คนกลุ่มนี้ล้วนเป็คนของจวนเป่ยอ๋อง ระหว่างมู่เฟิงกับหนานหลิงนั้นไม่เคยพบกันมาก่อน แต่มู่เฟิงรู้จักอวิ๋นอี้ที่อยู่ยืนรวมในกลุ่มนั้นเป็อย่างดี ซึ่งเด็กหนุ่มไม่มีความประทับใจที่ดีต่อพี่ชายของคนรักของตนเท่าไรนัก
“มู่เฟิง นึกไม่ถึงเลยว่าเศษสวะไร้ค่าอย่างเ้าจะสามารถเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นได้ ก่อนหน้ามีข่าวลือมาว่าเ้าตายไปแล้วไม่ใช่รึ?”
อวิ๋นอี้เหลือบมองมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวอย่างเ็า
“ไม่ว่าข้าจะตายหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเ้า อวิ๋นอี้ แม้ว่าเ้าจะเป็พี่ชายของว่านเอ๋อร์ แต่เ้าอย่าได้ล้ำเส้นให้มันมากนักจะดีกว่า”
มู่เฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
“ท่านพี่ พวกท่านมาทำอะไร?”
อวิ๋นว่านเอ๋อร์จับมือของมู่เฟิงเอาไว้แน่น โดยไม่คิดจะไว้หน้าพี่ชายของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ทำอะไรอย่างนั้นหรือ เ้าไม่รู้สถานะของตัวเองในตอนนี้เลยหรืออย่างไร ท่านพ่อหมั้นหมายเ้าให้กับจวนเป่ยอ๋องแล้ว ในอนาคตเ้าจะต้องขึ้นเป็หวางจื่อเฟย*ของท่านชายหนานหลิง เหตุใดเ้ายังมาคลุกคลีอยู่กับเ้าเด็กนี่อีก เ้าช่วยคำนึงถึงสถานะของตัวเองหน่อยได้หรือไม่”
(*พระชายาของท่านชาย)
อวิ๋นอี้กล่าวอย่างไม่พอใจ
“อวิ๋นอี้ เ้ากำลังพูดเื่อะไร ตระกูลอวิ๋นหมั้นหมายว่านเอ๋อร์ให้กับท่านชายหนานหลิงอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อมู่เฟิงได้ยินดังนั้น สายตาของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็เ็า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงอันเย็นะเื
“ถูกต้องแล้ว เวลานี้ว่านเอ๋อร์ไม่ใช่คู่หมั้นของเ้าอีกต่อไป เ้าควรจะอยู่ห่างๆ นางให้มากหน่อย”
อวิ๋นอี้ตอบอย่างเ็า
“ท่านพี่ ท่านพ่อหมั้นหมายข้ากับจวนเป่ยอ๋องโดยไม่ถามความยินยอมของข้าสักคำ หากอยากแต่งนัก พวกท่านก็แต่งเองเสียเลยสิ ชีวิตนี้ข้าจะแต่งกับมู่เฟิงเท่านั้น”
อวิ๋นว่านเอ๋อร์กล่าวออกมาฉุนเฉียว นางไม่แม้แต่จะมองหน้าท่านชายหนานหลิงที่อยู่ด้านข้างด้วยซ้ำ
“สตรีชั่วช้าไม่รู้จักระวังคำพูด! การที่เ้าได้หมั้นหมายกับท่านชายหนานหลิงของเราก็นับว่าเป็ความโชคดีสูงสุดในชีวิตเ้าแล้ว”
ทันใดนั้นชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างหนานหลิงก็ตวาดออกมา
“บังอาจ!”
หนานหลิงที่อยู่ด้านข้างใช้มือตบหน้าอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นกระอักเืออกมาและล้มลงไปด้านข้างในทันที
“อย่างเ้าสามารถต่อว่าหวางจื่อเฟยได้อย่างนั้นรึ?”
