ฮั่วเยี่ยนไหวนั่งตรงข้ามไป๋เซี่ยเหอ นิ้วเรียวที่ข้อนิ้วเด่นชัดเคาะโต๊ะเบาๆ แววตาเ็าราวกับน้ำแข็ง
“หากนางถูกคนของฮั่วิเชินจับตัวไป นางก็ไม่จำเป็ต้องขโมยจดหมายฉบับนั้นไปจากเ้า นางย่อมรู้ดีว่าของสิ่งนั้นสำคัญยิ่ง”
ไป๋เซี่ยเหอก็คิดเช่นนี้ ทว่านางไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่าฝูเอ๋อร์ทรยศตนเอง
“นางโตมาด้วยกันกับข้า หากไม่มีนาง ข้าคงตายไปนานแล้ว กว่าพวกเราจะได้มีชีวิตดีๆ ก็ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย นางไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้”
“แม้จะไม่จำเป็ ทว่านางก็ทำลงไปแล้ว”
“...”
ไป๋เซี่ยเหอไร้คำพูด ทว่ายังคงเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่จากก้นบึ้งหัวใจว่าฝูเอ๋อร์จะไม่ทรยศนาง นางไม่มีเหตุผลอื่นใด ทว่านางเชื่อใจฝูเอ๋อร์
ไป๋เซี่ยเหอกินไก่ฉีกจนหมดด้วยความเงียบงัน
ฮั่วเยี่ยนไหวนั่งเป็เพื่อนไป๋เซี่ยเหออีกสักพัก
ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว
“เ้าวางใจเถิด ข้าจะช่วยเ้าออกไปให้ได้”
ฮั่วเยี่ยนไหวลุกขึ้น เตรียมหมุนกายจะจากไป
“ท่านไม่คิดว่าข้าสังหารไป๋หว่านหนิงหรือ?”
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงัก
“ไม่เลย เพราะเ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร แม้ว่าจะเกลียดไป๋หว่านหนิง เ้าก็ไม่มีทางลงมือกับเด็ก เ้าไม่ลงมือกับสตรีที่ตั้งครรภ์”
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกคัดจมูกเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฮั่วเยี่ยนไหว ขอบคุณท่าน”
ฝีเท้าของเขาหยุดนิ่ง จู่ๆ เขาก็หมุนกายมา ยื่นมือใหญ่มาโอบไป๋เซี่ยเหอเข้าไปในอ้อมแขน ริมฝีปากบางอันเย็นเยียบประทับบนหน้าผากของนางราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ
“รอข้านะ”
“ตกลง”
หลังฮั่วเยี่ยนไหวจากไป ไป๋เซี่ยเหอก็ขดตัวอยู่บนตั่งอีกครา
นางรู้สึกเหมือนว่าตนเองพลาดเื่สำคัญบางอย่างไป ทว่านางกลับนึกไม่ออก
“ข้าส่งของเสร็จก็จะไปแล้ว รบกวนใต้เท้าเปิดประตูให้ข้าด้วยเ้าค่ะ”
น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังแว่วมาจากข้างนอก เป็น้ำเสียงของเด็กสาว
ตามมาด้วยเสียงเงินกระทบกัน
เฮอะ...
รอไม่ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เด็กสาวผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอนั่งอยู่บนตั่งอย่างสงบก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางสวมชุดกระโปรงสีชมพู รูปโฉมงดงาม ดูไร้พิษสงใดๆ
“คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ลำบากแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอมองนาง ก่อนจะถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง “เ้าคือผู้ใด?”
เด็กสาววางกล่องอาหารในมือลงบนโต๊ะหิน ระหว่างที่จัดเตรียมอาหารก็ตอบ “บ่าวคือสาวใช้ของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋อยู่ในจวนไม่นาน จึงเป็เื่ปกติที่จะไม่คุ้นเคยกับบ่าวเ้าค่ะ”
น้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า ฟังดูรอบคอบ
“ฮั่วเยี่ยนไหวให้เ้ามาหรือ?”
