“ดูเหมือนว่า ฉันจะเข้าใจพวกเธอผิดไป...” การจะรับรู้ได้ถึงความผิดของตัวเองนั้นช่างแสนง่ายดายแต่ว่าเมื่อ้าพูดขอโทษกับจิ้งจอกทั้งสองก็ดูเหมือนว่าเธอจะละอายเกินกว่าที่จะพูดออกมา
เมื่อจิตใต้สำนึกของหลินลั่วหรานได้รู้ว่า ตัวเองนั้นไม่ได้ถูกต้องเสมอไปเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา จิ้งจอกขาวมองมาที่เธอด้วยสายตาสงบนิ่งและไม่ได้แสดงท่าทางพิเศษอะไรออกมา แต่เ้าจิ้งจอกตัวน้อยนั้นเดิมทีมันก็ไม่ได้เข้าใจจิตใจของมนุษย์อยู่แล้วมันไม่รู้ว่าหลินลั่วหรานเข้าใจอะไรพวกมันผิด ดังนั้นเมื่อเห็นเธอปรากฏตัวขึ้นมันก็ได้แต่ส่งเสียงร้องดีใจขึ้น
หลินลั่วหรานมองไปยังพวกมันด้วยความรู้สึกผิดพวกมนุษย์เป็สิ่งมีชีวิตที่น่าประหลาด ความจริงแล้วแม้ว่าจะเป็การทำเพื่อช่วยชีวิตคนแต่ว่าการที่เ้าจิ้งจอกสีเขียวไปขโมยของของคนอื่น ก็ถือว่าเป็พฤติกรรมที่ไม่ดีแต่เมื่อคนที่ถูกมันช่วยคนนั้น เป็คนที่เธอรู้จักดี ในใจของมนุษย์ก็จะย้ายไปอยู่ทางฝั่งเดียวกับจิ้งจอกพวกนั้นในทันที
นี่คือนิสัยของมนุษย์ และไม่ว่าใครๆ ต่างก็เป็กันทั้งนั้นแม้แต่ตัวของหลินลั่วหรานเองก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปได้ เธอนั่งยองๆ ลงก่อนที่จะตรวจสอบสภาพร่างกายของเหวินกวนจิ่งขึ้นมา แม้ว่าจะมองจากระยะไกลก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่า อาการของเขาไม่สู้ดีนักดังนั้นหลินลั่วหรานจึงรู้สึกกังวลขึ้นมา
ร้อนจังเลย!
ไม่แปลกเลยว่า ทำไมเมื่อมองดูจากที่ไกลๆ แล้วตัวของเหวินกวนจิ่งถึงได้ดูไร้เรี่ยวแรงแบบนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเืของเหวินกวนจิ่งร้อนระอุราวกับเตาไฟ เพียงแค่มองดูจากสีหน้าก็รู้ได้ว่าผิดไปจากปกติ และเมื่อลองััลงไปที่หน้าผากของเขาก็พบว่ามันร้อนระอุมากทีเดียว แม้ว่าเขาจะเป็เพียงนักฝึกศาสตร์ระดับฝึกลมปราณแต่ด้วยสภาพร่างกายที่แปลกไป ทำให้พวกเขาไม่อาจจะเป็ไข้ขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุอาการาเ็ภายนอกของเหวินกวนจิ่งนั้น แม้ว่าจะดูน่าใแต่ว่าโดยส่วนมากก็ถูกจิ้งจอกทั้งสองช่วยหยุดเื และสมานาแไปแล้วดังนั้นก็น่าจะเป็เพราะปัญหาด้านในร่างกายของเขาอย่างแน่นอน!
