จี้หมัวมัวใคร่ครวญ “เขาเป็เพียงเด็กอายุห้าขวบคนหนึ่ง ด้วยตัวของเขาเองนั้นย่อมไม่มีความสามารถเช่นนี้ ทว่าข้างกายเขามีเพียงรองแม่ทัพหลี่ หรือว่า...”
“หลี่จงิเป็คนของเหล่าโหวเหฺยที่สามารถตายแทนกันได้ เกี่ยวกับเื่ของหลี่ลั่วในสี่ปีมานี้ กับข้าเขายังปิดบัง นอกจากเหล่าโหวเหฺยแล้วเขาไม่ไว้ใจผู้ใด เหล่าโหวเหฺยตายจากไป นายท่านคนใหม่ที่เขายอมรับจึงมีเพียงหลี่ลั่ว” แต่คำพูดเ่าั้ จะเป็หลี่จงิสอนหรือไม่? หลี่หยางซื่อมิอาจรู้ได้
ไม่ว่านายบ่าวทั้งสองจะคิดเช่นใดกับหลี่ลั่ว มีจุดหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ หากหลี่ลั่วยืนได้อย่างมั่นคงในจวนโหว หลี่หยางซื่อย่อมมีความมั่นคงเช่นกัน หลี่หยางซื่อ้าหลี่ลั่วเพื่อสร้างความมั่นคงในจวนโหว ส่วนหลี่ลั่วไม่มีครอบครัวของมารดาเป็ที่พึ่งพิง จึง้าหลี่หยางซื่อเช่นกัน
เมื่อมาถึงเรือนโฉวงจี๋ พ่อบ้านจี้ได้เรียกตัวช่างฝีมือมารอที่หน้าประตูแล้ว นับว่าเขาเป็คนฉลาดยิ่ง หลี่ลั่วไม่ได้อยู่ในเรือน เขาจึงรออยู่หน้าประตู
“เสี่ยวโหวเหฺย” เมื่อเห็นหลี่ลั่ว เขาจึงรีบเดินยิ้มเข้ามาคารวะ
“ไม่ต้อง ไปทำงานเถิด” หลี่ลั่วโบกมือแล้วกล่าวกับผิงอัน “พี่ผิงอันไปห้องเก็บของเบิกไข่มุกบูรพาิโหลวกล่องนั้นมาเถิด ไข่มุกบูรพากล่องนั้นมีทั้งหมดสิบเม็ด นำไปร้านเครื่องประดับ สั่งทำสร้อยข้อมือแล้วนำไข่มุกบูรพาประดับเข้าไป สร้อยข้อมือหนึ่งเส้นประดับไข่มุกบูรพาหนึ่งเม็ด ให้ทำเป็สร้อยข้อมือทั้งหมด จงจำไว้ว่าให้รูปแบบงดงามสักหน่อย”
“เ้าค่ะ”
“พี่ลวี่ผิงช่วยเก็บเสื้อผ้าและรวบรวมหนังสือแพทย์ของข้าย้ายไปที่เรือนพี่ใหญ่ที”
“เ้าค่ะ”
หลี่ลั่วเห็นข้างกายหลี่ฉางเฉิงและหลี่จงิยังมีคนอีกผู้หนึ่ง ทว่ามีส่วนสูงเตี้ยกว่าพวกเขาเล็กน้อย อีกทั้งยังมีอายุน้อยกว่า สายตาทั้งคู่ของเด็กหนุ่มช่างสดใส เขาจึงยิ้มน้อยๆ “ผู้นี้คือฉางสือใช่หรือไม่?” หลี่ฉางสือในวัยสิบสามปีไม่สุขุมเหมือนหลี่ฉางเฉิง
“ใช่แล้วขอรับ” หลี่จงิตอบ “โหวเหฺยให้ข้าไปซื้อตัวยามอารักขา ทว่าคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปข้ามิกล้าซื้อตัวมาขอรับ ข้าคิดดูแล้ว มีครอบครัวของทหารจำนวนไม่น้อยที่ถอนตัวจากกองทัพแล้วมีบุตรชายในบ้านหลายคน มีบางคนฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว