ยาควบปราณแท้ชั้นสูงมีโอกาสเก้าในสิบทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์เปลี่ยนพลังภายในในร่างให้กลายเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาก้าวเข้าสู่ชั้นเบิกนภาได้ เป็โอสถทิพย์ระดับสูงและแพงมากชนิดหนึ่ง
จะหลอมยาควบปราณแท้ชั้นสูงเม็ดหนึ่งขึ้นมานั้นไม่ง่ายต้องใช้เครื่องยาสมุนไพรทิพย์หายากจำนวนมากรวมถึงผลึกอสูรของสัตว์อสูรชนิดพิเศษอีกจำนวนหนึ่งยาชนิดนี้เป็หนึ่งในโอสถทิพย์ที่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ฝันอยากได้มา
โอกาสเก้าในสิบที่จะขึ้นชั้นเบิกนภาขอเพียงไม่ใช่คนที่โชคร้ายอย่างที่สุด โดยส่วนใหญ่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบทุกคนก็สามารถอาศัยยาควบปราณแท้ชั้นสูงเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาในเวลาอันสั้นได้
เสวียนเทียนกลับเอายาควบปราณแท้ชั้นสูงมาแลกกับสิ่งอื่นทำให้ศิษย์ในคนนี้ใยิ่งนัก
แต่สำหรับเสวียนเทียนแล้ว ยาควบปราณแท้ชั้นสูงสำคัญน้อยกว่าโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็อยู่มากนัก
วิชาปราณที่เสวียนเทียนฝึกฝนอยู่คือ ‘ปราณเบิกนภา’ เมื่อฝึกถึงขั้นสูงสุดพลังภายในร่างจะกลายเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาไปเองก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาไม่มีอะไรยาก
แต่ ‘ยาประสานไขั’ ในบรรดาโอสถทิพย์ชั้นนิลเป็โอสถทิพย์ที่รักษาอาการเส้นปราณขาดได้ผลดีที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับอาการาเ็ของเสวียนหงมีประโยชน์เป็อย่างมาก
ตอนนี้เสวียนเทียนพลังวัตรเพิ่งขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าแม้ว่าในหอวิชายุทธ์ตอนที่เสวียนเทียนปะทะฝ่ามือกับฉู่เฟิงกระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วจะส่งพลังทะลักออกมาบางส่วนทำให้พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าของเสวียนเทียนมั่นคงแต่ก็ยังห่างจากพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบอยู่อีกระยะหนึ่ง
หากจะถือ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นสูง’ ไว้กับตัว ไม่สู้แลกโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็มอบให้เสวียนหงบิดาประหลาดใจตอนกลับบ้านครั้งนี้ยังจะดีเสียกว่า
เสวียนเทียนพยักหน้าสายตาเลื่อนลงมามองลายแทงสมบัติแผ่นนั้น ไม่เหลือบไปมองยาประสานไขัเลยสักครั้งพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ท่านนี้ข้าชื่นชอบสะสมลายแทงสมบัติ ขายให้ข้าได้หรือไม่?”
