เนี่ยหลีขอร้องถึงเพียงนี้นางจึงไม่อาจปฏิเสธได้ อีกประการหนึ่งนี่ก็เป็กฎอย่างหนึ่งของสมาคมนักปรุงยาวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นักปรุงยาฝึกหัดหรืออาจารย์นักปรุงยาขั้นต้น ล้วนเปิดกว้างแก่บุคคลภายนอก! ใครก็สามารถเข้ารับการทดสอบได้ ไม่มีกฎเกณฑ์เื่อายุ เพียงต้องจ่ายเงินสองร้อยเหรียญจิตอสูรก็สามารถเข้าร่วมได้เลย
นักปรุงยาฝึกหัดรุ่นพี่บางคนจะเดินทางมาสอบทุกเดือน เพราะหากเมื่อใดที่พวกเขาสอบผ่านทั้งสามระดับก็จะได้รับการยอมรับเป็อาจารย์ขั้นต้น ฐานะย่อมเปลี่ยนแปลงราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม การประเมินในระดับอาจารย์นักปรุงยาขั้นต้นมิได้ง่ายดายอย่างที่คิด ปกติหลังการสอบครั้งหนึ่ง ร้อยคนจะมีเหลือเพียงไม่กี่คน การสอบรอบที่สองรอบที่สามยิ่งยากขึ้นไปอีก!
“หากคิดจะเข้าร่วมการสอบระดับอาจารย์ขั้นต้น เ้าต้องจ่ายสองร้อยเหรียญจิตอสูร และต้องจ่ายก่อนเข้าห้องสอบ!” แม่นางเสี่ยวหลันแจ้งแก่เนี่ยหลี
“แค่สองร้อยเหรียญจิตอสูรเท่านั้น นำทางข้าไปได้เลย!” เนี่ยหลีพูดกับแม่นางเสี่ยวหลัน หันหน้าไปมองเซียวหนิงเอ๋อร์และพรรคพวก
“พวกเ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าสอบผ่านแล้วจะกลับมาหาพวกเ้า!” เนี่ยหลีท่าทางดูผ่อนคลายยิ่งนัก
“ได้ รอเ้าสอบผ่านแล้วพวกเราค่อยไปกินมื้อค่ำด้วยกัน!” ลู่เพียวหัวเราะฮ่าๆ ท่าทางมั่นอกมั่นใจอย่างชัดเจน
“เนี่ยหลี สู้เต็มที่นะ!” เซียวหนิงเอ๋อร์ยกสองมือขึ้นกุมระดับอกและพูดเบาๆ
ได้ยินถ้อยสนทนาระหว่างเนี่ยหลีกับลู่เพียว เสี่ยวหลันอดที่จะกลอกตาตลบหนึ่งมิได้ นี่เป็การสอบระดับอาจารย์นักปรุงยาเชียวนะ มิใช่ระดับฝึกหัด เนี่ยหลีกับพรรคพวกเหล่านี้ออกจะไม่รู้เื่รู้ราวเกินไปเสียหน่อยแล้ว พวกเขาคิดว่าการสอบระดับอาจารย์ขั้นต้นนี้ง่ายนักหรือ? เงินสองร้อยเหรียญจิตอสูรของเนี่ยหลีนี้คงต้องสูญเปล่าแล้วล่ะ ทว่านี่ก็เป็เงินของเนี่ยหลี มิใช่ธุระกงการอะไรของนาง นางก็เพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น
“ตามข้ามา!” เสี่ยวหลันทำเสียงขึ้นจมูกและไม่พูดอะไรอื่นอีก
ห้องสอบระดับอาจารย์ขั้นต้น ระเบียงเดินสายหนึ่งทอดตัวยาวออกไป ด้านข้างมีห้องเล็กๆ แบ่งซอยเอาไว้ ผู้สมัครสอบในระดับอาจารย์ขั้นต้นทุกคนจะต้องเข้าไปในห้องเหล่านี้คนละห้องหนึ่ง ทำการสอบวัดระดับความรู้อันซับซ้อนจนเสร็จสิ้น หลังผ่านการประเมินจากอาจารย์นักปรุงยาหลายคนแล้วจึงจะเข้าสอบในรอบต่อไปได้
การสอบครั้งนี้มีผู้สมัครเข้าสอบทั้งสิ้นหกคน ในหกคนนี้ สามคนมีอายุกว่าสามสิบปีแล้ว และอีกสองคนก็มีผมหงอกขาวเต็มศีรษะ
เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวหลันนำหน้าเนี่ยหลีเดินเข้ามา พวกเขางุนงงเล็กน้อย
หนึ่งในชายหนุ่มอายุรุ่นสามสิบปีจ้องมองเนี่ยหลีตาเขม็ง สองคิ้วของเขาขมวดมุ่นเล็กน้อยและพูดว่า “เ้าหนู เ้ามาทำอะไรที่นี่รึ?”
