ร่างกายของกูเฟยเยี่ยนที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุราถูกพาเข้ามาในจิ้งหวางฝู่
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหม่านส่งเด็กรับใช้ของจวินฮั่นหยิ่นออกไปแล้ว และกำลังจะเริ่มต่อว่านาง ทันใดนั้นกูเฟยเยี่ยนก็กระตุกลุกขึ้นมานั่งจ้องมองเซี่ยเสี่ยวหม่านด้วยสีหน้าว่างเปล่า
กลางดึกกลางดื่น แสงไฟมืดสลัว เซี่ยเสี่ยวหม่านใอย่างสุดซึ้ง “เ้า เ้า…เ้าไม่ได้เมา?”กูเฟยเยี่ยนหัวเราะเสียงดัง หญิงสาวกลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านจะพร่ำบ่นไม่หยุดจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป
เมา?
เป็ไปไม่ได้
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวไม่เพียงแค่มีทักษะสมุนไพรที่เลิศล้ำแล้ว แต่ยังมีทักษะบ่มสุราที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ในวัยเด็กนางมักจะแอบไปดื่มสุราของท่านอาจารย์มาไม่น้อยเลย ดังนั้นนางจึงคอแข็งไม่แพ้ผู้ชายอย่างแน่นอน หากไม่แน่ใจในตนเองนางจะกล้าดื่มด่ำอย่างเต็มที่ด้วยตัวคนเดียวที่ด้านนอกได้อย่างไร?
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนกลับมาล้มตัวนอนที่ิเย่วจวี นางสะลึมสะลือราวกับอยู่ในความฝัน ภายในศีรษะของนางปรากฏถึงใบหน้าเ็าภายใต้หน้ากากสีเงินของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ยังมีใบหน้าเย็นะเืขององค์ชายแปดจวินฮั่นหยิ่นอีกด้วย ใบหน้าทั้งสองค่อยๆ ซ้อนทับรวมเข้าด้วยกันแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ตรงกันพอดี สุดท้ายหน้ากากสีเงินของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ! กูเฟยเยี่ยนพยายามที่จะมองให้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่ท้ายที่สุดแม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังแตกกระจายออกไป
กูเฟยเยี่ยนใจนต้องลุกขึ้นมาแล้วเบิกตากว้างทันที ในขณะนี้เองนางจึงตระหนักได้ว่านี่เป็เพียงความฝัน
“นายก้อนน้ำแข็งเหม็น…”
ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจของตนเองจึงได้ว่างเปล่า
“รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เื่ดี! ”
ร่างบางมองข้ามความรู้สึกผิดหวังในใจ เมื่อนอนไม่หลับจึงถือโอกาสลุกขึ้นมาบำเพ็ญญาณสมาธิเสียเลย
ที่กักเก็บยาสมุนไพรภายในหวางเป่าติงมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทว่าอัคคีเทพยังคงหยุดอยู่ที่ระดับสาม นางยุ่งมากจนไม่มีเวลามาบำเพ็ญญาณ
อัคคีเทพระดับสามเพียงพอต่อการกลั่นอี้เสินตันในระยะเวลาหนึ่งเดือน แต่หากว่า้ากลั่นเม็ดยาคุณภาพสูงกว่านี้ภายในระยะเวลาอันสั้นมันก็จะเป็เื่ยากแล้ว
