เนื้อหาที่ปลดผนึกนั้นเป็ส่วนไหนกันนะ?
เ่ิูพลิกหน้าต่อไปอย่างอดทนไม่ไหว
ท่วงทำนองยุคเทพมารนั้นแบ่งออกเป็สามส่วน แบ่งเป็ท่วงทำนองเทพมาร ท่วงทำนองเทพนักรบ และท่วงทำนองสัตว์ประหลาด หากยึดตามประสบการณ์ของเ่ิูแล้ว ส่วนที่จะแสดงกระบวนยุทธ์ได้มีเพียงท่วงทำนองเทพมารเท่านั้น ดังนั้นในพริบตาที่เขาพลิกหน้าหนังสือ แวบแรกก็ควานหาหัวข้อส่วนนี้ทันทีเลย
เวลาต่อมา เ่ิูก็ชักตื่นเต้น
ส่วนที่เปิดผนึกแล้วคือท่วงทำนองเทพมารนั่นเอง
ส่วนนี้ที่เ่ิูเปิดได้คราแรกนั้น ได้ถ่ายทอดสี่กระบวนยุทธ์เทพราชันเกราะทองให้แก่เขา
คราวนี้เล่า จะมอบกระบวนาแบบไหนให้กันหนอ?
เ่ิูตื่นเต้นในใจ หาข้อมูลเปิดไปตามที่ดัชนีบอกไว้จนมาถึงหน้านั้น
เป็ไปดังที่เขาคาด หน้าคัมภีร์ทองแดงที่เปิดออกคือภาพเหมือนคนซึ่งบรรจงวาดด้วยพู่กัน ทว่าแตกต่างจากราชันเกราะทองซึ่งสวมใส่เกราะงามเยี่ยงเทพ แผ่รังสีแห่งอำนาจไม่ขาดสาย ภาพนี้เป็เพียงคนธรรมดา รูปกายกำยำ ผมตัดสั้น ใบหน้าทรหดและเคร่งขรึม กายสวมเกราะเหล็กสีท้องฟ้า มิได้งามสะดุดใจอะไร กระบี่ยาวปักอยู่บนพื้นข้างกาย ตระหง่านตั้งตรง ราวกับว่าเป็ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า แกล้วกล้าในาพร้อมบุกทะลวงศัตรู
เ่ิูมองไปที่กระบี่ยาวนั่นก่อนใครเพื่อน
กระบี่!
เป็กระบี่อย่างที่คิด!
ศาสตราวุธของท่วงทำนองเทพมารท่านนี้คือกระบี่ เช่นนั้นก็มิได้หมายความว่า กระบวนาและวิชาฝึกฝนที่เขาได้รับคราวนี้ จะเป็ศิลปะกระบี่หรอกหรือ?
เ่ิูเปี่ยมด้วยความคาดหวัง เขาส่งสายพลังสายหนึ่งเข้าไปตามริ้วรอยบนแผ่นกระดาษทองแดง
แสงสีฟ้าพวยพุ่งออกมาจากหน้ากระดาษ
ภาพเหมือนคนบนหน้ากระดาษพลันมีชีวิตขึ้นมา
“เดินหน้าบุก!”
เสียงตวาดสั้น เข้มงวดและมั่นคงดังเบาบางในหูเ่ิู
เหมือนเช่นคราวที่ภาพลวงตาแห่งเทพราชันเกราะทองพุ่งออกมาจากหน้ากระดาษไม่มีผิด กระบี่ใหญ่หนึ่งนิรันดร์คว้าออกมาเสียบไว้กับพสุธาข้างกาย เขากำมันไว้ด้วยสองมือแล้วจับมั่นไว้เบื้องหน้า รุกคืบเข้ามาหาเ่ิู ก่อนหยุดนิ่งลงอย่างฉับพลัน ทั่วกายเปี่ยมเต็มด้วยแสงสีเขียวแวววาวเป็จุดๆ รอยแสงสีเขียวเส้นแล้วเส้นเล่าไหลเวียนในเส้นทางประหลาดภายในกาย
พลังชีวิตแกร่งกล้ายิ่งนักแผ่ออกมาจากร่างลวงตานี้
เ่ิูเบิกตามองอย่างเก็บทุกรายละเอียด
เขารู้ว่า ต่อจากนี้ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์จะแสดงกระบวนาที่ใช้วิชากระบี่ให้เขาเห็น
ในที่สุด หลังหยุดพักครู่เดียว ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์พลันลืมตาขึ้น แววตาวาววาม เริ่มขยับเนื้อตัว
“กระชากิญญาผ่าเวหา!”
