“จึงให้พวกเราซื้อที่นาให้กับครอบครัวเสียด้วยเลยผู้ใหญ่บ้านและฮูหยินหลังจากได้ยินเช่นนั้น สายตาจึงไม่แปลกเท่าก่อนหน้านั้นแล้วท่านพี่ พวกเราไม่สามารถเปิดเผยได้ใช่หรือไม่ว่าครอบครัวของพวกเรามีเงินน่ะเ้าคะ?เหมือนครั้งก่อนที่พวกเราจูงม้ากลับมา พอมีม้า คนพวกนั้นต่างอิจฉาริษยากันมากหากไม่ใช่ท่านพี่มาพูด พวกเขาจะต้องเอาม้าของพวกเราไปแล้วแน่นอน”
หลังจากน้องห้ากลับมาแล้วก็มาคุยกับเฉินเนี้ยนหรานด้วยเื่นี้เพียงลำพังเฉินเนี้ยนหรานเมื่อได้ยินดังนั้นจึงเงียบไป
นางกังวลเล็กน้อย พูดตามตรง การพัฒนาเติบโตนี้จะต้องอาศัยที่นาแต่ตอนนี้กลับถูกผู้ใหญ่บ้านจับตามอง หากนาง้าเจริญก้าวหน้าใหญ่โตเกรงว่าจะต้องค่อยๆ เป็ค่อยๆ ไปเสียแล้ว ชีวิตน่ะ สิ่งที่น่ารำคาญใจมากที่สุดก็คือทั้งๆ ที่ตนเองหาเงินมาอย่างสุจริต แต่กลับไม่สามารถใช้เงินได้
นางลูบศีรษะน้องห้า “อืม ที่น้องห้าป้องกันตัวไว้ดีแล้ว นิสัยของคนเราน่ะสำหรับคนในหมู่บ้านนี้ พวกเราป้องกันไว้สักหน่อยก็ดี เฮ้อ โลกก็เป็เช่นนี้ ก่อนพวกเรามีอำนาจจะต้องปกปิดเอาไว้อย่าให้ดูร่ำรวยจนเกินไป สิ่งที่เ้าทำนั้นดีมากน้องห้าของพวกเราเติบโตแล้วจริงๆ นะ รู้จักช่วยพี่ระวังแล้ว ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถทำให้ที่นาของพวกเรายิ่งใหญ่ภายในเวลาไม่กี่ปีได้ส่วนในปีแรก พวกเราจะต้องซื้อที่ดินให้น้อยสักหน่อย อย่างมากก็ทำร้านค้าที่เขตนี้ก่อน”
“หา…” น้องห้าตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง นางปัดมือ “ท่านพี่พวกเรา…จะทำร้านขายของในเขตจริงหรือ? ท่านรู้หรือไม่ทุกครั้งที่ข้าเห็นทุกคนมีร้านในเขต ข้ารู้สึกอิจฉามาก คิดมาตลอดว่าหากพวกเรามีสักร้านคงจะดีมาก! น่าเสียดายที่ร้านค้า ไม่ใช่อยากจะมีก็มีได้ ได้ยินว่าแค่หนึ่งร้านในเขตของเราจะต้องมีเงินหลายร้อยตำลึงโดยเฉพาะพื้นที่บริเวณละแวกท่าเรือ ได้ยินมาว่าจะยิ่งแพงมาก ทั้งยังซื้อมาได้ยากมากร้านที่อยู่ที่นั่นได้ยินมาว่ายอดเยี่ยมมากเลย”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะ ปรายตามองนาง “เด็กแสบเอ๋ยเ้าไปได้ยินเื่ราวมากมายจากที่ใดหรือ? ข้ายังไม่รู้เื่ราวที่เขตนี้เลยนะเ้ากลับรู้ดีมาก”
เมื่อถูกนางทำเป็เด็กเล็ก น้องห้ารู้สึกไม่ชอบใจ “ท่านพี่ ท่านอะไรก็ดีเสียหมดแต่ชอบทำเหมือนข้าเป็เด็กเล็ก ข้าไม่เด็กแล้วนะ ข้าอายุห่างจากท่านเพียงสี่ปีเท่านั้นท่านพี่ ข้าสามารถช่วยท่านได้ คำพูดพวกนั้นข้าฟังต้าหลางกับคุณชายหลิวจากเมืองตะวันออกพูดกันท่านไม่รู้หรอก พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วพูดเก่งนัก ทุกครั้งข้าชอบไปนั่งฟัง มักจะได้ยินเื่ที่มีประโยชน์มาฮ่าๆ…”
