ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน เวลาผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ระดับการบำเพ็ญของโหยวเฟิงเพิ่มขึ้นจากระดับหลอมปราณขั้นสามขึ้นเป็ระดับหลอมปราณขั้นสี่ ส่วนเถียนหรูชิงแม้จะไม่ได้มาทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปหลายวัน ระดับการบำเพ็ญของนางเองก็เพิ่มขึ้นจากระดับหลอมปราณขั้นหกเป็ระดับหลอมปราณขั้นแปด
โหยวเฟิงไม่เหมือนก่วนเฮ่าเฉิงที่มักจะมาสายหรือไม่ก็หายไปดื้อๆ บางครั้งเขายังมาถึงก่อนเวลาถึงหนึ่งชั่วยาม เขานั่งอ่านตำราเงียบๆ บนทุ่งหญ้า บางครั้งจึงได้พบกับเถียนหรูชิง ข้าอ่านความรักที่ชายหนุ่มผู้นี้มีต่อหญิงสาวได้จากแววตาของเขา แต่ด้วยนิสัยเงียบขรึมและฐานะที่ไม่เท่าเทียมกัน ข้าเดาว่าเถียนหรูชิงคงไม่ชอบเขา นางเพียงแค่ยิ้มให้เขาและบอกให้เขารออยู่ด้านนอกคอกหมู หัวใจของโหยวเฟิงเต้นโครมคราม เขาจึงเชื่อฟังคำสั่งของนางอย่างว่าง่าย
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาข้าไม่ได้นั่งรอความตายอย่างเปล่าดาย ตำราที่โหยวเฟิงเอามาให้มักจะหายไป และปรากฏขึ้นอีกในที่ที่คาดไม่ถึง นั่นเป็เื่เกิดขึ้นได้เป็ปกติ เขาคงไม่คิดว่าคนที่ขโมยตำราไปคือหมูที่เลี้ยงไว้ทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยนิสัยของเขา เขาคงแค่ตำหนิตัวเองในใจว่าช่างเลินเล่อที่วางตำราไว้ไม่เป็ที่เป็ทาง
ในบรรดาตำราที่ยืมมาจากโหยวเฟิง มีเพียงเล่มเดียวที่ชื่อว่า ‘หลักการการหลอมปราณพื้นฐาน’ ที่ข้าอ่านจบแล้วไม่ได้คืน ในนั้นมีการบันทึกเคล็ดวิชาการบำเพ็ญสี่สิบเก้าเคล็ดวิชาที่ใช้ได้ในระดับหลอมปราณ โดยแบ่งเป็เคล็ดวิชาฝ่ายธรรมะสามสิบเคล็ดวิชา และเคล็ดวิชาฝ่ายอธรรมสิบเก้าเคล็ดวิชา
เคล็ดวิชาฝ่ายธรรมะใช้เวลาในการฝึกฝนยาวนาน แต่ผลข้างเคียงน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกฝนวิชาฝ่ายธรรมะ ในทางกลับกัน เคล็ดวิชาฝ่ายอธรรมเรียนรู้ได้ง่ายแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ ผู้ที่ไม่ชำนาญอาจได้รับผลกระทบ ผลข้างเคียงก็ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น อาจเพิ่มบาปกรรมหรือพลังชั่วร้าย ทำให้การทะลวงระดับในอนาคตยากยิ่งขึ้น
เคล็ดวิชาส่วนใหญ่เน้นการเพิ่มพลังต่อสู้ มีเคล็ดวิชาปราณเพียงไม่กี่เคล็ดวิชาเท่านั้นที่เน้นการใช้งาน ในเคล็ดวิชาฝ่ายอธรรม ‘วิชาจำแลงกาย’ เป็สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของข้ามากที่สุด
