ยังจะด่าผู้ใดได้อีกเล่า แน่นอนว่านางเหอยังคงก่นด่าผู้ที่ทำลายทุ่งข้าวฟ่างของนางไม่หยุด ทั้งยังสาปแช่งไปถึงบรรพบุรุษอีกฝ่ายด้วย คำพูดหยาบคายน่ารังเกียจ ไม่รื่นหูไม่น่าฟังอักโข
นางเซี่ยที่อยู่ในห้องล้วนได้ยิน แน่นอนว่าย่อมจำเสียงของนางเหอได้ นางถาม "นางกำลังด่าใครอีกแล้ว?"
เมิ่งอู่ยิ้มเอ่ย "สาปแช่งบรรพบุรุษของตนเองเ้าค่ะ"
ทว่านี่เป็เื่ราวในภายหลัง
บัดนี้เมิ่งอู่นำต้นข้าวฟ่างเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงข้างกายอินเหิง ก่อนหยิบขึ้นมาหนึ่งต้น จากนั้นใช้ฟันกัดเปลือกแข็งด้านนอกออก เหลือไว้เพียงแกนกลางขาวๆ
นางเซี่ยจะนอนหลับอย่างสงบได้อย่างไร นางไอสองครั้งก่อนถาม "อาอู่ เ้ากำลังทำอันใด?"
เมิ่งอู่กัดแกนข้าวฟ่างหนึ่งคำ เคี้ยวทั้งหมดแล้วตอบว่า "ป้อนของกินให้เขาเ้าค่ะ"
ยามนางกำลังจะป้อนน้ำหวานจากต้นข้าวฟ่างให้เขา นางเซี่ยก็เอ่ยคล้ายมีดวงตาติดอยู่บนม่าน "อาอู่ เ้าเป็สตรี อย่าได้สร้างเื่สร้างราวที่ขัดกับหลักการบุรุษกับสตรีไม่พึงถูกเนื้อต้องตัวกัน"
เมิ่งอู่บรรจงแนบริมฝีปากกับเรียวปากเย็นเฉียบของอินเหิงไปพลาง กล่าวอย่างคลุมเครือไปพลาง "เอ่อ อืม ท่านแม่สบายใจเถิด ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน"
แม้ชายหนุ่มผู้นี้ยังคงสลบไสล แต่เมื่อมีน้ำหวานไหลเข้าปากเขา เขาก็ยังรู้จักกลืนลงไปอย่างให้ความร่วมมือ
ครั้นป้อนน้ำข้าวฟ่างเสร็จ ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยป้อนยาอีกหนึ่งถ้วย จากนั้นเมิ่งอู่ก็เดินไปที่เตียงของนางเซี่ยแล้วเข้านอน
จนกระทั่งกลางดึกเมิ่งอู่ถึงตื่นขึ้นมา นางเซี่ยยังหลับสนิท นางจึงลุกขึ้นไปดูอาการของอินเหิงหลังม่าน
เมิ่งอู่ถือโอกาสเอื้อมมือไปััหน้าผากของอินเหิง พบว่าร้อนจนน่าใ
เขาเริ่มมีไข้สูงแล้ว
เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ขืนปล่อยให้ไข้ขึ้นสูงต่อไป แม้ช่วยชีวิตไว้ได้ แต่จะทำเช่นไรถ้าเขากลายเป็คนปัญญาอ่อน? ไม่ใช่ว่าใบหน้าน่าพิศเยี่ยงนี้ต้องสูญเปล่าหรอกหรือ
เมิ่งอู่ลุกไปตักน้ำเย็นอย่างเบามือเบาเท้าก่อนกลับมา แล้ววางผ้าชุบน้ำไว้บนหน้าผากเพื่อลดไข้ให้เขา
ต้องคอยสลับผ้าสองผืนไปมา แลเมิ่งอู่อดหลับอดนอนเกือบครึ่งคืน
พอเขาเพ้อว่าอยากดื่มน้ำ เมิ่งอู่ก็ป้อนน้ำให้เขาอีกครั้ง
นางไม่เคยดูแลปรนนิบัติผู้ใดถึงเพียงนี้มาก่อน
นี่ต้องโทษที่เขาหน้าตาคมคายเหลือเกิน!
หากเขาฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ยอมอุทิศชีวิตนี้ให้นาง นางคงได้แต่เสียใจที่ทุ่มเทดูแลเขาโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย!