หลินลั่วหรานปล่อยมวลพลังผ่านเข้าไปทางข้อมือของเขาทันทีที่มวลพลังเข้าไปสู่ร่างของเขา เธอก็ต้องใกับพลังธาตุไฟที่ะเิรุนแรงอยู่ในร่างทำไมพลังไฟที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ ถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้? หากว่าไม่ใช่เพราะตอนนี้หลินลั่วหรานได้ก้าวเข้ามาสู่ระดับพื้นฐานแล้วทำให้ในร่างกายของเธอมีมวลพลังที่มีระดับสูงกว่าพลังทั่วไปอยู่เพียงแค่การตรวจสอบครั้งนี้ ก็อาจจะสามารถทำให้เธอถูกโต้กลับมาได้
หาก้าจะช่วยเหวินกวนจิ่ง เธอก็จำเป็ที่จะต้องรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็เช่นนี้ พลังธาตุไฟมากมายมหาศาลแบบนี้หากว่ายังปล่อยให้มันอยู่ในร่างกายของเขาต่อไปมันก็อาจจะทำให้พลังร่างกายที่เขาฝึกเอาไว้สลายหายไปจนหมด
“พวกเธอพบเขาที่ไหน?” เมื่อดูจากร่องรอยาแบนร่างของเหวินกวนจิ่งดูเหมือนว่าเ้าจิ้งจอกทั้งสองจะช่วยเขาเอาไว้สักพักแล้วดังนั้นบางทีพวกมันอาจจะเป็คนแรกที่พบกับเขาเข้า
จิ้งจอกขาวนั้นสภาพร่างกายไม่สู้ดีนักพลังในร่างของมันดูเหมือนว่าจะหมดสิ้นลงแล้วจึงได้แต่อาศัยพลังธาตุไม้ของหลินลั่วหรานในการยื้อชีวิตต่อมาจนถึงตอนนี้แน่นอนว่ามันไม่มีแรงมากพอ ที่จะพาหลินลั่วหรานออกไปยังสถานที่ที่พบเหวินกวนจิ่งดังนั้นหน้าที่นี้จึงตกมาเป็ของเ้าจิ้งจอกตัวน้อย พวกเขาทั้งสองเดินออกมาจากถ้ำคลื่นใสพัดผ่านตัวของพวกเขาไป ไม่รู้ว่าบาเรียที่ดูไร้ซึ่งพลังนี้มีเอาไว้ป้องกันอะไรกันแน่
ดูเหมือนว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยจะคุ้นเคยกับบริเวณแถวนี้มากมันพาหลินลั่วหรานเดินผ่านอุโมงค์ซับซ้อนไปเรื่อยๆไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งในระหว่างที่ยังเหลือทางอยู่ระยะหนึ่งเ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่กล้าที่จะเดินต่อไปด้านหน้าแล้วแต่หลินลั่วหรานกลับรู้สึกได้ถึงพลังไฟมากมายและมันก็ดูเหมือนกับพลังที่กระจัดกระจายไปทั่วร่างของเหวินกวนจิ่งไม่มีผิดเพี้ยน
หลินลั่วหรานสั่งให้เ้าจิ้งจอกน้อยสีเขียวรออยู่ที่ด้านนอกและเดินเข้าไปด้วยตัวคนเดียว
ภายในนั้นไม่ได้มีเปลวไฟรุนแรงปรากฏขึ้นอย่างที่เธอคิดมันเป็เพียงถ้ำที่ถูกแสงส่องประกายสว่างขึ้น แต่ว่าก็มีอุณหภูมิที่สูงมากทีเดียวหลินลั่วหรานรู้สึกว่าตัวของเธอนั้นไม่ได้มีหยาดเหงื่อรินไหลออกมานานแล้วแต่ในตอนนี้ตัวของเธอกลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่นี่เป็ถ้ำที่ขยายลึกลงไปด้านล่าง ตัวกำแพงถ้ำต่างถูกเปลวไฟประกายให้สว่างขึ้นหลินลั่วหรานคิดว่าภายใต้ถ้ำน่าจะเป็กองไฟขนาดใหญ่แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอยื่นหน้าออกไปมองก็พบว่าในส่วนลึกของถ้ำที่มีความลึกกว่าร้อยฟุต จะมีเพียงกองไฟเล็กๆที่กำลังเผาไหม้อยู่ด้วยความสงบเท่านั้น
หลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงความไม่สงบของดาบเจาเจี้ยนในมือของเธอ
ดาบเจาเสวี่ยนั้นเป็อาวุธเวทธาตุน้ำ อีกทั้งยังสามารถเติบโตได้การที่ดาบบินจะมีจิติญญาก็ไม่ใช่เื่แปลกแต่ว่าั้แ่ที่หลินลั่วหรานได้รับมันมาเธอก็ไม่เคยเห็นมันมีอาการไม่สงบแบบนี้มาก่อน
กองไฟเล็กๆ นั่นคืออะไรกันแน่?
