บทที่ 96 ถ้ำลับเผ่าสุนัข
“ทุกคนระวัง! นี่... นี่คือลมหายใจของสัตว์อสูร!” ใบหน้าของเฟิงเยี่ยนซีดลง สีหน้าของเขาเริ่มตื่นตระหนก เขารู้สึกได้ว่ามีลมหายใจอันทรงพลังหลายกระแสภายในถ้ำ ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน
“พี่เฟิงเยี่ยน ถอยไปก่อน! ท่านไม่อาจสู้ได้ในตอนนี้! เื่นี้... ให้เป็หน้าที่ข้าเอง!”
ฉู่อวิ๋นมีสีหน้าขึงขังและยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนโดยไม่หวั่นเกรง เขายกกระบี่ชื่อยวนในมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ถ้ำลึกตรงหน้า
ทุกคนตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะเพิ่งเผชิญกับการต่อสู้ที่น่าสลดใจของสัตว์ปีศาจมา จิติญญาหวาดระแวงจนตึงเครียด แม้เื่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นกลัวได้
คืนนี้ หลังจากที่ได้เห็นแม่น้ำโลหิตสายนั้น ก็ไม่มีใครกล้าประมาทอีก
เพราะหากไม่ระวังเพียงนิด อาจไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอีก
“อาฮู้ว——”
“อาฮู้ว——”
เสียงคำรามของสัตว์อสูรหลายตัวดังขึ้นพร้อมกัน มองเห็นสุนัขอสูรตัวใหญ่หลายตัวก้าวออกมาจากปากถ้ำ พวกมันมีลำตัวสีขาว ขนนุ่มฟู เหมือนหมาป่าแต่ไม่ใช่ ย่างก้าวแข็งแกร่งกว่าม้าทหาร เมื่อมองแวบแรก พวกมันดูคล้ายสัตว์าขนาดกลางที่เชื่อง
แต่ดวงตาของสุนัขอสูรเป็สีแดง ส่องแสงพร้อมกับไฟิญญาที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า พวกมันไม่อาจต่อกรได้ง่ายๆ
“แย่แล้ว! พวกนี้ล้วนเป็สัตว์อสูรระดับกลาง!”
เมื่อเห็นสุนัขหิมะเหล่านี้ เฟิงเยี่ยนก็หน้าซีดด้วยความกลัวและต่อสู้ทันที แต่เมื่อเขารวบรวมพลังปราณ ก็กระอักเืออกมาจากปาก ลมหายใจอ่อนแรงลงทันที
“สัตว์อสูร?!”
เมื่อเห็นท่าทางของเฟิงเยี่ยนที่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม ฉู่อวิ๋นก็หันหลังกลับมาปกป้องทุกคนในทันที ในตอนนี้แม้แต่สัตว์อสูรตัวเดียวยังจัดการไม่ได้ ถ้ามันมากันหลายตัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ในขณะนี้ ดวงตาของพ่านพ่านกลับแวววาวด้วยความประหลาดใจ นางโบกมือไปยังทางเข้าถ้ำและะโด้วยรอยยิ้ม “อาฮู้ว! เสี่ยวไป๋ เสี่ยวฮวา เสี่ยวเถียนเถียน มารับข้าหรือ?”
ทันทีที่พูดจบ นางก็พาขาเรียววิ่งไปข้างหน้า พุ่งเข้ากอดสุนัขปีศาจตัวหนึ่งไว้แน่นและลูบขนของมันอย่างไม่เกรงกลัว แต่กลับแสดงใบหน้าเอ็นดูแทน
สิ่งนี้ทำให้ฉู่อวิ๋นและคนอื่นๆ ตกตะลึงจนเหงื่อตก ์เอ๋ย พ่านพ่านะโขึ้นไปบนสัตว์อสูรพวกนั้นแล้ว น่าใจหายนัก
จริงๆ แล้ว สัตว์เองก็มีิญญา มันอาจยอมจำนนต่อผู้แข็งแกร่งและกลายเป็สัตว์า แต่พ่านพ่านไม่ใช่นักรบิญญากลับสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขหิมะที่กลายเป็สัตว์อสูรได้ น่าใจริงๆ...