เมื่อเห็นท่าทางน้องห้ารีบร้อนอยากพิสูจน์ตนเอง เฉินเนี้ยนหรานพลันจมลงไปในความคิดของตนเองถูกต้อง ปกป้องน้องสาวสองคนไปตลอดก็ใช่เื่ ทางที่ดีที่สุดคือให้พวกนางเติบโตเป็คนเก่งเลี้ยงพวกนางแบบเด็กผู้ชายจึงจะดี
ต่อไปแม้แต่งงานออกไปแล้ว พวกนางย่อมไม่เหมือนสตรีทั่วไปที่แต่งงานแล้วมักจะถูกคนรังแกดูถูก
“น้องห้า เ้าอยากเป็สตรีที่เด็ดเดี่ยว พี่ไม่ห้ามเ้า แต่พี่จะต้องบอกข้อดีข้อเสียออกมาให้ชัดเจนหากเ้าอยากจะ…เป็สตรีที่เหมือนกับเสี่ยวอวี้เอ๋อร์ในหมู่บ้านของเราต่อไปต้องคอยฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ เลือกบุรุษที่เหมาะกับตนเองมาแต่งงานด้วยต่อไปก็มีลูกกับเขา คอยวนอยู่รอบสามี ถูกสามีให้ความรัก หากสามีพูดสิ่งใดก็จะรับคำสรุปแล้วเป็สตรีที่ให้ความสำคัญกับสามีเป็สำคัญ เช่นนั้นเ้าไม่จำเป็ต้องเรียนตัวอักษรพวกนี้หรือออกไปทำเื่เหล่านี้ด้านนอก”
เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ คือสตรีสกุลหลิวที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ นางหน้าตางดงาม ถือเป็ดอกไม้ในหมู่บ้าน
เมื่อไม่กี่วันก่อนก็มีดื่มเหล้ามงคลกัน นั่นคือเหล้ามงคลของเสี่ยวอวี้เอ๋อร์
ซึ่งแต่ก่อนน้องห้ารักคนที่เหมือนกับเสี่ยวอวี้เอ๋อร์มากที่สุด
“แท้จริงแล้ว เสี่ยวอวี้ก็เหมือนกับมารดาของพวกเราหลังจากแต่งงานออกไปแล้ว ล้วนต้องฟังคำพูดของสามี เชื่อฟังเพียงสามีเท่านั้น นางฟังแค่ท่านพ่อไม่ว่าท่านพ่อกับพวกน้องๆ จะทำถูกหรือผิด ก็จะเชื่อฟังพวกเขา ชีวิตเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้า้า ท่านพี่ ข้าไม่อยากเป็สตรีเช่นนั้น ข้าอยากเป็เช่นท่านพี่ดังนั้นสิ่งที่ท่านอยากจะพูดคือ ให้ข้าตั้งใจเรียนตัวอักษรหรือ?”
เ้าเด็กคนนี้ได้ฟังเพียงเล็กน้อยกลับสามารถคาดเดาได้ทั้งหมดเฉินเนี้ยนหรานยิ้มชื่นชม “อืม พวกเราต้องทำให้ตนเองมีชีวิตเหมือนดั่งบุรุษเพศจะต้องเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่ง ลดความอ่อนแอของสตรีที่ต้องคอยพึ่งพิงบุรุษ ดูไปแล้วพวกเราสูญเสียสิ่งหนึ่งไป แต่สามารถได้รับจุดยืนของตนเองมา อย่างไรหากพวกเหล่าสตรีมีงานรวมถึงเจริญก้าวหน้าได้แล้วพวกบุรุษล้วนไม่สามารถดูถูกพวกเราได้ น้องห้าคนดีของข้า ั้แ่วันนี้ไป เ้าเป็น้องชายคนที่ห้าของครอบครัวเราฮี่ๆ…”
เมื่อถูกนางล้อเล่นเช่นนี้ น้องห้าจึงรู้สึกเขินขึ้นมา ก่อนจะยกมือขึ้นสูงไปบีบแก้มพี่สาวตนเองแต่กลับต้องร่วงลงมาใหม่ สองพี่น้องตีกันวุ่นวาย หลังจากเล่นกันพอแล้ว น้องห้าก็กำหมัด“ท่านพี่ พวกเราจะต้องมีชีวิตที่ดี มีชีวิตออกมาเป็ตัวอย่างให้ท่านแม่เห็นให้พวกนางหยุดดูถูกสตรีอย่างพวกเรา เหอะ!”
