เป็เพราะครั้งล่าสุดหานโม่ออกจากเมืองหลิงหยวนอย่างเร่งรีบ แม้ว่าจะมีความทรงจำของเ้าของร่างเดิมอยู่ แต่เป็เพราะอุปนิสัยของหานโม่คนเดิมที่ชอบเก็บตัวอยู่ในเรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรม จึงไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับเมืองหลิงหยวนมากมายนัก
เช่นนั้นแล้วเมืองหลิงหยวนในความทรงจำของหานโม่นั้นจึงเป็เพียงแค่ภาพจางๆ
เมื่อเข้าเมืองมา บรรยากาศภายในเมืองทำให้หานโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หานโม่ไม่มีท่าทีที่ผ่อนคลายเหมือนครั้งอยู่ในป่าไร้ิญญาอีกต่อไป ใบหน้าของนางกลับมาเ็าอีกครั้ง
เสียงเอะอะโวยวายของโตวโตวที่เอาแต่ร้องหาของกินมาตลอดทางก็ปราศจากความตื่นเต้นที่ได้เข้าเมืองเป็ครั้งแรก มันเกาะอยู่บนไหล่ของหานโม่ด้วยสีหน้าท่าทางดูถูกเล็กน้อยราวกับว่ารังเกียจเมืองหลิงหยวนแห่งนี้ยิ่งนัก
หานโม่ได้แต่รู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับการแสดงออกของโตวโตว
ที่เมืองหลิงหยวนเป็เพราะว่ามีสี่ตระกูลใหญ่คอยดูแลอยู่ จึงยังถือว่าเป็เมืองที่ค่อนข้างใหญ่เมืองหนึ่ง มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย และการค้าขายต่างๆ แม้ว่าจะดูวุ่นวายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แย่นัก
หานโม่ไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาด เพราะว่านางเองก็เคยไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองใหญ่ๆ มาแล้วมากมายในชาติก่อน
แต่หากนางรังเกียจก็แล้วอย่างไร ทว่าโตวโตวเองก็รังเกียจไปด้วยเช่นกัน ซึ่งนี้ทำให้รู้สึกค่อนข้างน่าสนใจและควรค่าแก่การไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ
ในตอนนี้หานโม่กักเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจชั่วคราว แม้ว่าร่างของโตวโตวจะไม่เหมือนในยามปกติเท่าใดนัก แต่ตอนนี้หานโม่ได้ผูกพันธสัญญาเืกับมันแล้ว ดังนั้นนางจึงสามารถเชื่อใจมันได้อย่างแน่นอน
“พวกเราไปหาร้านยาเพื่อขายเซียนหลิงเฉ่ากันก่อนเถอะ จากนั้นข้าจะพาเ้าไปหาของกิน”
เมื่อโตวโตวได้ยินว่าจะได้กินมันก็มีความสุขมากและเริ่มหันมองไปรอบๆ เพื่อช่วยหานโม่หาร้านยาทันที
ซึ่งการรวมตัวกันของสาวงามอย่างหานโม่และนกสีรุ้งอย่างโตวโตวค่อนข้างจะเป็ที่สะดุดตา ผู้คนมากมายต่างจับจ้องมองทั้งคู่ไปตลอดทาง สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของสตรีและนกตัวนี้ก็คือฝีมือในการเพิกเฉยต่อสิ่งรอบข้างนั้นสูงยิ่งนัก
สายตาสนอกสนใจของผู้คนรอบข้างล้วนถูกพวกนางเพิกเฉย ทั้งสองเดินไปรอบๆ สักพัก หานโม่ก็พบร้านขายยา นางเดินตรงเข้าไปทันที
ร้านขายยานี้ดูไม่ใหญ่มากนัก และคนที่มาซื้อขายยาก็มีไม่มากเช่นกัน หานโม่กวาดตามองไปทั่วร้านพลางคิดคำนวณไปด้วยในใจ
รอจนกระทั่งคนที่อยู่เบื้องหน้าเดินจากไป หานโม่ก็ก้าวเท้าขึ้นมาและเดินเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะยาว "ขอถามหน่อยว่าเถ้าแก่ของพวกเ้าอยู่หรือไม่?"
ผู้ที่กำลังยุ่งอยู่ที่โต๊ะยาวหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็แม่นางน้อยหน้าตาสะสวยผู้หนึ่ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมาทันที “ข้าเป็เถ้าแก่ของที่นี่ แม่นางท่านนี้้าสิ่งใดหรือขอรับ ?"
หานโม่เหลือบตามองสำรวจเถ้าแก่ร้านอย่างเงียบๆ
คนตรงหน้าเป็ชายหนุ่มอายุราวๆ สี่สิบปี ยังสามารถเห็นเค้าโครงใบหน้าเมื่อครั้งยังวัยเยาว์ได้รางๆ อาจเป็เพราะว่าตอนนี้เขาอายุมากแล้ว และทำการค้ามาเป็เวลานาน ดวงตาที่ค่อยๆ ขุ่นมัวขึ้นทุกวันนั้นจึงเต็มไปด้วยประกายแห่งความเ้าเล่ห์
สีหน้าของหานโม่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
แต่ภายในใจของนางนั้นเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเถ้าแก่ร้านเสียแล้ว ประสบการณ์ชีวิตเมื่อชาติก่อนได้บอกหานโม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก เพราะบรรยากาศน่ารังเกียจที่ออกมาจากตัวของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกขยะแขยง
“ข้ามาขายสมุนไพร”
ดวงตาของเถ้าแก่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดว่าแม่นางน้อยอย่างหานโม่คงไม่มียาที่ล้ำค่าอะไรอยู่ในมืออย่างแน่นอน ดังนั้นท่าทีของเขาจึงเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็ท่าทางที่ไม่ค่อยจริงจังนัก “โอ้? ไม่ทราบว่าสมุนไพรที่แม่นางน้อยจะนำมาขายให้ข้าคือสมุนไพรอะไรหรือขอรับ?”
หานโม่ปลดตะกร้าสานที่อยู่บนหลังออกและวางมันลงบนพื้นด้านหน้าเถ้าแก่
สายตาของเถ้าแก่ร้านแฝงแววดูถูกเหยียดหยามลึกๆ
“แม่นางน้อย ที่นี่เราเป็ร้านขายยา ไม่ใช่ว่ากิ่งก้านใบไม้ขาดรุ่งริ่งอะไรก็รับซื้อหมด”
หานโม่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขา นางทำเพียงนำเซียนหลิงเฉ่าออกมาจากตะกร้าอย่างช้าๆ
ดวงตาของเถ้าแก่เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าสมุนไพรที่หานโม่จะนำมาขายเป็เซียนหลิงเฉ่า "สิ่งนี้คือ... เซียนหลิงเฉ่างั้นหรือ?"
เซียนหลิงเฉ่าไม่ใช่สมุนไพรที่หายากอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะเก็บมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือหานโม่มีเซียนหลิงเฉ่าอยู่ในมือมากมายเช่นนี้
ดวงตาของเถ้าแก่ร้านเป็ประกายสว่างวาบ