คนที่ซื้อโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ถ้าไม่ใช่เตรียมตัวไปผจญภัยในที่อันตรายก็ซื้อไปช่วยชีวิตญาติมิตรสรุปก็คือเป็คนที่จำเป็ต้องใช้ยาจริงๆ
เพราะว่าโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ราคาแพงเหลือเกินปกติโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็จึงขายไม่ดีนักมีเพียงสถานการณ์พิเศษเท่านั้นถึงมีคนซื้อ ดังนั้นเมื่อมีคนจะซื้อคนขายก็มักขึ้นราคาแพงขึ้นไปอีกเป็เื่ปกติ
เสวียนเทียนปิดปากสนิทไม่พูดเื่้ายาประสานไขัไม่อย่างนั้น ถ้าศิษย์พี่สำนักในคนนี้รู้ว่าเขารีบร้อน้าโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็อาจจะขึ้นราคาฉับพลัน ขายสองล้านสี่ห้าแสนตำลึงก็มีโอกาสเป็ได้
ลายแทงสมบัติแผ่นนั้นร้านนี้ขายมาเป็เวลาไม่น้อยแล้ว ที่จริงต่อให้ขายสองแสนตำลึงก็ไม่ใช่จะมีคนซื้อเพียงแต่อย่างไรก็ไม่มีใคร้า ดังนั้นก็ตั้งราคาไว้สูงเสียหน่อย ถือว่าเสริมหน้าตาร้านให้ดูดีให้คนดูแล้วรู้สึกว่าในร้านมีของชั้นสูงแพงๆ อยู่ไม่น้อย ยกระดับของร้าน
เมื่อได้ยินว่าเสวียนเทียน้าลายแทงสมบัติศิษย์ในผู้นั้นก็กล่าวว่า “ลายแทงสมบัตินี้ประวัติไม่ธรรมดาเป็ของล้ำค่าที่ศิษย์พี่ของข้าท่านหนึ่งฝ่าฝันอันตรายโอกาสตายมากกว่ารอดได้มาจากสถานที่สุดอันตรายสามแสนตำลึง ราคาถูกแล้วจริงๆ ศิษย์น้องแววตาไม่เลว”
เสวียนเทียนยิ้มน้อยๆ รู้ว่าเขากำลังยอตนกล่าวว่า “ศิษย์พี่ลายแทงสมบัตินี้ข้า้า แต่รู้สึกว่ายังแพงไปอยู่บ้างทั้งตัวข้าก็ไม่มีเงินมากนัก ถ้าจะแลกกับยาควบปราณแท้ชั้นสูงท่านมีเงินมากขนาดนั้นทอนข้าหรือไม่?”
ยาควบปราณแท้ชั้นสูงราคาที่สมควรขายอยู่ที่ประมาณสองล้านตำลึงถ้าคิดราคาลายแทงสมบัติแผ่นนี้สามแสนตำลึงก็ต้องทอนเงินให้เสวียนเทียนหนึ่งล้านเจ็ดแสนตำลึงถ้าหากลายแทงสมบัติลดราคาลงอีก ก็ต้องทอนเงินมากขึ้นอีก
เงินหนึ่งล้านเจ็ดแสนตำลึงสำหรับศิษย์สำนักในชั้นเบิกนภาก็ยังเป็เงินจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งศิษย์ในคนนี้แม้ว่าจะตั้งร้านเช่นนี้ มูลค่าร้านไม่ธรรมดาแต่ร้านไม่ใช่ของเขาคนเดียว เป็ของคนหลายคนร่วมกัน
พวกเขาตั้งร้านในเขตตลาด เมื่อไปได้ของดีจำนวนหนึ่งกลับมาจากการไปเก็บประสบการณ์ก็นำมาซื้อขายแลกเปลี่ยน หากำไรได้มากยิ่งขึ้นพอผ่านไป่หนึ่งก็เปลี่ยนคนที่มานั่งดูร้าน คนอื่นก็ออกไปเก็บประสบการณ์
ถ้าหากแบ่งกำไรแล้วส่วนแบ่งที่แต่ละคนได้ก็ไม่เกินหนึ่งล้านตำลึง นี่เป็แค่มูลค่าของส่วนตั๋วเงินที่ตัวนั้นยิ่งน้อย
ในภาวะปกติ ตั๋วเงินบนตัวแต่ละคนก็มีประมาณสองสามแสนตำลึงชั่วครู่จะให้นำเงินหนึ่งล้านเจ็ดแสนตำลึงออกมา อย่างไรก็เป็ไปไม่ได้
