Chapter 10
“เอาถังใหญ่หรือถังเล็กอะ?”
“แล้วแต่เลย...” เรียวตอบ ก่อนจะยื่นกระเป๋าสตางค์ของตัวเองให้คนตัวสูงน้อยกว่า “...เอาเงินกูจ่าย”
“เฮ้ย ไม่ต้อง กูเป็คนชวนมึงออกมาดูหนังนะเว้ย เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”
“จะกูจ่ายหรือมึงจ่ายก็เหมือนกันแหละ เพราะยังไงเราก็อยากมาดูหนังด้วยกันอยู่ดี”
เขาพูดแบบนั้น ก่อนจะยัดกระเป๋าสตางค์สีดำใส่มือของเพื่อนสนิท เฮียเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาเพียงชั่วครู่ แล้วจึงพยักหน้าเบา ๆ
“โอเค...แต่ว่ามึงไปยืนรอตรงที่โล่ง ๆ ก่อน เดี๋ยวกูไปต่อแถวซื้อตั๋วกับป๊อปคอร์นเอง”
“อยากให้กูไปต่อแถวเป็เพื่อนไหม?”
“ไม่ต้องหรอก กูรู้ว่ามึงไม่ชอบต่อแถวรออะไรแบบนี้”
เฮียพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา ก่อนเ้าตัวจะรีบเดินไปต่อแถวซื้อตั๋วหนัง เรียวเลยสาวเท้าเดินออกมายืนรอบริเวณที่มีคนพลุกพล่านน้อยที่สุด เขายืนกอดอกขณะมองเพื่อนสนิทหันมาส่งยิ้มพร้อมโบกมือให้ เรียวจึงส่งยิ้มกลับไปให้อีกฝ่ายบ้าง
เพราะว่าเราสองคนช่วยกันหาโทรศัพท์ของเขาที่หายไปอย่างปริศนาจนเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แววของมัน เรียวจึงตัดใจแล้วถามเพื่อนว่าอยากไปไหนไหม เฮียเลยชวนเขามาดู ‘การ์ตูนแอนิเมชัน’ ที่เ้าตัวอยากดูนักหนา
เรียวไม่ได้คิดถอดใจกับการตามหาโทรศัพท์ตัวเองหรอก และเขาก็ไม่มีความคิดจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ด้วย เพราะเรียวคิดว่าเื่นี้ต้องมีเงื่อนงำ และผู้ต้องสงสัยคนสำคัญที่เพ่งเล็งไว้ก็คือ ‘ม้ากับน้องสาว’ หลังจากดูหนังเสร็จแล้ว เขาตั้งใจจะกลับไปถามทั้งสองคนอีกครั้ง
เรียวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทกวักมือเรียก คนตัวสูงสาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล เมื่อเดินไปหยุดยืนข้าง ๆ เพื่อนสนิทแล้ว เฮียก็ยื่นโทรศัพท์ของเ้าตัวมาให้
“ณรินทร์โทรมา กูรับสายแล้ว”
เรียวรับโทรศัพท์มาแล้วยกขึ้นแนบหู “ว่าไงคะณรินทร์?”
“มึงไปยืนคุยที่เดิมก็ได้ ตรงนี้เสียงดัง”
เรียวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับมายืนที่เดิม แต่ระหว่างสาวเท้าเดิน น้องสาวที่อยู่ในสายก็เอ่ยขึ้น
[เฮียเรียว...ไม่ต้องซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่นะคะ พอดีรินทร์ขึ้นไปหาโทรศัพท์ให้เฮียเรียวมา ก็เลยเจอมันตกอยู่ใต้เตียงค่ะ]
“ใต้เตียง?”
[ค่ะ ใต้เตียงห้องเฮียเรียวนั่นแหละ]
“แล้วใครเอามันไปไว้ใต้เตียงคะ? ...ม้าหรือว่าณรินทร์?”
[ฮะ เฮียเรียวพูดอะไรคะเนี่ย ม้ากับรินทร์จะทำแบบนั้นทำไม]
“นั่นสิ จะทำแบบนั้นไปทำไมนะ...”
[…]
“ฝากบอกม้าด้วยนะคะว่าเฮียเรียวจะกลับไปเอาคำตอบ แล้วณรินทร์ก็เตรียมคำตอบของตัวเองไว้ด้วย”
[...]
