เยว่เฟิงเกอไม่เห็นบุรุษเช่นนี้อยู่ในสายตา นางยืนขึ้นแล้วเดินก้าวยาวๆ ไปหาชายคนนั้น ก่อนจะเริ่มทักทายเข้าที่ใบหน้าของเขา
ชายคนนั้นกำลังไออยู่ เมื่อได้ยินเสียงลมปะทะข้างหู เขาก็เงยหน้าขึ้นมอง และได้เห็นคุณชายสูงศักดิ์ตรงหน้ากำลังส่งมือมาทักทายใบหน้าเขาฉาดหนึ่ง เขารีบร้อนยกมือขึ้นมาขวางไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าความรู้สึกเ็ปทรมานนั้นจะถาโถมมาที่ร่างกายส่วนล่างแทน
เยว่เฟิงเกอไม่ได้ตั้งใจจะตบหน้าชายคนนั้นแต่แรกแล้ว เมื่อครู่นางแค่เบี่ยงเบนความสนใจ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของนางอยู่ที่เป้าส่วนล่างของชายคนนั้นต่างหาก
นางยกขาพุ่งเป้าไปที่ส่วนล่างของชายคนนั้นทำเอาเขาปวดร้าวจนต้องปล่อยฉิงเอ๋อร์ไปแล้วมากุมเป้าของตนเองไว้ ร้องโอดโอยออกมา “เด็กๆ มีใครอยู่บ้าง”
เมื่อชายคนนั้นร้องเรียกคน ประตูก็ถูกถีบออกจากด้านนอก และตามมาด้วยชายร่างั์สองสามคนที่เดินเข้ามา
เขาะโบอกชายร่างั์พวกนั้นว่า “ยังมัวยืนทำอะไรอยู่ รีบถลกหนังเ้านั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ชายร่างั์พวกนั้นพุ่งเป้ามาที่เยว่เฟิงเกอ โชคไม่ดีที่นางไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
นางขยับกายไม่กี่กระบวนก็ซัดคนพวกนั้นจนหมอบได้
ชายร่างั์เ่าั้ต่างยกมือกุมส่วนที่ได้รับาเ็ไว้ นอนร้องโอดโอยกันอยู่บนพื้น
ชายอ้วนเตี้ยเห็นเช่นนั้นก็เตะหนึ่งในชายร่างั์ไปทีหนึ่ง ด่าว่า “เ้าพวกไร้ประโยชน์”
เยว่เฟิงเกอยิ้มอย่างโอหัง นางคลี่พัดออกโบกเบาๆ จากนั้นกวักมือไปทางฉิงเอ๋อร์ “ฉิงเอ๋อร์มานี่”
ฉิงเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็ลนลานวิ่งมาทางเยว่เฟิงเกอ
ชายอ้วนเตี้ยโกรธจนพ่นลมออกทางจมูกโดยแรง ตอนนี้เขาอยากจะถลกหนังเยว่เฟิงเกอออกมาแล้วจริงๆ แต่ก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
เขาะโด่าเยว่เฟิงเกอ “เ้าบ้าสมควรตาย รู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร? พูดออกมาแล้วเ้าต้องใแน่” พูดจบก็ถลึงตารอดูปฏิกิริยาของเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอทำท่าทำทางไม่สนใจ นางแคะหูรอฟังชายคนนั้นพูดต่อ
ชายอ้วนเตี้ยกล่าวต่อไปว่า “หึ เ้าออกไปถามผู้อื่นดูได้เลย ข้าคือบุตรชายคนโตของเสนาบดีฉิน ฉินซง วันนี้เ้าไม่เพียงทำร้ายข้า ยังแย่งสตรีของข้าไปด้วย เ้ารอไว้เลย ข้าจะให้เ้าได้รู้ว่าจุดจบของการล่วงเกินข้านั้นมันน่าอนาถเพียงใด”
ชายอ้วนเตี้ยคนนั้นพูดจบก็ออกแรงเตะชายร่างั์ที่นอนอยู่บนพื้นแล้วหมุนตัวจากไป
ยามที่เยว่เฟิงเกอได้ยินเขากล่าวว่าตนเป็บุตรชายคนโตของเสนาบดีมีนามว่าฉินซง ในสมองนางก็ปรากฏเงาร่างของฉินหว่าน
ที่แท้พี่ชายคนโตของฉินหว่านหน้าตาเป็เช่นนี้
ไม่รู้ว่าสองพี่น้องคู่นี้จะใช่พ่อแม่เดียวกันหรือไม่ เพราะฉินหว่านผู้นั้นหน้าตางดงามมาก แต่พี่ใหญ่ของนางกลับอ้วนเตี้ย
นางมองชายร่างั์ที่นอนโอดโอยอยู่บนพื้น เตะหนึ่งในนั้นไปอีกทีหนึ่ง
“ยังนอนอยู่ตรงนี้ทำอันใด ยังอยากสู้อีกหรือ ไม่รีบไสหัวไปอีก”
ชายร่างั์ได้ยินเช่นนั้นก็พากันลนลานลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป
ตอนนี้เองในที่สุดฉิงเอ๋อร์ก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าเื้ัเยว่เฟิงเกอ
