ชิงซีปรากฏตัวขึ้นที่เรือนส่วนตัวของนางในเมืองผิงชางของแคว้นซินหลัว
บางทีนางควรขายเรือนแห่งนี้โดยเร็วที่สุด แต่นางอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว บางครั้งก็ยากที่จะตัดใจได้
หลังจากท่องเที่ยวในโลกมนุษย์มาหลายพันปี สิ่งเดียวที่ทำให้นางลังเลก็คือการต้องแยกจากเรือนที่นางอาศัยอยู่มานาน
์จะไม่ให้นางพบเจอเื่น่าตื่นเต้นเลยหรือ?
เหตุใดนางถึงไม่เจอเื่น่าสนใจเลย?
ท้ายที่สุดแล้วหากองค์หญิงเหวินฮวาสิ้นพระชนม์ นางก็ต้องกลับไปที่ตระกูลหลวน
ในโลกมนุษย์การตายถือเป็เื่ธรรมดา แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือนางยังไม่เคยมีความรักในโลกมนุษย์เลย
เมื่อคิดเช่นนั้นนางก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา
ตอนนี้เมื่อได้เห็นองค์หญิงแห่งลั่วซานมีความรัก หัวใจของชิงซีก็ยิ่งหนักอึ้ง
ถ้านางกลับไปที่ตระกูลหลวน นางคงไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระใช่หรือไม่?
นางรู้สึกโศกเศร้า
ขณะที่ชิงซีกำลังใช้ความคิด จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงร้องของนกกระเรียน
เป็สัญญาณบ่งบอกว่าอวี้เหออยู่ที่นี่
เทพธิดาอวี้เหอเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ ชิงซีก่อนจะถามว่า “เ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
ชิงซีผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและกล่าวว่า “ข้ากำลังครุ่นคิดเื่ที่ใครบางคนไม่พอใจข้า”
อวี้เหอยิ้ม “เซียวเหยียนยังเด็ก เ้าอย่าได้ถือสาเขาเลย”
ชิงซียิ้มตอบ “เอาล่ะๆ ข้ารู้ว่าเขาเป็ศิษย์ของเ้า ข้าเพียงพูดคุยอะไรบางอย่างกับเขาเท่านั้น”
อวี้เหอถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ชิงซีกระซิบแผนการของนางให้อีกฝ่ายฟัง หลังจากฟังจบอวี้เหอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ นางเลือกที่จะเงียบ
เมื่อเห็นเช่นนี้ชิงซีก็ไม่ได้กล่าวอะไร
หลังจากนั้นอวี้เหอก็นึกอะไรบางอย่างออก นางถามว่า “เ้าบอกว่าเด็กคนนั้นคือบุตรีของอวิ๋นเซียวหรือ?”
ชิงซีกล่าวว่า “ใช่แล้ว เ้าไม่รู้หรือ?”
อวี้เหอเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จริงๆ มารดาของนางคือซูว่านหรูใช่หรือไม่?”
ชิงซีพยักหน้า
อวี้เหอดูอารมณ์เสียมาก
“เ้ากับซูว่านหรูรวมหัวกันหลอกลวงข้าหรือ? ซูว่านหรูบอกข้าว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับอวิ๋นเซียวจบลงแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่รับเซียวเหยียนเป็ศิษย์อีกคน” อวี้เหอโกรธมาก
ชิงซีตระหนักว่าดูเหมือนนางจะรู้อะไรบางอย่างที่นางไม่เคยรู้มาก่อน
เป็ไปได้หรือไม่ที่อวิ๋นเซียวก็ใช้อวี้เหอเป็หมากตัวหนึ่งเช่นกัน?