หนานหลิงเอ่ยเสียงเย็น จากนั้นเขาก็ตวัดสายตามองไปทางมู่เฟิง ในขณะเดียวกัน มู่เฟิงเองก็กำลังมองมาไปที่หนานหลิงเช่นกัน
“มู่เฟิง ดีนัก ได้ยินข่าวลือมาว่าเ้าตายไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าเ้าจะยังมีชีวิตอยู่ ข้ามีนามว่าหนานหลิง เ้าคงเคยได้ยินนามของข้ามาบ้างแล้ว”
หนานหลิงเหลือบตามองมู่เฟิงอย่างหยิ่งผยอง ด้วยท่าทางวางอำนาจ
หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มู่เฟิงก็นึกประหลาดใจขึ้นมา แท้จริงแล้วชายหนุ่มตรงหน้าเขาคือบุตรชายของหนานหาว หนานหลิงซื่อจื่อ*อย่างนั้นหรือ มู่เฟิงพินิจมองหนานหลิงอย่างละเอียด อีกฝ่ายมีความคล้ายคลึงกับหนานหาวผู้เป็บิดาอยู่หลายส่วน ฉับพลันนั้นภายในใจของเขาก็เย็นะเืขึ้นมาทันที
(*ผู้สืบทอดตำแหน่งอ๋อง)
หนานหาว จวนอ๋องเป่ยอ๋อง ทั้งหมดล้วนเป็ศัตรูตัวฉกาจของเขา ในเมื่อหนานหลิงคือบุตรชายของหนานหาว เช่นนั้นระหว่างพวกเขาก็ถือเป็ศัตรูกัน
“หนานหลิง บุตรสุนัขหนานหาว อัจฉริยะผู้มีพร์กระดูกิญญา เข้าศึกษาในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นเมื่อหกปีก่อน”
มู่เฟิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อคนของจวนเป่ยอ๋องได้ยินดังนั้นก็โกรธเคืองขึ้นมาทันที จากคำพูดของมู่เฟิงชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังต่อว่าหนานหลิงและหนานหาวว่าเป็สุนัข
“ไอ้เด็กบัดซบ มารดาเ้าเถอะ...”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดือดดาลเป็อย่างมาก เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวในทันที แต่กลับถูกหนานหลิงหยุดเอาไว้เสียก่อน
ดวงตาของหนานหลิงทอประกายเ็า เขามองมู่เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ตระกูลอวิ๋นหมั้นหมายว่านเอ๋อร์ให้กับข้าแล้ว มู่เฟิง เ้าควรอยู่ให้ห่างจากว่านเอ๋อร์ถึงจะเป็การดีที่สุด”
“หนานหลิง เื่ของข้ากับมู่เฟิงเกี่ยวอันใดกับท่าน ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าสัญญาหมั้นหมายนั่นเป็ท่านพ่อของข้าที่ทำไปโดยพลการ และข้าไม่ยอมรับ”
ว่านเอ๋อร์ะโกร้าว
จากนั้นมู่เฟิงก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ว่านเอ๋อร์ไม่ใช่สินค้า ไม่ว่านาง้าจะคบหากับใครก็ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับนางได้ แม้แต่คนในครอบครัวของนาง รวมถึงเ้าด้วย!”
หนานหลิงหรี่ตาลง รังสีสังหารแผ่ออกมาจากร่างของเขา บรรยากาศในตอนนี้เย็นะเืขึ้นมาฉับพลัน ความตึงเครียดที่แผ่ออกมาทำให้รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
บัณฑิตหน้าใหม่จากตระกูลมู่กว่าสิบคนยืนอยู่ด้านหลังของมู่เฟิง ในขณะที่ฝั่งจวนเป่ยอ๋องก็มีหนานหลิงเป็ผู้นำเช่นกัน
การเผชิญหน้ากันระหว่างทั้งสองฝ่ายสามารถดึงดูดความสนใจของเหล่าบัณฑิตหน้าทั้งใหม่และบัณฑิตหน้าเก่าได้เป็จำนวนมาก
“เฮ้ นั่นหนานหลิงจากจวนเป่ยอ๋องไม่ใช่หรือ เหตุใดเขาจึงมีเื่กับกลุ่มบัณฑิตหน้าใหม่ได้กัน”
“เป็หนานหลิงจากจวนเป่ยอ๋องจริงด้วย ส่วนสตรีที่อยู่กับบัณฑิตหน้าใหม่ผู้นั้นคงจะเป็เทพธิดาอวิ๋นว่านเอ๋อร์สินะ หลิงเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย ช่างน่าสนใจนัก ว่าแต่เ้าหนุ่มนั่นเป็ใครกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอวิ๋นว่านเอ๋อร์ขนาดนี้ ไม่ใช่บอกว่านางเป็คู่หมั้นของหนานหลิงหรอกหรือ?”
“เฮอะๆ เ้าเด็กนั่นช่างโง่นัก เพิ่งมาถึงสำนักศึกษาเทียนอวิ่นเป็วันแรกก็ล่วงเกินหนานหลิงจากจวนเป่ยอ๋องแล้ว เกรงว่าอีกเดี๋ยวคงมีการแสดงให้ได้ชมเป็แน่”
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองมาด้วยสายตาขบขัน
“เ้าหนุ่ม วันนี้เป็วันแรกที่เ้าเข้าสู่สำนักศึกษาเทียนอวิ่น ดูเหมือนว่าข้าคงต้องสั่งสอนให้เ้าได้รู้จักกฎเกณฑ์เสียหน่อยแล้ว”
หนานหลิงกล่าวอย่างเ็า ก่อนจะโบกมือส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเหลือง ชายผู้นั้นยิ้มหยันออกมาทันที เขากำหมัดแน่นขณะเดินเข้าไปหามู่เฟิงอย่างใจเย็น
ชายหนุ่มผู้นี้มีออร่าพลังปราณอันแข็งแกร่งสีน้ำเงินแผ่ออกมาจากร่างกาย เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง
“โฮก...”
