ชั่วพริบตา ทุกคนต่างมองออกไปนอกสวนบุปผชาติ คิดไปต่างๆ นานาว่าผู้บงการอยู่เื้ัที่แท้เป็ใครกันแน่
“นำตัวเข้ามา” อวี้เสวียนจีกล่าวอย่างเฉยเมย ทว่าแววตากลับกวาดมองไปยังซูเฟยซื่อดูเหมือนจงใจแต่ไม่ตั้งใจคราหนึ่ง
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วน้อยๆ เขามองนางเวลานี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเื่นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง?
ไม่ต้องให้องครักษ์นำทาง ผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็คนบงการอยู่เื้ัก็วิ่งอาละวาดสะเปะสะปะเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าซ่งหลิงซิวและอวี้เสวียนจี “พระอาญาไม่พ้นเกล้า ข้าน้อยขอน้อมบังคมทูลฝ่าพระบาทกับท่านอ๋องเก้าพันปี พ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าคือ?” ซ่งหลิงซิวรู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างคุ้นตา แต่ชั่วขณะมิอาจจำได้
“ข้าน้อยเป็ชุยเผิงเฉิงบุตรชายของชุยผิงจื้อนายอำเภอ ข้ามามอบตัวต่อฝ่าพระบาท มือสังหารเหล่านี้ล้วนเป็ข้าน้อยสั่งการเองพ่ะย่ะค่ะ” ชุยเผิงเฉิงกล่าววาจาจบด้วยความสยองกลัวทั่วใบหน้า
ซูเฟยซื่อกลับสังเกตเห็นว่าแม้ใบหน้าของชุยเผิงเฉิงจะสยองกลัว ทว่าก้นบึ้งดวงตากลับนิ่งสงบผิดปกติ เหมือนได้รับคำมั่นสัญญาที่จะไม่ต้องถูกลงพระอาญาปานนั้น
ไม่ต้องถูกซ่งหลิงซิวตัดสินพระอาญาหรือ? นอกจากซ่งหลิงซิวแล้ว ยังมีใครกล้าให้สัญญาดังกล่าวได้?
เป็ไปไม่ได้เด็ดขาดที่ซ่งหลิงซิวจะสั่งการให้คนมาลอบสังหารตนเอง
สลัดทิ้งซ่งหลิงซิว ถ้าเช่นนั้นคนที่มีความเป็ไปได้มากที่สุดคือ... ซูจิ้งโหยว!
หรือว่ามือสังหารเหล่านี้ต่างเป็คนที่ซูจิ้งโหยวสั่งมา? ที่แท้จุดประสงค์ของนางคืออะไร!
บ้าไปแล้วหรือ? ลอบสังหารฮ่องเต้ในบ้านของตน
“งั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นจงบอกข้า ทำไมเ้าถึง้าลอบสังหารฮ่องเต้?” อวี้เสวียนจีมองชุยเผิงเฉิงจากเบื้องสูง ทั่วหน้าขบคิดเป็เวลานาน
ชุยเผิงเฉิงถูกอวี้เสวียนจีถามจนลนลาน แต่ยังยึดสัญญาที่ซูจิ้งโหยวให้ไว้ ไม่ได้เสียศูนย์เกินไป “ข้าน้อยหามือสังหารมาไม่ได้้าลอบสังหารฮ่องเต้ แต่เป็... คุณหนูสามของจวนอัครมหาเสนาบดีได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับข้าน้อยเป็การส่วนตัวมานานแล้ว เวลานั้นนางเป็เพียงสาวน้อยลูกอนุไร้ชื่อเสียงในจวนอัครมหาเสนาบดี ข้าน้อยไม่เคยรังเกียจนาง ไม่คิดว่าหลังจากที่นางประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงในพิธีชุมนุมแข่งม้าก็เกิดความคิดจะปีนป่ายเบื้องสูงขึ้นไปอีก ยังลบหลู่ข้าน้อยไม่คู่ควรกับนาง ข้าน้อยโกรธชั่วขณะจึงคิดหามือสังหารมาข่มขู่ ข้าน้อยไม่ทราบจริงๆ ว่าวันนี้ฮ่องเต้ทรงเสด็จมายังจวนอัครมหาเสนาบดี ยิ่งไม่รู้ว่าความคิดอ่านของผู้หญิงคนนี้ช่างหนักหนา คาดไม่ถึงว่าชักนำมือสังหารไปหาฝ่าพระบาทที่นั่น ยังแสดงบทบาทช่วยคุ้มกันอารักขาชุดหนึ่ง แทบทำให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนพ่ะย่ะค่ะ”
วาจารอบนี้ของเขาสิ้นสุดลง จวนอัครมหาเสนาบดีก็ราวกับะเิออก ไม่คาดว่าซูเฟยซื่อถึงกับเป็คนแบบนี้ ยังว่าเพื่อได้รับความเห็นอกเห็นใจจนไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดแก่ฮ่องเต้ จนได้ล่อมือสังหารเข้าไปแล้ว