“เดี๋ยวตอนนี้เฮียเรียวขอไปดูหนังก่อน”
[ฮะ เฮียเรียวพูดอะไรคะ?]
“ณรินทร์...มันไม่เนียนเลย อย่าฝืนค่ะ”
[…]
“อย่างที่เฮียเรียวบอกเลย เตรียมคำตอบไว้”
[…]
“แค่นี้ก่อนนะคะ”
[คะ ค่ะ]
เรียวยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ขณะวางสายจากน้องสาว หากฟังจากเสียงที่ไม่ค่อยจะหนักแน่นของน้องสาวแล้ว เรียวคิดว่าสิ่งที่คาดเดาไว้น่าจะเป็เื่จริง แม่กับน้องสาวต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้แน่
“น้องมึงโทรมาทำไมเหรอ?”
เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมองตามเสียง แล้วก็เห็นเฮียที่ยืนถือตั๋วหนัง แก้วน้ำอัดลม และป๊อปคอร์นถังใหญ่อยู่เต็มสองมือ เรียวยังไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่ยื่นมือไปหยิบถังป๊อปคอร์นมาถือไว้แทน ก่อนเอ่ยตอบ...
“ณรินทร์โทรมาบอกว่าหาโทรศัพท์เจอแล้ว”
“จริงดิ! มันอยู่ตรงไหนอะ?”
“ใต้เตียง”
“ใต้เตียง!?”
“อือ”
“กูก้มหาตรงนั้นหลายรอบมากเลยนะเว้ย ทำไมไม่เจอวะ?”
“ผีบังตามั้ง” ความจริงก็ไม่ใช่ผีที่ไหนหรอก ม้ากับณรินทร์ต่างหากที่บังตา
“มึงก็พูดเป็เล่นไป”
“...”
“แต่เจอก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่”
เรียวพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนเพื่อนสนิท “โทรศัพท์มึง”
“มึงเก็บไว้ก่อนเลย”
“ไม่กลัวเด็กไลน์มาหาแล้วกูจะเห็นเหรอ?”
“เด็กที่ไหนอีกอะ วัน ๆ กูก็คุยแต่กับมึงเนี่ย”
เรียวอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “มีแค่กูใช่ปะ?”
คนตัวสูงน้อยกว่าสบสายตากับเขา ก่อนจะเอ่ยกระอึกกระอัก “คะ คร้าบบ...มีแค่คุณมึงนี่แหละครับ”
เรียวหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างชอบใจในคำตอบ เพื่อนสนิทที่เริ่มเสียอาการกระแอมกระไอเล็กน้อย ก่อนจะหลบสายตาเขา
“ปะ ไปกันได้แล้ว”
“ครับ”
คนตัวสูงน้อยกว่าที่โคตรน่ารักในสายตาเรียวหันขวับมาตวาดเสียงดังใส่ “ไอ้เรียว!”
“อะไร?” เรียวพูดปนหัวเราะ
“ห้าม! พูด! เพราะ!”
“ทำไมอะ? ...ก็กูอยากพูดเพราะ ๆ กับมึงบ้าง”
“ห้าม ๆ ...มึงห้ามพูดเลย”
“เดี๋ยวมึงก็ชิน”
“ไม่ กูไม่ชินง่าย ๆ หรอก”
“ทำไมอะเฮีย กูพูดเพราะแล้วมันทำไม?”
“มันก็ทำให้...” เพื่อนสนิทที่เหมือนเผลอพูดบางอย่างออกมารีบหุบปากฉับ ก่อนจะแกล้งเงยหน้าขึ้นมอง้า ราวกับในห้างสรรพสินค้ามีท้องฟ้าจำลองให้ดูอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่้าไม่มีอะไรให้ดูเลยสักนิด
“ทำให้อะไร?”
“ช่างแม่งเหอะ ไปดูหนังกันได้แล้ว ป่านนี้หนังฉายแล้วมั้ง”
เฮียพูดเสียงดัง ก่อนจะสาวเท้าเดินนำเขาไปโดยไม่คิดรอกันสักนิด เรียวหัวเราะในลำคอขณะเดาว่าเพื่อนสนิทคงรู้สึกเขินอายไม่น้อยเวลาได้ยินคำพูดดี ๆ จากเขา
คนตัวสูงเดินตามเพื่อนสนิทเข้ามาถึงในโรงภาพยนตร์ที่ตอนนี้จอขนาดใหญ่กำลังฉายตัวอย่างของหนังที่จะเข้าฉายในอีกไม่ช้า ภายในโรงภาพยนตร์นี้มีแต่เด็ก ๆ กับผู้ใหญ่ที่คาดว่าเป็ผู้ปกครอง และคนวัยเดียวกันกับพวกเขาในจำนวนที่น้อยมาก ๆ
“มึงจะนั่งไหน?”