น้ำกับไฟเป็สิ่งที่ขัดกัน แต่เ้ากองไฟเล็กๆนั่นกลับทำให้เจาเจี้ยนรู้สึกไม่สงบขึ้นมาได้ขนาดนี้...
มันทำให้หลินลั่วหรานอดจะนึกไปถึง ‘ไฟประหลาด’ ขึ้นมาไม่ได้ สิ่งนี้เป็สิ่งที่ด้านใน ‘ทฤษฎีดาบ’ เขียนถึงเอาไว้ ไฟประหลาด ช่วยในสร้างอาวุธ...เธอคิดขึ้นมาได้ในทันทีเมื่อสักครู่ตอนที่ได้ตรวจสอบร่างกายของเหวินกวนจิ่งเธอจะพบว่าภายในร่างกายของเขามีเพียงพลังธาตุไฟที่ขยับรุนแรงอยู่แต่กลับไม่มีธาตุอื่นปนอยู่ด้วยเลยหรือว่าเหวินกวนจิ่งจะมีพื้นฐานพลังธาตุไฟเดี่ยว?
เธอคิดย้อนกลับไปั้แ่ที่ทั้งสองได้รู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็การประลองกันครั้งแรกที่คลับบลูเบิร์ดหรือว่าจะเป็การเดินทางในพื้นที่ลึกลับ เหวินกวนจิ่งเคยใช้อักษรเวทมากมายและนอกจากนั้นต่างก็เป็เวทที่มีความเกี่ยวข้องกับธาตุไฟทั้งนั้นดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังพื้นฐานพลังธาตุไฟเดี่ยวอย่างแน่นอน
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเขาเพิ่งจะอายุสามสิบกว่าปีแต่กลับสามารถฝึกมาถึงระดับฝึกลมปราณขั้นท้ายได้แล้วโลกแห่งการฝึกศาสตร์ในทุกวันนี้ หากไม่นับคนที่มีกลโกงอย่างเธอ ก็ถือได้ว่ามันเป็ความเร็วที่ผิดไปจากปกติมากแล้ว
หลินลั่วหรานมองไปรอบๆ ถ้ำ บริเวณผาสูงชันต่างเต็มไปด้วยก้อนหินที่แหลมคมยื่นออกมาดูเหมือนว่าร่องรอยาเ็บนเนื้อตัวของเขาจะเกิดขึ้นจากผาแห่งนี้ถ้าแบบนั้นด้านในร่างของเขาบางทีอาจจะได้รับาเ็ในตอนที่เขาตกลงไปใต้ถ้ำแห่งนี้ก็ได้ เขาได้รับ ‘ทฤษฎีดาบ’ มาแล้วอีกทั้งยังมีพื้นฐานพลังธาตุไฟเดี่ยว แน่นอนว่า เขาก็ต้องรู้ถึงความล้ำค่าของไฟประหลาดนี่บางทีเหวินกวนจิ่งอาจจะลองพยายามเก็บไฟประหลาดเข้ามาไม่รู้ว่าวิธีการของเขาไม่ถูกต้อง หรือว่าเป็เพราะระดับการฝึกของเขาไม่เพียงพอถึงได้เกิดปัญหาขึ้นแบบนี้?
