แกนกลางของยาปีศาจคลั่งเม็ดนี้คือแก่นอสูรระดับสี่ แต่จุดที่น่ากลัวจริงๆ ของยาปีศาจคลั่งไม่ได้อยู่ที่แก่นอสูรในนั้น แต่เป็ความสามารถที่ทำให้พลังในแก่นอสูรระดับสี่เกิดการคลุ้มคลั่ง
พลังปราณที่เกิดจากการคลุ้มคลั่งจะพลุ่งพล่านอยู่ในร่างของถังเหล่ย แต่เมื่อพลังปราณสายนี่ัักับจุดตันเถียนของเขาก็สงบลงทันที เหมือนถูกพลังน่ากลัวสายหนึ่งสะกดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
หวังเหมิ่งมองถังเหล่ยที่กำลังปลุกพลัง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงกัดฟันพุ่งเข้าหาถังเหล่ยอีกครั้ง เขา้าจะฉวยโอกาสขณะที่ถังเหล่ยกำลังเสียสมาธิ
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเกล็ดราวกับอุ้งเท้าจระเข้พุ่งเป้าไปที่หัวใจของถังเหล่ยโดยตรง พลังของหวังเหมิ่งในตอนนี้แม้ว่าต่อให้ต้นไม้ใหญ่ฝ่ามือของเขาก็สามารถแทงทะลุได้อย่างง่ายดาย แต่ขณะที่ฝ่ามือของเขากำลังจะัักับร่างกายของถังเหล่ย มือสีทองของอีกฝ่ายก็ยื่นออกมาจับข้อมือของหวังเหมิ่งอย่างรวดเร็ว
หวังเหมิ่งใมากและ้าดึงมือกลับทันที แต่เขาก็พบว่าเขาไม่สามารถทำได้แม้แต่จะขยับตัว ราวกับว่าทั้งร่างของเขาถูกูเาลูกใหญ่กดทับเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งของหวังเหมิ่งโจมตีไปที่ศีรษะของถังเหล่ย หวังจะให้อีกฝ่ายปล่อยมือของเขา
จากนั้นเขาจะฉวยโอกาสถอยออกมา ในขณะที่หวังเหมิ่งกำลังโจมตีไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย เขาก็ตระหนักได้ว่าิญญายุทธ์ภายในร่างกายของเขาได้สลายไปหมดแล้ว เมื่อก้มหน้าไปมองหวังเหมิ่งก็เห็นฝ่ามือสีทองข้างหนึ่งแทงทะลุจุดตันเถียนของเขา
จากนั้นถังเหล่ยออกแรงบีบ พลังมหาศาลทำลายจุดตันเถียนและเส้นชีพจรของหวังเหมิ่งทั้งหมด ิญญายุทธ์ของหวังเหมิ่งจึงสลายไปทันที
“เ้า...”
ในดวงตาของหวังเหมิ่งเผยความหวาดกลัว ก่อนตายสายตาของเขายังปรากฏความเศร้าออกมา
หากหวังเหมิ่งรู้ว่าถังเหล่ยแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาคงไม่คิดลงมือสังหารถังเหล่ยเพียงเพื่อรางวัลเล็กน้อยเช่นสามารถกลับสู่นิกายได้เท่านั้น แต่เสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว ไม่กี่ลมหายใจต่อมาแววตาของเขาก็หมดประกายลงทันที หลังจากนั้นสติของเขาจมอยู่ในความมืดไปตลอดกาล
ถังเหล่ยยื่นมือไปเก็บแหวนมิติที่มือของหวังเหมิ่ง จากนั้นก็โยนซากศพของอีกฝ่ายทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่แยแส ขณะนี้ร่างของถังเหล่ยยังคงส่องแสงสีทองออกมาอย่างต่อเนื่อง
พลังปราณมหาศาลของยาปีศาจคลั่งยังไม่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมด ยังดีที่ในจุดตันเถียนของถังเหล่ยมีพลังพิเศษสายหนึ่งสะกดพลังอันบ้าคลั่งของยาปีศาจคลั่งเอาไว้ไม่เช่นนั้นคงทำไม่ได้แม้แต่ควบคุมร่างกายของตัวเอง นี่ก็คือยาปีศาจคลั่งระดับสี่ในแก่นอสูรระดับสี่แฝงด้วยพลังิญญามหาศาล