เนี่ยหลีเงยหน้ามองชายผู้นั้นและพูดเบาๆ ว่า “ข้าก็มาที่นี่เหมือนพวกเ้า แน่นอนว่ามาเพื่อสอบ!”
ชายหนุ่มผู้นั้นมองเสื้อผ้าของเนี่ยหลี ชุดที่เนี่ยหลีสวมใส่อยู่มิใช่เสื้อผ้าเยี่ยงพวกตระกูลชั้นสูง “ฮ่าๆ นี่เ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน เด็กเช่นเ้ากลับมาร่วมทดสอบระดับอาจารย์นักปรุงยา เ้าหนู เ้ามาผิดที่แล้ว ไปห้องสอบระดับนักปรุงยาฝึกหัดยังพอว่า!” เด็กอายุสิบสามสิบสี่ปีผู้หนึ่งกลับมาที่นี่เพื่อสอบเป็อาจารย์นักปรุงยารึ? ช่างเป็การดูแคลนพวกเขายิ่งนัก!
“เ้าเป็ใครรึ?” เนี่ยหลีชำเลืองมองชายหนุ่มผู้นั้นเล็กน้อย
“ข้ามาจากตระกูลนักปรุงยา ชื่อฉู่หนิง!” ฉู่หนิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ตระกูลนักปรุงยาอย่างนั้นรึ? ตระกูลฉู่นับเป็ตระกูลนักปรุงยาด้วยหรือ?” เนี่ยหลีหัวเราะขึ้นจมูกอย่างเ็าดูแคลนนัก หวนนึกถึงครั้งที่ไปยังซากเมืองโบราณก็มีคนชื่อฉู่หยวนร่วมทางไปด้วย คนผู้นั้นดูเหมือนก็มาจากตระกูลฉู่เช่นเดียวกัน
“ตระกูลฉู่ของข้าตามประวัติเคยมีอาจารย์นักปรุงยาขั้นสูงสามคน นักปรุงยาขั้นกลางหกคน และยังมีอาจารย์นักปรุงยาขั้นต้นอีกกว่ายี่สิบคน พวกเราจะไม่นับว่าเป็ตระกูลนักปรุงยาได้อย่างไร?” ฉู่หนิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ความรุ่งเรืองที่ผ่านพ้นไปแล้ว นำกลับมาพูดจะมีประโยชน์อันใดกับตอนนี้เล่า? ตระกูลฉู่มีอาจารย์ระดับต้นอยู่เพียงคนเดียว ยังคู่ควรเป็ตระกูลนักปรุงยาอีกหรือ?” เนี่ยหลียิ้มพร้อมกับพูดโต้แย้งฝ่ายตรงข้าม
ฉู่หนิงคิดไม่ถึงมาก่อนว่าเด็กอย่างเนี่ยหลีจะรู้จักบ้านเขาเป็อย่างดี ทั้งยังฝีปากจัดจ้านนัก
“หึๆ แล้วจะเป็เช่นไรเล่า? ข้า ฉู่หนิง จะต้องได้เป็อาจารย์นักปรุงยาอย่างแน่นอน เ้าเด็กเมื่อวานซืน ปากเ้ายังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไปให้พ้น ที่นี่เป็สถานที่สอบอาจารย์นักปรุงยา มิใช่สถานที่ให้เ้ามาเที่ยวเล่น!” ฉู่หนิงพูดเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ เขาเคยสอบมาแล้วสองครั้ง จึงมีความเชื่อมั่นในการสอบครั้งที่สามนี้อย่างยิ่ง
ได้ยินคำพูดของฉู่หนิง หลายคนรอบตัวเขาก็พากันก้มหน้าหัวเราะคิกคัก พวกเขาเหล่านี้ล้วนมุ่งมั่นอยู่กับการปรุงยามานับสิบปีแล้ว แต่เพิ่งเริ่มเข้าทดสอบการปรุงยาระดับอาจารย์ หากถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเนี่ยหลีแซงหน้าสอบผ่าน แล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้?