หลินลั่วหรานได้แต่คาดเดาไปตามความคิดของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเหวินกวนจิ่งนั้นล้มเหลวไปแล้ว
เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้รับไฟประหลาดมา แต่ยังถูกมันตอบกลับมาด้วยดูจากท่าทางแล้ว ถ้าหากว่าไม่จัดการกับพลังไฟในตัวเขาให้เรียบร้อยก็ต้องนำเอาไฟประหลาดที่เข้าไปในร่างของเขาออกมาให้หมด
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินลั่วหรานก็ได้แต่มึนงงขึ้นมาเธอยกมือขวาขึ้นมองไปยังไข่มุก มันก็ยังคงเป็แบบเดิมแต่ทำไมั้แ่ที่เธอกลายเป็ระดับพื้นฐานอยู่กลางสระเืเธอก็รู้สึกว่าเ้าไข่มุกนี่เชื่อฟังเธอมากขึ้น เมื่อก่อนนั้นเมื่อมันได้พบกับพลังไข่มุกก็มักจะดูดซึมพลังอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไร เหมือนกับครั้งแรกที่มันดูดซึมพลังจากหยกที่เสี่ยซุยซื้อไปไข่มุกนั้นดูดซึมพลังราวกับหิวโหยมากว่าหลายร้อยปี
ตอนที่เธอจะสร้างหยกเพื่อนำไปมอบให้กับผู้บังคับบัญชาฉินเ้าไข่มุกที่ทะนงตัวนี้ ก็ดูท่าทางจะไม่ได้พอใจเสียเท่าไรแต่ว่าหยกที่เธอไปแลกเปลี่ยนมาในตอนหลังนั้นเ้าไข่มุกกลับยอมถ่ายพลังอย่างว่าง่าย และไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
มันเป็เพราะว่าพลังด้านในของไข่มุกถูกเติมเต็มแล้วหรือว่ามันเริ่มที่จะเชื่อฟังเธอขึ้นมาจริงๆ กันแน่?
ในใจของหลินลั่วหรานนั้นตัดสินใจที่จะทดลอง เธอะโทิ้งตัวเข้าไปในหลุมถ้ำทันที!
ความร้อนของไฟประหลาดทำให้พวงแก้มของเธอเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นไหม้ที่ส่งผ่านมาจากเรือนผมหลินลั่วหรานขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังโดยที่เ้าไข่มุกก็ยังคงไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา
ในระหว่างที่เธอรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมาก็พบว่าบริเวณรอบกองไฟประหลาดถูกวางประดับเต็มไปด้วยวัตถุส่องประกายดึงดูดสายตาของเธอ
หากว่าไฟประหลาดนั้นไม่สามารถเก็บกลับไปได้แล้วเ้าของที่เป็ประกายเหล่านี้ล่ะ? หลินลั่วหรานรู้สึกราวกับว่าตัวเองโง่เง่าขึ้นมาชั่วขณะถึงได้ยืดนิ้วมือออกไปัั เมื่อฝ่ามือของเธอััลงที่ก้อนคริสตัลใสเธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่ว่าภาพการถูกเผาไหม้กลับไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่เธอคิดในทางตรงกันข้ามเ้าของที่อยู่รอบกองไฟประหลาดนี่กลับให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำขึ้นมาเสียอีก!
หลินลั่วหรานนึกไปถึงแม่น้ำสายเล็กที่ขั้วโลกเหนือขึ้นมาเป็อย่างแรกในแม่น้ำที่เดือดดาล แต่กลับมีหญ้าน้ำแข็งที่เย็นเฉียบเติบโตอยู่สมบัติจาก์มักจะอยู่คู่กันดูเหมือนว่าเ้าคริสตัลใสพวกนี้จะเป็ของดีแล้วล่ะ!