ข้าอบรมสั่งสอนเพิ่มอีกเล็กน้อย อย่างน้อยที่สุดก็รู้จักตื้นลึกหนาบาง โหวเหฺยคิดเห็นเช่นใดขอรับ?” บุตรชายในครอบครัวทหารนั้นชัดเจนยิ่งนัก เมื่อจะทำการตรวจสอบก็ค่อนข้างสะดวก ทว่าทหารที่เกษียณแล้วนั้นล้วนเป็ทหารชั้นผู้น้อย หลังจากถอนตัวจากกองทัพแล้วได้แต่อยู่บ้านเยี่ยงชาวบ้านธรรมดาที่ทำงานในไร่นา
“ไม่มีปัญหา”
“ยังมีอีกประการหนึ่งขอรับ ชายหนุ่มเ่าั้ล้วนมีพื้นฐานการฝึกยุทธ์อยู่เดิม ทหารที่ถอนตัวออกจากกองทัพได้สอนวิทยายุทธ์พวกเขาไว้บ้างแล้ว ดังนั้นพวกเขาอาจไม่ยินยอมที่จะขายตัวขอรับ” หากว่าฐานะในครอบครัวสามารถดำเนินไปได้ มิว่าผู้ใดก็มิยินยอมขายตัว ทาสและพลเมืองนั้นย่อมต่างกัน ทาสมิอาจรับราชการเป็ทหารและมิสามารถเข้าสอบเคอจวี่[1]ได้ อีกทั้งเงินที่หาได้จากการทำการค้าก็มิใช่ของตนเอง
“ผู้อื่นอยู่ของเขาดีๆ ข้าก็ไม่อยากให้พวกเขาต้องขายตัวเช่นกัน” หลี่ลั่วไม่ติดใจอันใด “ให้ทำสัญญาทดลองทำงานเป็เวลาสามเดือน ระหว่างที่ทดลองงาน เงินเดือนเดือนละห้าร้อยอีแปะ[2] หากผ่านการทดลองงาน เงินเดือนเดือนละหนึ่งตำลึง แบ่งเป็กลุ่มเล็กกลุ่มละห้าคน แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ามาหนึ่งคน หัวหน้ากลุ่มเงินเดือนเดือนละหนึ่งตำลึง พร้อมทั้งมีรางวัลเป็รองเท้าหนึ่งคู่กับข้าวสารสิบชั่ง[3]”
เงินหนึ่งตำลึงซื้อข้าวสารได้หนึ่งร้อยชั่ง เท่ากับรางวัลของหัวหน้ากลุ่มเป็เวลาสิบเดือน อย่าได้ดูถูกข้าวสารสิบชั่งและรองเท้าหนึ่งคู่ สำหรับผู้ที่มาจากครอบครัวยากจนย่อมรู้สึกว่าดียิ่งนัก
หลี่จงิรู้สึกนับถือเสี่ยวโหวเหฺยอีกครั้ง การจัดการเื่เหล่านี้แทบจะมิต้องใคร่ครวญ คนประเภทนี้เกิดมาเพื่อที่จะยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าผู้อื่น เป็ผู้นำของผู้อื่น
เพิ่งจะอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงวันเดียว คนในเรือนโฉวงจี๋ก็ต่างคุ้นเคยกับเสี่ยวโหวเหฺยของพวกเขาที่จัดการเื่ราวต่างๆ อย่างเผด็จการเสียแล้ว
“พี่เหนียนหง ต่อไปเื่รองเท้าของเหล่ายามอารักขาต้องยกให้เ้าดูแลแล้ว เ้าไปคัดเลือกสาวใช้อีกคนหนึ่งที่เข้าใจในงานเย็บปักถักร้อยมาเป็ผู้ช่วยเสีย แม้เ้าจะเป็สาวใช้ขั้นสอง แต่รับเงินเดือนของสาวใช้ขั้นหนึ่งเถิด” หลี่ลั่วเอ่ย “เงินเดือนของยามอารักขาให้มาเบิกจากห้องทรัพย์สินส่วนตัวของข้า บัญชีต้องรบกวนพี่ผิงอันแล้ว”
