หั่วอี้ััได้ถึงความยินดีของจ้าวไฉ่เอ๋อร์เขารู้สึกติดค้างนางอยู่ในใจย้อนนึกถึงว่าเมื่อตอนที่นางจ้าวเข้าจวนมานั้นเป็่เวลาที่งดงามที่สุดของสตรี
เนิ่นนานแล้วที่เขาไม่เคยคิดถึงความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเขาและจ้าวไฉ่เอ๋อร์เมื่อได้เห็นหยาดน้ำในดวงตาของนางยามนี้ ก็กระตุ้นเตือนให้เขานึกถึงความทรงจำเก่าๆขึ้นมา
เขาจำได้ว่าคราแรกที่พบจ้าวไฉ่เอ๋อร์ สีหน้านางเขินอายนักใบหน้านางแดงดั่งลูกผิงสุกงอม นางเป็สตรีคนแรกของเขาและเป็วันนั้นเองที่เขาได้รู้จักรสชาติแสนงดงามเป็ครั้งแรก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จ้าวไฉ่เอ๋อร์มองสตรีคนแล้วคนเล่าเข้าๆ ออกๆในจวน คิดว่าในใจนางคงรู้สึกขัดเคืองกระมัง
“ไฉ่เอ๋อร์ หลายปีมานี้ลำบากเ้าแล้วเ้าคอยติดตามข้าไม่ทิ้งไม่ห่าง ทั้งคอยช่วยข้าดูแลฮูหยินผู้เฒ่าตลอดมา ขอบใจเ้า”
“ท่านแม่ทัพ นั่นเป็สิ่งที่ไฉ่เอ๋อร์ต้องทำอยู่แล้ว…”
นางจ้าวร้องไห้จนพูดไม่เป็คำ นางปล่อยโฮออกมาคำพูดไม่กี่คำของหั่วอี้มีค่ายิ่งกว่าถ้อยคำนับหมื่นนับพัน จะให้นางไม่ซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตาได้อย่างไร
เพียงเห็นคนใหม่สรวล ฤาสดับคนเก่าไห้ หลายปีมานี้ั้แ่แรกที่รู้สึกไม่ยอมใจจนบัดนี้นางชาชินนางรู้สึกมาตลอดว่าแม้จะไม่มีความชอบแต่นางก็ทำงานอย่างยากลำบากนางตั้งใจปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ามาหลายปี ลำพังแค่ประเด็นนี้ก็ไม่เหมือนกับสตรีคนอื่นๆของหั่วอี้แล้วกระมัง
นี่เป็สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของนางประคับประคองให้นางมองเฉยยามเห็นสตรีคนแล้วคนเล่าของหั่วอี้เข้ามาและออกจากจวนไป
หั่วอี้ไม่เคยให้ฐานะใดกับนางเพียงให้ชื่อว่าเป็ฮูหยินใหญ่ซึ่งมีแต่ชื่อกลวงๆ ไร้อำนาจฐานันดรใด แต่เมื่อเทียบกับสตรีคนอื่นของหั่วอี้ได้เท่านี้นางก็พอใจแล้ว
แม้แต่ฝัน นางจ้าวก็ยังฝัน ว่าปีนี้หั่วอี้ยังมอบหมายการจัดงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าให้แก่นางแต่เมื่อตื่นขึ้นนางก็ต้องผิดหวังหนแล้วหนเล่า
คนที่เป็แม่งานในงานเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าถือเป็การแสดงฐานะของนายผู้หญิงแห่งจวนแม่ทัพนับั้แ่หั่วอี้พาองค์หญิงต้าเว่ยกลับมา ทั้งยังตั้งให้นางเป็ฮูหยินนางจ้าวก็ไม่กล้าวาดหวังตำแหน่งที่จะได้ควบคุมดูแลจวนอีกเลย
หั่วอี้ไม่ชอบเห็นสตรีร้องไห้ พอสตรีร้องไห้เขาเห็นแล้วก็จะวุ่นวายใจ