“เสี่ยวไป๋ เสี่ยวฮวา ยังมีเสี่ยว...เสี่ยวเถียนเถียน?!!” ฉู่อวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูง ชื่อน่ารักๆ พวกนี้ดูไม่เข้ากับสุนัขอสูรที่น่ากลัวแบบนี้เลยสักนิด
พ่านพ่านเล่นกับสุนัขอสูรอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “อวิ๋นอวิ๋นไม่ต้องกลัว นี่คือสัตว์อสูรผู้พิทักษ์แห่งเผ่าสุนัขของเรา สุนัขบพิตริญญา พวกมันใจดีมาก ไม่ทำร้ายคนส่งเดช”
หลังจากได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก สีหน้าผ่อนคลายขึ้น ที่แท้ก็ระแวงเกินไป
“แต่ก-แต่ก-แต่ก-”
ทันใดนั้น ก็มีมนุษย์อีกหลายคนที่ออกมาจากถ้ำลับ พวกเขาทั้งหมดสวมชุดหนังสัตว์ธรรมดา สีหน้าเคร่งขรึม หลังจากเห็นพ่านพ่านที่ยืนอยู่ข้างๆ สุนัขบพิตริญญา์ สีหน้าของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง
“พ่านพ่าน เ้าทำพวกเรากลัวแทบตายเลย! ไม่พาสุนัขบพิตริญญาไปด้วย แถมยังออกไปข้างนอกตอนกลางคืนแบบนี้ ไม่รักชีวิตแล้วจริงๆ!”
“เข้ามาเร็วเข้า! คืนนี้ป่าสีเืไม่สู้ดี หายนะครั้งใหญ่กำลังจะมา!”
คนป่าเหล่านี้พูดคุยกันอย่างวุ่นวายแต่สีหน้ากลับผ่อนคลาย พวกเขาทั้งหมดเป็สมาชิกของเผ่าสุนัข ทุกคนต่างโล่งใจที่เห็นพ่านพ่านกลับมาอย่างปลอดภัย
“ก็ได้ๆ จะกลับเดี๋ยวนี้แหละ” พ่านพ่านะโขึ้นขี่สุนัขบพิตริญญาที่ชื่อเสี่ยวเถียนเถียนแล้วโบกมือให้ฉู่อวิ๋น “อวิ๋นอวิ๋น พวกเ้าจะยืนบื้อกันอยู่ทำไม? รีบเข้ามาเร็ว อาฮู้ว”
เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนก็อึ้งและลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในถ้ำลับด้วยกัน
บนกำแพงหินที่อยู่รอบๆ มีหินแร่ที่เป็แหล่งกำเนิดแสง เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆ ซึ่งงดงามมาก
ภายในถ้ำลับมีเส้นทางคดเคี้ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีถ้ำสำหรับทำอาหาร ถ้ำเล็กๆ สำหรับพักผ่อน และพื้นที่เปิดโล่งสำหรับทำกิจกรรมรอบกองไฟ
ของชนเผ่า เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้เป็ที่ตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่ในยุคดึกดำบรรพ์ ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“เส้นอักขระพวกนี้คงจะเป็คาถาปกป้องชนเผ่า” ฉู่อวิ๋นมองไปรอบๆ ตามทาง มองเห็นเส้นวาดขีดเขียนลึกลับที่เรืองแสงอยู่บนผนังหิน
เผ่าสุนัขสามารถอยู่รอดปลอดภัยในป่าสีเือันน่าสะพรึงกลัวแห่งนี้ได้โดยไม่ถูกสัตว์ปีศาจรุกราน เป็เพราะการคุ้มครองของวงเวทย์นี้
มิฉะนั้น ไม่ว่าจะมีสุนัขบพิตริญญาอีกกี่ตัว สัตว์ปีศาจดุร้ายตัวอื่นๆ ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะกัดกินมนุษย์
“อวิ๋นอวิ๋น นี่คือที่ที่พ่านพ่านอยู่ อาฮู้ว...” พ่านพ่านหมอบตัวนอนบนหลังสุนัขบพิตริญญาพลางหลับตาขณะที่พูด ดูเหมือนกำลังหลับอยู่
เห็นได้ชัดว่า เมื่อคืนที่นางประสบเหตุการณ์จนเกือบเอาชีวิตไปทิ้งแต่ก็ยังรอดจากกระแสสัตว์ปีศาจกลับมาได้จนมาถึงดินแดนของบรรพบุรุษ ก็เล่นเอาเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้ว นางแค่อยากจะนอนหลับอย่างสงบสุข
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นและคนอื่นๆ นำโดยพ่านพ่านที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของถ้ำลับเผ่าสุนัขก็พาเฟิงเยี่ยนไปรักษา และพามู่หรงซินไปพักผ่อน
แต่ฉู่อวิ๋นกลับถูกชายป่าผู้ร่าเริงพาตัวไปที่ห้องหินที่เก่าแก่ห้องหนึ่งเพื่อเตรียมพบกับมหาปุโรหิตแห่งเผ่าสุนัข
“ตึง”
เมื่อประตูปิด ฉู่อวิ๋นก็เดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง มองเห็นกลุ่มเปลวไฟหลากสีสันลุกไหม้อยู่ทั้งซ้ายขวา ดูแปลกตามาก
ด้านในสุดของห้อง มีแท่นบูชาเก่าแก่อยู่ ผนังหลังแท่นบูชามีรูปปั้นสัตว์ที่ดูคลุมเครืออยู่บางตัว แม้มองเห็นไม่ชัดแต่ก็รู้สึกได้ถึงความอันตราย
ฉู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว เผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ้าตรวจดูแท่นบูชา แต่ในทันใดนั้นเองที่จู่ๆ ก็มีลมอันมืดมิดพัดมาจากด้านข้าง ทำให้เขาตัวสั่นจนขนลุกชัน
“จอมยุทธ์ฉู่ เ้ามาแล้ว?”