แต่เื่ราวไม่ควรเป็เช่นนี้ ถึงอย่างนั้นเมื่อฟังจากน้ำเสียงของอวี้เหอแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่
ชิงซีมีคำถาม
แต่นางไม่เอ่ยปาก นางทำเพียงเฝ้ามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
อวี้เหอกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นซูว่านหรูร้องไห้ต่อหน้าข้า นางบอกข้าว่านางจะแต่งงานกับอวิ๋นหาน และยังบอกด้วยว่าความสัมพันธ์ของนางกับอวิ๋นเซียวได้จบสิ้นลงแล้ว จากนั้นนางก็ไม่บอกอะไรข้าอีกเลย ถ้าเ้าไม่บอกข้า ข้าคงไม่รู้ว่าอวิ๋นเซียวมีบุตรี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงซีก็เข้าใจทันทีว่าเื่ราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคำพูดที่ไม่เข้าท่าของซูว่านหรู
ชิงซีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “อวี้เหอ อันที่จริงข้ารู้เื่นี้เพราะมีคนบอก”
อวี้เหอถามทันทีว่า “ใครกัน?”
ชิงซีเอ่ยชื่อซูเจิน
อวี้เหอกล่าวว่า “เป็เขานี่เอง ไม่แปลกเลยที่เขาปฏิเสธไม่ยอมพบข้าใน่หลายปีที่ผ่านมา ข้ารำคาญเขาจึงไม่อยากพบเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถึงข้าจะโกรธอวิ๋นเซียว แต่การที่เขาจากไปเช่นนั้นก็ทำให้ข้าเสียใจมาก”
ชิงซีใเล็กน้อยที่อวี้เหอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างฉับพลัน นางตั้งสติและกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยเช่นกันว่าอวิ๋นเซียวพบจุดจบเช่นนั้นได้อย่างไร?”
อันที่จริงหากอวี้เหอเลือกเดินทางไปชายแดนแทนที่จะกลับูเาขงถง อวิ๋นเซียวอาจยังมีชีวิตอยู่
อวี้เหอช่างน่าสงสารเสียจริง
ชิงซีเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ดี
อวี้เหอชอบอวิ๋นเซียวผู้เป็ศิษย์ของนาง
แต่ในขณะเดียวกันนางรู้สึกว่าซูว่านหรูเป็ศิษย์ที่ดี
ดังนั้นเมื่อนางเห็นทั้งสองแต่งงานกัน นางจึงทั้งมีความสุขและเศร้าโศก นางดีใจที่คนที่นางรักแต่งงานมีครอบครัวและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่นางก็เสียใจที่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่นาง
นี่เป็อารมณ์ความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงและซับซ้อนมากใช่หรือไม่?
ชิงซีไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน
ดูเหมือนว่าอวี้เหอไม่สามารถปล่อยวางเื่อวิ๋นเซียวได้
เพราะนางปล่อยอวิ๋นเซียวไปไม่ได้ นางจึงใจดีกับซูว่านหรูเป็พิเศษ
อันที่จริงมีไม่กี่คนที่เข้าใจความทุกข์ของอวี้เหอ
มีเพียงชิงซีที่มีพลังพิเศษเท่านั้นที่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของอวี้เหอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ทุกครั้งที่นางเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของใครสักคน นางไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร นางจึงเงียบไปนานก่อนจะกล่าวว่า “อวี้เหอ เ้า้าเรือนหลังนี้หรือไม่?”
อวี้เหอส่ายหน้า “เ้า้าขายหรือ?”
ชิงซีพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ ข้าไม่ชอบเรือนหลังนี้แล้ว”
อวี้เหอสะดุ้งเล็กน้อย ั้แ่รู้จักชิงซีมานางก็อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด แล้วนางจะไปอาศัยอยู่ที่ใด?
อวี้เหอถามว่า “เ้าจะไม่อยู่ที่เมืองนี้แล้วหรือ?”
