ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงตั้งพระทัยให้มีหญิงงามคอยเอาอกเอาใจแม่ทัพครึ่งปีศาจ ขุนพลคนสำคัญของต้าเหลียง เพื่อให้เขาคอยปกป้องบ้านเมืองต่อไป
บุตรีท่านหมอหลวงไท่ซือจิ่วเป็ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ซึ่งนางเสนอตัวทำหน้าที่นี้ หลังพบบุรุษอสรพิษในห้องมืดแคบโดยบังเอิญระหว่างวิ่งซุกซน บิดามีความจำเป็ต้องพาบุตรสาวไปทำธุระด้วยกันในวังหลวงวันนั้น
เหม่ยฉีถือกระดาษที่เย็บต่อกันเป็สมุดพกพาไว้ นางทำมันด้วยตนเอง เอาไว้สำหรับจดบันทึก นางจดข้อความสำคัญในนิยายอย่างระวัง
เด็กสาวตัวน้อยมีแววตาที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว นางได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือ ราวกับว่าเป็เสียงกระซิบในภวังค์ ทว่าไม่เชิงเสียทีเดียว... นางคลานผ่านช่องส่งอาหารเล็กแคบเข้าไปคว้าหางที่มีเกล็ดขาวสะอาด สบั์ตาโลหิตของมันพลางเอ่ย ‘ข้าจะช่วยเ้าเอง’
-จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ เยว่ฉี X แม่ทัพเจี้ยนหยู่-
จัดลำดับความสำคัญของตัวละครในนิยายเรียบร้อยแล้ว ยามเซินนี้นางพยายามนึกว่าใครเป็ผู้เขียน นั่ง ๆ นอน ๆ นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก มิหนำซ้ำดันมีเื่ประหลาด ลายมือของนางกลายเป็ลายมือของเยว่ฉี ที่นางรู้เื่นี้เพราะตำราบางเล่มในโรงยามีการลงพู่กันด้วยลายมือเยว่ฉี
“ตกลงเขาคิดยังไงกับเยว่ฉีกันแน่นะ?” นางบ่นพึมพำบนม้านั่งหินในสวนด้านหลังห้องนอนของนาง หัวคิดทบทวนถึงเื่ราวในอดีต
เยว่ฉีเรียนรู้การใช้สมุนไพรเพื่อเลิกฝิ่นผ่านการสอนงานของบิดา นางยอมเป็เครื่องต่อรองทางการเมืองอย่างเต็มใจ มิใช่เพียงเพราะเวทนาบุรุษอสรพิษที่ถูกฮ่องเต้องค์ก่อนกักขัง นางมีนิสัยทะเยอทะยานมาั้แ่เล็ก ๆ นางเป็ผู้มีเมตตา แต่ก็มองการณ์ไกล
แม่ทัพเจี้ยนหยู่อาจคิดกับนางอย่างผู้มีพระคุณ เขายอมอยู่ในแผ่นดินต้าเหลียง แม้ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแล้วก็ตาม ก็เพื่อนาง
คุณชายสามสกุลจางเข้ามาพัวพันกับตระกูลหยางด้วยฝีมือาุโ พวกเขาอุตส่าห์ไปคัดขอคำอนุญาตอย่างเป็ทางการจากราชสำนัก ให้ท่านผู้ตรวจการมาเยี่ยมเยียนโรงปรุงยาแห่งนี้ได้ ด้วยความคาดหวังให้บุตรชายปรองดองกับเยว่ฉี
“ชาเ้าค่ะคุณหนู ท่านผู้ตรวจการฝากทางโรงครัวมา...”
บ่าวคนสนิทเรียกนางให้ตื่นจากภวังค์ ได้ยินแว่ว ๆ ว่าท่านผู้ตรวจการมารอที่ห้องรับรอง เขาแต่งตัวดี พูดจารู้ความ ไม่เมามายเหมือนเมื่อวันก่อน
คุณหนูรองเก็บสมุดในมือ นำพู่กันใส่กล่องไม้ บ่าวสตรีอีกสองตามมาสมทบ พวกนางชื่นชมใบชาและของฝากจากท่านผู้ตรวจการเป็ใหญ่โต
“คราวนี้ใต้เท้าเดินทางไปถึงเมืองลั่วหยาง ไม่ลืมของที่คุณหนูรบกวนเป็ธุระ ใต้เท้าแจ้งว่ามีหีบเครื่องประดับ ไข่มุกที่คุณหนูอยากได้...”
“ท่านผู้ตรวจการคิดถึงคุณหนูรองสุดหัวใจ แม้ตัวห่างไกล ใจคะนึงหานางผู้เป็ที่รัก”
“ซีซวน ซิงอี พวกเ้าชักจะน้ำเน่าเกินไปละ! เอาของส่งคืนเขา รับแค่ชาอาหาร ให้บ่าวรับใช้แบ่งกันกิน ในส่วนของข้า กินอะไรก็ได้ ไม่เื่มาก”
บ่าวรับใช้โดนตะคอกจนหน้าชา นอกเสียจากคุณหนูรองจะไม่ขวยเขินเอียงอาย ไม่กล่าวชมท่านผู้ตรวจการ ยังสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเขาอีก เว้นเสียแต่ว่าพวกนางสมองมีปัญหา คุณหนูรองนี่แหละจะผ่าสมองพวกนางออกมาใส่โหลแช่เหล้าดองสมองหมู!
