สองมือซุนเฟยกำขวานั์แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาได้กลิ่นคาวเืลอยปะปนมาในอากาศ ซุนเฟยปรับสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุด ในขณะเดียวกันก็ปรับพลังและจิตใจให้อยู่ในสภาวะตื่นตัวสูงสุด จากนั้นก็ถีบประตูอย่างรุนแรงเสียงดัง ‘ปึง’ บานประตูหนาขนาดใหญ่ตรงหน้าก็ปลิวไปตามแรงถีบ...
แผ่นไม้กระเด็นออกไป แตกเป็เสี่ยงๆ รังที่ชั่วร้ายของลาสบอสแอนเดเรีย ในที่สุดซุนเฟยก็เปิดม่านลึกลับนั่นแล้ว
ท่ามกลางเสียงคำรามที่ดังไม่ขาดสาย เหล่ามอนสเตอร์ที่ชั่วร้ายทุกชนิดไม่ว่าจะเป็ ‘โร้กมืด’ ‘โครงกระดูก’ ‘มนุษย์แพะ’ จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมาราวกับกระแสน้ำที่ไหลทะลัก
ในขณะเดียวกัน แรงกดดันมหาศาลที่ยากจะจินตนาการได้ก็พวยพุ่งออกมาราวกับสัตว์ร้ายกำลังกระโจนเข้ามา ด้วยผลกระทบของแรงกดดันมหาศาลที่น่ากลัว แม้แต่อากาศก็เปลี่ยนเป็หนาแน่นขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวของซุนเฟยและเอเลน่าเชื่องช้าเหมือนร่างกายจมดิ่งอยู่ในบึง พลังชั่วร้ายนี้เหนือกว่าที่ทั้งสองคนจินตนาการไว้เสียอีก
“ตายซะ! ผู้บุกรุกสมควรตาย!”
เสียงคำรามดังกึกก้องจนทำให้ห้องมืดมิดสั่นะเื ก้อนหินพลันแตกเป็เสี่ยงๆ แล้วร่วงตกลงมากระแทกพื้น เปลวไฟสั่นไหว ราวกับมีเสียงเรียกหาจากปีศาจร้ายที่อยู่ส่วนลึกที่สุดในนรก
ตามมาด้วยร่างปีศาจที่สูงกว่าสี่ห้าเมตรปรากฏออกมาตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคน
นี่เป็ผู้หญิงร่างั์ที่กลายเป็ปีศาจไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของนางสวยงามไม่เป็รองใคร สิ่งที่สวยงามที่สุดในโลกถูกบดบังด้วยใบหน้าอันงดงามนี้ เป็ใบหน้าที่พระเ้ารังสรรค์ขึ้นมาด้วยความรัก...แต่ที่ทำให้หวาดกลัวก็คือ นอกจากใบหน้าที่ยังคงความงดงามของแม่ชีแอนเดเรียแล้ว ส่วนอื่นๆ กลับกลายเป็ปีศาจ เพื่อให้มีพลังมากขึ้น แอนเดเรียจึงมั่นฝึกฝนทักษะพิษ สองมือเรียวงามกลายเป็กรงเล็บปีศาจที่น่าเกลียด ทั้งยังมีบางอย่างแปลกๆ คล้ายหัวงูขนาดใหญ่สี่ตัวงอกมาจากแผ่นหลังของนาง ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้ แรงกดดันที่น่ากลัวเมื่อครู่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของนางนั่นเอง
“ว้าก!”