จ้าวไฉ่เอ๋อร์มาร้องไห้เช่นนี้ก็ทำให้ความทรงจำของเขาถูกขัดจังหวะเขาตบหลังมือนางจ้าวเบาๆ เป็การส่งผ่านความคิดของเขาอย่างง่ายๆ
“ไฉ่เอ๋อร์ การจัดการงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าเป็งานที่เหน็ดเหนื่อยนักแล้วเ้าก็ยังมาตั้งครรภ์บุตรคนโตจากภรรยาเอกของสกุลหั่วด้วยอย่างไรก็ต้องเห็นสุขภาพร่างกายเป็สำคัญ อย่าเหน็ดเหนื่อยจนส่งผลเสียต่อร่างกาย
ดีที่ตลอดหลายปีมานี้ เ้าคุ้นเคยกับทุกสิ่งมานานแล้ว เ้ามีความคิดเห็นใดก็ให้ฮูหยินช่วยเ้าจัดการตัวเ้าก็ไม่ต้องลงมือเองไปเสียทุกเื่ ข้าจะบอกกล่าวกับทางฮูหยินเอาไว้ให้นางคอยช่วยงานเ้าให้ดีๆ”
“เ้าค่ะๆ ไฉ่เอ๋อร์ทราบแล้วเ้าค่ะ” นางจ้าวเงยหน้าขึ้นนางจับความคาดหวังจางๆ ในถ้อยคำของหั่วอี้ได้ บุตรคนโตจากภรรยาเอกที่เขาเอ่ยถึงคำว่าบุตรจากภรรยาเอกนี้เป็การสื่อถึงสัญญาที่เขาเคยมอบให้ใช่หรือไม่เื่นี้ทำให้หน้าตานางเปี่ยมไปด้วยความยินดี
ยามนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว นางไม่ได้ทานอาหารตามลำพังกับหั่วอี้เนิ่นนานนักกระทั่งจำไม่ได้ว่าเป็ความรู้สึกเช่นใด
“ท่านแม่ทัพ วันนี้อยู่ทานอาหารเย็นที่นี่นะเ้าคะ”
บางเื่ต้องเป็ฝ่ายไขว่คว้าเอาด้วยตนเองนี่เป็หลักการแท้จริงของจ้าวไฉ่เอ๋อร์
เดิมทีหั่วอี้ไม่ได้คิดจะอยู่ทานอาหารกับนางจ้าวที่นี่เพราะเขาวางแผนถึงเื่ดีงามที่จะทำกับหลิ่วจิ้งในคืนนี้คิดว่าจะเริ่มสร้างบรรยากาศั้แ่ทานอาหารเย็นจากนั้นก็สามารถได้ตัวนางประหนึ่งพอน้ำหลากเขื่อนก็สร้างเสร็จพอดี [1]
ทว่า เมื่อเห็นแววตาเปี่ยมด้วยความหวังของนางจ้าว เขาก็เกิดความสงสารและลังเลขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ ไม่แน่ว่าลูกก็อยากได้ยินเสียงท่านให้มากๆ นะเ้าคะ”นางจ้าวเอ่ยพลางเอามือวางที่ท้อง มองเขาด้วยสายตาเฝ้าคอย
“อืม” หั่วอี้มองแววตาประหนึ่งการวิงวอนของจ้าวไฉ่เอ๋อร์ก็ใจแข็งปฏิเสธไม่ลงเขาเองก็เคยได้ยินมาว่าเมื่อมารดาอารมณ์ดี บุตรก็จะแข็งแรงตามไปด้วยลำพังแค่ประเด็นนี้เขาก็ปฏิเสธไม่ลงแล้ว
“จริงหรือ ท่านแม่ทัพรับคำแล้ว”จ้าวไฉ่เอ๋อร์ตื่นเต้นยินดีเป็หมื่นเท่า นางไม่สนใจว่าร่างกายขยับเขยื้อนไม่สะดวกรีบเดินไปร้องบอกเหมยเซียงที่ประตู “เหมยเซียง เหมยเซียง รีบไปบอกคนครัวในห้องครัวหลังว่าให้เตรียมอาหารที่ท่านแม่ทัพชอบทานคืนนี้ท่านแม่ทัพจะทานอาหารเย็นที่นี่”
