เดิมเยว่เฟิงเกอก็คิดจะไปบ่อนพนันสักครั้งอยู่แล้ว ตอนนี้อย่าถามว่าข้าคือใครเสนอภารกิจให้นาง แน่นอนว่านางย่อมตอบตกลงทันที
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะเริ่มภารกิจนี้ให้ท่านทันที หากท่านทำภารกิจสำเร็จ ท่านก็จะได้รับหนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อ” เมื่ออย่าถามว่าข้าคือใครกล่าวจบ ภารกิจก็เริ่มทันที
เมื่อเยว่เฟิงเกอเข้าไปในเถาเป่าก็เห็นว่าภารกิจเริ่มนับถอยหลังแล้ว ก่อนจะเหลือบเห็นว่าสิ่งของที่จะหาซื้อได้ด้วยหนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อนั้นคือ ตำราวรยุทธ์ลับเล่มหนึ่งที่ทั้งเก่าและเหมือนจะชำรุด กระดาษของตำราเล่มนั้นยังเป็สีเหลืองที่ดูเปราะบางเสียเหลือเกิน
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจวรยุทธ์ หากนางได้หนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อมา ก็คงจะนำไปซื้อของอื่นๆ ในเถาเป่าได้อีกมากมาย
เมื่อนึกถึงว่ามีของอีกมากมายที่นางจะซื้อหามาได้ เยว่เฟิงเกอก็ดีใจเป็อย่างมาก
นางแต่งตัวเป็ชายอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ใช้หน้ากากหนังมนุษย์ใบอื่น
หลังจากทาบหนังมนุษย์ใบหนึ่งลงบนใบหน้า นางก็ได้กลายเป็บุรุษอีกผู้หนึ่งในทันที
เป็นานกว่าที่ฉิงเอ๋อร์จะดึงสติกลับมาได้ นางรู้แล้วว่าเยว่เฟิงเกอกำลังจะออกไปข้างนอก
“พระชายา จะทรงออกไปด้านนอกหรือเพคะ? ” ฉิงเอ๋อร์เดินเข้ามารวบผมสูงให้เยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอหันศีรษะไป กดเสียงต่ำถาม “ใบหน้านี้หล่อเหลาหรือไม่? ”
ฉิงเอ๋อร์มองใบหน้าของเยว่เฟิงเกอที่นับว่าหล่อเหลายิ่งกว่าเมื่อคืนนี้ถึงสามส่วน ฉับพลันนั้นหัวใจของสาวน้อยพลันเต้นแรง นางหน้าแดง ก้มหน้าลงไป ตอบเสียงเบาว่า “ใบหน้าของพระชายาหล่อเหลามากเพคะ”
เยว่เฟิงเกอพอใจมาก นางยืนขึ้นแล้วหยิกแก้มฉิงเอ๋อร์ทีหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะฮ่าฮ่า เดินออกไปจากห้อง
เมื่อเดินออกมาด้านนอกก็เห็นว่าถานอี้มาหานางพอดี
“องครักษ์ถาน เ้ามาหาข้ามีเื่อันใดหรือ? ” ยามนี้เยว่เฟิงเกอปลอมตัวเป็ชาย แต่นางไม่ได้ตั้งใจปลอมแปลงเสียง
เมื่อถานอี้ได้ยินเสียงของเยว่เฟิงเกอก็รู้ว่าพระชายาจะปลอมตัวเป็ชายออกไปจากจวนอีกแล้ว เขาค้อมกายคารวะนาง “เป็ท่านอ๋องที่ให้กระหม่อมนำความมาแจ้งต่อพระชายา วันนี้ท่านอ๋องจะเสด็จไปที่เรือนจิ้งจู๋ เกรงว่าจะกลับดึกมาก จึงให้กระหม่อมมาย้ำเตือนพระชายาว่า หากออกไปเที่ยวเล่นจักต้องระัิซงให้ดี”
เยว่เฟิงเกอยิ้มให้ถานอี้ ตบๆ มีดสั้นข้างเอว กล่าวอย่างไม่ยี่หระ “วางใจเถอะ มีมันอยู่ ข้าไม่เป็ไรแน่”
ถานอี้พยักหน้า ไม่กล่าวอะไรอีกแล้วเดินจากไป
เพื่อไม่ให้เกิดเื่เช่นเมื่อคืนอีก ม่อหลิงหานได้ส่งถานอี้ให้ไปคุ้มครองเยว่เฟิงเกออย่างลับๆ เขาจึงไม่ได้แจ้งให้เยว่เฟิงเกอทราบ
เยว่เฟิงเกอหยิบเงินจำนวนห้าร้อยตำลึงเดินออกไปทางประตูหลังของจวน
เป้าหมายของนางชัดเจนมาก ครั้งนี้นางจะไปเยือนโรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง โรงพนันว่านจิน
ตามที่ฉิงเอ๋อร์ได้ยินมา บิดานางเองก็ชอบไปที่นั่น
เยว่เฟิงเกอสวมบทบาทเป็คุณชายเสเพลเช่นเดิม เมื่อนางมาถึงตรงหน้าโรงพนันว่านจิน ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากข้างใน