เนี่ยหลียักไหล่และพูดเรื่อยเฉื่อย “ถึงเวลานั้นพวกเราก็จะได้เห็นเอง”
เขาผลักประตูบานหนึ่งเดินเข้าไป
ฉู่หนิงร้องฮึเ็าคำหนึ่ง เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอน เ้าเด็กชอบพูดจาเหลวไหลคนหนึ่งจะมีความรู้ความเข้าใจการปรุงยากระทั่งถึงระดับนั้นได้ ว่าแล้วก็เดินอาดๆ เข้าห้องๆ หนึ่งไป
เมื่อเนี่ยหลีเดินเข้าห้องไป มีอาจารย์นักปรุงยาระดับต้นสองคนนั่งอยู่ตรงหน้า ทั้งสองมีอายุราวห้าสิบ-หกสิบปี ด้านข้างมีโต๊ะตัวหนึ่ง เก้าอี้ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกระดาษกองหนึ่งและพู่กันขนแกะด้ามหนึ่งวางอยู่
ครั้นเห็นเนี่ยหลีเดินเข้ามา อาจารย์ขั้นต้นท่านหนึ่งใและเอ่ยถามขึ้นอย่างมึนงงว่า “นักเรียนผู้นี้ เ้าเข้ามาผิดห้องหรือไม่? ที่นี่เป็ห้องสอบระดับอาจารย์นักปรุงยา!”
“อาจารย์ทั้งสอง ข้ามาไม่ผิดที่ ข้ามาเพื่อรับการทดสอบระดับอาจารย์ขั้นต้น!” เนี่ยหลีพูดอย่างสุภาพยิ่ง กับอาจารย์ผู้คุมสอบ มีมารยาทสักหน่อยจะเป็การดีกว่า
อาจารย์ขั้นต้นทั้งสองมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเป็ลูกเต้าเหล่าใคร กลับกล้ามารับการสอบระดับอาจารย์ขั้นต้น อีกประเดี๋ยวเนี่ยหลีก็จะต้องรู้เองว่าข้อสอบระดับอาจารย์ขั้นต้นนี้ยากเย็นเพียงใด! หากไม่มุ่งมั่นจดจ่อกับการศึกษาการปรุงยามานับสิบปี ย่อมไม่สามารถเป็อาจารย์นักปรุงยาผู้หนึ่งได้!
“เอาล่ะ บนโต๊ะตรงนี้มีหน้ากระดาษอยู่สามร้อยหกสิบกว่าแผ่น เ้าเลือกกระดาษเหล่านี้ไปจำนวนหนึ่ง แต่ละหน้าล้วนเป็คำถามเกี่ยวกับการปรุงยา เ้าต้องเขียนคำตอบลงบนกระดาษ ต้องตอบคำถามทั้งหมดยี่สิบหน้าให้เสร็จภายในเวลาสองชั่วโมง ต้องตอบให้ถูกเก้าในสิบส่วนจึงจะสามารถสอบรอบถัดไปได้!” อาจารย์ท่านหนึ่งพูด
“อาจารย์ท่านนี้ ท่านช่วยข้าเลือกสักหลายๆ หน้าจะได้หรือไม่!” เนี่ยหลีมองอาจารย์ท่านหนึ่งและพูดขึ้น หากกระดาษเหล่านี้มีอาจารย์นักปรุงยาเป็ผู้เลือกให้ เช่นนั้นก็จะตัดความเป็ไปได้ที่จะเกิดการโกงขึ้น!