ในเมื่อนางคุกคามเทียนอู่ฮ่องเต้แล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถมอบให้เขาเพียงแค่อี้เสินตันที่กลั่นออกมาอย่างเดียวได้ แม้ว่าวันนั้นนางจะไม่ได้พูดถึงอย่างสมบูรณ์ ทว่านางรู้อยู่แก่ใจ ชีวิตของเทียนอู่ฮ่องเต้ล้วนอาศัยเม็ดยาประคองอาการไว้ อีกทั้งสภาพร่างกายก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประสิทธิภาพของยาสมุนไพรจำเป็ต้องเข้มข้นมากขึ้น ปริมาณของยาก็ต้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
และนางจำเป็ต้องมีปริมาณยาสมุนไพรให้มากถึงจะสามารถรักษาชีวิตตนเองได้
หลายวันต่อจากนี้หากนางไม่บำเพ็ญญาณสมาธิก็ต้องเก็บรวบรวมสมุนไพรมากลั่นอี้เสินตัน นางจะไม่เป็คนเริ่มไปหาจวินฮั่นหยิ่น เพราะทราบว่าไม่ช้าจวินฮั่นหยิ่นก็จะมาหานางเองถึงที่นี่
หลังจากที่รอมาสองถึงสามวันจวินฮั่นหยิ่นก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่เฉิงอี้เฟยกลับ้าพบนางทุกวัน ทว่ากูเฟยเยี่ยนไม่พบ ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหม่านมีความคิดที่จะเป็คนกลางในการติดต่อให้ก็หมดวิธี
เช้าตรู่วันนี้เซี่ยเสี่ยวหม่านได้มาอีกครั้ง
“จิจิจิ แพทย์หญิงกู เ้าเดาดูหน่อยว่าใคร้าพบเ้า? ”
กูเฟยเยี่ยนถามด้วยความสงสัย “รอบนี้ไม่ใช่เฉิงอี้เฟยแล้วหรือ? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านเขยิบเข้ามาด้านหน้าหญิงสาวด้วยใบหน้าที่คาดไม่ถึง “องค์ชายแปด! ”
กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจมาก นางทราบว่าจวินฮั่นหยิ่นจะต้องลงมือ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาที่จิ้งหวางฝู่ด้วยตนเอง กูเฟยเยี่ยนรีบเอ่ยถามว่า “เขาล่ะ? มาหาข้าทำไมกัน? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่ทราบความจริงจึงหัวเราะออกมา “แน่นอนว่ามาวิ่งเต้นให้กับท่านแม่ทัพเฉิงสิ นี่ก็กำลังรออยู่ที่รถม้าด้านนอกกับท่านแม่ทัพเฉิง พระองค์บอกว่า้าเชิญเ้าออกไปเดินเล่นแถบทุ่งหญ้าชานเมืองด้วยกัน”
กูเฟยเยี่ยนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว ภายในใจของนางมีความเหยียดหยามอย่างสุดซึ้ง ทั้งเหยียดหยามเฉิงอี้เฟยและเหยียดหยามองค์ชายแปด!
ตอนอยู่ที่หอฝูหม่านนางก็แสดงออกเอาไว้ชัดเจนเเล้วนะ เฉิงอี้เฟยเป็คนโง่เขลาหรือ? ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรดึงองค์ชายแปดมาชวนนางออกไปสิ! การตามจีบผู้หญิงนั้นไม่ได้ใช้วิธีการเช่นนี้นะ นี่เขาคิดไม่ได้จริงหรือ?
จวินฮั่นหยิ่นอีกคน เขาไม่มีศักดิ์ศรีหรือไง? ทั้งๆ ที่ทราบว่าเฉิงอี้เฟยชอบนาง แล้วยังจะใช้เฉิงอี้เฟยอีก? นี่มันเพื่อนสนิทอะไรกัน จากความคิดของนางแล้ว การที่จวินฮั่นหยิ่นทำดีกับเฉิงอี้เฟยล้วนเป็เพราะ้าอำนาจทางการทหารของตระกูลเฉิง!
“อำนาจทางการทหาร? ”
แววตาของกูเฟยเยี่ยนฉายแววเ้าเล่ห์ ภายในใจของนางแอบวางแผนการไว้ให้จวินฮั่นหยิ่นอีกครั้งหนึ่ง
นางรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปตามนัดหมายทันที!
