สายตาของคนนับไม่ถ้วนที่มองเ่ิูบัดนี้เปลี่ยนไป ยุ่งเหยิงซับซ้อนขึ้นมา
พวกเขามากมายเห็นพ้องต้องกับคำพูดของไป๋อวี้ชิง
บางทีแม้พร์ของเ่ิูจะดีพร้อม แต่กลับฝึกฝนช้าเกินไป ล่วงเลยมาตั้งสี่ปีแล้ว ถนนสายยุทธ์แม้ช้าไปเพียงปีเดียวก็อาจฝังกลบอัจฉริยะคนหนึ่งได้ลึกสุดใจ
ยังไม่พูดถึงการที่เขาฝึกฝนมาน้อยกว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นมากนัก แล้วชาติตระกูลยังต่ำต้อยอีก ไม่มีทรัพยากรพอจะมาฝึกฝนได้ ถึงจะรีบร้อนติดตามขนาดไหน โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่เหลือความหวังใดๆ อยู่ดี
ช่างน่าเสียดายพร์ล้นหลามนั่นจริงๆ เลยนะ
และในกลุ่มศิษย์ใหม่นั้นก็มีเพื่อนร่วมห้องทั้งสามของเขาอยู่ด้วย พอพวกนั้นได้รู้สถานะที่แท้ของเ่ิูแล้วก็หน้าเปลี่ยนสี คิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ใกล้ชิดกับเขาได้ แต่ตอนนี้กลับพร้อมใจกันเปลี่ยนสีอีกรอบ ปรับปลี่ยนมุมมองต่างจากเดิม
เพราะเป็เด็กหนุุ่มที่อนาคตดำมืดแน่ๆ ก็ไม่เห็นจะต้องเสียเวลาไปทำความรู้จักมักจี่ให้เปลือง
ไป๋อวี้ชิงเหมือนจะจงใจ
นางตั้งใจยืมเื่รายชื่อทั้งสิบ ขว้างคำพูดนี้ใส่เขา ให้ปรากฎการณ์อันน่าทึ่งมากมายที่เขาสร้างขึ้น ถูกทำลายสิ้นเค้าไปในพริบตา
ไม่ต้องสงสัยว่าเื่นี้จะแพร่สะพัดไปทั่วสำนักในเวลาอันรวดเร็ว
ถึงยามนั้น ชาวเมืองลู่ิคงมีมุมมองและการประเมินเ่ิูในมุมที่ต่างออกไปแล้ว
และมันอาจจะไม่ใช่ในด้านดีด้วย
กลุ่มคนค่อยๆ แยกย้ายกันคนละทิศละทาง
คาบสายสิ้นสุดหมดเปลือกที่ตรงนี้
ท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดจากคนรอบข้าง เ่ิูดูราวกับคนสบายอารมณ์ เดินช้าๆ ออกจากประตูเป็คนสุดท้าย
ใบหน้าของเขาไม่ได้มีวี่แววทรุดฮวบหรือโกรธเคืองเลยสักนิด
ดั่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ฉับพลันก็มีใครบางคนดึงเสื้อเขาเบาๆ จากด้านหลัง
หันหลังไปมองก็พบแม่หญิงตัวน้อยงามแฉล้ม่เี่ิ ใบหน้าเป็ห่วงอย่างลึกซึ้ง กล่าวเบาๆว่า “พี่ชิงหยู ท่านอย่าโศกเศร้าไปเลยนะ ข้าคิดว่าพี่สาวคนนั้นพูดไม่ถูกเอาเสียเลย หรือไม่งั้น ข้าจักไปหาหัวหน้าหมวด ยกที่ของข้าให้ท่าน...”
เ่ิูหัวเราะร่า
เซี่ยโหวอู่ที่เดินอยู่ข้างๆ ได้ยินเข้าก็ส่งเสียงฮึอารามเย้ยหยันดูถูก “ไอ้โง่งมจนไม่มีจะกิน ยังจะหัวเราะออกอีก...”
เสียงไม่ได้ดังอะไรเลย แต่กลับลอยเข้าโสตััคนโดยรอบอย่างจัง
แม่หญิงตัวน้อยร่างเล็กชักหงุดหงิด นางเพ่งมองเซี่ยโหวอู่ เถียงอย่างโมโห “เ้าพูดเข้าไปได้อย่างไร...”
เ่ิูหัวเราะพลางดึงเด็กหญิงไว้ ส่ายหน้า
เพียงภาพนี้ประจักษ์แก่สายตาเซี่ยโหวอู่และคนทุกหมู่เหล่า ต่างก็แค่นหัวเราะดูแคลน เ้าเ่ิู หากคิดดูดีๆแล้ว เขาโดนทำให้อัปยศอดสูทั้งขึ้นทั้งล่อง กะอีแค่จะด่ากลับยังไม่กล้า...