“กูได้หมด”
“งั้นกูเข้าก่อน”
“ครับ”
“น่ะ...เอาอีกแล้ว ฮืออ”
เฮียส่งเสียงร้องฮือในลำคอพลางเดินเข้าไปในแถวที่นั่ง เ้าตัวคงไม่ชอบให้เขาพูดจาเพราะ ๆ แบบนี้ เพราะคำพูดดี ๆ อาจจะทำให้หลุดเสียอาการอีก แต่ก็ไม่สามารถห้ามเขาได้ เรียวหัวเราะในลำคอแล้วเดินตามเพื่อนสนิทไป
เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงพร้อม ๆ กับเพื่อนสนิท เฮียเอาแก้วน้ำอัดลมไซซ์ใหญ่ที่สุดมาวางไว้ตรงกลางระหว่างเราสองคน เมื่อเห็นว่าเ้าตัวไม่ได้ถืออะไรแล้ว เรียวจึงส่งถังป๊อปคอร์นรสเค็มให้เพื่อนสนิท แล้วเฮียก็รับถังขนาดใหญ่ไปกอดไว้
แม้ว่าภายในโรงภาพยนตร์จะมืดสนิท หากแต่แสงสว่างจากจอขนาดใหญ่ก็ทำให้เขาสามารถเห็นทุกสิ่งรอบกายได้ รวมไปถึงเห็นใบหน้าและรอยยิ้มคล้ายดอกทานตะวันที่เบ่งบานในยามเช้าของเฮีย
เฮียยิ้มกว้างขณะดูตัวอย่างภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายอาทิตย์หน้า ป๊อปคอร์นชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกป้อนเข้าปากบาง เรียวมองคนข้างกายอยู่แบบนั้นราวกับโดนอีกฝ่ายดึงเข้าไปอยู่ในห้วงเวลาหนึ่งที่หยุดนิ่ง ก่อนที่เพื่อนสนิทจะค่อย ๆ เอียงใบหน้าเข้ามาใกล้กัน ทว่าดวงตาเรียวรียังคงจดจ่ออยู่ที่จอขนาดใหญ่
และเสียงกระซิบที่เอ่ยขึ้น
“เมื่อสองเดือนก่อน กูมาดูโดราเอมอน เดอะ มูฟวี่”
“...”
มันก็ชัดเจนมากพอที่จะทำให้รู้ว่า...
เราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน
“มันซึ้งจนกูน้ำตาไหลเลยอะ”
“มึงไปดูกับใคร?”
เราอยู่ใกล้กันจน...
ปลายจมูกอยู่ห่างกันไม่มากในตอนที่คนข้างกายหันมาสบตากัน
“กะ ก็...มาดูกับมึงไง”
“นึกว่าจะจำไม่ได้”
“จำได้ดิ...เพราะนอกจากมึงแล้ว ก็คงไม่มีใครยอมมาดูการ์ตูนพวกนี้กับกูหรอก”
เราสบตากันในระยะห่างแค่นั้น
แล้ว...
“อือ ก็คงจะมีแค่กูคนเดียวแหละ”
“...”
“...ที่ยอมมึงทุกอย่างเลย”
ผมก็พูดออกไป...
#รักแท้ของผมคือคุณ
หลังจากดูหนังเสร็จ เรียวก็พาเพื่อนสนิทไปกินบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างของโปรดของเ้าตัว ก่อนจะขับรถพามาส่งที่บ้าน ตอนนี้ก็เป็เวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เขากับเฮียเลยคิดว่าทุกคนคงเข้านอนแล้ว แต่ทว่าพอเลี้ยวรถเข้ามาในซอยก็เห็นพ่อกับแม่และพี่สาวกับพี่เขยของเฮียยืนรออยู่หน้าบ้าน
“นั่น...เขามายืนรอกูกันเหรอวะ?”