แววตาทั้งสองของทหารเอกท่วมท้นขึ้น
ตอนที่เขาตะเบ็งลั่นนั้น สองมือยังคงจับกระบี่ไว้ ร่างกายไร้การเคลื่อนไหว ทว่าเื่ที่ไม่ธรรมดาก็บังเกิดขึ้นในบัดดล ตัวกระบี่ค่อยๆ สั่นะเืด้วยความเร็วสูง ด้ามกระบี่และฝ่ามือพลันมีแสงสีทองประหลาดกลุ่มหนึ่งท่วมท้นออกมา เหมือนว่าเป็การกระตุ้นวิชาอะไรสักอย่าง แสงทองนั่นทิ่มแทงตาทั้งสอง กระบี่ยาวกว้างยกขึ้นสูง ตัดผ่านเบื้องหน้าในภาพลวงตา
เ่ิูตาพร่า
ตอนที่มองร่างทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ซึ่งเคยหยุดนิ่ง แต่กลับขยับตัวชนิดไม่คาดฝัน จากเงียบงันเป็ต่อกร เร็วจนเหลือเชื่อ ทั้งกายเสมือนฟ้าแลบสาดผ่าน ก้าวข้ามเวลาเพียงแวบเดียวอย่างอัศจรรย์ ตัดกระบี่ลงมา บังเกิดสายสมรุนแรง
กลิ่นอายแห่งกระบี่ะเิออกมา เอ่อท่วมไปทุกทิศ
กระบี่เล่มนี้มองแล้วดูจืดชืดไม่มีอะไรพิเศษ ทว่ากลับซ่อนความหมายที่เ่ิูยากจะหยั่งลึกได้เข้าใจ เขาค่อยๆ คิดขึ้นมาว่า เพลงกระบี่นี้ต้องมิใช่ง่ายดายเช่นที่เห็นเป็แน่
“หาญกล้าปฐี!”
ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ตวาดดัง ท่าที่สองก็เริ่มต้น
คราวนี้ร่างกายเขาไร้การเคลื่อนไหว
มีไอกระบี่ทองคำอบอวลออกมาจากภายในร่างเขา แต่ละเส้นๆ เสมือนอสรพิษทองคำเริงระบำบ้าคลั่ง ท่องตามแนวโคจรแห่งกระบวนอักขระ เวลาเพียง่ผีเสื้อกระพือปีกก็หล่อหลอมเป็แผ่นเกราะสีทองโคจรมาสามทิศทาง พันรอบร่างกาย ราวกับเกราะ์ ปกปักเขาไว้ในความอารักขา
“นี่มันท่าป้องกัน ให้ไอกระบี่กลายเป็เกราะ์...เป็การบุกเบิกที่หาได้ยากยิ่ง!”
เ่ิูเข้าใจกระจ่างขึ้นบ้าง
“สลาตันคมกระบี่!”
ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ะโอีกครั้ง
กระบี่กว้างที่เขาถือเอาไว้ตัดผ่านเบื้องหน้าเป็แนวขวาง พร้อมกับกายขยับโคจร กลายเป็สายลมวนในพริบตา คมกระบี่กรีดร้องเหมือนวายุะเิ ชั่ววินาทีนั้นที่ทั้งร่างกลายเป็สายลมคมกระบี่ กระบี่ตัดขวางแ่าไปทั่วสารทิศ ไร้สิ้นสุด คมสีขาววาววาม
เมื่อถึงท้ายสุด ก็เห็นเพียงคมกระบี่ครองอากาศ ไม่เห็นร่างใครอื่นเลย
“เป็ท่าต่อสู้หมู่ที่แข็งแกร่งมาก!”
เ่ิูกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่
ท่าที่สามเป็การสู้แบบหมู่ไม่ผิดแน่
การจู่โจมที่ไร้ขีดจำกัด หนึ่งคนหนึ่งดาบกลายเป็สลาตันคมดั่งกระบี่ที่ไม่อาจต้านทาน ที่ใดก็ตามที่มันอยู่ ทุกอย่างจักถูกกระบี่นั้นสะบั้นขาดไม่ไยดี นึกภาพได้เลยว่า หากเป็ในสมรภูมิของจริงแล้ว กระบวนยุทธ์เช่นนี้คือฝันร้ายของทหารฝ่ายศัตรู
และกระบวนยุทธ์การโจมตีเช่นนี้ แม้จะเป็การสู้แบบตัวต่อตัวก็ตาม อย่างไรก็มีพลังในการฆ่าสูงยิ่ง
“กระบี่พิพากษา!”