คนประเภทนี้ ยากนักจักเป็ยอดศาสตราได้
เซี่ยโหวอู่หัวเราะเสียงเย็น หันหลังจะเดินจากไปกับพวกพ้อง...
เ่ิูกระแอม เอื้อนเอ่ยเย็นเยียบกับร่างที่หันหลังให้ “นี่...”
เซี่ยโหวอู่ชะงักก่อนหันหลังมามอง
สายตาของเขาเห็น หมัดที่ขยายขนาดทวีขึ้น กระทั้นเข้ามารวดเร็ว
คือกำปั้นของเ่ิู
ในทัศนะของเขา การโต้กลับด้วยวาจามักซีดขาวไร้น้ำยา มีแต่กำปั้นนี่แหละที่เหมาะจะแสดงอารมณ์ได้ดีที่สุด
การเปลี่ยนแปลงว่องไวเกินไป คนทั้งหลายจึงตั้งรับไม่ทัน
หมายรวมถึงเซี่ยโหวอู่ด้วยเช่นกัน
ทว่าเขาก็แค่การตะลึงเท่านั้น
เพราะพริบตาต่อมา ร่างกายของเซี่ยโหวอู่ก็แผ่ไอบางอย่าง เพียงเขายกมือขึ้นมา ตรึงหมัดของเ่ิูไว้ได้
เหตุการณ์สงบนิ่งลง
เวลานี้เองที่หมู่ชนเริ่มตอบสนอง
เ่ิูที่พวกเขาคิดว่าน่าจะอดทนข่มใจไว้ได้ กลับเลือกจะโจมตีตรงๆ กลับมากระนั้นหรือ?
น่าสมเพช จะบ้าบิ่นเกินไปแล้ว
เซี่ยโหวอู่มีจุดสูงสุดของพลังอยู่ที่เขตห้าแล้ว เทียบกับเ่ิูที่ยังไม่เริ่มฝึกยุทธ์ พร์ก็หมดประโยชน์ สองอย่างนี้ไร้ทางเหนือกว่าอีกฝ่ายอยู่แล้ว
ลงมือกันซึ่งๆ หน้าก็เท่ากับหาเหตุผลและคำแก้ตัวให้เซี่ยโหวอู่เท่านั้น
“เฮอะๆ เฮอะๆๆ” เซี่ยโหวอู่หัวเราะ “ลอบกัดข้าทำไม?”
“ลอบกัด?” เ่ิูหัวเราะกลับบ้าง “เข้าใจผิดแล้วกระมัง ก่อนจะลงมือข้าก็เตือนเ้าไปแล้วนะ”
เขาบอกว่า ‘นี่’ ไปแล้วจริงๆ นี่
“เตือนแล้วอย่างไร? ไอ้เศษเดนยาจกอย่างเ้า ยังมีหน้ามาลงไม้ลงมือกับข้า?” แววตาเขาค่อยๆ คมกริบขึ้นทุกที
“เ้าใช้ประโยชน์ข้าเมื่อครู่ ก็ควรจักล่วงรู้ได้แล้วว่าต้องลงเอยเช่นนี้ ข้าคนนี้ แต่ไหนแต่ไรมา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เห็นเป็เื่สำคัญ มีความแค้นอันใดก็จักชำระสะสางมันต่อหน้า ไม่รีรอถึงอนาคตหรอก” เ่ิูตอกกลับตรงจุด
“ฮ่าๆๆ” เซี่ยโหวอู่หัวเราะเข้าอีกแล้ว สีหน้าค่อยๆ ป่าเถื่อนขึ้นระเรื่อย “เ้ามันไอ้โง่จริงๆ ตาบอดเกินกว่าจะมองเห็น แก้แค้น? อนาถจิตว่ะ เ้าจะเอาปัญญาที่ไหนมาแก้แค้นข้า? ไอ้ผีไม่มีศาล!”
พูดพลางเพิ่มแรงที่ยึดหมัดเ่ิูไว้ขึ้นอีก
เซี่ยโหวอู่จะระบายความอับอายขายขี้หน้าที่ได้มาจากไป๋อวี้ชิงใส่คนตรงหน้านี้หมดเปลือก...
ยอดแห่งพื้นยุทธ์เขตห้า ถลกผมล้างกระดูก
เข้าสู่เขตวรยุทธ์ระดับนี้ได้แล้ว ต้องมีพลังไม่ต่ำกว่าห้าพันจิน
พลังเท่านี้สามารถมาพอจะหนีบเหล็กให้บี้แบน อย่าไปพูดถึงกายมีเืมีเนื้อ?