หลินลั่วหรานใช้ดาบขุดมันขึ้นมา ก่อนที่จะจับมันเอาไว้ในฝ่ามือความเย็นสบายของมันกระจายไปทั่วฝ่ามือของเธอ มันให้ความรู้สึกเย็นสบายแต่กลับไม่ได้เย็นเฉียบจนเข้ากระดูกก้อนคริสตัลนั้นมีรูปร่างเป็ทรงเพชรหลายเหลี่ยม มันมีสีแดงส่องประกายดู ราวกับ ‘ผลึกอัคนี’ ที่ถูกเจียระไนไว้อย่างสวยงามเรียบร้อยแล้วมันเปล่งประกายขึ้นมาแปลกตา ของสิ่งนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ของวิเศษอะไรแค่เพียงรูปร่างภายนอกของมันก็สามารถทำให้สาวน้อยสาวใหญ่จำนวนมากบ้าคลั่งขึ้นมาได้แล้ว
เมื่อลองตรวจสอบลึกลงไปด้านใน สีหน้าของหลินลั่วหรานก็เปลี่ยนไปในทันทีก่อนที่เธอจะรีบเก็บพลังกลับมา เ้าคริสตัลเปล่งประกายที่ด้านนอกดูเย็นเฉียบนี้ด้านในกลับบรรจุไปด้วยพลังธาตุไฟจำนวนมหาศาลมันให้ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เธอตรวจสอบในร่างกายของเหวินกวนจิ่งดูเหมือนจะเป็เพราะว่ามันอยู่ข้างๆ กองไฟประหลาดมาเป็ระยะเวลานานทำให้ดูดซึมพลังติดเข้ามา
แม้ว่าพลังส่วนมากของไฟประหลาดจะถูกกักเก็บเอาไว้ในส่วนด้านในแต่ว่าเมื่อพลังในร่างของหลินลั่วหรานได้ขยับไปอยู่ข้างกายของมันเธอก็ััได้ถึงความกดดันขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเก็บไฟประหลาดเข้ามาในตอนนี้แต่หากว่าเป็ผลึกอัคนีเหล่านี้ เธอก็น่าจะเก็บกลับไปได้ใช่ไหม
เจาเจี้ยนกลายร่างเป็เสียม หลินลั่วหรานขุดลงไปอย่างมีความสุขสุดท้ายเธอก็มองไปยังกองผลึกอัคนีที่อยู่ด้านหน้า เธอไม่ได้เผยรอยยิ้มกว้างออกมาแต่กลับเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาแทน ดูเหมือนว่าโชคของเธอจะดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยทุกครั้งถึงได้พบกับของดีอยู่ตลอด แต่ว่าจากประสบการณ์อันตรายที่เธอได้รับมาความจริงแล้ว ในทุกๆ ครั้งที่จะได้รับสมบัติเหล่านี้เธอก็ต้องดึงเอาความกล้าของตัวเองออกมาใช้ไม่น้อยเช่นกันใช่ไหมล่ะ?
เธอไม่สามารถจะโลภมากได้ เหวินกวนจิ่งเป็คนที่มีพื้นฐานพลังธาตุไฟเดี่ยวตอนนี้เขายังถูกไฟประหลาดทำเอาไม่ได้สติ ในระหว่างที่ยังไร้หนทางแบบนี้เธอไม่มีทางที่จะลองเก็บ ‘ไฟประหลาด’ นี่เข้ามาด้วยความโลภอย่างเด็ดขาด หากบอกว่าไม่อยากได้ ก็คงเป็การโกหกถ้ามีไฟประหลาดนี่แล้ว ไม่เพียงแต่มันจะมีผลดีต่อการทำยาของเธอ แต่ที่สำคัญเธอจะสามารถทำอาวุธได้อีกด้วย
เธอนำเอาผลึกอัคนีทั้งหมดเก็บเข้าไปในพื้นที่ลึกลับหลินลั่วหรานลุกยืนขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆ ว่ามีอะไรที่พอจะเก็บกลับไปได้อีกบ้าง
แต่เธอไม่รู้เลยว่า ในตอนที่เธอนำเอาผลึกอัคนีเข้าไปในพื้นที่ลึกลับ้าอากาศของกระท่อมที่เธอไม่สามารถเข้าไปได้ จะเปล่งประกายแสงสีแดงออกมา ก่อนที่ร่างของนกฟีนิกซ์แสนสง่าจะปรากฏขึ้น