ชั่วพริบตา ซูเฟยซื่อที่เพิ่งเป็ผู้มีคุณูปการยิ่งใหญ่ของจวนอัครมหาเสนาบดีกลายเป็อาชญากรร้ายความผิดใหญ่หลวงมิอาจให้อภัย
หนึ่งเดียวที่สะกดความหวาดกลัวให้สงบไว้ก็มีเพียงอวี้เสวียนจีที่ทราบเื่นี้ดีกับซูเฟยซื่อซึ่งเป็โจทก์
หลังจากที่ซูจิ้งโหยวใช้เหตุผลว่านางไม่สบายจากไป นางก็รู้สึกว่าเื่นี้มีบางอย่างผิดปกติแล้ว
ประกอบกับการตอบสนองของชุยเผิงเฉิงเมื่อครู่ ทำให้นางเดาได้รางๆ ว่ามือสังหารเหล่านี้เป็ซูจิ้งโหยวสั่งมา เื่ดำเนินมาในรูปแบบนี้ นั่นย่อมอยู่ในความคาดคิดของนาง
แต่ไม่คิดว่าซูจิ้งโหยวแทนที่จะยอมรับผิด กลับย้อนใช้วิธีการเล่นงานตั้งหนึ่ง แต่การเดินทางของซ่งหลิงซิวรอบนี้เป็ซูจิ้งโหยวจัดเตรียม ไม่ได้บอกต่อคนนอกมาก่อนทั้งสิ้น ดังนั้นชุยเผิงเฉิงบอกว่าเขาไม่ได้รู้ว่าซ่งหลิงซิวอยู่ที่นี่เป็เื่ที่สมเหตุสมผลด้วย
ข้อสงสัยเพียงหนึ่งเดียวก็เป็นางกับชุยเผิงเฉิงไม่เคยเจอกัน ชุยเผิงเฉิงกลับใส่ความว่านางกับเขาได้ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันเป็ส่วนตัว หลักฐานคืออะไร?
แต่ไม่ว่าในที่สุดชุยเผิงเฉิงเอาหลักฐานมาได้หรือไม่ ข่าวนี้ต้องถูกคนแพร่ออกไปแน่ๆ หนึ่งแพร่ไปสิบ สิบแพร่ไปร้อย เหตุผลเหมือนกันกับตอนที่นางใส่ร้ายแซ่หลี่ ผู้คนมักชอบฟังเื่ของคนอื่น ดังนั้นหากเื่นี้แพร่ออกไปสุดท้ายซูเฟยซื่อคงต้องกลายเป็นางสารเลวในสายตาผู้คนไม่ผิดแน่
นอกเสียจากว่า... มีข่าวที่รุนแรงยิ่งกว่าให้ราษฎรไปแพร่กระจาย แต่ยังมีที่ยิ่งะเิรุนแรงกว่าเื่ที่คุณหนูสามแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีแพศยานอกใจจนนำมาซึ่งการลอบสังหารจนเกือบเข้าใจผิดทำร้ายฮ่องเต้ได้อีกหรือ?
ดูเหมือนครั้งนี้ซูจิ้งโหยวได้ใช้วิธีกรรมตามสนองจัดการคนนั้นเอง
“อ้อ? เ้าบอกว่าเ้ากับคุณหนูสามแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีได้ตัดสินจะใช้ชีวิตร่วมกันเป็ส่วนตัว มีหลักฐานไหม?” อวี้เสวียนจีกล่าวอย่างไม่เร่งร้อน
ชุยเผิงเฉิงพยักหน้าทันที “ขอรับ ก็เป็หยานเอ๋อร์คนรับใช้ส่วนตัวของคุณหนูสาม”
ทันทีที่วาจานี้ของเขาพูดออกไป ซูเฟยซื่อพลันนึกขึ้นได้ทันที ไม่คิดว่าที่นางแซ่หลี่จัดหยานเอ๋อร์ไว้ข้างกายนางจะมีประโยชน์ตอนนี้
แม้จะไม่เคยคาดหวังว่าหยานเอ๋อร์จะซื่อสัตย์ต่อนาง แต่คนทั้งคนถูกคนทรยศแบบนี้ นางยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
อวี้เสวียนจีกลับไม่เชื่อว่าเป็จริง หยักโค้งริมฝีปาก “ทหาร ตามหยานเอ๋อร์มา”
หยานเอ๋อร์ก็ถูกคนนำตัวมาโดยเร็ว นางเหลือบมองซ่งหลิงซิวอย่างเอียงอาย รีบก้าวขึ้นหน้ามาคุกเข่าลง “บ่าวขอกราบน้อมทูลเข้าเฝ้าฝ่าพระบาทเพคะ”
อวี้เสวียนจีย่อมมองออกถึงจุดประสงค์ของนาง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็น “ทหาร ลากลงไปลงทัณฑ์ให้หนักสิบไม้กระดานแล้วค่อยลากกลับมา”
“เอ๋?” หยานเอ๋อร์ยังไม่ทันได้สติ ก็ถูกองครักษ์ลากไปแล้ว ไม่นานเสียงกรีดร้องน่าสมเพชก็ดังตามมา
อวี้เสวียนจีกลับบิดองุ่นกินลูกหนึ่ง กล่าวขึ้นราวกับคำพูดของตนล้วนสมด้วยเหตุผล “บ่าวไพร่นางนี้ไม่รู้จักกฎระเบียบ ข้าอุปราชช่วยอัครมหาเสนาบดีซูอบรมสั่งสอน ท่านไม่ต้องขอบคุณไปหรอก”
ซูเต๋อเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็แทบอยากกระอักเืคำโต แม้หยานเอ๋อร์จะมีความผิดที่ว่านางเพียงน้อมคารวะซ่งหลิงซิวแต่ไม่ได้คำนับอวี้เสวียนจี แต่ถึงกระนั้น มาตีคนของเขาแล้วยังให้กล่าวขอบคุณ? หนังหน้าของอวี้เสวียนจีจะหนาเกินไปแล้ว!