“เ้าค่ะฮูหยินใหญ่ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” เหมยเซียงก็ดีใจมากตามไปด้วยั้แ่ฮูหยินใหญ่ตั้งครรภ์ก็หงุดหงิดง่ายจนพลอยให้บ่าวไพร่เช่นพวกนางต้องอยู่อย่างยากลำบาก
เมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่อารมณ์ดี นางย่อมรู้สึกสดใสตามไปด้วยทำให้เดินคล่องแคล่วกว่าเดิมมาก
จ้าวไฉ่เอ๋อร์ทาบมือข้างหนึ่งที่กรอบประตู อีกมือหนึ่งประคองที่ท้องตนมองเหมยเซียงเดินลับไปจนไม่เห็นเงา จึงเตรียมหันกลับมานอนบนเตียง
ความตื่นเต้นยินดีของจ้าวไฉ่เอ๋อร์แผ่ไปถึงตัวหั่วอี้ด้วยเขาเดินมาหาประคองที่เอวนาง กล่าวว่า “ไฉ่เอ๋อร์อยากออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้หรือไม่ได้ยินว่าสตรีที่กำลังตั้งท้อง หากได้เดินมากๆ ก็จะทำให้คลอดง่าย”
“ท่านแม่ทัพ จริงหรือเ้าคะ? เช่นนั้นท่านแม่ทัพไปเดินเล่นกับข้าดีหรือไม่เ้าคะ?” จ้าวไฉ่เอ๋อร์ปลื้มปีติเป็ที่สุด วันนี้หั่วอี้ทั้งทำให้นางตื่นเต้นยินดีและทำให้นางมีความหวังมากมายเหลือเกินราวกับเห็นวันคืนแสนดีกำลังกวักมือเรียกนางอยู่พลันรู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทั้งตัว
หั่วอี้พูดจบ ใบหน้ากลับแดงขึ้นมาน้อยๆ ด้วยความเสียใจเป็ที่สุด หั่วอี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพูดคำที่อาเหมิ่งต๋าล้อเล่นกับเขาออกมาเสียแล้ว เขารู้สึกว่าตนสูญเสียความน่าเกรงขามไปดีที่ในห้องมีเพียงเขาและจ้าวไฉ่เอ๋อร์สองคนเท่านั้น
หั่วอี้พยักหน้าก่อนจะเดินนำไปนอกประตูจ้าวไฉ่เอ๋อร์ย่อมรีบเดินตามไปอย่างดีใจนัก
“เ้าน่ะ เ้าชื่ออะไร มาประคองฮูหยินใหญ่ออกไปเดินเล่นซิ”หั่วอี้ไม่ได้ประคองนางจ้าวต่อ เมื่อเห็นว่าที่ลานบ้านยังมีสาวใช้คนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่จึงกวักมือเรียกส่งเดชให้นางเข้ามา
“เรียนท่านแม่ทัพ บ่าวชื่อจือชิวเ้าค่ะ”จือชิวเพิ่งถูกเหมยเซียงเรียกให้ออกมาช่วยเตรียมอาหารนางรีบวิ่งเข้ามาหาเมื่อได้ยินท่านแม่ทัพเรียก
พวกเขาเพิ่งจะเดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าวก็บังเอิญพบกับนายกองเฉินที่กำลังเดินมาอย่างเร่งรีบ
“คารวะท่านแม่ทัพ คารวะฮูหยินใหญ่ขอรับ” นายกองเฉินเข้าไปคำนับพวกเขา
“นายกองเฉินมาที่จวนในยามนี้ มีเื่ใดหรือ?” เมื่อครู่หั่วอี้เพิ่งรู้สึกขัดเขินกับสิ่งที่เขาพูดนายกองเฉินมาหาในเวลานี้นับว่าช่วยเขาแก้สถานการณ์พอดี
ระยะนี้นายกองเฉินกำลังตรวจสอบเื่พวกโจรที่ลักพาตัวหลิ่วจิ้งไปหรือว่ามีข่าวใดแล้ว?