ซุนเฟยพลันร้องคำรามออกมาอย่างรุนแรง เขาเปิดใช้งานทักษะ ‘คำราม’ ของคนเถื่อนทันที
ทันทีที่พลังวิเศษนี้ถูกปล่อยออกมา มอนสเตอร์ระดับต่ำที่เดินอยู่ข้างๆ ลาสบอสแอนเดเรียเนืองแน่นก็พากันใวิ่งหนีไป แต่ทักษะนี้ใช้ไม่ได้ผลกับลาสบอสแอนเดเรีย นางไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆ เมื่อนางคำรามออกมาก็จะปรากฏกลุ่มแสงสีเขียวหกลูกที่น่ากลัวออกมาจากร่างของนาง
“เอเลน่า ยืนไกลๆ กว่านี้ ระวังอย่าโดนพลังนั่น มันเป็พิษที่ร้ายกาจมาก”
ซุนเฟยะโบอก ในขณะที่ตัวเองก็หยิบ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ออกมาดื่มขวดหนึ่งแล้วทะยานเข้าไปที่กลุ่มแสงสีเขียวนั่น พริบตาเดียวก็พุ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าแอนเดเรีย ขวานั์ในมือฟันไปที่ร่างของแอนเดเรียอย่างรุนแรง ด้วยความเร็วทำให้ขวานกลายเป็แสงสว่างสีขาววาบ
“อ๊า!”
ปีศาจสาวรู้สึกเ็ป นางจึงกรีดร้องออกมาแล้วโจมตีอย่างคลุ้มคลั่ง
ตอนนี้ร่างของซุนเฟยถูกพิษ ทั้งร่างของซุนเฟยแม้กระทั่งผมและขนคิ้วยังกลายเป็สีเขียว แม้แต่ขวานยังเปียกชื้นไปด้วยของเหลวสีเขียว เขาทนรับการโจมตีอย่างหนักหน่วงของปีศาจสาวอยู่หลายครั้ง เืไหลออกมาตามร่าง พลังชีวิตตอนนี้เหมือนลูกโป่งที่มีอากาศรั่วออกมาจนฟีบ
ซุนเฟยจำต้องหลบหนี
เขาวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เมื่อทิ้งระยะห่างได้ก็รีบดื่ม ‘น้ำยารักษาชีวิต’
ปีศาจสาวแอนเดเรียก็ยังคงไล่ตามไม่ปล่อย แสงสีเขียวที่เต็มไปด้วยพิษร้ายถูกขว้างไปทางซุนเฟย ชั่วพริบตาที่แสงเหล่านี้จะััร่างของซุนเฟยนั้น
ตอนนี้เอง
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ลูกธนูได้ทำลายกลุ่มแสงที่น่ากลัวในอากาศจนแตกเป็เสี่ยงๆ ทิ้งวิถีการยิงเป็ประกายแสงสีทองของ ‘โบเรียล เลเซอร์ บาวด์’ ไว้ในอากาศ ตามด้วยลูกธนูที่สีฟ้าที่มีกลิ่นอายเย็นะเืพุ่งเข้ามาโจมตีแอนเดเรียประหนึ่งฝนธนู ่ชิงชีวิตของปีศาจสาวอย่างบ้าคลั่ง
‘เทพธิดานักรบ’ เอเลน่าเมื่อเห็นซุนเฟยกำลังตกอยู่ในอันตราย มือก็รีบดึงสายธนูยิงทันที ดวงตาประกายแสงเ็า ทั่วร่างเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์พลุ่งพล่านตามอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว
การโจมตีที่ดุเดือดเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของปีศาจสาวแอนเดเรีย
นางคำรามอย่างโมโห หันร่างเดินไปทางเอเลน่า
“รักษาระยะห่างไว้...อย่าให้นางเข้าใกล้ร่างเ้าในระยะสามสิบเมตร!” ซุนเฟยะโบอกไปพลางดื่ม ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ไป จากนั้นก็หมุนตัวตามไปติดๆ พลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ฟันขวานไปที่หลังของแอนเดเรียอย่างรุนแรง ในที่สุด ‘ความอาฆาต’ ของลาสบอสก็ถูกดึงกลับมา
การตอบสนองแบบนี้ยิ่งทำให้สถานการณ์อันตรายยิ่งขึ้น
พลังชีวิตของปีศาจสาวแอนเดเรียก็ลดลงทีละหนึ่ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุด่เวลาที่ซุนเฟยรอคอยก็มาถึง...ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเ็ปที่ดังะเืฟ้า แอนเดเรียค่อยๆ ล้มลงจมกองเื ซุนเฟยเห็นภาพในตอนที่ร่างนั้นล้มลงอย่างช้าๆ เขาจัดการปีศาจสาวคนนี้ได้สำเร็จ หางตาของนางมีหยาดน้ำตาประกายร่วงลงมา น้ำตาไหลผ่านใบหน้างดงาม ในดวงตางดงามคู่นั้นปรากฏร่องร่อยหลุดพ้นและหลงใหล ราวกับจะบอกลาคนรักที่อยู่ห่างกันไกล...