“ไม่รู้ดิ...” เรียวเอ่ยตอบขณะปลดเข็มขัดนิรภัย
“…”
“เดี๋ยวกูลงไปไหว้พวกเขาหน่อย”
“อะ เออ ๆ”
เฮียเอ่ยตอบ ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยบ้าง เ้าตัวทำหน้าตามึนงงปนสงสัยขณะมองครอบครัวตัวเองผ่านกระจกหน้ารถ เรียวเปิดประตูลงมาจากรถพร้อม ๆ กับเพื่อนสนิท เขาสาวเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคน ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“ป๊า ม้า เจ้หลิน เฮียเม้ง สวัสดีครับ”
“จ้า...สวัสดีจ้ะ” แม่ของเพื่อนสนิทเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแจ่มใส
“ปะ ไปเที่ยวกันมาเหรอเด็ก ๆ”
“เฮียเม้ง! อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องพูด” คนเป็ภรรยายกมือขึ้นฟาดที่แขนสามีเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ ๆ
“จะ จ้ะ...”
“ครับ ผมพาเฮียไปดูหนังมา”
“สนุกไหมล่ะ?”
“สนุกสิป๊า” เฮียเอ่ย ก่อนจะถามต่อด้วยสีหน้าสงสัย “แล้วนี่...มายืนทำอะไรกัน?”
“พวกเราก็มารอรับลูกน่ะสิ”
“มายืนรอรับลูก!?”
“ใช่”
“ปกติก็รออยู่ในบ้านกัน แล้วทำไมวันนี้ต้องออกมายืนรอล่ะ?”
“ก็เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไง”
ไม่ใช่เพียงแค่พฤติกรรมและคำพูดที่ดูแปลก ๆ ไปเท่านั้น หากพิจารณาดูดี ๆ แล้ว เรียวเห็นความผิดปกติบางอย่างที่ทุกคนกำลังเก็บซ่อนไว้อยู่ และถ้าอยากจับสังเกตให้ได้จริง ๆ เขาคิดว่าคนที่ไม่เป็มืออาชีพเื่การแสดงคือ ‘เฮียเม้ง’
เมื่อเรียวหันไปสบสายตากับพี่เขยของเพื่อนสนิท เฮียเม้งก็รีบหลบสายตาทันที นั่นทำให้เรียวคิดว่า ‘กูว่า...บ้านกูกับบ้านมึงกำลังเล่นอะไรกันอยู่แน่ ๆ’
แต่ถ้าเฮียจะจับสังเกตไม่ได้ก็ไม่ใช่เื่แปลก เพราะเพื่อนสนิทไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร มันมักจะปล่อยผ่านเื่เล็กน้อยเสมอ และไม่ค่อยสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนเขา
อีกอย่างที่สำคัญ
เฮียเป็คนที่รักและไว้ใจคนในครอบครัวมาก
มันไม่มีทางสงสัยอะไรคนในครอบครัวหรอก
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักและไม่ไว้ใจคนในครอบครัวตัวเอง ถึงได้คิดสงสัยแม่และน้องสาวั้แ่เื่โทรศัพท์หาย แต่เพราะเรียวคิดว่า ‘ครอบครัวเราสองคน...ไม่ธรรมดาหรอก’ มันจึงเป็เหตุผลที่ทำให้เขาคิดแบบนั้น
“เรียว”
“ครับม้า”
“ขอบคุณที่มาส่งเฮียนะจ๊ะ”
“ไม่เป็ไรครับ ผมยินดี”
“ยินดีเอาไปดูแลตลอดชีวิตเลยไหมจ๊ะ?”