ก่อนที่นางจะออกจากประตูไปเซี่ยเสี่ยวหม่านก็จงใจรั้งนางไว้พร้อมกับโน้มน้าวด้วยความจริงจัง “กูเฟยเยี่ยน การที่ท่านแม่ทัพเฉิงสามารถดึงองค์ชายแปดมาโน้มน้าวได้ เกรงว่าคงจะเอาจริงเอาจังแล้ว เ้านี่นะ รักษาเอาไว้ดีๆ เสียเถอะ! หลังจากที่เ้าออกจากจิ้งหวางฝู่แล้ว จวนของท่านแม่ทัพเฉิงก็จะเป็คนหนุนหลังให้เ้า”
กูเฟยเยี่ยนแอบคิดว่ากระต่ายน้อยตัวนี้คาดหวังให้นางออกไปมากแค่เพียงใดกันเชียว นี่คาดหวังจนโง่งมไปแล้วหรือ?
นางทราบความลับอันยิ่งใหญ่ของเทียนอู่ฮ่องเต้ ใครที่อยู่ใกล้นาง ใครคือคนหนุนหลังคนต่อไปของนาง คนๆ นั้นก็จะโชคร้ายอย่างถึงที่สุดต่างหาก! กูเฟยเยี่ยนี้เีสนใจจึงก้าวเท้าเดินออกไป
เป็อย่างที่คิดไว้จริงเสียด้วยว่าด้านนอกประตูใหญ่จะมีรถม้าโอ่อ่ากว้างขวางของเฉิงอี้เฟยคันนั้นจอดไว้อยู่ เฉิงอี้เฟยนั่งอยู่ด้านนอกด้วยลักษณะท่าทางเอาแต่ใจแล้วส่งยิ้มให้นางด้วยดวงตาเปล่งประกายเ้าเล่ห์
วันนี้เขาสวมชุดเรียบง่ายด้วยเสื้อแบบสั้น พับแขนเสื้อขึ้น ชุดนี้ให้ความรู้สึกขาดความแข็งกร้าวและสูงส่งในฐานะของแม่ทัพใหญ่ โดยให้ความรู้สึกราวกับทหารที่ถูกเหยียดหยามอย่างไม่มีความเคารพแทน
กูเฟยเยี่ยนจงใจแสดงสายตารังเกียจออกมาพลันเอ่ยถาม “องค์ชายแปดเล่า? ”
เฉิงอี้เฟยไม่เกิดโทสะแต่ลงจากรถม้าแล้วเดินมาหานาง เขาโน้มกายลงจนแทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับปลายจมูกของกูเฟยเยี่ยน ก่อนจะกระซิบแ่เบา “ทั้งชีวิตนี้ของเปิ่นเจียงจวินจะไม่แย่งสิ่งของจากผู้ชายสองคน คนแรกคือฝ่าา อีกคนหนึ่งคือจิ้งหวาง นอกเหนือจากนี้หากเปิ่นเจียงจวิน้าก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!”
กูเฟยเยี่ยนกระซิบกลับไปแ่เบา “หากข้าสนใจในตำแหน่งฟูเหรินของแม่ทัพ ข้าก็คงจะยอมต่อตระกูลฉีไปั้แ่แรกแล้ว ข้าจะรอถึงตอนนี้ไปทำไมกัน? คนที่เปิ่นกูเหนียงจะแต่งงานด้วยคือ…คือคนของราชวงศ์”
เฉิงอี้เฟยเผยยิ้มออกมา “เลิกแสดงได้เเล้ว เ้าไม่ใช่คนแบบนั้น”
กูเฟยเยี่ยนทนไม่ไหวจึงต้องกระซิบไปว่า “เ้ามองไม่ออกหรือว่าองค์ชายแปดก็ชื่นชอบข้าเช่นกัน? ”
หากเฉิงอี้เฟยมองไม่ออกเมื่อวานนี้จะดื่มจนเมาหัวราน้ำได้อย่างไร? วันรุ่งขึ้นเขาก็เข้าไปในพระราชวังเพื่อไปพูดคุยกับองค์ชายแปดแล้วพนันกันว่าใครจะได้กูเฟยเยี่ยนก่อน
เฉิงอี้เฟยทำเป็ไม่แยแส “แม้กระทั่งองค์ชายแปดยังสนใจเ้า มันก็แสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ของเปิ่นเจียงจวินดีอย่างยิ่ง! ”
