“ท่านแม่ขอรับ รู้สึกอย่างไรบ้าง ยังไม่สบายที่ใดอยู่หรือไม่ขอรับ”หั่วอี้มองออกว่าท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเซื่องซึมอยู่อย่างชัดเจนจึงยังไม่วางใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าเอาหัวพิงหัวนอน ถอนใจเบาๆ “เฮ้อ เื่นี้ก็ไม่อาจโทษไฉ่เอ๋อร์ทั้งหมด
ตอนที่แม่ตั้งท้องเ้ายังอาเจียนหนักกว่านางเสียอีก ไฉ่เอ๋อร์เมื่อครู่เ้าอาเจียนเอาของที่กินเข้าไปออกมาจนหมดแล้ว ก็ควรกลับไปกินเพิ่มอีก หากร่างกายของมารดาไม่ได้รับการบำรุงให้เพียงพอก็จะกระทบต่อลูกในท้องด้วย”
นางจ้าวได้ยินคำก็รีบเงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อหูนางซาบซึ้งใจจนน้ำตาเอ่อเต็มตา เพราะสร้างความผิดเอาไว้จึงกำลังเป็กังวลอยู่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะลงโทษนางเช่นใดแต่กลับไม่คิดว่านอกจากฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ลงโทษแล้ว ก็ยังช่วยนางพูดเสียอีกทำเอานางร้องไห้ออกมาทันที
“เอาล่ะๆ มีเื่ใดน่าร้องไห้กัน หากไม่คำนึงถึงตัวเองก็ควรคำนึงถึงลูกในท้อง เอาแต่ร้องไห้ร้องห่มเช่นนี้ เ้าอยากให้ลูกเกิดมามีหน้าตาร้องไห้อมทุกข์หรือไร?”
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าก็อารมณ์ไม่ดีแต่เพราะนางคำนึงถึงเด็กในท้องนางจ้าว นั่นต่างหากคือดวงใจอันเป็ที่รักของนางรักคนรักอีกาบนหลังคา [1] นางถึงได้ช่วยพูดดีๆให้นางจ้าว แต่จนใจเหลือเกินที่นางจ้าวกลับไม่ระวังและมาร้องไห้เสียอีก
“อี้เอ๋อร์ แม่ไม่เป็ไรแล้ว มีเื่วุ่นวายแต่เช้าเช่นนี้แม่เองก็เหนื่อย อยากนอนสักพัก เ้ากลับออกไปเป็เพื่อนไฉ่เอ๋อร์เถิดหาอาหารบำรุงร่างกายสักหน่อยด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าหลิ่วจิ้งไม่อยู่แล้ว คร้านจะเล่นละครต่อและตัวนางเองก็รู้สึกอ่อนล้านัก จึงเอ่ยคำส่งแขกเช่นนี้
“เช่นนั้นท่านแม่ก็พักผ่อนให้ดีๆ ก่อนนะขอรับสักพักลูกจะกลับมาเยี่ยมท่านอีก” หั่วอี้ประคองตัวฮูหยินผู้เฒ่าให้นอนราบกับเตียงค่อยหันหน้ามาบอกป้าจ้าวว่า “ป้าจ้าวคอยดูแลให้ดี หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบายที่ใดอีกต้องรายงานข้าทันที”
“เ้าค่ะๆ บ่าวจะดูแลฮูหยินผู้เฒ่าสุดกำลังเ้าค่ะท่านแม่ทัพโปรดวางใจ” ป้าจ้าวตอบรับอย่างระมัดระวัง
“พวกเราไปกันเถิด” หั่วอี้หันไปบอกนางจ้าว แต่นางยังไม่ทันลุกขึ้นเขาก็เดินนำหน้าออกไปก่อนแล้ว
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ไฉ่เอ๋อร์กลับก่อนนะเ้าคะ”นางจ้าวลุกขึ้นโดยมีเหมยเซียงประคอง ก่อนจะเอ่ยลากับฮูหยินผู้เฒ่า
“อืม” ฮูหยินผู้เฒ่าตอบรับคำหนึ่ง แล้วก็เอาแต่หลับตาไม่มองนางจ้าวอีกนางจ้าวเห็นว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สนใจนางแล้ว จึงค่อยๆเดินตามออกไป
“ฮูหยินใหญ่ ท่านไม่เป็ไรนะเ้าคะ?” จนออกมาจากเขตอิทธิพลของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเหมยเซียงจึงกล้าเอ่ยปากถามเสียงเบา