ในเวลานี้ มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ฉู่อวิ๋นต้องหันไปหาต้นเสียง มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมหนังสัตว์ก้าวช้าๆ มาหยุดอยู่ที่ข้างแท่นบูชา
หญิงสาวนางนี้คือ อาหย่า มหาปุโรหิตแห่งเผ่าสุนัข นางดูอ่อนเยาว์และละเอียดอ่อน แต่บนใบหน้ามีสัญลักษณ์แปลกตาวาดเอาไว้ ในมือถือไม้เท้า ทำให้ดูลึกลับจนไม่อาจคาดเดาได้
หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็มีสติกลับมา จากนั้นเขาก็จริงจังขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นคารวะ “ข้าน้อยคือฉู่อวิ๋น ท่านคงเป็มหาปุโรหิตอาหย่าแห่งเผ่าสุนัขเป็แน่ ท่านยินดีรับกลุ่มของพวกเราให้เข้าพักที่นี่ ข้าขอบคุณท่านมาก”
“ไม่ต้องมากพิธี เ้าช่วยเ้าเด็กซนพ่านพ่านของเผ่าเราเอาไว้ เป็ข้าต่างหากที่ต้องขอบใจเ้า แต่สถานที่อย่างถ้ำลับเผ่าสุนัขของเรานั้นคับแคบ หวังว่าเ้าจะไม่รังเกียจ” ปุโรหิตอาหย่าถือไม้เท้าแล้วก้าวไปหาฉู่อวิ๋นทีละก้าวด้วยน้ำเสียงสงบและสีหน้าเคร่งขรึม
“ดินแดนบรรพบุรุษของเผ่าสุนัขสามารถรับมือกระแสปีศาจได้ พวกเราจะรังเกียจได้อย่างไร?” ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นคำนับอีกครั้ง ตอนนี้ป่าสีเืโกลาหลอลหม่าน พวกเขาโชคดีมากเพียงใดแล้วที่มีที่ให้หลบซ่อน
“พวกเ้าสามารถรอดชีวิตมาจากหายนะครั้งนี้ได้ เป็เทพสุนัขที่อวยพร แต่ถึงกระนั้นความวุ่นวายในคืนนี้เป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” ใบหน้าของอาหย่าเคร่งเครียดขึ้น คิ้วของนางขมวดแน่น
“จุดเริ่มต้น?” ฉู่อวิ๋นฉายแววสงสัยในดวงตา เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขารีบถาม “ท่านปุโรหิตอาหย่า ท่านหมายความว่ากระแสสัตว์ปีศาจครั้งนี้จะยังไม่สิ้นสุดหรือ?!”
อาหย่าพยักหน้าและกล่าวว่า “ตามคำทำนายของเทพสุนัขแล้วเป็เช่นนั้น จอมยุทธ์ฉู่ดูเหมือนว่าพวกเ้าจะต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก แม้ว่าสถานที่ของเราจะเรียบง่ายไปหน่อย แต่การป้องกันผลกระทบจากกระแสปีศาจยังคงพอจะใช้ได้อยู่”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็ถามอีกครั้ง “อภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท กระแสสัตว์ปีศาจนี้จะมีอีกนานแค่ไหนหรือขอรับ?”
“เฮ้อ…” ดวงตาของอาหย่าหรี่ลง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พูดยากนัก สถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ สัตว์ปีศาจที่ทรงพลังเ่าั้ก็จะปรากฏตัวขึ้นไม่หยุด ดูเหมือนว่าหากไม่ถึงหนึ่งเดือนก็คงไม่หยุดอาละวาดกัน”
“หนึ่งเดือนหรือ?!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
หากผ่านไปหนึ่งเดือน ฉู่ซินเหยาคงจะแต่งงานกับชายแปลกหน้าไปแล้ว และทุกอย่างจะไม่มีวันย้อนกลับไปได้
ฉู่อวิ๋นไม่อาจนิ่งดูดาย!