เสียงนั้นฟังดูเหมือนจะมีคนด้านในชนะ ผู้ชนะกำลังหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง
เยว่เฟิงเกอเดินก้าวยาวๆ เข้าไป นางโบกพัดในมือเพื่อพัดกลิ่นที่ปะทะเข้ามาออกไป
ที่นี่มีคนเข้ามาเสี่ยงโชคมากมาย พวกเขาต่างจดจ่ออยู่กับโต๊ะพนันตรงหน้า จึงไม่มีใครทันสังเกตการมาถึงของเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอมองไปรอบๆ สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่โต๊ะพนันที่มีคนมุงอยู่ค่อนข้างน้อย
นางยังไม่รีบร้อนลงเงินด้วยเลือกที่จะสังเกตการณ์ก่อน
เพียงไม่นานนางก็ดูออกแล้ว ที่นี่มีคนโกง
ตรงหน้าคนโกงผู้นั้นมีตั๋วเงินกองอยู่เต็มไปหมด ดูท่าคงจะเป็เงินที่เขาเล่นชนะมาได้
ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนที่โกงคนนั้นคือชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง ชายคนนี้ดูเหมือนจะอายุสามสิบสี่สิบปี ใบหน้าอิดโรย คิ้วตาแลดูทุกข์ตรม
ยามนี้บนร่างของเขาเหลืออยู่แค่กางเกงตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่า ซึ่งเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ของเขาล้วนถูกถอดวางไว้ข้างๆ ชายขี้โกงคนนั้น
ยามนี้ชายขี้โกงกำลังเอ่ยขึ้น “จินว่านหลี่ ตอนนี้เ้าเหลือกางเกงเพียงตัวเดียวแล้ว เ้ายังจะมีของอะไรมาเดิมพันได้อีก ยังไม่รีบไปขอเงินลูกสาวเ้ามาไถ่ถอนอาภรณ์กลับไปอีก”
คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่รอบโต๊ะได้ยินประโยคนี้ต่างก็พากันหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา
จินว่านหลี่เองก็แย้มยิ้มเช่นกัน เขาค้อมศีรษะโค้งเอวให้ชายขี้โกง กล่าวว่า “พี่ชาย ท่านให้ข้าเล่นอีกสักตาเถิด ข้ารับประกันว่าครานี้ต้องชนะอย่างแน่นอน”
จินว่านหลี่พูดด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
ชายขี้โกงลูบๆ คาง ขบคิดชั่วครู่ก็กล่าวขึ้น “เช่นนี้เป็อย่างไร ข้าเองก็ไม่อยากให้เ้าลำบากใจ ข้าถอยให้เ้าสักครั้ง ให้เ้าหยิบไพ่ก่อน หากจับได้สูง เงินพวกนี้กับอาภรณ์ของเ้า ข้าจะคืนให้เ้าทั้งหมด แต่ถ้าเ้าจับได้ต่ำ ข้าก็ไม่เอาเงินเ้าหรอก แต่เ้าต้องพาลูกสาวเ้ามา ขอแค่นางปรนนิบัติข้าหนึ่งคืน หนี้ระหว่างเราถือว่าหมดสิ้น ไม่ติดค้างกันอีก”
คนอื่นๆ ต่างก็พากันมองจินว่านหลี่เป็ตาเดียว
เยว่เฟิงเกอเอนกายพิงเสาต้นหนึ่งอย่างเกียจคร้าน มือกอดอก สายตาจดจ้องจินว่านหลี่
จินว่านหลี่ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่กลับกล่าวขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “เกรงว่าจะไม่ได้ ข้ามีลูกสาวอยู่คนเดียว ตอนนี้นางร้องเพลงอยู่ที่หอชมบุปผาเพื่อหาเงินมาให้ข้านำมาไถ่หนี้ หากข้าให้นางมาปรนนิบัติท่าน มารดานางคงได้ลุกจากหลุมขึ้นมาเอาชีวิตข้าเป็แน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายขี้โกงก็แค่นเสียงเ็า “คำพูดเ้าหมายความว่า เ้าไม่อยากไถ่หนี้ไถ่ทุนคืนแล้ว? ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ทิ้งมือเ้าไว้ข้างหนึ่ง”
“โธ่ ท่าน อย่าทำเช่นนี้สิ ท่านดูสิ ท่านเอามือข้าไปข้างหนึ่งก็ไม่มีประโยชน์ ท่านให้ข้าได้เล่นอีกสักตาเถอะ ไม่แน่ข้าอาจจะชนะก็ได้ ใช่หรือไม่เล่า? ” จินว่านหลี่โค้งศีรษะค้อมเอวให้ชายคนนั้น ท่าทางเหมือนสุนัขเลียขาเ้านาย