เหตุผลนั้นง่ายมาก การฝึกฝนวิชาต่อสู้ แม้ว่าจะฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ระดับสูงกว่าขั้นหนึ่งก็ยังเป็รอง อาจจะต้องใช้พลังทั้งหมด แต่ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่ดีดนิ้วก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเป็เช่นนี้ ควรเลือกวิชาจำแลงกายที่มีประโยชน์รอบด้านจะดีกว่า เพราะข้าไม่ชอบทะเลาะกับคนอื่น
วิชาจำแลงกายนั้นตราบใดที่เข้าใจหลักการ ทุกคนก็สามารถเรียนรู้ได้ ผู้บำเพ็ญยังใช้มันในชีวิตประจำวันเมื่อขาดเครื่องมือ อย่างไรก็ดีเหล่าผู้บำเพ็ญสายธรรมะมักจะดูถูกกลอุบายฉ้อฉลเช่นนี้ เวลาเห็นใครฝึกฝนวิชานี้ พวกเขาจะนึกเดียดฉันท์อย่างยิ่ง เหตุผลที่บันทึกไว้ในตำราเล่มนี้ ก็เพื่อเตือนให้ศิษย์ของสำนักระวังตัวจากพวกหลอกลวงเวลาเดินทาง และไม่สนับสนุนให้ฝึกฝน
ตำราเล่มนี้กล่าวถึงข้อดีของวิชาจำแลงกายเพียงสองประโยค ส่วนที่เหลือทั้งหมดอธิบายว่าวิชานี้ใช้ยากเพียงไหน ง่ายต่อการถูกเปิดเผยเพียงใด และจะทำให้เสียชื่อเสียงในยุทธภพ วิชาฝ่ายอธรรมในตำราเล่มนี้ล้วนอธิบายเช่นนี้ เพื่อปลูกฝังความคิดที่ว่า ‘มีโทษมากกว่าคุณ’
ด้วยการฝึกฝนจากตำราที่ยืมมาจากโหยวเฟิงและน้ำยาที่เถียนหรูชิงนำมาให้ ภายในหนึ่งปีข้าก็ไต่ระดับจากระดับหลอมปราณขั้นต้น เป็ระดับหลอมปราณขั้นสูงสุด นั่นคือขั้นเก้า ยาที่เถียนหรูชิงเอามาให้นั้นมีประสิทธิภาพมาก ข้าอดคิดไม่ได้ว่าถ้านางทานยาอย่างสม่ำเสมอ นางอาจจะทะลวงระดับไปแล้วก็เป็ได้
ถึงแม้ว่าระดับหลอมปราณขั้นสูงสุดยังสามารถฝึกฝนต่อไปได้ แต่ระดับการบำเพ็ญก็ไม่อาจก้าวหน้าต่อไป ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะฝึกฝนมากหรือน้อย อย่างน้อยก็ยังรู้สึกถึงความก้าวหน้าบ้าง แต่เมื่อถึงขั้นสูงสุด ก็คล้ายว่าความพยายามในทุกวันนั้นสูญเปล่า ไม่ว่าจะฝึกฝนจนเหนื่อยล้าเพียงไหน ลมปราณในตันเถียนก็ไม่พัฒนาขึ้นอีก
ข้าจึงหมดทางเลือก แม้จะเสี่ยงฆ่าโหยวเฟิงและเถียนหรูชิง ซึ่งเป็ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณถึงสองคน ก็อาจจะไม่ได้รับข้อมูลและทรัพยากรในการสร้างรากฐาน ดังนั้นข้าจึงยอมอาศัยยาที่เถียนหรูชิงเอามาให้ต่อไป เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งข้าดื่มแล้วอาจจะก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้
เมื่อระดับการบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความปรารถนาอย่างหนึ่งในใจของข้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น นั่นคือความปรารถนาทางกาย ในความคิดของข้า ผู้บำเพ็ญต้องสงบและละเว้นจากตัณหาราคะ เพื่อสามารถฝึกฝนได้อย่างสงบ แต่ข้ากลับไม่อาจระงับความ้าในใจ เมื่อระดับการบำเพ็ญสูงขึ้น ความ้าที่จะมีสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