ปลาเงินเองก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน นกฟินิกซ์มองไปยังผลึกอัคนีบนพื้นแววตาเ็าของมันขยับสั่นไหวขึ้นมาราวกับว่าผลึกอัคนีเ่าั้จะทำให้มันหิวโหยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของมันปลาเงินก็ยื่นครีบออกมาเพื่อรั้งมันเอาไว้ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
นกฟินิกซ์แสดงท่าทางเสียดายออกมา ก่อนที่จะยับยั้งใจของตัวเองเอาไว้
ั้แ่ที่หลินลั่วหรานได้กลายเป็ระดับพื้นฐานในระหว่างที่นอนอยู่ในสระเื ทั้งสองก็ถูกเธอทำให้ประทับใจจนสงบลงมามากและไม่ได้ใช้ไข่มุกในการถือโอกาสทำเื่ต่างๆ อย่างเคยอีกแต่เื่นี้หลินลั่วหรานก็ได้แต่อาศัยเพียงความคิดของตัวเองในการคาดเดาอยู่ตลอดดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้เื่อะไรเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ใครจะเชื่อว่า การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตสองตัวที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความเ็าไร้ความรู้สึกแบบนี้ จะสามารถประทับใจก่อนที่จะเกิดเป็ความเคารพขึ้นมาในระหว่างที่คนคนหนึ่งอยู่ในระหว่างความสิ้นหวังแบบนั้น?
นกฟีนิกซ์มองไปยังก้อนผลึกใสบนพื้น สายตาของมันก็เต็มไปด้วยความหิวกระหายแต่ก็พยายามที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้
ในขณะที่คนที่อยู่นอกพื้นที่ลึกลับอย่างหลินลั่วหรานนั้นกลับไม่ได้รู้อะไรเอาเสียเลย เธอพบว่าผลึกอัคนีก้อนสุดท้ายนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากและมันก็ถูกฝังเอาไว้ในบริเวณด้านข้างของไฟประหลาด
เมื่อขุดก้อนนี้ขึ้นมาได้แล้วเธอก็จะรีบกลับไปคิดว่าจะช่วยเหวินกวนจิ่งได้อย่างไรต่อในใจของหลินลั่วหรานพูดขึ้นกับตัวเองก่อนที่ปลายของดาบจะกดทับลงไปในบริเวณเปลือกนอกของไฟร้อนดูเหมือนว่านกฟีนิกซ์จะััได้ถึงอะไรบางอย่างมันเก็บสายตาที่มองไปยังผลึกคริสตัลกลับมา ก่อนที่จะหันพุ่งตัวไปยังหมอกหนาพร้อมกับแสดงท่าทางดีใจและเป็กังวลออกมา...น่าเสียดายที่พื้นที่ลึกลับนี้เป็ที่อยู่อาศัยของมันและก็เป็สถานที่ที่มันไม่สามารถจะออกไปได้ด้วย
หินอัคนีก้อนนี้ใหญ่มากเลยทีเดียว ใบหน้าของหลินลั่วหรานเต็มไปด้วยรอยยิ้มนี่ต่างก็เป็แหล่งพลังงานในการฝึกศาสตร์ที่หาได้ยากเธอไม่สามารถที่จะโลภมากได้นัก
ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังดีใจอยู่กับการค้นพบผลึกอัคนีก้อนใหญ่เธอก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า กองไฟประหลาดที่อยู่ด้านข้างเริ่มที่จะมีจังหวะการขยับลุกไหม้ที่เปลี่ยนไปและเพิ่มกำลังความถี่ของมันมากขึ้นเรื่อยๆ...นกฟีนิกซ์ในพื้นที่ลึกลับนั้นดูเหมือนว่าว่าจะเต็มไปด้วยความกระหายทั้งยังรู้สึกเหมือนว่าจะได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจขึ้นมาด้วยเช่นกัน!