“ฉิงเอ๋อร์ขอบพระคุณคุณชายที่ช่วยชีวิต หากชาติหน้ามีจริง ฉิงเอ๋อร์จะเป็วัวเป็ม้ารับใช้ท่าน” ฉิงเอ๋อร์พูดพลางน้ำตาคลอหน่วย
ชายที่มีนามว่าฉินซงคนนั้นมักจะมาที่หอชมบุปผาบ่อยๆ และทุกครั้งที่มาก็ชอบเจาะจงให้นางคอยไปรับใช้
ฉิงเอ๋อร์เกือบจะเสียท่าให้เขาอยู่หลายครั้ง
โชคดีที่ตอนนั้นมีท่านแม่ของหอชมบุปผาอยู่ด้วย ฉินซงจึงไม่สมปรารถนา
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะเยว่เฟิงเกออยู่ ฉิงเอ๋อร์เองก็คงไม่รอด
ฉิงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของคุณชายตรงหน้าเป็อย่างมาก นางถึงกับโขกศีรษะให้สามที
เยว่เฟิงเกอไม่ชอบให้ใครมาโขกศีรษะให้เป็ที่สุด นางรีบเข้าไปประคองฉิงเอ๋อร์ “เ้าไม่ต้องขอบใจข้าเช่นนี้ หากอยากตอบแทนข้าจริง ไม่จำเป็ต้องรอให้ถึงชาติหน้าหรอก ตอบแทนชาตินี้เลยเป็อย่างไร”
ฉิงเอ๋อร์เงยหน้ามองเยว่เฟิงเกอ สบเข้ากับดวงตาเ้าเล่ห์นั้นก็ให้ใจนหัวใจสั่นรัว
นางคิดว่าตนรอดเงื้อมมือของฉินซงมาได้แล้ว แต่สุดท้ายกลับมาติดกับดักที่ลึกยิ่งกว่า จึงยิ่งใ สีหน้าซีดขาว เนื้อตัวสั่นเทา
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าฉิงเอ๋อร์ใเพียงนี้ก็เม้มปากยิ้ม “เ้าอย่าได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ข้าไม่ใช่ฉินซง ข้าไม่สนใจอิสตรี”
“แต่เมื่อครู่คุณชายก็ไม่ใช่ว่า...” ฉิงเอ๋อร์อยากพูดว่าเมื่อครู่คุณชายเองก็แทะโลมนางเช่นกันไม่ใช่หรือ?
เยว่เฟิงเกออดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางลูบศีรษะฉิงเอ๋อร์ กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าแค่หยอกเ้าเล่นเท่านั้น”
ฉิงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้ามองเยว่เฟิงเกออีกครั้ง เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจริงจัง ถึงได้เบาใจลง
เยว่เฟิงเกอลูบๆ คางตัวเอง นางเห็นว่าท่าทางตกอกใของฉิงเอ๋อร์นั้นน่าสงสารยิ่งนัก
คนอายุยังน้อยน่าจะเพิ่งสิบสามสิบสี่พอๆ กับชิงจื่อ แต่ชิงจื่อนับว่าดีกว่าอีกฝ่ายมาก อย่างน้อยชิงจื่อที่อยู่ข้างกายนางก็ไม่เคยต้องได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้
นอกจากนี้ ฉิงเอ๋อร์ยังหน้าตางดงามน่ารัก แต่ต้องอาศัยอยู่ในหอชมบุปผาแห่งนี้ ประทังชีวิตด้วยการขับร้อง ซ้ำร้ายยังต้องพบเจอบุรุษเช่นฉินซงอยู่บ่อยครั้ง
หากว่าฉิงเอ๋อร์เป็เช่นเมิ่งซีหลันที่รู้วิธีจัดการกับบุรุษ เยว่เฟิงเกอก็คงไม่รู้สึกสงสารเท่าไร แต่ฉิงเอ๋อร์ต่างออกไป หญิงผู้นี้แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนี้
เป็สตรีเหมือนกัน แต่เพราะชาติกำเนิดต่างกันจึงมีชะตาที่ต่างกันไป
เยว่เฟิงเกอไม่อยากเห็นฉิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ต่อไป ที่แห่งนี้มีคนมากหน้าหลายตาเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ยากจะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้
เยว่เฟิงเกอตัดสินใจจะไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นางก็จับมือฉิงเอ๋อร์ไว้ “ไปกัน ข้าจะไถ่ตัวเ้า”
“หา? คุณชายพูดอะไรเ้าคะ? ” ฉิงเอ๋อร์ใ ยังคงดึงสติกลับมาไม่ได้
ชายที่มาที่นี่ล้วนมาหาความสำราญ ไม่เคยมีใครพูดว่าจะไถ่ตัวให้นาง
