ม่านพลังโปร่งแสงบังหน้าเสิ่นเลี่ยนและเริ่นเสี้ยวเทียนเอาไว้ เพื่อปกป้องทั้งสองคนและแยกอู๋ิออกไป
อู๋ิกวาดตามองไปรอบๆ แต่ไม่เจอสิ่งผิดปกติ ทว่าไม่มีสิ่งผิดปกติเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกใ
คนที่สามารถต้านทานพลังโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดายมีอยู่ไม่มากในเมืองชางฉง ทว่าคนเหล่านี้ไม่มีใครเลยที่มาจากอำนาจยิ่งใหญ่ แล้วใครกันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ทันใดนั้นเอง เฝิงเป่าเป่าที่ยืนอยู่ด้านล่างพลันถอนหายใจออกมายาวๆ
เขารู้ได้ว่าเื่ในวันนี้คลี่คลายลงแล้ว
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเหาะไปอยู่ข้างๆ เสิ่นเลี่ยน แล้วเอายาเรียกลมปราณให้เขาหนึ่งเม็ด นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียนให้นางไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางเอามาให้เสิ่นเลี่ยนฟื้นฟูพลังก่อน
“ท่านเป็ใครกันแน่ หวังว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่นี้”
อู๋ิมองไปรอบๆ พลางกล่าวอย่างระแวดระวัง
“เหอๆ กล้ามาหาเื่ถึงถิ่นของข้าเช่นนี้ กล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียว”
ครั้งนี้เสียงนั้นค่อนข้างชัดเจน ตำแหน่งต้นเสียงคือเรือนว่างเปล่าหลังหนึ่งด้านล่าง ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็ชายชราที่มีอายุค่อนข้างมากคนหนึ่ง
อู๋ิหันมองเรือนหลังนั้นที่เบื้องล่างด้วยสีหน้าลนลาน แววตาสับสน ไม่รู้ควรกล่าวอะไรดี
“ท่านยังไม่ตาย?”
อู๋ิเงียบอยู่นานแล้วกล่าวออกมาเพียงแค่นี้ แต่ฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาแฝงความหวาดกลัวเอาไว้ด้วย
“รู้มากนักคงมีชีวิตอีกไม่นาน ไสหัวกลับไปตอนนี้ยังทันนะ”
เสียงของชายชราผู้นั้นดังขึ้นอีกครั้งจากเรือนเบื้องล่าง
อู๋ิที่ยังคิดจะกล่าวบางอย่างออกมา ต้องฝืนกลืนคำเ่าั้กลับไป
เมื่อคิดถึงพลังที่น่ากลัวและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนี้ คนผู้นั้นโเี้ยิ่งนัก มิอาจล่วงเกินได้เลย
“ไป”
อู๋ิออกคำสั่งขั้นราชันสองคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง แล้วเขาก็ค่อยๆ ล่าถอยออกไป
กระทั่งสามคนนั้นถอยไปถึงทางออกแล้วจึงหันหลังวิ่งหนีไป
เริ่นเสี้ยวเทียนเห็นอู๋ิเป็แบบนั้นก็ไม่รู้ควรกล่าวอะไร ก่อนจะก้มหน้ามองไปยังเรือนที่ดูธรรมดาหลังนั้น
เขาอยู่ที่นี่มาห้าวันแล้ว ไม่เคยััถึงไอพลังของผู้แข็งแกร่งใดๆ เลย ตอนนี้ทำไมถึงมีผู้แข็งแกร่งอยู่ในเรือนหลังนั้นได้
เสียงที่ดูเหมือนธรรมดา กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลางคนหนึ่งล่าถอยออกไปอย่างง่ายดาย พลังของคนผู้นี้คงถึงขั้นจักรพรรดิระดับสูง หรือกระทั่งถึงขั้นจักรพรรดิระดับสูงสุดไปแล้วกระมัง!
“ฮ่าๆ สหายตัวน้อยจากสำนักบุปผา เป็อย่างไรบ้าง”
เมื่อเห็นว่าเริ่นเสี้ยวเทียนจ้องมองตนเองอยู่ เสียงของคนผู้นั้นภายในเรือนจึงดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้าุโคือ?”