ฝ่ายตรงข้ามคือเ่ิูที่ไม่มีมาตรฐานฝึกฝนเลยสักนิด มองกี่ทางก็มีแต่จะถูกบดขยี้แหลกลาญเท่านั้น
มวลประชาราวกับได้ยินเสียงกระดูกป่นปี้ เห็นภาพหมัดของเ่ิูถูกบีบจนเละ เืสดๆ พุ่งทะลัก
ทว่า
“คนโง่งมเกินเยียวยาน่ะ...เ้ามากกว่ามั้ง?”
เ่ิูแววตาดุเดือด กระทืบเท้าอย่างแรง เรี่ยวแรงอันทรงพลังถึงขีดสุดพวยพุ่ง
ตูม!
อากาศธาตุพลันะเิบางเบา
แก้วหูทุกชีวิต ณ ที่นั้นอื้ออึงได้ยินแต่เสียงหึ่งๆ
เซี่ยโหวอู่รู้สึกเหมือนแขนซ้ายถูกค้อนั์ป้องกันกำแพงทุบตี ว่างเปล่าได้แวบเดียว ก็วิ่งพล่านหนีตายกันอุตลุด ท่ามกลางเสียงโอดครวญฟังไม่ได้ศัพท์ พอไปชนกำแพงห้องเข้าเต็มเปาแล้วนั่นถึงหยุดคลั่ง!
“นี่มัน...”
ราวกับอากาศที่สูดดมเข้าไปหนาวะเื
สายตามองเหมือนเห็นผี
ร่างกลัวหัวหดสั่นเทาเป็ลูกเจี๊ยบ
ปรากฏการณ์บ้านี่เกิดเร็วเกินไป ไม่มีใครโต้ตอบหรือปัดป้องทันสักคน
“เ้า...เ้าได้อย่างไร...ทำได้...อย่างไรกัน?” ใจเซี่ยโหวอู่เกาะติดผนังเย็นเฉียบ จิตท่วมท้นด้วยคลื่นมหึมา ครั่นคร้ามเกินใครเปรียบ ลืมแม้กระทั่งโต้กลับ
เ่ิูขยับแขนข้างหนึ่ง เอื้อนเอ่ยบางเบา “ขอโทษที แรงมันเยอะไปหน่อย”
คนฟังตะลึงจนหน้าแทบแข็งเป็หิน
แรง...เยอะไปหน่อย?
์ นี่มันแค่เศษเสี้ยวของแรงเองหรือวะเนี่ย?
หมัดเดียวก็ทำลายนักยุทธ์ที่มีพลังเขตห้าได้ เื่นี้....ต่อให้คิดจนสมองไหลก็ไม่มีทางเป็เื่ที่คนไร้พื้นฐานฝึกฝนทำได้แน่ๆ
ทุกคนมองเ่ิูเสมือนเป็ตัวประหลาด
เงียบสงบจนเปลี่ยวเปล่า
เ่ิูจูงเด็กหญิงตัวน้อยที่แลบลิ้นปลิ้นตาให้ เดินออกไปด้วยกัน
ยามเดินไปถึงหน้าประตู เขาก็ราวกับว่าคิดเื่หนึ่งออก หันหน้ากลับมามองฝูงชนพลางยิ้มอ่อนโยน
“จริงสิ ช่วยเตือนเพื่อนที่ยังมีวิธีคิดแบบนั้นให้ทีนะ คนอย่างข้าไม่มีใจเย็นอะไรทั้งนั้น ค่อนข้างทะนง รุนแรง ขวานผ่าซาก แล้วยังเ้าคิดเ้าแค้น ชอบใช้กำลังแก้ไขปัญหา เพราะงั้นต่อจากนี้พวกเ้าอย่ามายั่วยุข้าเลยจะดีกว่า ถ้าเกิดเสี้ยนจะยุให้ได้จริงๆ ก็กรุณาไตร่ตรองสักสามสี่ตลบ อย่างน้อยต้องแรงเยอะกว่าข้าถึงได้ล่ะนะ”
เอ่ยจบถึงเดินจากไปจริงๆ
รอจนเ่ิูไปไกลลิบแล้วนั่นแล คนในห้องถึงดึงิญญากลับร่างได้
เซี่ยโหวอู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแน่นหนัก เืไหลซิบจวนจะเล็ดออกมา
ตอนถูกหมัดของเ่ิูนั้น เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลน่าสะพรึงกลัว น่าประหลาดนัก ทำลายม่านพลังระดับเขตห้าของเขาลงได้ ะเืยันแก่น...
นี่คือสาเหตุที่เขาไม่อาจโต้กลับใดๆ
นั่นมัน...เป็พลังบ้าอะไรกันแน่?