อาจารย์นักปรุงยาท่านนั้นเห็นดวงตาแจ่มใสของเนี่ยหลีจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ได้!” เขาสุ่มเลือกกระดาษยี่สิบแผ่นและวางพวกมันลงตรงหน้าเนี่ยหลี “ทำข้อสอบเหล่านี้ก็แล้วกัน!”
เนี่ยหลีหยิบพู่กันขนแพะขึ้นมา สายตากวาดมองคำถามบนหน้ากระดาษเ่าั้ มุมปากก็พลันเลิกสูงขึ้น คำถามพวกนี้ง่ายดายนักสำหรับเขา ราวกับอาจารย์นักปรุงยากำลังทำข้อสอบของผู้ฝึกหัด ความรู้ความเข้าใจต่อการปรุงยาของเนี่ยหลีเหนือล้ำกว่าระดับอาจารย์ไปมากนัก! แม้กระทั่งยังห่วงว่าบรรดาอาจารย์นักปรุงยาเหล่านี้จะไม่สามารถเข้าใจได้หากคำตอบของเขาซับซ้อนเกินไป ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเขียนคำตอบให้ง่ายต่อการเข้าใจขึ้น คำตอบบางข้อเห็นชัดว่าไม่ถูกต้อง แต่เนี่ยหลีก็ได้แต่เขียนลงไป เพราะอาจารย์นักปรุงยาเหล่านี้ กับความเข้าใจด้านการปรุงยายังไม่ถึงระดับนั้น!
พู่กันของเนี่ยหลีสะบัดพลิ้วไหว ตวัดขึ้นตวัดลงตอบคำถามสิบกว่าข้อเสร็จเรียบร้อย
อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองคิดว่าเนี่ยหลีคงไม่สามารถตอบคำถามได้สักข้อ คิดไม่ถึงเนี่ยหลีกลับทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ตอบเสร็จไปแล้วสิบกว่าข้อ พวกเขาคิดว่าเนี่ยหลีเขียนคำตอบมั่วๆ ดังนั้นจึงยื่นศีรษะเข้าไปดูๆ
“คำถามข้อแรกเกี่ยวกับสิบหกคุณประโยชน์ของหญ้าเยวี๋ยนหลิง โอ้ ตอบได้ดีทีเดียว ไม่ตกหล่นแม้แต่ข้อเดียว!”
“ข้อสอง ขั้นตอนการกลั่นยาและข้อควรใส่ใจ ทั้งยี่สิบหกขั้นตอนสมบูรณ์ยิ่ง!”
...
อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองมองตากันไปมา ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือเนี่ยหลีจะต้องโกงอย่างแน่นอน เด็กอายุแค่สิบสามปีผู้หนึ่งจะมีความเข้าใจในกระบวนการเหล่านี้ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนปานนี้ได้อย่างไร? หากมองที่คำถามแล้วอันที่จริงก็นับว่าเป็คำถามที่เรียบง่ายธรรมดายิ่งนัก ทว่านี่เป็คำถามที่เลือกออกมาจากยาสมุนไพรนับหมื่นชนิด จะต้องใช้ความรู้ที่กว้างขวางเพียงใดจึงจะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้?
แต่กระดาษเ่าั้ล้วนเป็พวกเขาหยิบเลือกออกมาเอง นี่ย่อมกำจัดความเป็ไปได้ที่เนี่ยหลีจะคิดโกง!
เด็กอายุสิบสามปีผู้หนึ่ง ต่อให้เริ่มอ่านหนังสือมากมายมาั้แ่อยู่ในครรภ์มารดา เกรงว่าก็คงไม่มีปัญญาอ่านบันทึกโบราณเ่าั้ได้มากมายเช่นนี้!