เริ่นเสี้ยวเทียนมีท่าทีนอบน้อมยิ่งนัก พลางกล่าวกับเรือนหลังนั้นอย่างเคารพ
“ข้าเป็เพียงนักรบคนหนึ่ง ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงนักหรอก พวกเ้าคนหนุ่มสาวเล่นกันต่อไปเถอะ! แต่ถ้าออกไปจากสวนแห่งนี้แล้วข้าคงปกป้องพวกเ้าไม่ได้”
เสียงนั้นกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ
“ขอบคุณผู้าุโที่ช่วยเหลือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนพยักหน้าพลางกล่าวกับเรือนหลังนั้นอีกครั้ง เดิมทีเขาอยากพบเจออีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่คิดจะให้เขาเจอ
แล้วเสียงก็ไม่ดังออกมาอีก ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เริ่นเสี้ยวเทียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยประคองเสิ่นเลี่ยนเหาะลงมาจากกลางอากาศ กลับมาอยู่ในศาลาเล็กใจกลางทะเลสาบอีกครั้ง
เสิ่นเลี่ยนในตอนนี้าเ็ไม่รุนแรงนัก เพียงแต่หมดพลังและโดนอู๋ิแทงเข่าใส่ ทำให้อวัยวะภายในแปรปรวน เขาเพิ่งกินยาเรียกลมปราณเข้าไป กำลังฟื้นฟูพลังกลับมาทีละน้อย
เฝิงเป่าเป่าเห็นดังนั้นจึงเอายาจำนวนมากออกมาจากแหวนของตนเอง
มีทั้งยาเรียกลมปราณ ยาฟื้นฟูจิตใจ ยาถอนพิษ ยาแก้ฟกช้ำสามครา และยาอื่นๆ วางอยู่เต็มโต๊ะ เพื่อให้เสิ่นเลี่ยนได้เลือกไป
“ยานี้ไม่เลว กินเข้าไปด้วย”
เริ่นเสี้ยวเทียนเห็นยาแก้ฟกช้ำสามครา จึงหยิบส่งให้เสิ่นเลี่ยน
เสิ่นเลี่ยนรับแล้วกินเข้าไปโดยไม่ลังเล จากนั้นก็นั่งสมาธิเพื่อรักษาอาการาเ็
ยาแก้ฟกช้ำสามครานี้เป็ยารักษาแผลที่มีฤทธิ์แรง ถูกปรุงขึ้นโดยนักปรุงยาขั้นห้า สามารถรักษาาแที่โดนโจมตีได้โดยตรง ส่วนคำว่าสามคราคือผ่านกระบวนการปรุงยาถึงสามครั้ง ทำให้สรรพคุณของยาแก้ฟกช้ำนี้ถูกผนึกไว้ภายในเม็ดยาอย่างสมบูรณ์ เก็บรักษาสรรพคุณที่ดีที่สุดเอาไว้
หลังจากกินยาแก้ฟกช้ำสามคราเข้าไปแล้ว อวัยวะภายในของเสิ่นเลี่ยนที่แปรปรวนไปก่อนหน้านี้กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว และาแตรงหน้าอกก็หายดีในพริบตา
“เฮ้อ!”
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ เสิ่นเลี่ยนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เม็ดเหงื่อบนใบหน้าเหือดแห้งไปแล้ว ดูผ่อนคลายลงกว่าเดิมมาก
“ขอบคุณมาก”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวขอบคุณเฝิงเป่าเป่า หากไม่ใช่เพราะยาแก้ฟกช้ำสามคราของเฝิงเป่าเป่า อาการาเ็ของเขาคงต้องใช้เวลากว่าสามชั่วยามจึงจะหายดี แม้แต่พลังภายในร่างยังฟื้นฟูกลับมาแล้วถึงสามส่วน ทำให้เขามีพลังป้องกันตัวได้
“สมควรแล้ว สมควรแล้ว ต้องโทษอู๋ิ...”