ประกายชีวิตสว่างวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไป แม้แต่ซุนเฟยยังคิดว่าตัวเขาเกิดรู้สึกผิดขึ้นมา
หลังจากนั้น ร่างของแอนเดเรียก็พลันมีเปลวไฟลุกไหม้ท่วมร่าง ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดาและร่างกายน่าเกลียดที่กลายเป็ปีศาจก็ถูกเผาไหม้เป็เถ้าธุลี เหล่ามอนสเตอร์ระดับต่ำที่ติดตามนางกรีดร้องโหยหวนออกมาท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกไหม้
ไม่ช้า พื้นที่ชั้นใต้ดินชั้นห้าทั้งหมดก็ไม่มีมอนสเตอร์หรือปีศาจตัวใดหลงเหลือ
ในขณะที่ซุนเฟยยังคงคิดถึงฉากที่น่าตื่นตาเมื่อครู่นี้ แสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากฟากฟ้า ปกคลุมร่างของเขา...
“ฮ่า เลเวลอัพอีกแล้ว!”
ซุนเฟยดีใจมาก รีบกดเข้าไปที่หน้าจอสเตตัส หลังผ่านการต่อสู้นองเืมา ตอนนี้ตัวละครคนเถื่อนถึงเลเวล 16 แล้ว...ในเวลาเพียงสี่ชั่วโมงหลังเคี่ยวเข็ญมาอย่างหนักหน่วง เลเวลก็เพิ่มขึ้นมา 4 เลเวล โดยรวมแล้วถือว่าไม่เลวเลย
หลังเพิ่มคะแนนสถานะและคะแนนทักษะเรียบร้อยแล้ว สายตาของซุนเฟยก็ถูกดึงดูดด้วยประกายแสงสีทองอร่ามตาบนพื้น เมื่อแอนเดเรียตายก็มีไอเทมหายากตกถึงสี่ชิ้น นี่ทำให้ซุนเฟยมีความสุขมาก เขารีบเดินไปเก็บของตรงหน้า พบว่าไอเทมทั้งสี่ชิ้นนั้น ชิ้นแรกเป็โล่รูปหน้าสิงโตสีขาวที่ดูทรงพลังอย่างมาก ชิ้นที่สองเป็รองเท้าหนังที่มีสายโซ่พันรอบ รูปร่างสวยงาม ชิ้นที่สามเป็หมวกเกราะเหล็กที่เต็มไปด้วยลวดลายลึกลับดูเรียบง่าย และชิ้นสุดท้ายเป็เข็มขัดหนังมีหัวเข็มขัดสีเหลืองยาวประมาณสามเมตร
“โอ้? วะฮะฮ่า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพอจัดการเคานต์เตสกับช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่นแล้วถึงไม่มีไอเทมดีๆ ตกมาให้สักชิ้น ที่แท้ไอเทมทั้งหมดมันไปกระจุกอยู่ที่ลาสบอสแอนเดเรียนี่เอง...ข้านี้มันโชคดีจริงๆ! ไอเทมทั้งสี่ชิ้นนี้เหมาะกับคนเถื่อนในตอนนี้มาก ฮึๆ กำลังขาดแคลนไอเทมอยู่พอดีเลย ฮ่าๆๆ!”