ถูกนางทำให้หัวเราะไปหมด เฉินเนี้ยนหรานส่ายหน้าแล้วทำงานในมือต่อ
วันต่อมา เฉินเนี้ยนหรานไปหาหวงเต๋ออัน ให้เขานำจดหมายไปส่งเฉินจื่อิสองสามีภรรยาในเขตให้พวกเขาช่วยมองหาร้านในเขต
ตั้งร้านขายของ อย่างไรช้าเร็วก็ไม่ใช่เื่ขาดทุน
แม้ตอนนี้นางยังไม่ทำธุรกิจ ร้านนั้นก็สามารถปล่อยเช่าได้ พูดไปแล้ว นี่นับว่าซื้ออสังหาริมทรัพย์
คิดๆ ไปแล้ว ลำบากเพียงสิบกว่าวัน กลับได้ร้านค้ามาหนึ่งร้านเฉินเนี้ยนหรานรู้สึกพอใจ
ตำแหน่งร้านดีๆ จะต้องหาอย่างระมัดระวัง ดังนั้นเฉินเนี้ยนหรานจึงไม่คิดจะซื้อร้านรวดเร็วเพียงนั้นเพียงแค่ให้คนช่วยหาดูไว้ก่อนจะดีที่สุด ส่วนเื่ที่นา หลังจากนั้นไม่กี่วันผู้ใหญ่บ้านก็มาหาถึงที่บ้านนางจริงๆ
“เ้าของที่ สกุลสวี่เกิดเื่ในครอบครัว ครั้งนี้ได้ยินว่าจะขายยี่สิบไร่ข้าคิดว่าที่พวกเ้าอยากซื้อน่าจะจำนวนประมาณเท่านี้ จึงมาบอกกับพวกเ้าหากมีความคิดเช่นไร ก็เลือกวันไปดูที่ดินได้” ผู้ใหญ่บ้านพูดกับหวงเต๋ออันไปสูบยาสูบไป
เนื่องจากคนที่มาเป็บุรุษ เฉินเนี้ยนหรานจึงนั่งอยู่ในเรือน หวงเต๋ออันเงยหน้าขึ้นครั้นเห็นเฉินเนี้ยนหรานพยักหน้าก็รับคำ “ได้ขอรับ เช่นนั้นไปดูที่ดินตอนนี้เลยได้หรือไม่?”
ผู้ใหญ่บ้านคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำตัวเรียบง่ายเช่นนี้จึงพยักหน้าแล้วพาไปดู
แม้จะพูดว่าสตรีที่แต่งงานแล้วจะไม่ปรากฏตัวออกมาง่ายๆ แต่เฉินเนี้ยนหราน้าออกไปดูที่ดินอย่างไรนี่ถือเป็ทรัพย์สินก้อนแรกที่จะทำให้พวกนางทำเกษตรจนร่ำรวยได้ในภายภาคหน้าดังนั้นจึงออกไปดูที่นาด้วยกันกับหนิวซื่อ น้องห้ากับน้องหกยิ่งอยู่นิ่งไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าจะไปดูที่นาจึงตามไปด้วย
แม้พวกนางจะไม่มีประสบการณ์การดูที่ดินเลยสักนิด แต่มีนิสัยชอบดูเื่สนุกตามธรรมชาติจึงอยากตามพวกเฉินเนี้ยนหรานมาดูเื่สนุก
สำหรับเื่ที่นา ไม่ใช่ว่าเฉินเนี้ยนหรานมีประสบการณ์มากแต่หวงเต๋ออันมีประสบการณ์นี่นา
ตอนที่เขาอยู่ในเรือน ถือว่ามีฝีมือไม่เลว ตอนนี้มาดูแล้วเฉินเนี้ยนหรานอดที่จะให้เขาเป็ผู้นำไม่ได้ ส่วนปัญหาสำคัญจะเป็นางที่จัดการ
พวกนางไปเรียกคนที่เรือนสกุลสวี่ คนที่ออกมาเป็ชายชราวัยประมาณหกสิบปี และลูกชายสองคนที่ตามออกมา
หลังจากชายชราเห็นทุกคน ก็ทักทายผู้ใหญ่บ้านก่อน ถึงจะหันมาทักทายพวกหวงเต๋ออัน
ทุกคนคุยกันแล้วว่าจะไปดูที่ดิน ตาเฒ่าสกุลสวี่จึงพาพวกเขาเดินทางไปยังที่นา
ระหว่างทางตาเฒ่าสวี่ปิงกับหวงเต๋ออันพูดคุยกันเื่พืชผล ทั้งสองคนคอยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับประสบการณ์ปลูกพืชพันธุ์กันอยู่ตลอด
ตลอดทางที่เดินมามีทั้งพูดคุย มีทั้งหัวเราะกันอย่างสนุกสนานจากประโยคที่คุยกัน หวงเต๋ออันสืบถามมาได้ว่า ที่ตาเฒ่าสวี่ต้องขายที่นาทั้งยังขายคราวเดียวเป็จำนวนมากเช่นนี้เป็เพราะลูกชายคนโตจะเล่าเรียน