ครั้นท่าที่สามของทหารเอกจบลง ท่าที่สี่ก็ตามมาอย่างต่อเนื่อง
เขาสองมือจับกระบี่ หยุดนิ่งลงฉับพลัน ั์ตาทั้งสองข้างมีแววเป็ประกาย ตวัดมือกระชับด้ามกระบี่แล้วเสียบลงพสุธาใต้เท้าอย่างว่องไว กระบี่ยาวปักลงพื้นไปเสียครึ่ง ตัวกระบี่แวววาว ไอสีทองแพร่สะพรั่ง
ทุกอย่างหยุดนิ่งลง
เป็ความเงียบสงบน่าประหลาด
เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ก็เหมือนมีบางอย่างที่น่ากลัวที่สุดกำลังคืบคลานเข้ามา
ตอนที่เ่ิูสงสัยอยู่นั้นเอง ไอกระบี่ในอากาศธาตุก็ส่งเสียงโหยหวน ท้องฟ้าเหนือหัวทหารเอกนั้น มีแสงสีทองกะพริบ ต่อมาก็เห็นกระบี่นับพันหมื่นรวมตัวกันไวดั่งฟ้าแลบ ท้ายสุดก็กลายเป็กระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามั์ใหญ่ไร้ใดเปรียบ โรยตัวลงมาจากเบื้องฟ้า ทิ่มแทงพสุธาไร้ขอบเขตดั่งสนั่น พริบตานั้นผืนดินแตกระแหง แสงสีทองบดบังตะวันและฟากฟ้า ทุกอย่างในรัศมีพันเมตรถูกเทพเ้าจาก์ผลาญทำลาย
ดั่งคำพิพากษาของเทพ ไร้ผู้ใดหลบหนีหรือต่อต้านได้
เ่ิูยืนอึ้งไปแล้ว
“กระบี่พิพากษา? ท่านี้มัน พิพากษาจากวิชากระบี่ ศิลปะกระบี่นี่เอง!”
เ่ิูดูดีใจจนควบคุมไม่อยู่
ทันใดนั้นเอง ที่ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ดึงกระบี่ยาวซึ่งปักไว้บนพสุธา กำไว้ในมือทั้งสอง ค่อยๆ เก็บเพลงกระบี่กลับคืน
สายลมพัดผมสั้นสีเืหมูของเขา ทั้งร่างเต็มไปด้วยความกล้าหาญและเคร่งขรึมเหลือจะกล่าว ร่างกำยำนิ่งหนักประหนึ่งหินผา หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ราวกับชนะทหารและม้านับหมื่นพัน ราวกับแม่ทัพที่เพิ่งผ่านร้อยศึกหวนคืนถิ่น ทอดมองไปแสนไกล จิติญญาความกล้าและความยุติธรรม ทำให้คนมองบังเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างไม่อาจห้ามใจ
ไอแสงสีทองและน้ำเงินไหลเวียน
ภาพจำลองของทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ค่อยๆ แตกกระจาย กลายเป็แสงงดงามกลับสู่หน้าคัมภีร์ทองแดง
เพลงกระบี่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาจนหมดแล้ว
เหมือนเช่นกระบวนยุทธ์เทพราชันเกราะทอง ยังคงมีสี่ท่า
เ่ิูมองเหมือนคนเมามายและโง่เง่า
เพลงกระบี่ต่อเนื่องของทหารเอกหนึ่งนิรันดร์นี้ ถึงแม้จะมีแค่สี่ท่า แล้วยังดูง่ายดายมาก ทว่าแต่ละท่านล้วนมีความลึกซึ้งและพลังอำนาจอันยิ่งยงซ่อนอยู่ แต่ละท่าเสมือนความช่ำชองของเพลงกระบี่นับไม่ถ้วน จนสามารถแช่แข็งใต้หล้านี้ไว้ได้ เรียกได้ว่ากระบี่หนักไร้คม กลวิธีมากหลายไม่อาจใช้งาน สี่กระบวนท่าเสมือนไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่ความจริงแล้วมีค่ามากที่สุด
แม้เ่ิูจะยังไม่ได้ลองฝึก แต่เพียงแค่มองปราดเดียว ก็รู้ได้บางเบาว่าสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์นี้ มีความเยี่ยมยุทธ์แห่งท่วงทำนองประหลาดแต่ให้ผลดียิ่งเหมือนๆ กันกับสี่เทพราชันเกราะทอง...สี่กระบวนยุทธ์รวมเข้าด้วยกันอย่างล้ำเลิศ มีสิทธิ์ชนะยิ่งกว่าพลังอำนาจแกร่งกล้าของกระบวนยุทธ์แบบเดี่ยวนัก
เ่ิูพอใจกับเพลงกระบี่สังหารต่อเนื่องนี้ยิ่งนัก
เขาเพ่งสมาธิและปัญญาทุกอย่างลงไปในคัมภีร์ทองแดงหน้านี้ รูปกายค่อยๆ เข้าสู้ภาวะหลงลืมตัวตน เริ่มใช้ปฏิภาณทุกอย่างที่มีเข้าหยั่งลึกถึงแก่นแท้แห่งวิชาของสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์
เหมือนเช่นคราวก่อน เมื่อเพ่งสมาธิลงไปในหน้ากระดาษทองแดง ในทะเลสำนึกก็บังเกิดข้อมูลของเพลงกระบี่มากมายเข้ามา ความลับและแก่นแท้ของวิชาดาบสี่กระบวนยุทธ์นั้นปรากฏขึ้นแก่ความคิดเ่ิูจนหมดเปลือก ราวกับว่าอ่านมาแล้วเป็พันหมื่นครั้ง
“สี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์นี้ ต้องใช้พลังภายในพิเศษโคจรจิตมากระตุ้น...”