เื่ที่เกิดในเช้าวันนี้ทำเอาใจนางเต้นตูมตามจนแทบจะขึ้นมาอยู่ที่ลำคอแล้วเื่นี้กระทบกับฮูหยินผู้เฒ่าโดยตรงจึงมิใช่จะทำให้เื่ผ่านไปได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ดีที่นางจ้าวมีลูกในท้องเป็ที่พึ่งพิงจึงรอดตัวมาได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อเมื่อคิดถึงเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เหมยเซียงก็ยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจ
นางจ้าวหน้าดำคร่ำเครียด เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไม่มีแก่ใจมาตอบคำถามของเหมยเซียงทั้งที่เมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็บอกแล้วว่าให้หั่วอี้ไปส่งนางกลับแค่เพียงชั่วเวลาที่นางเอ่ยคำลากับฮูหยินผู้เฒ่า หั่วอี้ก็จากไปไม่เห็นแม้แต่เงา
คงจะรีบไปดูนังคนนั้นกระมัง นางจ้าวชิงชังหลิ่วจิ้งอยู่ในใจนางถือดีอันใด แค่วางท่าแสร้งทำก็ได้หัวใจของหั่วอี้ไปแล้ว แต่ความทุ่มเทของตนหั่วอี้กลับไม่เคยมองเห็นอยู่ในสายตา
ว่ากันว่าััที่หกของสตรีแม่นยำนัก นางจ้าวเดาไม่ผิดหลังจากหั่วอี้ออกไปจากประตูเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า จะมีแก่ใจไปส่งนางจ้าวกลับได้อย่างไรเขากำลังคิดว่าองค์หญิงนอนอยู่กับพื้นไม่รู้ว่าสาวใช้ที่ชื่อว่าอวี้จิ่นนั่นจะประคองนางลุกขึ้นมาหรือไม่
หากปล่อยให้องค์หญิงนอนอยู่บนพื้นเย็นๆเป็ครึ่งค่อนวันแล้วจะไม่ทำให้ล้มเจ็บหรอกหรือพอย้อนคิดดูว่าก่อนหน้านี้เขารีบร้อนผละจากมา จึงเพิ่งรู้สึกว่าตนเองทำเกินไป
หลังจากหั่วอี้พาท่านหมอหวังจากมานอกจากอวี้จิ่นแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิงเกิดเื่ใดขึ้นบ้าง
ตอนนั้นหลิ่วจิ้งล้มลงนอนอยู่บนพื้นที่แท้แล้วเป็ความตั้งใจของนาง นางย่อมยังมีสติอยู่ครบถ้วน
ตอนที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่ามีเศษสกปรกให้เห็นอยู่ทุกทีเดิมทีนางก็ควรจะอยู่ช่วยดูแลเพียงแต่พอนึกถึงแผนการที่ฮูหยินผู้เฒ่าและนางจ้าวใช้เล่นงานนางนางจึงวิ่งหนีออกมาเสีย
คนฉลาดเช่นนาง มีหรือจะยอมให้ผู้อื่นหาเื่จับผิดได้จึงไม่มีทางทำให้ตนเองไร้ทางถอยด้วยการตรงกลับไปที่หอหั่วเยี่ยนเมื่อออกมาจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าก็ต้องทำเป็ว่าจะออกมาช่วยจัดการบางสิ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่า
นางจงใจวิ่งให้เร็วและตั้งใจว่าเมื่อเห็นท่านหมอหวังแล้วก็จะรีบบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเกิดเื่ในสายตาของคนอื่นก็จะเห็นว่านางรีบมาตามท่านหมอหวังจึงเหน็ดเหนื่อยจนล้มพับไป
ทุกสิ่งล้วนอยู่ในแผนการของหลิ่วจิ้งเพียงแต่นางคะเนใจผู้อื่นไว้ดีแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นหัวใจของหั่วอี้
ท่านหมอหวังยังไม่ทันช่วยตรวจรักษานาง หั่วอี้ก็มาถึงที่นี่แล้วนางบังเอิญให้หั่วอี้เห็นว่าตนเองพยายามจะเป็ส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้และกลับทำให้นางมองเห็นหัวใจของหั่วอี้ไปพร้อมกัน
เพราะจากนั้นหั่วอี้เป็กังวลนักหนา ทว่าคนที่เขากังวลถึงไม่ใช่นางแต่เป็ฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งนางก็ได้ยินเื่นี้ทั้งหมด
หั่วอี้ปล่อยให้นางนอนอยู่กับพื้นและไม่ยื่นมือเข้าช่วยต่อให้ท่านหมอหวังไม่อาจแบ่งร่างไปรักษาคนสองคนในเวลาเดียวกันได้อย่างน้อยก็อุ้มนางไปนอนบนเตียงที่เรือนใดก่อนก็ยังพอทำได้นี่