เยว่เฟิงเกอี้เีพูดเป็ครั้งที่สอง นางลากฉิงเอ๋อร์เดินออกไปจากห้อง
สำหรับท่านแม่ของหอชมบุปผา คนจับตามองห้องนี้อยู่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าเมื่อครู่ได้เห็นคุณชายฉินซงเดินออกมาด้วยสีหน้าโมโห
ยิ่งกว่านั้น นางจะไม่รู้เื่ที่คุณชายฉินซงชอบพอฉิงเอ๋อร์ได้อย่างไร เพราะแท้จริงแล้วตัวนางเป็ญาติห่างๆ ที่มีศักดิ์เป็น้าของฉิงเอ๋อร์ ที่ผ่านมาคิดหาวิธีปกป้องฉิงเอ๋อร์มาตลอด หากเป็ไปได้นางก็ไม่ได้อยากให้ฉิงเอ๋อร์มาขายเสียงร้องอยู่ที่นี่
แต่เพราะบิดาของฉิงเอ๋อร์เป็ผีพนัน เมื่อแพ้พนันจนไม่มีเงินก็มักจะส่งฉิงเอ๋อร์มาขายเสียงร้องอยู่ที่นี่ เงินที่หามาได้ล้วนต้องส่งให้บิดานำไปชดใช้หนี้
ชายคนนั้นเป็ผีพนันโฉดชั่ว ต่อให้ฉิงเอ๋อร์หาเงินมาได้มากแค่ไหนก็ไม่พอให้เขาเอาไปเล่น
ในฐานะน้าของฉิงเอ๋อร์ ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาก็ทำได้แค่หาวิธีปกป้องไม่ให้อีกฝ่ายถูกทำร้าย
แต่สำหรับบิดาคนนั้นของเด็กผู้น่าสงสาร ท่านแม่แห่งหอชมบุปผากลับไร้หนทางจะจัดการได้จริงๆ
แม้จะนำเื่เช่นนี้ไปแจ้งต่อทางการ คนพวกนั้นไม่มีทางมาสนใจหรอก
และในตอนนี้ยามที่เห็นเยว่เฟิงเกอเดินจูงมือฉิงเอ๋อร์ออกมา ใจนางพลันไหววูบด้วยเกรงว่าฉิงเอ๋อร์คงจะไปเข้าตาคุณชายท่านนี้เข้าแล้ว
ในใจคิดเช่นนี้ นางก็รีบร้อนยิ้มร่าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง
ผ้าเช็ดหน้าในมือกวัดแกว่งไปทางเยว่เฟิงเกอ นางระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า “คุณชายท่านนี้จะพาฉิงเอ๋อร์ไปที่ใดหรือเ้าคะ ฉิงเอ๋อร์นางขายศิลปะ ไม่ขายเรือนร่างนะเ้าคะ”
เดิมทีเยว่เฟิงเกอก็ตั้งใจจะไปหาท่านแม่คนนี้นี่แหละ ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายมาหาเองแล้ว นางจึงเอ่ยปากทันที “ข้าจะไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์”
“ท่านว่าอะไรนะ? ” ใบหน้าของท่านแม่แห่งหอชมบุปผาปรากฏแววตกตะลึง
นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้ยินอะไรเช่นนี้ แม้แต่ฉินซงคนนั้นก็ยังไม่เคยพูดว่าจะไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ แต่ชายคนนี้กลับเอ่ยปากออกมาตรงๆ ว่าจะไถ่ตัวคน
เช่นนี้นางจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผายังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเช่นเดิม “เกรงว่าคุณชายท่านนี้คงไม่ทราบ ถึงแม้ฉิงเอ๋อร์จะขายเสียงร้องอยู่ที่นี่ แต่ราคานางสูงมาก เกรงว่าท่านคงจะไม่มีเงินมากเพียงนั้น”
เหตุที่นางพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้เยว่เฟิงเกอรู้สึกหวาดกลัวต่อความยากลำบากแล้วลดละความคิดนี้จนต้องยอมแพ้ไปเอง
เพราะหากฉิงเอ๋อร์ถูกไถ่ตัวออกไป วันหน้าชีวิตนางจะเป็เช่นไรก็ไม่มีใครรู้
ถึงแม้คุณชายตรงหน้าท่านนี้จะสวมใส่อาภรณ์หรูหรา แต่เขาก็เป็คนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยพบพานเป็ครั้งแรก ทำให้ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาอดคิดมากไม่ได้
หากว่าคุณชายท่านนี้เป็คนดี บางทีเขาอาจมอบอนาคตที่ดียิ่งให้ฉิงเอ๋อร์ แต่หากเขาเป็เช่นฉินซงเล่า นางก็เกรงว่าหลังจากถูกไถ่ตัวไปแล้ว สิ่งที่รอฉิงเอ๋อร์อยู่จะเป็ก้นบึ้งแห่งหายนะ