สองอาจารย์นักปรุงยาสบสายตากันยิ้มเจื่อนๆ ในโลกนี้มีคนที่มีความรู้มาั้แ่เกิดหรือไม่? เกิดมาพร้อมความรู้ หมายความว่าเมื่อเ้าเกิดมาเ้าก็มีปัญญาและความรู้อันโดดเด่นแต่แรก
ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนทั่วไปจำต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเค่อ (๑๕ นาที) เพื่อตอบคำถามหนึ่งหน้ากระดาษให้เสร็จ สามารถใช้เวลาตามที่กำหนดตอบคำถามสิบชุดจนเสร็จได้ก็นับว่ามีแค่ไม่กี่คนที่ทำได้แล้ว หลายคนติดขัดอยู่กับคำถามที่ยากๆ สองสามข้อ ทว่าเนี่ยหลีกลับเขียนคำตอบถึงสามหน้ากระดาษเต็มๆ ได้ภายในเวลาแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น
ยังไม่ทันครบชั่วโมง กระดาษสิบแผ่นก็เต็มไปด้วยคำตอบ
ทุกครั้งที่เนี่ยหลีตอบคำถามเสร็จหนึ่งแผ่น อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองก็จะอ่านคำตอบเ่าั้ สุดท้ายทั้งสองเต็มไปด้วยความตะลึงงัน กระดาษคำตอบสิบแผ่น ไม่มีผิดพลาดแม้เพียงจุดเดียว ยังมีบางคำถามตอบได้อย่างยอดเยี่ยมนัก เหนือชั้นยิ่งกว่าบันทึกบางเล่มเสียอีก เป็เหตุให้พวกเขาอดที่จะตะลึงลานมิได้!
อัจฉริยะ!
เป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง!
อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองท่านทั้งอัศจรรย์ใจทั้งตื่นเต้น เื่นี้จะต้องรายงานขึ้นไปให้พวกท่านผู้าุโทราบ ให้ท่านประธานทราบ! เนี่ยหลีอายุยังน้อยก็มีความรู้กว้างขวางถึงเพียงนี้ อีกไม่กี่ปีจะเป็อย่างไร?
ไม่แน่ว่าเนี่ยหลีอาจจะกลายเป็คนที่ช่วยฟื้นฟูสมาคมนักปรุงยาก็เป็ได้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้ ถึงเวลานั้น กระดาษคำตอบของเนี่ยหลีอาจจะกลายเป็ที่รู้จักแพร่หลายก็เป็ได้
“ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้เป็บุตรของบ้านไหนหรือ?” หนึ่งในผู้สูงวัยเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม “ข้าชื่อหูเหยียนิ เขาชื่อมู่หยาง พวกเราทั้งคู่เป็อาจารย์ขั้นต้น”
“ท่านอาจารย์ทั้งสองเรียกชื่อข้าตรงๆ เถอะ ข้าชื่อเนี่ยหลี มาจากตระกูลตรา์เทียนเหิน” เนี่ยหลีรีบตอบอย่างถ่อมตน ที่แท้มีคนแซ่หูเหยียนอีกคนแล้ว ไม่รู้ว่าเป็คนของตระกูลหูเหยียนหรือไม่
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี หูเหยียนิและมู่หยางสองคนยิ้มตาหยี เนี่ยหลีเรียกพวกเขาว่าอาจารย์ทำให้อาจารย์นักปรุงยาขั้นต้นทั้งสองมีความสุขยิ่งนัก ไม่เลวๆ อายุยังน้อยกลับมีพร์ถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่จองหองอีก หากเนี่ยหลีสามารถมีบทบาทในสมาคมนักปรุงยาได้จริง คำเรียกขาน ‘ท่านอาจารย์’ นี้ย่อมช่วยส่งเสริมฐานะของพวกเขาขึ้นไปได้อีกมากโขแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้