“ก่อนหน้าที่ทหารเอกจะสำแดงท่าทั้งสี่นั้น เส้นแสงสีเขียวพันล้อมรอบกายนั้น แท้จริงแล้วมิใช่วุ่นวายไร้แบบแผน แต่เป็พลังภายในฝึกเพลงกระบี่ ไม่เพียงกระตุ้นเพลงกระบี่สี่ท่าได้เท่านั้น ยังทำให้ร่างกายผู้ฝึกฟื้นฟูภายในและาแได้เร็ว ต่อให้เจอศึกในสักวันหนึ่ง ภายใต้พลังภายในนี้ ระดับการฟื้นฟูร่างกายของผู้ฝึกย่อมไว้กว่าอีกฝ่ายหลายสิบเท่า!”
“เป็ดังที่ข้าคิดไว้ เพลงกระบี่สี่ท่านี้มิใช่ง่ายๆ อย่างที่ตาเห็น โดยเฉพาะท่าแรก กระชากิญญาผ่าเวหา หากได้ปะทะคู่ต่อสู้ จะสามารถหยุดพลังภายในของคู่ต่อสู้ได้ชั่วครู่ ทำให้กระตุ้นพลังต่อสู้ของตนได้...ถึงจะหยุดชะงักได้แค่ชั่วคราว แต่เมื่อยอดฝีมือประมือกัน ย่อมตัดสินแพ้ชนะท้ายสุดได้อยู่ดี!”
ข้อมูลการฝึกฝนพลังภายในอันแกร่งกล้าและพลังอำนาจของกระบวนยุทธ์ล่องลอยอยู่ในทะเลสำนึกของเ่ิู
เขาเจียระไนมันอย่างละเอียด
เวลาตอนที่เ่ิูฝึกฝนชนิดลืมตาย หลั่งไหลไปไวเหลือ
พริบตาเดียว ก็ผ่านไปสามวันเต็ม
...
...
แกร๊กๆ!
เ่ิูผลักประตูใหญ่ออกมา
การเก็บตัวคราวนี้ของเขาใช้เวลาสี่วันเต็ม เก็บเกี่ยวได้มหาศาล ในที่สุดระยะเวลาก็สิ้นสุดลงแล้ว เขาเดินออกมานอกประตู หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์และหนาวเย็นเข้าปอด รู้สึกสบายขึ้นมามาก
“เอ๋? หิมะยังตกอยู่หรือนี่?”
ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มเช่นเดียวกับก้อนเมฆ หามองเห็นแสงอาทิตย์ไม่
เ่ิูรู้สึกว่าหลังมือเย็นซู่ พอมองดีๆ ก็เห็นเป็ปุยหิมะร่วงหล่นลงมา
นี่คงเป็หิมะแรกของหน้าหนาวกระมัง?
จิตใจของเขาเองกลับเหมือนเมฆ มืดครึ้มขึ้นมาบ้างแล้ว
เหมันต์แห่งหุบเขากวางตัดทั้งเย็นเยือกและยาวนาน ทุกปีล้วนแล้วแต่เป็เช่นนี้ หน้าหนาวเป็ฤดูอันยากแค้นแสนสาหัสของเหล่าผู้ยากไร้ หิมะอาจตกติดต่อกันหลายสิบวัน ความหนาวเหน็บและหิวโหยอาจกระชากิญญาของคนจนทั้งหลายไป พอเข้าฤดูนี้ การรักษาความปลอดภัยของเมืองลู่ิจักอลหม่านมาก ทุกหนทุกแห่งจะมีการฆ่าแกงและแก่งแย่งเกิดขึ้น คนมากมายทรมานกับความเย็นและอดอยาก กลัวตายจนกลายเป็บ้า ในฤดูกาลนี้ ถึงจะเป็แค่หมั่นโถวแห้งๆ ครึ่งก้อนก็ยังเนื้อหอมจนคนแย่งชิงกันอย่างลืมตาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้