กระทั่งไก่กระพือปีกขัน เมิ่งอู่ที่ง่วงงุนก็ตรวจดูหน้าผากของเขา ในที่สุดไข้ก็ลดลงแล้ว
หลังถูกเคี่ยวกรำเช่นนี้นานสามสี่วัน เช้าตรู่ของวันนี้อินเหิงก็ค่อยๆ ลืมตา พอดีกับดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า แสงอรุณรุ่งสาดส่องลอดผ่านธรณีประตูเข้ามาทาบทอั์ตาของเขา
รูม่านตาสีอ่อนคู่นั้นของเขาฉายแววเ็าจางๆ เสมือนไข่มุกเสมือนอัญมณี ดั่งสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดในหล้า ไม่แปดเปื้อนสิ่งโสมมและธุลีใด ไร้แรงกระเพื่อมไหวและคลื่นอารมณ์แม้แต่เศษเสี้ยว
เมิ่งอู่ที่ดูแลเขามาครึ่งคืนแล้วเวลานี้นั่งสัปหงกหลับไปอยู่ข้างกายเขา
เรือนผมของนางฟูยุ่งเล็กน้อย ดูอ่อนนุ่มยิ่งนัก แสงสีทองส่องต้องเรือนผมของนางจนกลายเป็สีทองเจือแดงเข้มดูอ่อนโยน จนทำให้คนอดอยากจะเอื้อมมือไปลูบไล้ไม่ได้
อินเหิงจ้องมองนางเงียบๆ ชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเรียกด้วยเสียงทั้งแหบทั้งแห้ง ทว่าน่าฟังยิ่ง “อาอู่”
เมิ่งอู่ได้ยินเสียงเรียกนี้ก็รู้สึกตัว เมื่อลืมตาตื่นก็เห็นั์ตาคู่นั้นหรี่ลงนิดๆ ท่ามกลางแสงสุริยายามเช้า ช่างงดงามจริงๆ
เมิ่งอู่เดาะลิ้นแล้วกล่าว “ถ้ามีเ้าอยู่ในเรือน ทุกวันที่ลืมตาแล้วเห็นหน้าของเ้า ช่างเพลินตายิ่งนัก บางทีอาจทำให้ข้ามีชีวิตยืนยาวได้อีกหลายปี”
อินเหิงกล่าว “ถ้าข้าเห็นอาอู่ ข้าก็จะมีชีวิตยืนยาวได้อีกหลายสิบปี”
นี่ไม่ใช่เื่ไร้สาระหรอกเหรอ ชีวิตของเขาล้วนเป็นางยื้อกลับมา
เมิ่งอู่หัวเราะอย่างมีเลศนัยสองหน “เช่นนั้นเ้าคิดจะตอบแทนข้าอย่างไร?”
อินเหิงกล่าวอย่างสมเหตุสมผล “แน่นอนว่าเ้าย่อมต้องเลี้ยงข้าไว้ในเรือนเพื่อเป็เ้าบ่าวเด็กของเ้า”
บัดนี้เขาได้รับาเ็สาหัสยังไม่หายดี ไม่มีที่ไปชั่วคราว ้าสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อพักฟื้นร่างกายอย่างสงบ
ประจวบเหมาะกับนางเซี่ยตื่นแล้ว เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ก็ไอไม่หยุดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็เพราะโกรธหรือเปล่า นางกล่าว “แม้เ้าจะไร้ยางอาย แต่พวกเรายังต้องรักษาหน้า ในเมื่อเ้าตื่นแล้ว ก็รีบๆ จากไปเสีย”
อินเหิงที่ยังอ่อนแอมากกล่าว “ขอฮูหยินโปรดอภัย ยามนี้ข้ายังไปที่ใดไม่ได้ขอรับ”
นางเซี่ยถาม “ไฉนถึงไปที่ใดไม่ได้เล่า?”
เมิ่งอู่ลูบจมูกแล้วเอ่ย “เอ่อ สองขาของเขาหัก เดินไม่ได้เ้าค่ะ”
นางเซี่ยเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นยิ่งตื่นเต้นร้อนรน “ในเมื่อเป็เช่นนี้... จะมาเป็บุตรเขยเด็กของข้าได้อย่างไร!”
อินเหิงกล่าว “ฮูหยิน ใบหน้าของข้ายังน่ามองนะขอรับ”
เมิ่งอู่ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งแล้วเห็นด้วยในเื่นี้ นางพยักหน้ากล่าว “จุดนี้ต้องยอมรับจริงๆ ค่อนข้างน่ามองทีเดียว”
นางเซี่ย “…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้