“ม้า! พูดอะไรอะ?” เพื่อนสนิทแหวขึ้น
“ม้าแค่หยอกเล่นเอง ทำจริงจังไปได้ เฮีย”
เรียวหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนเอ่ย “ถ้าป๊าม้าอนุญาต ผมก็ยินดีครับ”
“ไอ้เรียว! มึงก็อีกคน”
“หึ ๆ” พ่อของเพื่อนสนิทหัวเราะในลำคอ คล้ายชอบใจคำตอบ
“นี่ก็ดึกแล้ว พวกเราเข้าบ้านกันดีไหม จะได้ปล่อยให้เรียวกลับบ้านไปพักผ่อนด้วย” พี่สาวเสนอขึ้น
“ดี ๆ” เฮียเม้งเอ่ยสมทบ
“ขับรถกลับดี ๆ นะเรียว”
“ขอบคุณครับป๊า” เรียวเอ่ยตอบ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ทุกคนอีกรอบเพื่อบอกลา “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“จ้า...เดินทางปลอดภัยลูก”
“ขอบคุณครับม้า”
แม่ของเพื่อนสนิทส่งยิ้มให้พลางพยักหน้าเบา ๆ เรียวหันไปมองเฮียที่ยืนมองเขาอยู่ เ้าตัวยกมือขึ้นโบกลา ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา
“ถึงแล้วไลน์มาบอกกูด้วยนะ”
“อือ”
เขาเอ่ยตอบพลางพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วในจังหวะที่กำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ เรียวก็หันกลับไปมองเพื่อนสนิทอีกครั้ง
พลางคิดว่า...
ฝันดี ไอ้คนน่ารัก
#รักแท้ของผมคือคุณ
เมื่อประตูรั้วเหล็กเลื่อนเปิดอัตโนมัติ รถเบนซ์คันสีขาวก็เคลื่อนเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ราว ๆ สามไร่ คนที่อยู่หลังพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณหน้าบ้าน ก่อนจะลงจากรถแล้วฝากให้คนขับรถของบ้านขับรถไปจอดในที่ประจำให้
คนตัวสูงที่สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมกางเกงยีนสีขาวสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน และเมื่อเดินมาถึงบริเวณห้องนั่งเล่นก็เห็นแม่กับน้องสาวนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ทันทีที่ณรินทร์เหลือบมาเห็นเขา เ้าตัวก็สะกิดแขนแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“มะ ม้าคะ เฮียเรียวมาแล้วค่ะ”
ผู้เป็แม่กดรีโมตปิดโทรทัศน์ทันที ก่อนเอ่ย “จ้ะ”
เรียวไม่ได้เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาใกล้ ๆ ทั้งสองคน เขาก้าวเท้าไปหยุดยืนตรงหน้าทั้งสองคนแทน แต่อยู่ในระยะห่างกำลังดี ดวงตาเรียวยาวคล้ายเหยี่ยวจ้องมองแม่กับน้องสาวอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“กำลังทำอะไรกันอยู่คะ?”
“ที่รินทร์ต้องเอาโทรศัพท์เฮียเรียวไปซ่อนก็เพราะว่าม้าสั่ง รินทร์แค่ทำตามคำสั่ง เฮียเรียวอย่าโกรธรินทร์นะคะ”
“อ้าว...ทำไมณรินทร์โยนให้ม้าคนเดียว พวกเราร่วมมือกันด้วยความเต็มใจไม่ใช่เหรอ?”
“พวกเรา?” เรียวยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก ก่อนย้ำถามด้วยเสียงที่เข้มขึ้น
“...”
“ในคำว่า ‘พวกเรา’ มีใครอยู่บ้างครับ?”
“เอ่อ...” แม่เอ่ยเสียงแ่
“ม้าครับ...กำลังทำอะไรกันอยู่?”
“ถ้าเรียวอยากได้คำตอบ...งั้นก็ต้องตอบพวกเรามาก่อนว่า ‘รักเฮียมากกว่าเพื่อน’ ใช่ไหม?”
ประโยคคำถามที่สร้างความใให้เขาไม่ได้เกิดจากแม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้า หากแต่เป็พ่อที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ผู้ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานและมีความน่าเกรงขามทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ ภรรยา ก่อนพยักพเยิดหน้ามาทางลูกชายอย่างเขาเพื่อขอคำตอบ เรียวยอมรับว่าใไม่น้อยที่ได้ยินคำถามนั้นจากพ่อตัวเอง ถึงแม้เขาจะคิดว่าทุกคนน่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติในความสัมพันธ์ของเราสองคนได้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะถามกันตรง ๆ แบบนี้
และในเมื่อคำตอบชัดเจนอยู่ในใจแล้ว เรียวจึงตัดสินใจยอมรับความจริงกับครอบครัว...