ชิงซีส่ายหน้า “ข้าแค่้าไปอยู่ที่อื่น เมื่อข้าซื้อเรือนหลังใหม่ ข้าจะบอกเ้าแน่นอน”
อวี้เหอกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แต่ถึงแม้ข้าจะชอบเรือนหลังนี้ แต่ถ้าข้าไม่ได้มาอยู่ก็ไร้ประโยชน์ เ้าขายให้คนอื่นเถอะ”
ชิงซีพยักหน้า
อวี้เหอกล่าวต่อว่า “เ้าจะปกป้องเด็กคนนั้นตลอดไปหรือไม่?”
ชิงซีพยักหน้า “แน่นอน เ้า้าจะพูดอะไร?”
อวี้เหอกล่าวว่า “เ้าทำเช่นนี้เพราะนางเป็บุตรีของอวิ๋นเซียวหรือ?”
ชิงซีพยักหน้า
นางย่อมมีเหตุผลอื่นอยู่แล้ว แต่จะพูดออกไปได้อย่างไร?
ดวงตากลมโตของชิงซีดูไม่เหมือนว่านางกำลังมีเื่ปิดบังอยู่
อวี้เหอพยักหน้าด้วยท่าทีลังเล
จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
ในที่สุดอวี้เหอก็กล่าวว่า “ชิงซี ข้าเชื่อใจเ้ามาตลอด”
ชิงซีไม่ทันสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย นางกล่าวเพียงว่า “ข้าก็เชื่อใจเ้าเช่นกัน”
ดวงตาของอวี้เหอหรี่ลง นางจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ชิงซีถอนหายใจเบาๆ เพลงหนึ่งผุดขึ้นในใจของนาง
“ควบม้าตามทางสายยาว เงาทอดไปทั้งสี่ทิศ
ขอให้ข้าเป็ดุจดาว ดุจดวงจันทร์ ดุจลำธารใสสะอาด
คืนเดือนมืดมองไม่เห็นดาว ข้าเฝ้ารอคืนที่มองเห็นดาว ความรักของข้ากับเ้าสว่างไสวดุจดาว”
ชิงซีสงสัยว่าตนเองเสแสร้งเกินไปหรือไม่?
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบทกวีที่หมี่เจียเคยสอน
“แสงจันทร์กระจ่างยามราตรี ชวนทอผ้า ขับขานเพลงบนกำแพงด้านตะวันออก
ดาวเยว่เหิงหันหาทางช้างเผือก ทอแสงสว่างจ้า
น้ำค้างบนยอดหญ้านำพาฤดูกาลเปลี่ยนไป
จักจั่นในฤดูใบไม้ร่วงร้องเพลงท่ามกลางต้นไม้ นกนางแอ่นโบยบิน
เหล่าสหายเคยร่วมเดินทางเคียงบ่าเคียงไหล่ในอดีต สยายปีกทะยานขึ้นสู่ที่สูง
ไม่คำนึงถึงมิตรภาพ คนเดินเท้าทิ้งไว้เพียงรอยเท้า
ดาวเรียงรายจรดทิศใต้และทิศเหนือ
ต่อให้มิตรภาพแน่นแฟ้นเพียงใดก็ไม่คงอยู่ถาวร แล้วโลกที่เหน็บหนาวนี้จะมีประโยชน์อันใด?”
ตอนนี้หมี่เจียจะเป็อย่างไรบ้าง?
ความคิดของชิงซีล่องลอยไป
ท้ายที่สุดแล้ว่เวลาอันยาวนานในโลกมนุษย์ย่อมผ่านพ้นไป
ตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องจัดการกับเื่ราวบางอย่างในตระกูลมู่
ถึงอย่างไรนางก็จะจากไปแล้ว
ถ้านางจากไปนางจะรู้สึกไม่ชินหรือไม่?
ชีวิตตลอดระยะเวลาสี่พันปีนั้นไม่มีอะไรเลย นางไม่มีคนพิเศษให้คิดถึง
ไม่แน่ว่าใน่ไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาอาจเป็่เวลาที่น่าสนใจที่สุด และมีความทรงจำให้นางหวนนึกถึงมากที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้