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยพบบางสิ่งเข้าไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพมีเวลาไปตรวจดูที่เกิดเหตุหรือไม่ขอรับ?”
“ไฉ่เอ๋อร์ เ้าไปเดินเล่นเองก่อน ไม่ต้องรอข้าทานอาหารด้วยนะ”หั่วอี้เอ่ยมองไปทางนางจ้าว แล้วเรียกนายกองเฉินเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
เขาก้าวเท้ายาวๆ เดินอย่างรวดเร็ว นายกองเฉินยังไม่ทันเอ่ยลานางจ้าวก็ต้องรีบวิ่งตามออกไปแล้ว
นางจ้าวส่งหั่วอี้จากไปด้วยสายตาจากสีหน้าแดงระเรื่อกลายเป็ซีดขาว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าจนอยากหาสิ่งใดมาเติมให้เต็ม
“ไป ดูที่ห้องครัวว่าเตรียมอาหารเสร็จแล้วหรือไม่ ข้าหิวแล้ว”นางไม่มีใจจะไปเดินเล่นอีก สะบัดมือที่จือชิวกำลังประคองออกแล้วหันหลังกลับเข้าห้อง
“เ้าค่ะ จือชิวจะไปยกสำรับมาเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ” เมื่อได้รับคำสั่งของฮูหยินใหญ่จื่อเซียวก็รีบไปทันที
ยามนี้อาทิตย์อัสดง ณ ทิศประจิม แสงยามเย็นปรากฏแต่งแต้มหลากสีสันบนฟากฟ้า หากไร้คนมีใจเชยชม
“ว่ามาซิ พบสิ่งใดบ้าง” หลังออกจากจวนแม่ทัพมากับนายกองเฉินได้ระยะหนึ่งหั่วอี้จึงเอ่ยปากถามพวกเขาต่างขี่ม้าคนละตัว และเพื่อให้ฟังนายกองเฉินรายงานได้สะดวกจึงไม่ได้พากันบังคับม้าให้วิ่งเร็วนักแต่ให้ม้าวิ่งไปข้างหน้าตามสบาย
“เรียนท่านแม่ทัพ ตามที่ฮูหยินบอกคืออีกฝ่ายมีกันสามคนเช่นนั้นหากคนที่มารอรับในศาลเ้าร้างไม่ใช่คนในจวน ก็ต้องอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้ๆหาไม่พวกเขาก็จะมิอาจได้รับข่าวว่าให้ไปพบกันที่ศาลเ้าร้างในเวลาอันสั้นเพียงนั้น
ข้าน้อยจึงติดตามเบาะแสนี้พาพวกพี่น้องตรวจสอบทั่วบริเวณโดยรอบศาลเ้าร้าง ดูว่าแถบนี้มีบ้านเรือนของผู้ใดที่มีคนหายออกจากบ้านหรือมีคนเข้ามาอยู่ใหม่บ้างขอรับ
พวกเราตรวจสอบเื่คนที่เคยอาศัยอยู่แล้วจู่ๆ หายไปโดยไร้สาเหตุและคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่อย่างละเอียด
ทั้งสามคนนั้นหนีไปอย่างรีบร้อน เพราะพวกมันล้วนไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยองค์หญิงเอาไว้ได้ในเมื่อจากไปอย่างเร่งด่วนย่อมไม่มีเวลาเก็บข้าวของด้วยเหตุนี้พวกเราจึงพบว่ามีหลายสถานที่ที่น่าสงสัยอยากเชิญให้ท่านแม่ทัพไปตรวจสอบสักหน่อยขอรับ”
“ดี ทำดีมาก”หั่วอี้ชมเชยผลความคืบหน้าในการทำงานของนายกองเฉินเป็อย่างมาก
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] พอน้ำหลากเขื่อนก็เสร็จ หมายถึง เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมเงื่อนไขทุกอย่างพร้อมแล้ว รอรับผลเท่านั้น