“ท่านปุโรหิตอาหย่า เกิดอะไรขึ้นในป่าสีเืหรือ?! คราวนี้ข้าเข้ามาในป่าสีเืก็เพื่อจะรีบมุ่งหน้าไปยังเมืองชุยเสวี่ย เวลาไม่คอยท่า ข้าทนรอให้ถึงหนึ่งเดือนไม่ได้จริงๆ ขอรับ!” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว กระสับกระส่ายเป็อย่างมาก
“เฮ้อ แม้ว่าเผ่าสุนัขของเราจะอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคน แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกระแสสัตว์ปีศาจเลย ข้าเคยทำพิธีขอคำชี้แนะจากเทพสุนัขมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะได้รับคำทำนายซ้ำๆ กลับมา” อาหย่าถอนหายใจ
“คำทำนายใดหรือ?” ฉู่อวิ๋นถาม
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของฉู่อวิ๋น อาหย่าทำได้เพียงถอนหายใจยาว จากนั้นจึงหลับตาลงและนิ่งไป ราวกับกำลังค้นหาความทรงจำที่น่าใของตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางเคร่งเครียด และพูดออกมาทีละคำ “คำทำนายกล่าวไว้ ยามสุริยารอนแสง บุตรแห่ง์จะเสด็จ!"
ยามสุริยารอนแสง บุตรแห่ง์จะเสด็จ!
“วิ้ง——”
เมื่อได้ยินคำนี้ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟาดอย่างแรง ดวงตาเบิกกว้างในทันที ั์ตาสั่นระริก และไม่พูดอะไรอยู่นาน
เทพ เป็สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ได้รับการเคารพนับถือเหนือทุกสิ่ง แม้แต่ิญญายุทธ์ที่นักรบิญญาใช้เพื่อดูดซับพลังิญญาของพื้นพิภพก็ยังต้องสังเวยให้กับเทพเสียก่อน จึงจะได้รับการเปิดประตูโบราณไท่ซวี
แม้ฉู่อวิ๋นจะไม่เชื่อว่าบุตรแห่ง์จะเสด็จมา แต่เพราะคำทำนายของเผ่าสุนัขกล่าวถึงคำว่าเทพ เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในป่าสีเืจะต้องน่าใอย่างแน่นอน
จากนั้นอาหย่าจึงกล่าวเสริมว่า “ตามการคำนวณของข้า เวลา “สุริยารอนแสง” ที่คาดการณ์ไว้ คงจะเป็่พลบค่ำของวันมะรืนนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่วันนั้นคงจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่!”
“จอมยุทธ์น้อยฉู่ ข้าแนะนำให้เ้าพักอยู่ที่เผ่าสุนัขให้สบายใจดีกว่า ข้างนอกมันอันตรายเกินไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็มืดลง เขาจมจ่อมอยู่ในความคิด
หากนี่เป็เพียงกระแสสัตว์ปีศาจธรรมดา ฝืนออกไปข้างนอกมีแต่จะตายสถานเดียว
แต่เมื่อมีการทำนายขึ้น สถานการณ์เริ่มไม่แน่นอน นี่คือเก้าตายหนึ่งรอด[1]
การเลือกว่าจะนั่งรอความตายหรือเสี่ยงชีวิตนั้นไม่ใช่เื่ยาก สุดท้ายแล้ว เขาจะต้องไปช่วยฉู่ซินเหยาให้ได้!
สักพักหนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจออกมา เขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ดวงตาฉายแววสดใส
เขาพูดอย่างหนักแน่น “ท่านปุโรหิตอาหย่า ข้าต้องรีบไปที่เมืองชุยเสวี่ยภายในสิบห้าวัน แต่ในเมื่อกระแสสัตว์ปีศาจครั้งนี้กินเวลาถึงหนึ่งเดือน ข้าทำได้เพียงเลือกวันที่จะออกเดินทางเท่านั้น และในเมื่อวันมะรืนนี้เป็วันพิเศษเช่นนั้น บางที นี่อาจเป็โอกาสเดียวของข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด!”
“เพราะฉะนั้น ข้าตัดสินใจจะออกเดินทางตอนพลบค่ำของวันมะรืนนี้!”
---------
[1] เก้าตายหนึ่งรอด หมายถึง คนที่ผ่านอันตรายที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ยังรอดมาได้