เสือดาวหางอสรพิษด้านข้างมู่เฟิงส่งเสียงคำรามออกมาทันที มันก้าวถอยออกไปสองก้าวด้วยความตื่นกลัว
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเหลืองส่งพลังสะกดข่มไปทางมู่เฟิง
เมื่อเผชิญกับคลื่นพลังอันแข็งแกร่ง มู่เฟิงก็ถูกบีบให้ต้องก้าวถอยออกไปสองก้าว แต่ทันใดนั้นร่างบางของเด็กสาวก็เข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้ พร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาต้าน
“หนานหลิง เ้าคิดว่าคนตระกูลมู่สามารถรังแกได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือ?”
มู่หลิงเอ๋อร์ที่ยืนขวางหน้ามู่เฟิงกล่าวขึ้นอย่างเ็า
ชายหนุ่มในชุดเหลืองพลันหยุดชะงัก ก่อนเหลือบมองไปทางหนานหลิง
หนานหลิงหรี่ตาลง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มู่หลิงเอ๋อร์ ทางที่ดีเ้าควรหลีกทางออกไปเสีย น้องชายของเ้าไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ข้าจะสั่งสอนเขาเสียหน่อย”
“ต่อให้น้องชายข้าจะไม่รู้จักกฎเกณฑ์ก็ไม่จำเป็ต้องให้เ้ามาสั่งสอน”
ผิวกายของมู่หลิงเอ๋อร์พลันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่งสีแดง นี่คือวรยุทธ์ระดับหนิงกัง!
อีกทั้งยังเป็วรยุทธ์ระดับหนิงกังในขอบเขตเทียนเว่ยระดับเล็ก!
“พี่หญิง ท่าน...”
มู่เฟิงจ้องมองมู่หลิงเอ๋อร์ด้วยความใ ตอนที่ได้พบกันเมื่อสองปีก่อน วรยุทธ์ของมู่หลิงเอ๋อร์อยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นสามเท่านั้น ไม่ได้พบกันมาสองปี คาดไม่ถึงว่าวรยุทย์ของมู่หลิงเอ๋อร์จะพัฒนาถึงระดับหนิงกังในขอบเขตเทียนเว่ยระดับเล็กเสียแล้ว!
ความเร็วของการฝึกฝนนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง!
“มู่หลิงเอ๋อร์ อย่าคิดว่าเ้าคำนับหมอโอสถเหลิ่งเป็อาจารย์แล้วข้าจะไม่กล้าแตะต้องเ้า”
ดวงตาของหนานหลิงวาวโรจน์ เขาก้าวออกมาข้างหน้าในทันที ออร่าพลังอันแข็งแกร่งที่เขาปล่อยออกมาทำให้ชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นปกคลุมพื้นดินโดยรอบใน พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกใไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของเขาจะอยู่ในระดับหนิงกังขั้นหก ซึ่งเป็ขอบเขตของเทียนเว่ยระดับกลาง!
“ฮ่าๆ จริงรึ เช่นนั้นเ้าก็ลองแตะต้องนางดูสักครั้งสิ?”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำที่มีความสูงกว่าหกฟุตครึ่ง บุคลิกของเขาดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว เขากำลังเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนที่สวมใส่ชุดสีดำกลุ่มหนึ่ง
“เป็คนของต้าหยวน ช่างน่าสนใจนัก นึกไม่ถึงเลยว่าหยวนเฮ่าจะโผล่มาที่นี่ด้วย คนกลุ่มนี้ล้วนเป็ยอดฝีมือที่ถูกจัดอันดับทั้งนั้น”
ชายผู้หนึ่งก็อุทานออกมา
เมื่อหนานหลิงเห็นกลุ่มคนที่มาใหม่ก็ขมวดคิ้วในทันที ภายในใจของเขาแอบตำหนิอีกฝ่ายที่โผล่เข้ามาในเวลาเช่นนี้
“หลิงเอ๋อร์”
ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึง เขาก็กล่าวทักทายเด็กสาวพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้นาง
มู่หลิงเอ๋อร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็าโดยไม่สนใจหยวนเฮ่าเลยแม้แต่น้อย ท่าทีของเด็กสาวทำให้เขาเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยืนอยู่ข้างมู่หลิงเอ๋อร์และหันมองไปทางหนานหลิงพร้อมกับกล่าวว่า “หนานหลิง เ้าคิดจะทำอะไร?”
“หยวนเฮ่า เื่ระหว่างข้ากับตระกูลมู่ เ้าอย่าได้เข้ามายุ่งจะดีกว่า”
หนานหลิงเอ่ยอย่างเ็า
“อย่าได้เข้ามายุ่งงั้นรึ ช่างน่าขัน ภายในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นมีใครไม่รู้บ้างว่าข้าชื่นชอบหลิงเอ๋อร์ หากเ้าคิดจะแตะต้องนาง เ้าก็ต้องถามข้าหยวนเฮ่าผู้นี้ก่อนว่ายินยอมหรือไม่”
หยวนเฮ่าแสยะยิ้ม พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยท่าทีวางอำนาจ
ดวงตาของมู่เฟิงเป็ประกายทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น เขามองไปทางมู่หลิงเอ๋อร์ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มคลุมเครือว่า “พี่หญิง คนผู้นี้เป็ใครกันหรือขอรับ?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้