ซุนเฟยหัวเราะอย่างดีใจ
แม้ว่าไอเทมทั้งสี่ชิ้นจะยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่คุณสมบัติที่เผยออกมาเล็กน้อยนี้ก็ทำให้รู้ว่ามันต้องเป็ของที่ดีมากแน่นอน ซุนเฟยหัวเราะยินดีแบบโง่ๆ อยู่สักพัก ก่อนจะรีบเก็บเมจิคไอเทมและไอเทมอื่นๆ อย่างรวดเร็ว เหรียญทองทั้งหมดที่ได้มาจากพวกมอนสเตอร์ที่ตกอยู่บนพื้นเขาก็รีบกวาดเข้ามาในกระเป๋าเช่นกัน
หลังกวาดตามองอย่างละเอียดว่าไม่มีอะไรหลุดรอดสายตาแล้ว เขาก็รีบเปิด ‘ม้วนคัมภีร์กลับเมือง’ ทันที ประตูมิติสีฟ้าปรากฏขึ้น ซุนเฟยและเอเลน่าก็พากันกลับไปที่ ‘ค่ายโร้ก’
ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดปกติไปหรือเปล่า วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในค่าย ซุนเฟยพบว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากที่ผ่านมา
ไม่นาน หูของเขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นมา
“แอนเดเรียตายแล้ว...ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...แอนเดเรีย ปีศาจสมควรตายตัวนั้นตายไปแล้วจริงๆ!”
“เป็นักรบคนเถื่อนผู้กล้าหาญคนนั้น เขาสังหารแอนเดเรียไปแล้ว...ไม่น่าเชื่อจริงๆ!”
“แสงแห่งความหวังครั้งใหม่ได้กลับมายังแผ่นดินโร้กแล้ว...พวกเราปลอดภัยแล้ว!”
“พระเ้าคุ้มครอง แอนเดเรียตายแล้ว เส้นทางทิศตะวันออกได้เปิดแล้ว พวกเราสามารถเดินทางไปที่ ‘ลุกค์ โกลไลน์’ ได้แล้ว...”
ซุนเฟยชะงัก เขาหันไปมองเอเลน่าที่อยู่ข้างๆ ก็พบว่าตอนนี้ทหารรับจ้างสาวได้หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจออกมา ยามที่มองมาที่ซุนเฟยก็เต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม เอเลน่าพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “นายท่านซุนเฟย แอนเดเรียที่เป็ฝันร้ายของ ‘ค่ายโร้ก’ ได้สลายไปแล้ว ท่านจะกลายเป็นักรบในตำนานของค่ายโร้ก ตามคำปฏิญาณของบรรพบุรุษค่ายเมื่อหกสิบปีก่อน ตอนนี้ท่านกลายเป็ผู้นำสูงสุดของ ‘ค่ายโร้ก’ แล้ว ท่านจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ และนอกจากนี้ท่านยังได้รับพรอันยิ่งใหญ่ของพระเ้า ทั้งยังได้รับทักษะของพระเ้าในตำนานสามอย่าง!”
ขณะที่เอเลน่าพูดก็มีผู้คนจำนวนมากมาล้อมรอบเขา ยัยป้าขี้งกอาคาร่า ผู้นำทหารรับจ้างคาเชีย ช่างตีเหล็กชาร์ซี ตาแก่ยาจกเคน นักพนันคิด และเหล่าโร้กสาวผู้น่ารัก...ทุกคนเดินมาหาซุนเฟย ปากของพวกเขากำลังร้องเพลงลึกลับ พวกเขาต่างคุกเข่าลงกับพื้น
ซุนเฟยฉีกยิ้มกว้าง
น่าแปลกใจจริงๆ จำได้ว่าในเกมคอมพิวเตอร์โลกเก่าไม่มีฉากนี้ ในใจรู้สึกสงสัยอยากจะถามให้แน่ชัด โดยเฉพาะคำว่า ‘คำปฏิญาณของบรรพบุรุษ’ และ ‘ทักษะของพระเ้า’ ที่เอเลน่าพูดถึงมันกระตุ้นความรู้สึกและความสงสัยของซุนเฟยอย่างมาก ทว่าตอนนี้เอง...