เมื่อได้ยินไป๋เซี่ยเหอเรียกชื่อของเซ่อเจิ้งอ๋องโดยตรง สาวใช้ตัวน้อยก็ปิดบังความประหลาดใจบนใบหน้าไม่มิด ทว่ากลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว
“เ้าค่ะ ท่านอ๋องกลัวว่าคุณหนูจะลำบาก จึงให้บ่าวมาส่งอาหารให้คุณหนู ท่านอ๋องปฏิบัติกับคุณหนูดีจริงๆ เ้าค่ะ”
ระหว่างที่นางทอดถอนใจ ดวงตาก็ฉายแววอิจฉาริษยาออกมา
หากไม่ใช่ว่าฮั่วเยี่ยนไหวเพิ่งจากไป นางก็เกือบจะเชื่อคำพูดของเด็กสาวผู้นี้แล้ว
เมื่ออาหารถูกจัดเตรียมเรียบร้อย
สาวใช้ตัวน้อยก็เอ่ยกับไป๋เซี่ยเหอ “คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ เชิญทานได้แล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ หยิบตะเกียบขึ้นมาถือ ตะเกียบของนางหยุดค้างอยู่บนอาหารทุกอย่างประมาณสองสามวินาที ราวกับลังเลอยู่ว่าจะกินจานไหนก่อนดี
ทว่าหางตากลับจับจ้องสาวใช้ตัวน้อยตลอดเวลา
เมื่อตะเกียบไปหยุดอยู่ที่น้ำแกงมะระชามหนึ่ง สายตาของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอเม้มปาก นางวางตะเกียบลง แล้วแสร้งทำท่าโกรธเคือง “เหตุใดถึงส่งน้ำแกงมะระมาให้ข้า? ฮั่วเยี่ยนไหวรู้ดีว่าข้าเกลียดมะระ”
“ขอ...ขออภัยเ้าค่ะ บ่าวทำพลาดเอง”
สาวใช้ตัวน้อยกัดริมฝีปากล่าง ดูหงุดหงิดเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอผลักชามน้ำแกงมะระออกไป ก่อนจะชี้ที่ชามแล้วเอ่ยกับสาวใช้ตัวน้อยด้วยน้ำเสียงบีบบังคับ “เ้ากินน้ำแกงนี่เสีย ข้าเห็นแล้วกินอย่างอื่นไม่ลง”
สาวใช้ตัวน้อยหน้าเปลี่ยนสีทันที
“หากไม่ชอบก็วางไว้ด้านข้างได้เลยเ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวบ่าวจะนำออกไป กฎของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องมีอยู่ว่า บ่าวรับใช้กินอาหารของเ้านายไม่ได้เ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอกอดอกอย่างไม่ใส่ใจ “ข้ายังคิดว่าท่านอ๋องของพวกเ้าบอกพวกเ้าแล้วเสียอีก...”
สีหน้าที่ดูเชื่อฟังของสาวใช้ตัวน้อยค่อยๆ หายไป
“บอกอะไรหรือเ้าคะ?”
“คำพูดของข้าคือกฎที่ใหญ่ที่สุดในจวน!”
ตะเกียบที่วางอยู่ข้างชามเปลี่ยนเป็แสงสีเงินก่อนจะลอยไปที่สาวใช้ตัวน้อยอย่างรวดเร็ว
เมื่ออีกฝ่ายเห็นเช่นนี้ รูม่านตาก็หดลงอย่างกะทันหัน นางย่อตัวหลบตะเกียบ ความตัวอ่อนของนางอยู่ในระดับที่คนทั่วไปไม่อาจทำได้
ฝีมือรวดเร็ว ตอบสนองฉับไว
จากนั้นสาวใช้ตัวน้อยก็ยืดตัวตรง นางชำเลืองมองไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตาเ็า แววตาทอประกายชั่วร้ายราวกับตะขอของนักล่า
“เ้าเดาออกั้แ่เมื่อไร?”
ไป๋เซี่ยเหอยังคงมีท่าทีสบายอารมณ์ ราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ได้มาเอาชีวิตนาง ทว่ามาพูดคุยเป็เพื่อน
“ต้องเดาอีกหรือ? ข้ารู้ั้แ่ตอนที่เ้าก้าวเท้าเข้ามาแล้ว”
สาวใช้ตัวน้อยแค่นเสียงเ็า แขนเสื้อของนางขยับเล็กน้อย เผยให้เห็นแสงสีเงิน
เป็กริชแหลมคมเล่มหนึ่ง!