ในเวลานี้ในเมืองล้วนเต็มไปด้วยทหาร หากถังเหล่ยปรากฏตัวให้คนเ่าั้เห็น เขาจะตกเป็จุดสนใจของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ถังเหล่ยกำมือขวา ปล่อยหมัดใส่กำแพงบ้านด้านข้างเป็รูขนาดใหญ่ เขาเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ในนั้นไม่มีใครอยู่และยังให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็บ้านร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยมานาน จากนั้นเขาก็ขนโต๊ะมาปิดรูป้องกันไม่ให้แสงสีทองส่องออกไปด้านนอก
ถังเหล่ยไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น เขานั่งลงสำรวจร่างกายตัวเองทันที เขาพบว่าในร่างกายของเขาถูกเติมเต็มด้วยแสงสีทอง และไม่สามารถมองเห็นเส้นชีพจรกับจุดตันเถียนได้ด้วยซ้ำ
“ต้องสะกดพลังนี้เอาไว้ก่อน แล้วค่อยขัดเกลาทีหลัง”
ถังเหล่ยรวบรวมพลังิญญายุทธ์หวังจะสะกดพลังอันบ้าคลั่งในร่างกายเอาไว้ ไม่นานตรงจุดตันเถียนของเขาก็ปรากฏน้ำวน พลังสีทองทั่วร่างล้วนพุ่งไปรวมกันอยู่ที่ิญญายุทธ์ัคชสารสีทองในตันเถียนของเขา
“ดูดเข้าไปหมดเลยหรือ?” ถังเหล่ยรู้สึกงุนงง
พลังปราณบ้าคลั่งที่เขาไม่สามารถสะกดเอาไว้ได้ ตอนนี้กลับถูกดูดซับเข้าไปในจุดตันเถียนได้อย่างไร?
อีกทั้งเขายังพบว่าพลังเหล่านี้เหมือนถูกัคชสารสีทองควบคุมเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกมันไม่ได้ถูกิญญายุทธ์กลืนกินและไม่ได้สลายหายไปไหน พลังปราณเ่าั้เพียงแค่วนรอบิญญายุทธ์ัคชสารสีทองอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นแสงสีทองบนผิวกายของถังเหล่ยก็หายไปทันที
ในเวลาเดียวกันเขาพบว่าพลังปราณในร่างกายของเขามาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สี่แล้ว และยังรู้สึกว่าสามารถทะลวงไปยังขั้นที่ห้าได้อีกด้วย
แต่ในขณะนี้ถังเหล่ยยังคงให้ความสนใจกับพลังในจุดตันเถียนเป็ลำดับแรก พลังสายนั้นเกิดจากยาปีศาจคลั่งระดับสี่ เขาใช้พลังไปไม่ถึงหนึ่งในสิบเพื่อสังหารอีกฝ่าย และพลังปราณที่ยังเหลือถูกดูดซับเอาไว้ในจุดตันเถียน
ถังเหล่ยรู้สึกสับสนและกังวลไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตามพลังอันบ้าคลั่งที่อยู่ในร่างกายของเขาให้ความรู้สึกราวกับะเิเวลา เขาพยายามใช้พลังปราณในร่างกายตรวจสอบที่จุดตันเถียน แต่กลับพบว่าพลังในจุดตันเถียนนั้นสงบนิ่งมาก
“หรือว่านี่คือ...”
ทันใดนั้นถังเหล่ยก็ผุดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ จากนั้นเขาจึงเริ่มควบคุมพลังที่จุดตันเถียน ภายใต้การควบคุมของถังเหล่ย เขาสามารถดึงพลังสายแล้วสายเล่าออกมาจากจุดตันเถียนได้
ตูม!