“เวลาเล่นเกมของคุณวันนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว...นับเวลาถอยหลังสิบวินาที...”
ทันใดนั้น ในหัวของซุนเฟยก็ปรากฏเสียงลึกลับเ็า
ในใจซุนเฟยพลันใ รู้เลยว่าถามไม่ทันแล้ว เขารีบฉวยโอกาสแลกเปลี่ยนไอเทมในความคิดตัวเอง น่าเสียดายที่ ‘ม้วนคัมภีร์กลับเมือง’ ยังคงแลกเปลี่ยนไม่ได้เพราะเลเวลไม่ถึง ซุนเฟยจึงได้รับ ‘น้ำยาความฟื้นฟูแข็งแกร่ง’ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ และ ‘น้ำยาฟื้นฟูมานา’
หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนร่างไร้น้ำหนัก ภาพตรงหน้ามืดสนิท
มองไม่เห็นอะไรเลย
……
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็จริงแล้ว
เมื่อหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าเวลาอาหารกลางวันได้ผ่านไปแล้ว แองเจล่าและเจ็มม่าไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ซุนเฟยให้สาวใช้ไปหาอะไรมาให้เขากิน จากนั้นก็บรู๊คก็เดินนำเขาไปที่เรือนจำ โดยมีองครักษ์อย่างเฟร์นันโด ตอร์เรสเดินตามมา ตามคำสั่งเมื่อ่เช้าที่จะเริ่มทำการจัดระเบียบเรือนจำใหม่
เรือนจำเป็สถานที่ที่องค์าารุ่นที่ผ่านมาของเมืองแซมบอร์ดใช้เป็ที่สอบสวนและคุมขังนักโทษ จึงมีการคุ้มกันอย่างแ่า และเป็สถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกล ทั้งสามคนเดินไปตามเนินเขาด้านหลังถนนของเมืองยี่สิบกว่านาทีก็มาถึง
มีรูปปั้นหินนักรบขนาดใหญ่ที่สูงสามสิบเมตรกว่าๆ อยู่สองตัว ยืนตระหง่านอยู่ด้านนอกประตูเรือนจำ รูปปั้นนี้เต็มไปด้วยแรงกดดัน ด้านหลังของรูปปั้นเป็ขั้นบันไดที่สร้างมาจากก้อนหินสีขาวยาวกว่าหนึ่งพันเมตร ทอดยาวไปตามทางคดเคี้ยวของูเา เมื่อเดินมาถึงลานกว้างขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ซึ่งตรงกลางจะเป็ป้อมปราการสีดำที่ดึงดูดความสนใจของคน นี่คือเรือนจำ
เรือนจำสีดำแห่งนี้ไม่รู้ว่ามีห้องขังจำนวนเท่าไร มีขุนนาง เชื้อพระวงศ์ วีรบุรุษ และทหารได้ตายลงที่นี่ ชาวบ้านและนักโทษจำนวนนับไม่ถ้วนล้มตายจนกลายเป็กระดูก กล่าวได้ว่า สถานที่ตรงนี้เป็ที่กล่าวขวัญในเมืองแซมบอร์ด มีเื่เล่าว่า หากคนที่ถูกคุมขังไว้ที่เรือนจำนี้แล้วแทบจะไม่มีใครได้รอดชีวิตออกมา แม้วันธรรมดาที่พระอาทิตย์สาดส่องลงมาอย่างแรงกล้า ก็ไม่มีใครยอมเข้าใกล้ ‘สุสานคนเป็’ ที่มืดมิดแห่งนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อซุนเฟย บรู๊ค และตอร์เรสเดินมาถึงลานกว้างนี้กลับพบฝูงชนจำนวนมากอยู่ที่นี่...
----------------------