ความปากร้ายของคุณหนูคนเดิมทำเอาบ่าวก้มหน้าขยาด วิ่งแจ้นไปบอกท่านผู้ตรวจการว่าคุณหนูไม่สะดวกรับแขก นางปิดประตูโรงปรุงยา นำกระดาษแผ่นใหญ่เขียนด้วยพู่กันว่าห้ามใครรบกวน ก่อนเดินหายไปในสวนด้านหลัง
“ซูหนี่ว์ เ้าคิดว่าแม่ทัพเจี้ยนแอบชอบข้าไหม เขาคิดยังไงกับข้า?”
“คุณหนูรอง!” บ่าวะโพลันสะดุ้งเฮือก มองซ้ายขวาอย่างหวาดกลัว นางก้มตัวลงนั่งยอง ๆ กับพื้นหญ้าตามคุณหนูที่เตรียมตะกร้าเก็บสมุนไพร พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบา “ถามอะไรเ้าคะ? แม่ทัพผู้นั้นเป็ปีศาจนะเ้าคะ”
“เ้าตอบให้ตรงคำถาม ข้าไม่ได้ถามว่าเขาเป็อะไร ข้าถามเ้าว่าเขา... แอบชอบข้าไหม?”
“เอ่อ... คือ...”
“อย่าอ้ำอึ้ง ข้าถามอะไรก็ตอบมา” นางนั่งยองข้างซูหนี่ว์ เอียงคอฟังอีกฝ่ายเล่าความลับ
“เมื่อนานมาแล้วมีข่าวลือเื่แม่ทัพเจี้ยนหยู่กับคุณหนูรอง แต่คุณหนูรองยืนกรานว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ วัน ๆ คุณหนูอยู่แต่ในโรงยากับบิดา แม่ทัพเจี้ยนหยู่ไปตั้งทัพทำศึก เดินทางไกลไม่พบหน้าร่วมแรมปี การรักใคร่เยี่ยงหนุ่มสาวนับเป็ข่าวไร้มูล นานวันเข้าผู้คนเห็นไม่มีอะไรอย่างที่คุณหนูลั่นวาจา ท่านแม่ทัพก็พูดเช่นเดียวกันกับคุณหนูรอง”
“อ้อ... เป็เช่นนี้เอง เืเย็นจริง ๆ”
ซูหนี่ว์ถามตาโต “ใครเืเย็นหรือเ้าคะคุณหนู?”
“ก็ข้านี่ไง จะใครเล่า ซูหนี่ว์” นางแค่นหัวเราะ เก็บหญ้าสมุนไพรใส่ชะลอมไม้ไผ่ บ่าวรับใช้หัวเราะตาม นางเข่นเขี้ยวขู่ ในสีหน้าท่าทางข่มขวัญ “หรือเ้าอยากรำลึกความหลังในกระท่อมมืดเงียบหลังโรงยา”
“มะ... ไม่เ้าค่ะคุณหนู! ข้ากลัว ๆ”
“อื้ม... เช่นนั้นเ้าเก็บใบไม้ไปอย่าพูดมาก หากเ้าหยิบสมุนไพรผิดต้น ข้าจะตีมือเ้า” เรียวปากอิ่มงามสีชาดขยับยิ้ม เหม่ยฉีเก็บใบฝิ่นอย่างระวังมือ ต้นไม้เหล่านี้มีไม่ถึงสิบต้น ในปริมาณเพียงพอสำหรับท่านแม่ทัพเจี้ยนหยู่และขุนนางคนสำคัญ มันเอาไว้ใช้ในยามคับขัน เมื่อพืชพรรณต้องห้ามได้รับการปลูกในราชสำนักพระราชวังของฮ่องเต้
ไม่นานนัก เสียงซอกแซกในพุ่มไม้เตี้ยพานางมอบขวับ หรี่ตามองสิ่งที่ซ่อนเร้น มันทอดั์ตาสีชาดมา บ่าวสตรีโยนตะกร้าทิ้งไป ร้องเสียงหลง
“กรี๊ดดด งู!”
“อย่าขยับ!”
เหม่ยฉีตวาด พุ่งตัวไปคว้าหมับเข้ากลางลำคอที่เต็มไปด้วยเกล็ดขาวสะอาด อสรพิษร้ายแยกเขี้ยวโดยที่ยังเก็บพิษร้ายไว้ในปากไม่ให้กระเด็นออกมา พิษพวกนี้ทั้งแสบร้อน เผาไหม้ิัจนเป็รูได้ นางก้มมองไปทางกองหญ้า เห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่ง
“แขกไม่รับเชิญไม่ใช่อสรพิษร้ายที่ไหน มิเช่นนั้นคนกรี๊ดเสียงดังลั่นคงโดนฉกหน้าไปแล้ว” นางเกือบตะคอกสาวใช้ให้หุบปากเสียด้วย ซูหนี่ว์รู้ใจนางนัก ยกมือปิดปากตน ทำปิดหูปิดตา ย่องออกไปเงียบ ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้