สถานการณ์ของเขาก็ราวกับพระโพธิสัตว์ดินเหนียวข้ามนที[1] ไหนเลยสนใจดูแลคนรับใช้คนหนึ่ง หากอวี้เสวียนจีอยากตีก็ตีไป
แม้หยานเอ๋อร์จะเป็คนรับใช้คนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็เป็ลูกสาวของหลินมามา กึ่งคุณหนูของจวนอัครมหาเสนาบดี ไหนเลยจะรับสิบไม้กระดานใหญ่นี้ไหว ขณะที่ลากกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าก็ไร้สีเืไปแล้ว
ได้บทเรียนเมื่อครู่ ครั้งนี้นางไม่กล้าทำผิดอีก แม้ความเ็ปที่ก้นจะแล่นแปลบไปถึงขั้วหัวใจ นางก็ยังคงรีบคลานไปน้อมคารวะต่ออวี้เสวียนจี “บ่าว... บ่าวขอน้อมคารวะท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
อวี้เสวียนจีเลิกคิ้วด้วยความพอใจ “ไม้อ่อนย่อมดัดง่าย เอาล่ะ ข้าอุปราชขอถามเ้า คุณหนูในครอบครัวของเ้าได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นเป็การส่วนตัวหรือไม่ และชายหนุ่มที่เป็คนรักคนนั้นคือผู้ใด?”
หยานเอ๋อร์เห็นเื่นี้ผ่านไปในที่สุด ก็อดโล่งใจไม่ได้ นางปรายตามองซูเฟยซื่อคราหนึ่ง คิดถึงผลประโยชน์ที่ซูจิ้งโหยวให้สัญญากับนาง รีบตัดสินใจอย่างอำมหิตทันที “ตอบวาจาท่านอ๋องเก้าพันปี คุณหนูครอบครัวของบ่าวมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคุณชายชุย แต่หลังจากคุณหนูกลับมาจากพิธีชุมนุมแข่งม้าก็ไม่สนใจคุณชายชุยอีก ซ้ำยังบอกว่าคิดเข้าวังเป็พระชายาเ้าค่ะ”
วาจารอบนี้ของหยานเอ๋อร์เป็เพียงหลักฐานยืนยันสิ่งที่ชุยเผิงเฉิงกล่าวไปเมื่อครู่ บุตรสาวทั้งสามทำให้เขาผิดหวังอย่างต่อเนื่อง ซูเต๋อเหยียนอดกลั้นโทสะที่ปะทุอยู่เต็มท้อง ลุกขึ้นยืนตบซูเฟยซื่ออย่างโเี้หนึ่งฉาด “ทำไมข้าให้กำเนิดเ้าที่เป็บุตรสาวไร้ยางอายคนหนึ่งแบบนี้ จากนี้ไปจวนอัครมหาเสนาบดีไม่มีความสัมพันธ์กับเ้า เื่วันนี้จบ ก็ไสหัวออกไปจากจวนอัครมหาเสนาบดีเสีย”
ซูเฟยซื่อแลบลิ้นเลียเืที่มุมปากคราหนึ่ง ลอบหัวเราะเ็าในใจ ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาว ซูเต๋อเหยียนทำเป็ก็เพียงวิธีนี้เท่านั้น
เห็นเช่นนี้ นางแซ่หลี่ที่นิ่งเงียบมาตลอดรีบก้าวออกมา “โอ้ นายท่านอย่ากริ้วโกรธไปเลย นังหนูนี่ั้แ่เด็กก็ไม่ได้ใกล้ชิดท่าน คนที่ขาดการควบคุมนิสัยดุร้ายจะเปรียบเทียบกับโหยวเอ๋อร์และเถียนเอ๋อร์ได้อย่างไรเ้าคะ”
……
[1] พระโพธิสัตว์ดินเหนียวข้ามนที เป็สำนวนจีนหมายถึง เอาตัวเองไม่รอด แล้วจะช่วยผู้อื่นได้อย่างไร พระโพธิสัตว์เป็ผู้ปกปักษ์คุ้มครองมนุษย์ ทว่าหากนำรูปปั้นพระโพธิสัตว์ที่ปั้นจากดินเหนียวมาลอยแม่น้ำ ก้อนดินย่อมถูกน้ำชะล้างมลายไป แม้จะเป็พระโพธิสัตว์ก็ยังเอาตัวไม่รอดเช่นกัน