ถังเหล่ยรวบรวมพลังสายหนึ่งไว้ที่หมัด จากนั้นก็ต่อยออกไปทันที พื้นด้านหน้าของเขาปรากฏหลุมลึก เมื่อเห็นเช่นนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“แบบนี้นี่เอง!”
แม้ว่าถังเหล่ยจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในขณะนี้ิญญายุทธ์ของถังเหล่ยกลับสามารถสะกดพลังอันบ้าคลั่งที่อยู่ภายในร่างกายเอาไว้ได้ อีกทั้งยังเก็บไว้ในร่างกายได้อีกด้วย หากถังเหล่ย้าจะใช้เพียงแค่เรียกพลังออกมาจากจุดตันเถียนเท่านั้น
“ฮ่าๆๆ ถ้าชาติที่แล้วข้ามีความสามารถเช่นนี้ สิ่งที่ทำให้ข้ามีชื่อเสียงคงไม่ใช่เื่การปรุงยา และโลกใบนี้คงเปลี่ยนเป็ชื่อของข้าแล้ว!” ถังเหล่ยะโโลดเต้นด้วยความยินดีในความมืดเพียงลำพัง
จากนั้นถังเหล่ยก็เปิดแหวนมิติของหวังเหมิ่ง ภายในแหวนมิติมีเงินและยาบางส่วน ความจริงทหารภายในกองทัพไม่ได้ร่ำรวยเฉกเช่นผู้ฝึกตนด้านนอกอยู่แล้ว ทรัพยากรภายในแหวนมิติของหวังเหมิ่งเมื่อเทียบกับเยียนหลิงชวนแล้วแตกต่างกันมาก
ถังเหล่ยหยิบของภายในแหวนมิติออกมา แทบไม่มีของที่เป็ประโยชน์เลย แต่เขาพบกระบอกที่ทำมาจากไม้ชิ้นหนึ่ง บนนั้นสลักคำว่า ‘นิกายเสิ่นอวี่’ เอาไว้ ภายในกระบอกนั้นมีแท่งหินขนาดเท่านิ้วมือ ถังเหล่ยรู้จักแท่งหินชิ้นนี้เป็อย่างดี มันคือเครื่องมือเพื่อใช้ในการส่งข่าวที่ช่างอาวุธสร้างขึ้นมา หากอัดพลังปราณเข้าไปในนั้นจะปรากฏตัวอักษรออกมา
“วิเศษเหลือเกิน!” ถังเหล่ยมองตัวอักษรที่ลอยอยู่กลางอากาศ
อักษรที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าถังเหล่ยระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็ส่วนสูงหรือหน้าตาของถังเหล่ย ไม่เพียงเท่านั้นอักษรยังบ่งบอกถึงระดับพลัง การแฝงตัวเข้ามาอยู่ในขบวนลำเลียงสินค้าของเขา และยังกล่าวว่าเขาลงมือสังหารเยียนหลิงซานอย่างโหดร้ายและไร้ความปรานี ทันทีที่ถังเหล่ยเห็นข้อความดังกล่าวเขาก็ส่ายหัวและยิ้มสดใส
สิ่งที่อยู่ด้านล่างสุดคือรางวัลนำจับ เพียงแค่นำศีรษะของถังเหล่ยกลับไปยังนิกาย ผู้นั้นจะได้รับยาทลายคอขวดระดับสี่พร้อมกับอาวุธสมบัติโจมตีชิ้นหนึ่ง ในเวลาเดียวกันจะได้รับคะแนนจากนิกายหนึ่งแสนคะแนนทันที มิหนำซ้ำพวกเขายังมีโอกาสเป็ศิษย์ของเยียนหลิงชวนโดยตรง
“เยียนหลิงชวนลงทุนมากจริงๆ ข้าที่เป็เพียงผู้ชำนาญยุทธ์กลับมีค่ามากขนาดนี้!” ถังเหล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถังเหล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าหลังจากนี้เขาคงต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้ นิกายเสิ่นอวี่ยังมีอิทธิพลในจักรวรรดิซือฉีอยู่ หากศิษย์ทั้งหมดได้รับคำสั่งให้ไล่ล่าเขาจะเป็ปัญหาใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน
……….