ศิษย์ในคนนั้นกล่าวว่า “ยาควบปราณแท้ชั้นสูงมูลค่าสูงเกินไปข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้นทอนเ้า ศิษย์น้อง ถ้าอย่างนั้นเ้าลองดูยังมีอะไรอยากซื้ออีกบ้างไหม? ยาควบปราณแท้ชั้นสูงข้าให้เ้าสองล้านตำลึงลายแทงสมบัติลดให้เ้าเหลือสองแสนห้าหมื่นตำลึง เ้าซื้อของจากร้านของข้าได้อีกหนึ่งล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นตำลึง”
เสวียนเทียนแกล้งหยิบกล่องยาควบปราณแท้ออกมาถือฟังศิษย์ในผู้นั้นกล่าวจบก็เก็บเข้าอกเสื้อไป พูดขึ้นว่า “มีแต่ของกองพะเนินที่ข้าไม่้าแบบนี้ข้าขาดทุนเกินไปแล้ว ช่างมัน ไม่เอาแล้วก็ได้”
“เฮ้!” ศิษย์ในผู้นั้นเห็นเงินที่กำลังจะเข้าปากหลุดลอยไปใจก็ลนลาน ชี้ไปที่ยาประสานไขั กล่าวขึ้นว่า “ศิษย์น้องเ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธ เ้าดูยาประสานไขัเม็ดนี้ เป็ถึงโอสถทิพย์ชั้นนิลโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ที่รักษาเส้นปราณขาดเสียหายได้ดีที่สุดราคาสองล้านตำลึง ในเมื่อเ้า้าลายแทงสมบัติแผ่นนั้น ศิษย์พี่ยอมขาดทุนเอายาประสานไขักับลายแทงสมบัติแลกกับยาควบปราณแท้ชั้นสูงของเ้าเ้าคิดว่าอย่างไร?”
ถ้าเจอคนที่้ายาประสานไขัเป็ไปได้ว่าจะขายได้ราคาสูงกว่านี้แต่ว่าช่องทางขายเห็นได้ชัดว่าไม่ง่ายเท่ายาควบปราณแท้ชั้นสูงยาประสานไขัเดือนหนึ่งก็ไม่แน่ว่าจะขายออกได้ แต่ยาควบปราณแท้ชั้นสูงไม่ต้องใช้ถึงหนึ่งวันก็แลกเงินสองล้านตำลึงมาได้ทั้งยังอาจขายได้ในราคามากกว่านั้นก็เป็ได้
ลายแทงสมบัติแผ่นนั้นที่จริงไร้ประโยชน์ศิษย์ในผู้นั้นคิดในใจ ถือเสียว่าแถมขยะชิ้นนี้ให้เ้าเอายาประสานไขัแลกกับยาควบปราณแท้ชั้นสูง ไม่นานก็ขายออกจากมือได้กว่าจะเจอผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องซื้อโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ต้องพึ่งโชคล้วนๆโชคไม่มาก็ยากจะขายออก
เสวียนเทียนจงใจทำท่าคิด “ยาประสานไขัราคาสองล้านเพิ่มลายแทงสมบัติมาอีก ดูเหมือนข้าจะได้กำไรอยู่”
ศิษย์ในผู้นั้นดีใจรีบพูด “ข้าเห็นศิษย์น้องแล้วต้องชะตาให้ศิษย์น้องได้เปรียบเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เป็ไร”
ถ้าหากรู้ว่าสิ่งที่ในใจของเสวียนเทียนอยากได้คือยาประสานไขัแล้วล่ะก็ศิษย์ในคนนี้คงจะขึ้นราคาเป็แน่แต่แบบนี้กลับกลายเป็ว่ากำลังขอร้องให้เสวียนเทียนซื้อเสียอย่างนั้น
“ดูท่าไม่ขาดทุน ถ้าเช่นนั้นตกลง!” เสวียนเทียนพยักหน้า
ก็เป็ดังนี้เสวียนเทียนใช้ยาควบปราณแท้ชั้นสูงแลกยาประสานไขั รวมถึงลายแทงสมบัติแผ่นหนึ่งเหลือหญ้าฉีหวงสามใบยังอยู่ในมือตน