ทว่าตอนนี้ คู่ของข้ามีเพียงหมูตัวเมีย บังเอิญเหลือเกินที่ข้าก็เป็หมูพ่อพันธุ์เดียวในคอกนี้ ช่างน่าขันจริงๆ
ขณะที่ข้ากำลังกังวลกับความปรารถนาและระดับการบำเพ็ญยังก้าวข้ามขีดจำกัดไม่ได้ ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรทันใด
วันนี้ สำนักทำการประดับประดาอย่างสวยงาม เตรียมการอย่างเร่งรีบ อีกไม่กี่วันก็จะเป็วันตรุษจีน ซึ่งควรจะเป็วันที่สำนักมีความสุข แต่กลับมีคนแปดคนเดินมายังคอกหมูด้วยท่าทางโเี้
หมูมีประสาทการดมกลิ่นที่ไวมาก มีคนบอกว่าไวกว่าสุนัขถึงสิบเจ็ดเท่า และไวกว่ามนุษย์ถึงหกร้อยกว่าเท่า
ข้ารู้สึกตัวทันที ในกลุ่มคนที่เดินมาไม่ได้มีเพียงเถียนหรูชิง แต่ยังมีคนคนหนึ่งที่มีกลิ่นกายอย่างคนชรา แค่ดมก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี กำลังเดินทางมาทางคอกหมูแห่งนี้ ในที่สุดสิ่งที่ข้ากังวลมาตลอดก็เกิดขึ้นจริงในวันนี้
เถียนหรูชิง หลังจากที่การกระทำของนางถูกเปิดเผย นางเด็กนี่ก็ทรยศข้า
เพื่อรับมือกับวันที่มาถึงนี้ ข้าทำได้เพียงอธิษฐานขอให้วิชาที่ข้าฝึกฝนอย่างหนักมาโดยตลอดสามารถใช้การได้เท่านั้น
กล่าวถึงโหยวเฟิง ต้องขอบคุณตำราที่เ้าเด็กนี่เอามาให้ ถ้าข้าไม่ได้เรียนรู้วิชานี้จากตำราของเขา ข้าคงต้องดูดซับลมปราณของเขาเพียงทางเดียว จากประสบการณ์การอ่านตำราของเขา เขาอาจจะรู้เคล็ดวิชาที่มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่หากทำเช่นนั้น ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง ศิษย์ที่ดูแลคอกหมูหายไปสองคนติดต่อกัน แม้แต่คนเขลายังรู้ว่าที่นี่ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ข้าไม่กล้าลังเลจึงสำแดงวิชาทันที นั่นคือวิชาจำแลงกาย เปลี่ยนน้องชายที่อยู่ตรงข้ามข้าให้กลายเป็ข้า
วิชาจำแลงกายขั้นต้นสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกได้เท่านั้น หากใช้พลังจิตตรวจสอบ ย่อมค้นหาตัวตนที่แท้จริงได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าใช้เวลาครึ่งปีในการฝึกฝนอย่างเต็มที่ การเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็เพียงพื้นฐาน ตอนนี้ข้าสามารถเลียนแบบจิติญญาได้อย่างสมจริง แน่นอน นี่ใช้ได้กับการตรวจสอบคร่าวๆ ด้วยพลังจิตเท่านั้น หากมีคนจับชีพจร หรือตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยตาทิพย์ก็คงยากที่จะหลบเลี่ยง
ข้าเปลี่ยนน้องชายให้กลายเป็ข้า แล้วแบ่งลมปราณบางส่วนใส่เข้าไปในตัวเขา ทำให้ระดับการบำเพ็ญเหมือนกับระดับหลอมปราณขั้นสองแล้วย้ายไปที่คอกของข้า ส่วนข้าก็ร่ายพลังปราณกับตนเอง แปลงร่างเป็หนู แล้วหนีไปยังเล้าไก่ที่อยู่ห่างออกไปสี่ลี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้