู้กับคนเ่าั้ด้วยมือเปล่า
หนีเจียเอ๋อร์ดึงมีดสั้นในแขนเสื้อออกมา เตรียมจะเข้าไปช่วย
เหมยอี่เหลียนรีบเข้ามาขวาง นางใช้กระบี่ฟาดฟันกลุ่มชายชุดดำ และช่วยโจวชิงหวาได้อย่างทันท่วงที
ชายชุดดำไม่คาดคิด ว่าคนในคณะงิ้วจะมีฝีมือการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมยอี่เหลียนและผู้าุโเว่ย ที่แทบจะเทียบเคียงคนในสำนักฝูเซิงได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ คนในคณะงิ้วสกุลเหมยก็มีมากเกินไป เมื่อชายชุดดำเห็นว่าพวกตนเสียเปรียบ ทั้งยังไม่อาจจับตัวหนีเจียเอ๋อร์ที่เป็เป้าหมายได้ จึงถอยร่นออกไป
สถานการณ์กลับมาเงียบสงบดังเดิม
โชคดีที่มีเพียงสามคนเท่านั้น...
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว คนกลุ่มนี้หวงแหนคำพูดเสียยิ่งกว่าทองคำ คล้ายกับกลุ่มคนที่มาลอบสังหารนางในเรือนพักร้อนเมื่อคราวก่อน พอหันไปสบตาโจวชิงหวา นางก็ได้คำตอบว่าเขาคิดแบบเดียวกัน ทั้งยังพยักหน้าให้เป็การยืนยัน
เหมยอี่เหลียนเก็บกระบี่เข้าฝัก และมองไปยังทิศทางที่มือสังหารเ่าั้หายไป “คนของสำนักฝูเซิงจะไปมาไร้ร่องรอยเช่นนี้หรือ? สวมหน้ากากมิดชิดในยามกลางวันแบบนี้ ดูไม่เข้ากับวิถีทางของเว่ยฉีหราน”
ผู้าุโเว่ยโยนดาบให้คนที่อยู่ด้านขวาของตัวเอง สบตาหญิงสาว และกล่าวว่า “คนเหล่านี้มิใช่ศิษย์สำนักฝูเซิง อีกทั้งวิธีการต่อสู้ก็แตกต่างจากคนในสำนักโดยสิ้นเชิง”
โจวชิงหวาจึงเอ่ยถาม “แล้วผู้าุโเว่ยพอจะทราบหรือไม่ ว่าพวกเขามาจากสำนักใด?”
ผู้าุโเว่ยส่ายศีรษะ “ไม่รู้! ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
หนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวาสบตากัน คิดว่าคงจะไม่ได้อะไรจากปากของชายชราผู้ดื้อดึงคนนี้เป็แน่ จึงหยุดถาม
คนที่ออกไปช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บ วิ่งกลับมาหน้าตาตื่น
“พี่เหมย ผู้าุโเว่ย แย่แล้ว... คนของสำนักฝูเซิงบุกมาที่จวนของเราแล้วขอรับ!”
ใบหน้าของผู้าุโเว่ยเปลี่ยนไป รีบพุ่งมาหาโจวชิงหวา “ไปเร็ว!”
หนีเจียเอ๋อร์หยิบกระเป๋าสองใบขึ้นมาจากพื้น และรีบตามไป
เหมยอี่เหลียนพาคนออกไปขวางเอาไว้
แต่อิ้นฮู่เว่ยทำตัวหยิ่งผยองไม่สนใจผู้ใด เขาผลุนผลันบุกฝ่าเข้ามา พลางสั่ง “ค้นหาทุกซอกทุกมุม อย่าให้พลาด!”
เหล่าศิษย์ในสำนัก ทำตามคำสั่งทันที
ผู้าุโเว่ยเป็ห่วงความปลอดภัยของคนในคณะงิ้วสกุลเหมยยิ่งนัก หลังส่งหนีเจียเอ๋อร์ออกไปทางประตูหลังแล้ว ก็รีบรุดกลับมา
หนีเจียเอ๋อร์ช่วยพยุงโจวชิงหวาหลบหนีออกมาด้วยความสิ้นหวัง ทั้งสองออกจากคณะงิ้วสกุลเหมยได้สำเร็จ และหวังว่าจะหนีไปได้อีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าพอเข้ามาในซอยเล็กๆ กลับเจอไป๋หานดักทางเสียได้
นางลั่นวาจาเอาไว้ว่า หากเห็นพวกเขาอีกครั้ง จะนำศีรษะของคนทั้งสองกลับไปยังสำนัก...
“ข้าเคยให้โอกาสเ้าแล้ว... จับตัวพวกมันไว้!” ใบหน้าของไป๋หานราบเรียบ ขณะสั่งการผู้ติดตามเสียงเยือกเย็น
บรรดาศิษย์ทั้งหลาย จึงค่อยๆ เดินเข้ามาหาพวกเขา...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้