เมื่อถือลายแทงสมบัติขึ้นมากระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วก็ยิ่งคึกคักขึ้นมาความรู้สึกที่มีต่อกระบี่ของเสวียนเทียนยิ่งเฉียบคมกว่าเดิมจากลายแทงสมบัติแผ่นนั้น เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นไอกระบี่สายหนึ่ง
เสวียนเทียนถือลายแทงสมบัติขึ้นมาดูอยู่นาน แต่ส่วนที่ขาดร้ายแรงเกินไปจริงๆอย่างน้อยก็หายไปถึงสองในสามดูไม่ออกสักนิดว่าสมบัติอยู่ตรงตำแหน่งไหนของลายแทงแผ่นนี้ดูลายแทงเพียงแต่รู้ว่าอยู่ภายในเขตอาณาจักรเสินเตาเท่านั้น
หลังเก็บยาประสานไขักับลายแทงสมบัติเข้าอกเสื้อแล้วเสวียนเทียนก็เดินวนอยู่ในตลาดต่อ ไม่นานก็พบร้านบริการม้า ใช้เงินสองพันตำลึงซื้อม้ากิเลนดำมาตัวหนึ่งแล้วออกจากตลาดไปขี่ทะยานมุ่งไปทางอำเภอเป่ยโม่ เหนือสุดของอาณาจักรเสินเตา
สำนักกระบี่์อยู่ที่ภาคตะวันออกของอาณาจักรเสินเตาอำเภอเป่ยโม่อยู่เหนือสุดของอาณาจักรเสินเตา ระยะห่างเจ็ดถึงแปดพันลี้ขี่ม้ากิเลนดำควบเต็มฝีเท้า อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสี่วันถึงจะไปถึง หากหยุดพักกลางทางบ้างก็ต้องใช้เวลาห้าถึงหกวัน
การแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกของสำนักกระบี่์จัดขึ้นท้ายปีอีกไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงสิ้นปีแล้ว
เดินทางมุ่งไปทางเหนือ อากาศก็ค่อยๆ หนาวเย็นขึ้นวันที่สองอากาศก็มีละอองหิมะโปรยปรายลงมา
วันที่สองหิมะตกหนักทั้งวันที่พื้นหิมะจับตัวหนา ความเร็วของม้ากิเลนดำตกลงมากเสวียนเทียนหยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งไปหนึ่งวัน วันที่สามหิมะหยุดจึงเดินทางต่อ
ม้ากิเลนดำวิ่งบนพื้นหิมะความเร็วช้ากว่ายามปกติไม่น้อยหนึ่งวันเดินทางได้เพียงหนึ่งพันกว่าลี้ วันที่ห้าเสวียนเทียนเพิ่งจากสำนักกระบี่์มาได้ห้าพันลี้ ห่างจากอำเภอเป่ยโม่เหลือเวลาอีกสองวัน
กลางวันของวันที่ห้าเสวียนเทียนทานอาหารกลางวันที่อำเภอเหยียหม่า1 แล้วออกเดินทางต่อด้านหน้าเป็ทุ่งม้าป่า ทอดยาวเกือบพันลี้ เป็ทุ่งหญ้าที่กว้างไพศาล แต่เวลานี้หิมะทับถมหนาทำได้เพียงตัดสินทิศทางจากยอดเขาที่อยู่ไกลลิบ
ทุ่งม้าป่าเป็เส้นทางสายเดียวที่จะไปยังอำเภอเป่ยโม่หิมะหนาปิดกั้นเส้นทาง นอกจากผู้ฝึกยุทธ์แล้ว คนธรรมดาแทบจะไม่เร่งเดินทางในเวลาเช่นนี้บนพื้นหิมะกว้างเวิ้งว้าง มองไปมีเพียงเสวียนเทียนผู้เดียวกำลังเดินทางอยู่
เมื่อเข้าทุ่งม้าป่ามาได้สี่ห้าร้อยลี้ทันใดนั้น เบื้องหน้าไกลๆ ก็มีจุดสีดำหลายจุดปรากฏขึ้นมาผ่านไปไม่นานจุดดำจากน้อยก็เพิ่มเป็มาก มากถึงหลายสิบหลายร้อย