แต่ก่อนตาเฒ่าสวี่ทำธุรกิจ ถือเป็พ่อค้ามือรุ่งจนสามารถมีที่นาหลายร้อยไร่
ต่อมาเมื่อชราลง ธุรกิจกลับเดินถึงทางตัน รวมทั้งเหตุผลอื่นๆ จึงกลับมาบ้านเก่าทั้งครอบครัวพึ่งพาที่นาหลายร้อยไร่ในการทำมาหากินเลี้ยงชีวิต ในวันเวลา่นี้แม้จะไม่ใช่คนร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านแต่ถือเป็ครอบครัวที่อยู่หนึ่งในแนวหน้าของหมู่บ้าน
สมัยตาเฒ่าอายุสี่สิบกว่า ได้มีลูกชายคนหนึ่ง ลูกชายคนนี้เป็ดั่งแก้วตาดวงใจั้แ่เด็กถูกเลี้ยงมาให้เรียนหนังสือ
จากที่ได้ยินมาเขาเป็เด็กฉลาด เรียนหนังสือในเมืองทั้งยังได้รับชื่อเสียงเป็นักเรียนดีเด่นตอนนี้ตาเฒ่าสวี่จะขายที่นา เพราะอยากส่งลูกชายไปเรียนในเมืองก่อนจะมีการสอบ
เมื่อได้ยินเื่พวกนี้ ในแววตาของเฉินเนี้ยนหรานวาววับเล็กน้อยทุกสายอาชีพล้วนแต่เป็งานชั้นต่ำ ต้องเรียนหนังสือเท่านั้นถึงสูงส่งไม่ว่าคนในชนบทหรือคนในเมือง ต่างมองเื่การเรียนหนังสือเป็สิ่งที่ยิ่งใหญ่
คนในหมู่บ้าน อยากเข้าไปเรียนหนังสือในเมือง เงินที่ต้องจ่ายไม่ใช่จำนวนเงินที่คนธรรมดาจะสามารถรับไหว
มิน่าตาเฒ่าสวี่คนนี้ถึงอยากขายที่นาเลี้ยงลูกชาย เพียงแต่ ลูกชายคนอื่นๆเล่า?
นางกวาดตามองไปยังลูกชายอีกสองคนของตาเฒ่าสวี่ลูกชายคนโตมีท่าทางจะอย่างไรก็ได้ กลับเป็สวี่เหล่าเอ้อร์มีสีหน้าดูคล้ายไม่พอใจชัดเจนมากว่าไม่ค่อยยินยอมเท่าใดนัก แต่ด้านหลังมีสตรีหลายคนตามเข้ามายิ่งมีสีหน้าไม่พอใจมาก ดังนั้นสามารถนึกออกเลยว่าการที่ครอบครัวนี้ส่งคนคนหนึ่งเรียนลำบากมากเพียงใดตาเฒ่าสวี่ทำเช่นนี้ทำให้เฉินเนี้ยนหรานคิดไปถึงน้องชายที่ไม่ได้เื่ของตนเอง
ไม่รู้ว่าหากเฉินเนี้ยนจู่ที่คิดว่าตัวเองเรียนหนังสือแสนเก่งแสนฉลาดคนนั้นพูดว่าอยากเข้าไปเรียนในเมืองมารดาที่ไม่ค่อยฉลาดคนนั้นจะตามใจรับปากหรือไม่?
คิดถึงตรงนี้ พวกนางก็มาถึงที่นาแล้ว
ตาเฒ่าสวี่ขายที่ในครั้งนี้คือที่นาสิบไร่ ที่ดินดีอีกสิบไร่
ที่นาในตอนนี้ทำนาได้ไม่เลว ราคาเป็สิบตำลึงต่อหนึ่งไร่
ที่ดินดีแต่เพราะแห้งแล้ง ราคาเป็เก้าตำลึงต่อหนึ่งไร่
เมื่อคำนวณแล้ว หากซื้อทั้งยี่สิบไร่จะต้องจ่ายหนึ่งร้อยเก้าสิบตำลึง
รวมทำหนังสือสัญญา และจ่ายเงินให้กับผู้ใหญ่บ้านเป็การขอบคุณคาดว่าเงินสองร้อยสิบตำลึงคงหมดเสียแล้ว
แต่ขอแค่ที่ดินดี เงินเพียงเท่านี้สามารถหาคืนมาได้โดยไม่กังวล
อีกทั้งที่นาเป็แหล่งทำทุนระยะยาว หากดูแลให้ดี ต่อไปไม่ต้องกังวลเื่การใช้ชีวิตแล้ว
มองที่นาอยู่ครู่หนึ่ง ที่นาสิบไร่ แบ่งแปลงออกมาได้ใหญ่ไม่เลว ที่นาหนึ่งแปลงสามารถปลูกข้าวได้หลายส่วนมีที่นาหนึ่งแปลงเท่ากับนาหนึ่งไร่ ที่นาเช่นนี้ หากลงมือปลูกขึ้นมาแล้วคงสะดวกมากไร้ปัญหา