กูเฟยเยี่ยนอยากจะตอบเขาเสียเหลือเกินว่า “หากวิสัยทัศน์ดีจะมีเพื่อนสนิทเป็จวินฮั่นหยิ่นหรือ? ”
แต่ถึงอย่างไรนางก็อดทนเอาไว้แล้วเดินไปที่ข้างรถม้าเพื่อหลีกเลี่ยงเขา จากนั้นจึงโน้มกายแสดงความเคารพ “นู๋ปี้น้อมคารวะองค์ชายแปด”
จวินฮั่นหยิ่นพูดน้ำเสียงเ็า “ลุกขึ้นเถอะ ขึ้นมา”
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนขึ้นรถม้าก็เห็นเขานั่งตัวตรงหลับตาประหนึ่งงีบหลับด้วยลักษณะท่าทีเ็าอย่างไร้ที่เปรียบเปรย
เมื่อเห็นว่าเฉิงอี้เฟยขึ้นมาแล้วเช่นกันแววตาของนางก็ทอประกายความเ้าเล่ห์จากนั้นจึงเสนอความคิดขึ้น “เดินเล่นแถบทุ่งหญ้าชานเมืองน่าเบื่อเกินไปนะ นี่มันเดือนสี่แล้ว ดอกไม้มากมายล้วนโรยราไปแล้ว เอาเป็ว่าพวกเราไปเก็บผลไม้ที่สวนผลไม้แถบชานเมืองดีหรือไม่? ตอนนี้อยู่ในฤดูของลูกท้อ ลูกซิ่ง [1] และลูกพลัมพอดี อีกทั้งรสชาติยังอร่อยเสียด้วย”
จวินฮั่นหยิ่นไม่ได้พูดอะไรแต่เฉิงอี้เฟยตอบรับทันที
่เวลายามบ่ายทั้งสามคนก็เดินทางมาถึง “หมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์” ย่านชานเมืองทางใต้ของเมืองจิ้นหยาง ที่ดินศักดินาแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง ผู้คนสามารถเพลิดเพลินไปกับดอกไม้ เก็บเกี่ยวผลไม้ และดื่มน้ำชาดื่มสุราได้ นอกจากนี้ยังมีห้องพักสำหรับค้างคืนอีกด้วย สถานที่แห่งนี้เป็สถานที่ยอดเยี่ยมแห่งการพักผ่อนหย่อนใจ บุคคลผู้มีอำนาจในเมืองจิ้นหยางล้วนชอบมาที่นี่ มีข่าวลือมาว่าเ้าของที่อยู่เื้ัหมู่บ้านูเาแห่งนี้เป็คนใหญ่คนโตแห่งเมืองจิ้นหยาง เพียงแต่ว่าไม่มีผู้ใดรับรู้เลยว่าคนใหญ่คนโตที่ว่านั้นคือใคร
เฉิงอี้เฟยเสนอขึ้นมา “ทางด้านตะวันตกมีทุ่งดอกโหยวไช่ที่ยังคงมีชีวิตชีวามาก ไปเดินเล่นที่นั่นก่อนดีไหม? ”
ทว่ากูเฟยเยี่ยนดึงดันจะไปที่สวนผลไม้ เฉิงอี้เฟยจึงทำได้เพียงตามไปด้วยกัน ทางด้านของจวินฮั่นหยิ่นนั้นไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาตลอดการเดินทาง
กูเฟยเยี่ยนจงใจพัวพันข้างกายจวินฮั่นหยิ่นโดยมีเฉิงอี้เฟยไล่ตามมาตลอด ทั้งสามคนค่อยๆ เดินผ่านสวนชาไกลออกไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มที่สวมใส่หน้ากากสีเงินยืนอยู่บริเวณสวนชาและมองดูพวกเขามาเป็เวลานานแล้ว…
——————
เชิงอรรถ
[1] ลูกซิ่ง หมายถึง ลูกแอพริคอท