หั่วอี้เป็ห่วงความปลอดภัยของฮูหยินผู้เฒ่าเกินไปถึงกับปล่อยให้นางนอนอยู่บนพื้นเย็นๆ โดยไม่แยแส หัวใจของหลิ่วจิ้งดำดิ่งลงสู่ธารน้ำแข็งตามเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆจากไปของหั่วอี้
นี่คือคนดีที่นางเตรียมจะมอบใจมอบกายให้หรือ? วันนี้เป็ฮูหยินผู้เฒ่า แล้ววันพรุ่งหรือวันต่อๆ ไปเล่าเมื่อลูกของนางจ้าวเกิด ในสายตาของหั่วอี้ ทายาทของเขาจะสำคัญยิ่งกว่านางหรือไม่
คราหน้าในวันที่ผลประโยชน์ของนางและทายาทของเขาเกิดขัดแย้งกันเขาก็จะไม่ไยดีเช่นที่ทำในวันนี้หรือไม่
อวี้จิ่นเองก็รู้สึกประหลาดนักที่หั่วอี้มาจากไปทั้งเช่นนี้ หลงนึกว่าท่านแม่ทัพจะต้องปฏิบัติต่อหลิ่วจิ้งต่างจากสตรีคนอื่นๆที่อยู่ข้างกายเขาเสียอีก หาไม่เขาก็จะไม่พาหลิ่วจิ้งกลับมาที่จวนและแต่งตั้งให้นางเป็ฮูหยิน
อวี้จิ่นกลับไม่รู้ว่าเื่ที่ล้มนอนอยู่บนพื้นนี้เป็สิ่งที่หลิ่วจิ้งจงใจทำและยังนึกว่าเป็เพราะหลิ่วจิ้งรีบร้อนวิ่งเกินไปจึงเป็ลมไป
นางโน้มตัวลงมาร้องเรียกหลิ่วจิ้งด้วยความร้อนใจแต่กลับเห็นว่าที่หางตาซึ่งปิดอยู่ของหลิ่วจิ้งมีน้ำตาไหลลงมาเป็สาย
อวี้จิ่นใ คนที่เป็ลมไม่น่าร้องไห้ได้นี่ท่าทางหลิ่วจิ้งจะยังมีสติอยู่ แต่นางร้องไห้เื่ใดกัน
อวี้จิ่นหันหน้ามองตามทิศทางที่หั่วอี้จากไป หรือด้วยเื่ที่ท่านแม่ทัพแล้งน้ำใจไม่ไยดี?
“ฮูหยิน ท่านเป็อะไรไป?” แม้อวี้จิ่นจะเดาสาเหตุที่หลิ่วจิ้งเสียใจถูก แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้เื่ว่าจิตใจคนจะไปทิศทางใด นางย่อมไม่อาจช่วยได้
อวี้จิ่นถามแทงใจดำหลิ่วจิ้ง น้ำตานางจึงยิ่งไหลหนักกว่าเดิม
“ฮูหยิน บ่าวจะพยุงท่านลุกขึ้นก่อน บนพื้นเย็นนักถ้าส่งผลเสียต่อร่างกาย คนที่ต้องทุกข์ทรมานก็จะเป็ตัวฮูหยินเองนะเ้าคะ หากผู้อื่นเขาจะเป็ห่วงก็คงเป็ห่วงไปนานแล้วล่ะเ้าค่ะ”
“เ้า… เ้านี่ช่างพูดเสียจริง” หลิ่วจิ้งรู้สึกขัดเคืองต่อคำพูดของอวี้จิ่นแต่ก็กลับหัวเราะออกมานางหยุดร้องไห้แล้ว พลันลืมตาขึ้นจ้องอวี้จิ่นด้วยสายตาคับแค้นใจ
อวี้จิ่นนี่อาจหาญไม่เบา น้ำกาใดไม่เดือดก็ยังเอากานั้นมาและมาเปิดาแในใจนางเข้าพอดี
อวี้จิ่นกับหลิ่วจิ้งอยู่ด้วยกันราวกับเป็ทั้งบ่าวทั้งสหายอยู่กึ่งกลางระหว่างสองสิ่งนี้ เดิมทีอวี้จิ่นคือนางกำนัลชั้นสูงเป็คนสนิทที่อยู่ใกล้ชิดองค์หญิง สายตาของนางย่อมอยู่สูงกว่าทุกสิ่ง
เดิมทีแล้วในสายตานาง อย่างมากหลิ่วจิ้งก็เป็แค่นักโทษที่รอเข้าสำนักคณิกาหลวงเท่านั้นนางย่อมไม่เคยมองเห็นอยู่ในสายตา เพียงแต่ภายหลังสภาพการณ์เปลี่ยนไปเมื่อต้องเข้ามากอดกันเพื่อสร้างไออุ่นต้องมีชีวิตต่อไปด้วยกันในต่างบ้านต่างแคว้น นางจึงยอมร่วมมือกับหลิ่วจิ้ง
หลังจากนางค่อยๆ ทำความรู้จักและอยู่ร่วมกับหลิ่วจิ้งนางได้รับความเคารพและเป็ห่วงจากหลิ่วจิ้งอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนความรู้สึกที่นางมีต่อหลิ่วจิ้งจึงเริ่มเปลี่ยนไป
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] รักคนรักอีกาบนหลังคา หมายถึง เมื่อรักใครก็จะต้องรักทุกสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคนคนนั้นด้วย