“ขอบคุณเสี่ยวโหวเหฺยเ้าค่ะ” เหนียนหงดีใจมาก สาวใช้ขั้นสามเงินเดือนสามร้อยอีแปะ สาวใช้ขั้นสองเงินเดือนหกร้อยอีแปะ ส่วนสาวใช้ขั้นหนึ่งเงินเดือนหนึ่งตำลึง
“บ่าวจะทำอย่างละเอียดเ้าค่ะ” ผิงอันตอบ
ยามอารักขาทั้งหมดยี่สิบคน ค่าใช้จ่ายทั้งปีก็คือสามร้อยตำลึงเงิน หลี่ลั่วมีเงินอยู่แปดพันตำลึงเงิน จะคิดให้มากมายไปไย แต่หากนำเงินมาวางไว้เฉยๆ ก็มีแต่จะลดลงและไม่เพิ่มขึ้น หลี่ลั่วอยากกอดขาฮ่องเต้ อยากใช้ชีวิตตามที่ตนเองนั้นปรารถนา ย่อมต้องใช้สมองคิดหาวิธี “ซินเป่า เ้าไปเรียกพ่อบ้านจี้มา”
“ขอรับ”
พ่อบ้านจี้กำลังพูดคุยกับช่างฝีมือเกี่ยวกับขอบเขตของงาน เมื่อซินเป่ามาเรียกเขาจึงเร่งรีบเข้าไป เขามิได้คิดว่าหลี่ลั่วนั้นเป็เพียงเด็กคนหนึ่งแล้วจะกล้าทำงานไม่เป็ระเบียบ ครอบครัวของเขาทั้งครอบครัวนั้นติดตามหลี่หยางซื่อ หลานสาวของเขาก็เป็สาวใช้รุ่นใหญ่ปรนนิบัติรับใช้เบื้องหน้าหลี่ลั่ว ต่อไปหลี่หยางซื่อยังต้องพึ่งพาหลี่ลั่ว ดังนั้นเขาจึงเป็คนที่เข้าใจอะไรๆ ได้เป็อย่างดี
“พ่อบ้านจี้ ข้าอยากจะซื้อหมู่บ้านสักแห่งหนึ่ง หากด้านข้างของหมู่บ้านเป็ที่นาจะดีที่สุด ที่นาไม่จำเป็ต้องใหญ่นัก ประมาณห้าสิบหมู่[4]ก็เพียงพอแล้ว แต่หากจะใหญ่สักหน่อยก็ไม่เป็ไร ท่านคิดว่าซื้อที่ไหนดีเล่า?” หลี่ลั่วถาม
พ่อบ้านจี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เสี่ยวโหวเหฺยขอรับ จวนโหวของเราก็มีหมู่บ้านและที่นาเป็ของตัวเอง ทว่ามิทราบว่าเสี่ยวโหวเหฺย้านำไปทำอันใดหรือขอรับ?”
[1] เคอจวี่ (科举) คือระบบการคัดเลือกข้าราชการที่ทางราชสำนักจัดขึ้นให้เป็การสอบส่วนกลาง เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถตามผลคะแนนสอบ และเพื่อประเมินการได้รับความรู้และคุณธรรมของผู้เข้าสอบ แล้วแต่งตั้งดำรงตำแหน่งข้าราชการในส่วนต่างๆ ต่อไป
[2] อีแปะ (文) คือหน่วยเงินตราของจีนในสมัยโบราณ 1000 อีแปะ เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
[3] ชั่ง (斤) คือหน่วยชั่งน้ำหนักของจีนในสมัยโบราณ 1 ชั่ง เท่ากับ 500 กรัม ในที่นี้ 10 ชั่ง = 5 กิโลกรัม
[4] หมู่ (亩) คือหน่วยวัดพื้นที่ดั้งเดิมของจีน 1 หมู่ของจีนเทียบเท่า 166.5 ตารางวา หรือเทียบเท่า 666 ตารางเมตร