ชายขี้โกงเห็นว่าจินว่านหลี่ไม่รู้จักชั่วดี ก็ถลึงตาใส่แล้วตะคอกว่า “ไปๆๆ ไม่มีเงินแล้วยังจะมาเล่นอะไรอีก รีบไปเอาเงินจากลูกสาวเ้ามาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นเงินที่เ้าติดข้าไว้ต้องคืนเป็เท่าตัว”
จินว่านหลี่ก้มมองกางเกงเพียงตัวเดียวบนร่างตน ตอนนี้เหลือแค่กางเกงตัวในติดตัวอยู่ตัวเดียวเช่นนี้ แล้วจะให้เขาเดินออกไปจากโรงพนันว่านจินได้อย่างไร
อย่างน้อยก็ควรคืนกางเกงตัวนอกหรือเสื้อคลุมให้เขาสักตัวสิ
ตอนที่จินว่านหลี่กำลังจะกล่าวอะไรขึ้นมาอีกนั้น ก็เห็นว่าจู่ๆ ในโรงพนันมีชายกำยำหลายคนปรากฏกายขึ้น
พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลากตัวจินว่านหลี่ออกไป โยนเขาออกไปนอกประตู
สตรีที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เห็นสภาพของจินว่านหลี่ต่างก็พากันปิดหน้าวิ่งหนี
จินว่านหลี่คลานขึ้นมาจากพื้น เห็นขอทานคนหนึ่งสวมเสื้อกระสอบขาดวิ่น ก็ไม่รอช้ารีบแย่งมาทันที จากนั้นนำมาห่มคลุมไว้บนร่างตนแล้ววิ่งหนีไป
ขอทานคนนั้นไล่ตามจินว่านหลี่อย่างบ้าคลั่งไปตลอดทาง...
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ มุมปากนางยังคงประดับรอยยิ้ม และไม่มีท่าทีจะลงเงินพนันเช่นเดิม นางทำเพียงเอนกายพิงเสา เฝ้ามองชายขี้โกงคนนั้นเคลื่อนไหวมือทั้งคู่อยู่ใต้โต๊ะ ก่อนจะเอามือออกมาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากการกระทำของเขาว่องไวมาก คนที่เหลือบนโต๊ะไม่มีใครทันสังเกตเห็นความผิดปกตินี้
“มาๆๆ เล่นกันต่อ” ชายขี้โกงเริ่มส่งเสียงให้คนอื่นๆ ทยอยลงพนันต่อไป
เยว่เฟิงเกอฟังคนบนโต๊ะที่ทางหนึ่งลงพนันอีกทางหนึ่งสนทนากันเื่ลูกสาวของจินว่านหลี่
หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นว่า “เหตุใดพี่ชายถึงได้ดูแลจินว่านหลี่เป็พิเศษเพียงนี้ หรือว่ารูปร่างหน้าตาลูกสาวเขาจะงดงามราวเทพธิดา แค่ให้รับใช้ท่านคืนเดียว แปดร้อยตำลึงที่เขาติดท่านไว้ถึงกับจะยกให้หมด? ”
ชายขี้โกงยิ้มชั่วร้าย “ไม่ถึงขั้นงดงามราวเทพธิดาหรอก เ้าดูสภาพจินว่านหลี่เสียก่อน คนไม่มีทางมีลูกสาวที่งดงามราวเทพธิดาได้หรอก แต่ว่านะ ลูกสาวของเขาน่ะก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่เบา โดยเฉพาะดวงตากลมโตคู่นั้น ได้มองเพียงครั้งก็ไม่อาจลืมเลือนได้ลง อีกอย่าง รูปร่างนางบอบบางเหมือนจะรวบได้ในฝ่ามือ ใบหน้าน้อยๆ นั่นน่ารักและมีชีวิตชีวาเหมือนจะคั้นน้ำออกมาได้เลยเชียว”
เมื่อชายขี้โกงพูดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเหมือนบริเวณท้องน้อยของตนจะมีไอร้อนคุกรุ่น
ชายอีกคนที่ลงพนันกล่าวขึ้นบ้าง “หมายความว่าพี่ชายเคยพบลูกสาวของจินว่านหลี่มาก่อน? ”
ชายขี้โกงกล่าวตอบพลางแจกไพ่ “แน่นอน ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปเที่ยวหอชมบุปผามาครั้งหนึ่ง ได้ไปฟังเด็กน้อยคนนั้นขับร้องบทเพลงมาแล้ว บทเพลงนั้น อย่าให้พูดถึงเลย ไพเราะมากจริงๆ ตอนนั้นข้าเกือบจะรวบหัวรวบหางนางได้อยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่แห่งหอชมบุปผามาขวางไว้เสียก่อน คิดๆ ดูแล้ว ครั้งนั้นช่างอัปมงคลจริงๆ ”
เยว่เฟิงเกอฟังบทสนทนาของพวกเขา ก่อนจะนึกถึงว่าจินว่านหลี่พูดถึงลูกสาวเขาอย่างไร นางก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
คนที่คนกลุ่มนี้กำลังพูดถึงอยู่ก็คือฉิงเอ๋อร์