สายตาของเสวียนเทียนจับจ้องที่กลุ่มจุดดำไกลลิบเบื้องหน้าไม่ต้องสงสัยเลย ท่ามกลางอากาศเช่นนี้ ผู้ที่จับกลุ่มเดินทางในทุ่งม้าป่าหากไม่ใช่ขบวนคาราวานก็ต้องเป็กองโจรบนหลังม้า สังเกตความเร็วที่จุดดำเคลื่อนตัวแล้ว คงไม่ใช่ขบวนคาราวแน่เป็ไปได้เพียงอย่างเดียว เป็กองโจรบนหลังม้ากลุ่มหนึ่ง
สำหรับคนธรรมดาการพบกองโจรบนหลังม้าในทุ่งม้าป่าเป็อันตรายถึงชีวิตโดยแน่แท้ แต่เสวียนเทียนเป็ศิษย์สำนักกระบี่์ศิษย์ของสำนักใหญ่ที่กองโจรได้ยินต้องหดหัว เมื่อสองฝั่งพบกันฝ่ายที่ได้ยินแล้วต้องหนี โดยทั่วไปล้วนเป็กองโจรบนหลังม้าผู้บ้าคลั่งดังนั้นเสวียนเทียนไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ลงแส้ม้าควบไปข้างหน้า ไม่หยุดสักนิด
ห่างออกไป ในกองโจร
ผู้นำขบวนเป็เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดรายล้อมรอบด้านไปด้วยชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำ
ชายฉกรรจ์คนที่อยู่ซ้ายสุดรูปร่างประดุจหอคอยเหล็กหลังหนึ่ง ร่างกายกำยำล่ำสันเกินใครถ้าหากเสวียนเทียนเห็นเข้าจะต้องจำได้ เขาก็คือหัวหน้าสามของพรรคฝูเวย
ในมือของหัวหน้าสามมีภาพวาดอยู่ใบหนึ่งคนในภาพวาดก็คือเสวียนเทียน
นอกจากเด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีคนนั้นแล้วคนที่เหลือล้วนเป็สมาชิกของพรรคฝูเวยชายฉกรรจ์ร่างกำยำข้างขวาของหัวหน้าสามก็คือหัวหน้าใหญ่กับหัวหน้ารองของพรรคฝูเวย
ครั้งนี้พรรคฝูเวยได้รับไหว้วานจากคนอื่นเป็เงินหนึ่งล้านตำลึงให้เด็ดหัวของเสวียนเทียนพอดีกับที่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าคนนี้มาเป็แขกที่พรรคฝูเวยเด็กหนุ่มผู้นี้ชื่ออินจิ่วโฉวเป็ลูกศิษย์ของมหาโจรแห่งยุทธภพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือคนหนึ่งของอาณาจักรเสินเตาหัวหน้าสามรู้ว่าเสวียนเทียนเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่์ ไม่กล้ารับงานครั้งนี้แต่อินจิ่วโฉวไม่เห็นศิษย์สำนักกระบี่์ในสายตาแม้แต่น้อย
ทั้งฝ่ายที่ไหว้วานก็ยังมีลูกหลานอยู่ที่สำนักกระบี่์รับปากว่าจะช่วยพวกเขาให้หนีพ้นจากการล่าสังหารของสำนักกระบี่์ดังนั้นพรรคฝูเวยจึงร่วมมือกับอินจิ่วโฉว รับงานเด็ดศีรษะเสวียนเทียนมา
เมื่อครู่สายสืบในหมู่บ้านเหยียหม่าส่งพิราบสื่อสารแจ้งข่าวมาว่าเสวียนเทียนเข้ามาที่ทุ่งม้าป่าแล้วกำลังมายังอำเภอเป่ยโม่ พรรคฝูเวยเพิ่งฆ่าล้างหมู่บ้านแห่งหนึ่งมาเมื่อครู่ก็ตรงมาดักขวางทางเสวียนเทียนเสีย
-------------------
1. 野马 yěmǎ (เหยีย-หม่า) ม้าป่า