เซี่ยโหวอู่ทั้งชังทั้งกริ่งเกรง
และยามเดียวกันนั้น นักเรียนคนอื่นก็ทั้งกลัวทั้งตระหนก แตกตื่นเกินจะบรรยาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนร่วมห้องทั้งสามของเ่ิู มองหน้ากันไปมา ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเพื่อนร่วมห้องข้นแค้นของตัวเองจะเปี่ยมพลังกราดเกรี้ยวเบ็ดเสร็จถึงเพียงนี้
พวกเขาทั้งสาม แม้จะเป็ลูกชนชั้นสูง เย่อหยิ่ง ทว่าอันดับคะแนนสอบเข้าไม่ถึงพันห้าร้อย เทียบเซี่ยโหวอู่ไม่ได้แม้แต่ฝุ่นผง แล้วเ่ิูสามารถกำราบเขาได้ในหมัดพิฆาตหมัดเดียว ถ้าคิดจะเก็บพวกเขาสามคนขึ้นจริงๆ มิใช่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยหรือ?
ยามนึกถึงคำที่เ่ิูทิ้งท้ายไว้ว่าเ้าคิดเ้าแค้น ใจของทั้งสามก็ละล่ำละลั่กไม่เป็สุขเข้าแล้ว
....
สำนักกวางขาวมีโรงอาหารประจำสำนักอยู่ด้วย
และอาหารในโรงอาหารแม้จะไม่ได้เลิศรสอะไร แต่ก็ไม่เสียเงินอยู่ดี ด้วยเหตุนั้นเ่ิูจึงตัดสินใจมากินมื้อกลางวันที่นี่
นักเรียนที่มาจากพื้นเพชนชั้นสูงและคนร่ำคนรวยไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อยู่แล้ว มีแต่นักเรียนคนยากเท่านั้นที่จะยืนหยัดกินในโรงอาหารต่อไปเรื่อยๆ
เ่ิูกินอาหารพอสำหรับคนสี่คนไปหมดเกลี้ยงแล้วถึงเดินออกจากโรงอาหารท่ามกลางสายตากริ่งเกรง มุ่งตรงไปยังหอพัก
คาบบ่ายเป็คาบฝึกวรยุทธ์
เ่ิูวางแผนไว้ว่าจะไปหอพัก เพื่อฝึกกระบวนลมหายใจก่อนค่อยไปเข้าเรียน
ตอนประมือกับเซี่ยโหวอู่ ความจริงแล้วกำปั้นของเขาก็ถูกพลังตอบโต้าเ็บ้างเหมือนกัน วิชาทำสมาธิลมหายใจไร้ชื่อ จักเพิ่มพูนพลังเขาได้เป็บ้าเป็หลัง หรือจะมีประโยชน์อย่างอื่นบ้างก็สุดจะคิด
ทว่าไม่ว่าจะเป็เยี่ยงไร ก็ไม่เคยผ่านการฝึกฝนร่างกายเป็จริงเป็จังมาก่อน และเมื่อเปรียบเทียบกับนักยุทธ์พลังระดับห้า ก็ยังห่างชั้นกันอยู่ดี
ต้องเริ่มฝึกอย่างจริงจังแล้ว
แต่ความกะทันหันที่เกิดกับเซี่ยโหวอู่นั้น เ่ิูกลับไม่เสียดายเลยสักนิด
เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้เป็อย่างไร แม้จะก้าวเข้าสำนักมาอย่างเรียบสงบ ทว่าความจริงแล้วกลับถูกจับจ้องมองด้วยสายตานับไม่ถ้วน ดั่งเกลียวคลื่นโคลงเคลงอยู่ลับๆ
เพราะงั้นเขาจึงต้องทำตัวดั่งเม่น โต้กลับเด็ดขาดต่อใครก็ตามที่บังอาจมารุกเร้า ถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้จริงๆ ให้พวกที่อยากลงไม้ลงมือกับเขาได้กลับไปชั่งพลังตัวเอง
เ่ิูวาดวางแผนการอยู่ในใจ
และยามนั้นเอง ที่เขาย่ำย่างอยู่บนทางเดินน้อยๆ ล้อมรอบด้วยพันธุ์ไม้ ไร้สุ้มเสียงใด เค้าลางประหลาดก็บังเกิด
เ่ิูเพิ่งค้นพบว่า ทิวทัศน์รอบกายเขากำลังแข็งค้าง กระทั่งใบไม้ก็ยังหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
มิรีรอให้เขาตอบสนองใดๆ ดวงตาพลันพร่าเบลอ
และคนที่ไม่คาดคิดก็ได้ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า
หัวหน้าหมวดปีหนึ่ง หวังเยี่ยน
“สงสัยหรือเปล่าที่รายชื่อทั้งสิบนั้นไม่มีนามของเ้าอยู่ด้วย?” น้ำเสียงนางราวกับเจือรอยยิ้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้