“ในเมื่อเ้าไม่ยอมตายดีๆ เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ...เฮือก...”
ยังกล่าวไม่ทันจบ ต้นคอขาวผ่องก็มีเส้นสีแดงปรากฏขึ้น
โลหิตสีแดงไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
ลำคอของนางถูกเฉือน
เด็กสาวถลึงตามองอย่างเหลือเชื่อ สายตาของนางจับจ้องไปที่มือของไป๋เซี่ยเหอ
ก่อนจะเห็นใบไม้สีเหลืองในมือของอีกฝ่าย
พลาดแล้ว พลาดเสียแล้ว สตรีนางนี้ไม่อาจดูแคลนได้!
น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความคิดของนาง
ร่างของนางหล่นกระแทกพื้น ส่งเสียงดังหนักหน่วง
ทำให้องครักษ์ข้างนอกใ
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดถึงเสียงดังปานนี้?”
เหล่าองครักษ์พุ่งเข้ามา เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าก็เปลี่ยนสี ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
ในจุดที่สว่างที่สุดของคุกอันมืดมิด เห็นเพียงเด็กสาวในชุดขาวราวหิมะ ดวงตาของนางสุกใส ฟันขาว ดูงดงามละมุนละไม ใบหน้าของนางไม่นิ่มนวลและขลาดกลัวเหมือนเด็กสาวทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับศพบนพื้น นางเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ
จากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พวกเ้าคุ้มครองชีวิตของเปิ่นหวังเฟย[1]เช่นนี้หรือ?”
แม้ว่าจะยังไม่สมรส ทว่าไป๋เซี่ยเหอเป็ถึงพระชายาที่ฮ่องเต้มีราชโองการแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง การที่นางยกเื่นี้ขึ้นมากล่าวเพื่อเสริมบารมีใช่ว่าจะทำไม่ได้
“พวกกระหม่อมมิกล้า เพียงแต่เด็กสาวนางนี้บอกว่ามาส่งสำรับให้พระชายา...”
ทว่าเมื่อเห็นกริชแหลมคนในมือของเด็กสาว พวกเขาก็พูดไม่ออก
สีหน้าของพวกเขาดูอึมครึม ส่วนสีหน้าของหัวหน้าองครักษ์ก็เปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ต้องโทษเขา หากไม่ได้เห็นแก่เด็กสาวที่รูปโฉมงดงามทั้งยังมอบเงินให้ คงไม่เกิดเื่สะเพร่าเช่นนี้ขึ้น
ฉิวซื่อหัวหน้าองครักษ์มีจุดอ่อนร้ายแรงอยู่สองอย่าง หนึ่งคือบ้ากาม สองคือชอบเงิน
“พวกกระหม่อมละเลยหน้าที่เอง ขอพระชายาโปรดลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน แม้แต่สีหน้ายังไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ดูเฉยเมยไม่คุ้นเคย ความน่าเกรงขามเพิ่มขึ้น
“ข้าเป็เพียงนักโทษคนหนึ่งเท่านั้น จะลงโทษอะไรได้เล่า? เพียงแต่เด็กสาวนางนี้น่ะ ทั้งวางยาพิษ ทั้งยังจะใช้กริชสังหารข้า หัวหน้าฉิวต้องคิดหาเหตุผลดีๆ แล้วว่าจะรับมือกับเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างไร”
หัวหน้าฉิวเองก็ไม่ใช่คนโง่ ทั้งยังเป็คนปลิ้นปล้อนอย่างยิ่ง เหตุใดเขาจะไม่เคยได้ยินว่าเซ่อเจิ้งอ๋องโปรดปรานพระชายามากเพียงใด? กระทั่งมอบเรือนที่อยู่ข้างจวนของตนเองให้พระชายา
ชอบเงินนั้นไม่ผิด
ทว่าต้องมีชีวิตให้ใช้เงินด้วย!
------------------------
[1] เปิ่นหวังเฟย หมายถึง สรรพนามแทนตัวเองของพระชายาในอ๋อง