เฝิงเป่าเป่าทำหน้าเศร้า หากไม่ใช่เพราะอู๋ิ พวกเขาคงไม่าเ็ หรือกระทั่งหากไม่ใช่เพราะพวกเขามารู้จักตนเอง คงไม่ทำให้อู๋ิบันดาลโทสะเช่นนี้ ต้นเหตุแท้จริงก็ยังเป็ตนเองอยู่ดี
“อู๋ิผู้นั้น ข้าจะจัดการเอง”
เสิ่นเลี่ยนนึกถึงอู๋ิ เจตจำนงสังหารพลันปะทุออกมาอีกครั้ง
แม้วันนี้จะมิอาจสังหารเขาได้ แต่เขาเข้ามาอยู่ในบัญชีดำผู้ถึงฆาตของเสิ่นเลี่ยนเรียบร้อยแล้ว และยังเป็บุคคลที่อยู่ในอันดับต้นๆ อีกด้วย หากเสิ่นเลี่ยนมีพลังมากพอ คนที่จะตายคนแรกก็คือเขา
“ใช่แล้ว ผู้าุโคนนั้น”
เสิ่นเลี่ยนนึกถึงเสียงจากเรือนหลังหนึ่งก่อนหน้านี้ หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของคนผู้นั้น ตนเองคงตายไปแล้ว
“เขาเป็ท่านปู่ข้าเอง อย่าให้คนอื่นรู้ล่ะ”
เฝิงเป่าเป่ากล่าวกับทั้งสามคน
“อืม ข้าเข้าใจ”
เริ่นเสี้ยวเทียนอยากรู้มานานแล้วว่าเป็ใคร เพียงแต่เขาไม่ถาม ตอนนี้คำตอบของเฝิงเป่าเป่าทำให้เขาเข้าใจได้ทันที
ดูเหมือนตระกูลเฝิงไม่ใช่ตระกูลแห่งการค้าธรรมดาๆ ภายในตระกูลมียอดฝีมืออยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่น่าแปลก หากไม่มียอดฝีมือเช่นนี้ เฝิงเทียนจะฝึกฝนถึงขั้นราชันได้อย่างไร
การฝึกฝนนี้ ปัจจัยทางสายเืค่อนข้างสำคัญ หากสายเืไม่มีการฝึกฝนมาก่อน คงต้องเป็คนธรรมดาไปทั้งชีวิต
ในทวีปหลิงโซ่วแห่งนี้ แม้ผู้ฝึกตนจะมากมาย แต่คนธรรมดาที่มิอาจฝึกฝนได้กลับมีมากกว่า เพียงแต่ภายใต้พลังที่หล่อเลี้ยงอยู่ ทำให้คนธรรมดาส่วนใหญ่เรียนรู้การต่อสู้ได้บ้าง หากอยู่ในโลกคนธรรมดาเรียกได้ว่าเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเอ่ยถามทุกคน เพราะพวกเขาไม่มีทางซ่อนตัวอยู่ในสวนแห่งนี้ตลอดไปได้
“ข้าออกไปได้ แม้พวกเขาจะชั่วช้าเพียงใด แต่คงไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก ส่วนพวกเ้าพักอยู่ในนี้ไปก่อนดีไหม”
เฝิงเป่าเป่าครุ่นคิดพลางกล่าว
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตาแก่นั่นลงมือโเี้ยิ่งนัก ออกไปตอนนี้อันตรายมากเกินไป”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวอย่างเห็นด้วย
“อืม ก็ได้”
นางอยู่ที่นี่มาห้าวันแล้ว ได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ที่มีชื่อเสียงของเมืองชางฉงไปไม่น้อย ได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากเมืองที่หรูหราแห่งนี้มากมาย เดิมทีนางยังอยากออกไปท่องเที่ยวอยู่เหมือนกัน แต่เกิดเื่เช่นนี้ขึ้นคงออกไปไหนไม่ได้สักระยะ
อย่างน้อยที่สุด พวกเขาออกไปคงไม่ปลอดภัยจนกว่าเสิ่นเสวียนจะกลับมา
“หากพวกเ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะเคลื่อนย้ายส่วนการผลิตกระดานหมากมาไว้ที่นี่ หากพวกเ้ามีเวลาจะได้ช่วยระดมความคิดกับข้าด้วย” เฝิงเป่าเป่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ดีเลย!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยพยักหน้าตอบรับในทันที เสิ่นเสวียนให้นางติดตามเฝิงเป่าเป่าเพื่อเรียนรู้ และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาเรียนรู้ด้วย
ส่วนที่ด้านนอกสวนแห่งนี้ สีหน้าของอู๋ิโเี้จนน่ากลัว