“ครับ เรียวรักเฮียมากกว่าเพื่อน”
“นั่นไง...เป็อย่างที่พวกเราคิดไว้ไม่มีผิดเลยณรินทร์” แม่หันไปพูดกับน้องสาว
พ่อพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “ถ้าเรียวยอมรับตรง ๆ แบบนี้ ป๊าก็จะตอบให้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่”
“…”
“พวกเรากำลังพิสูจน์ให้รู้ว่าเฮียก็รักเรียวมากกว่าเพื่อนเหมือนกัน”
“อะ อะไรนะครับ?”
ใช่...เขาได้ยินชัดเจนแล้ว แต่แค่ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เรียวจึงทวนถามใหม่เพื่อความแน่ใจ และพ่อก็ตอบด้วยการพยักหน้า
“เรียวได้ยินไม่ผิดหรอก”
“...”
“พวกเราอยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่าเพื่อนสนิทของเรียว...ก็คิดไม่ซื่อกับเรียวเหมือนกัน”
“แต่แค่ไม่น่าจะรู้ตัวค่ะ” ณรินทร์เอ่ยสมทบ
ผู้เป็แม่ที่นั่งอมยิ้มอยู่เอ่ยขึ้น “แล้วที่เรียวถามม้าว่ามีใครอยู่ในคำว่า ‘พวกเรา’ บ้าง”
“...”
“ม้าไม่อยากบอกตอนนี้ แต่ม้าอยากให้เรียวไปเห็นด้วยตาตัวเองพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้?”
“ใช่จ้ะ พรุ่งนี้พวกเรามีนัดประชุมกันที่ร้าน Your Sky”
“โอ้โห ม้าพูดมาขนาดนี้แล้ว เรียวก็พอจะเดาได้แล้วว่ามีใครบ้าง”
“ม้าบอกได้แค่ว่า...แม่ของเฮียเป็คนริเริ่มแผนการทั้งหมด”
“ถ้าอยากรู้เื่ทั้งหมด เรียวก็ต้องไปที่ร้าน Your Sky ตอนเก้าโมงเช้า” ป๊าเอ่ยขึ้น
“...”
“ตอนแรกพวกเราวางแผนจะให้หมื่นฟ้าเรียกเรียวไปที่ร้าน แต่เรียวดันมาจับได้ซะก่อน งั้นก็ไม่ต้องล่อให้ไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ต่างคนต่างขับรถไปเองนะ”
“แต่ณรินทร์ไม่ได้ไปร่วมประชุมด้วยนะคะ เพราะว่าติดเรียนค่ะ”
“ณรินทร์ไปเรียนเถอะลูก เดี๋ยวม้ากลับมาเล่าแผนการให้ฟังเอง”
“โอเคเลยค่ะ” น้องสาวพูดพร้อมทำท่า ‘โอเค’ ก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใส
“เรียว...”
“ครับป๊า”
“ถ้าอยากได้เพื่อนสนิทเป็แฟน...ก็ห้ามบอกเื่นี้ให้เฮียรู้เด็ดขาด”
“…”
“ถือว่าป๊าเตือนแล้วนะ”
“ใช่ค่ะ เฮียเรียวห้ามบอกเื่นี้ให้พี่เฮียรู้นะคะ ทุกคนอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้ว อย่าทำแผนแตกนะคะ”
เรียวยืนนิ่งอึ้งไปขณะมองทุกคนที่จ้องมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้ว่าเขาจะพอคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่คำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัยให้อย่างกระจ่างแจ้งก็สร้างความใให้ไม่น้อย นั่นเพราะเรียวไม่คิดว่าทุกคนจะให้ความสนใจกับเื่นี้มากขนาดนี้ และไม่อยากเชื่อว่าทุกคนจะร่วมทำกันเป็ขบวนการแบบนี้
เรียวไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หลังจากที่ได้ล่วงรู้เื่ลับสุดยอดไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว เขาก็ต้องยอมรับว่า...ตัวเองก็คงเป็อีกหนึ่งผู้ร่วมขบวนการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรียวพยักหน้าน้อย ๆ เพื่อรับปากทุกคน ก่อนเอ่ยถาม...
“อาม่า...”
“…”
“…รู้เื่นี้ด้วยใช่ไหมครับ?”
ผู้เป็พ่อพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “อือ”
“...”
“อาม่ารู้แล้ว...”
“...”
“ป๊าคิดว่าเรียวคงอยากคุยกับอาม่าเื่นี้นะ”
“...”
“ไม่ได้หมายถึงเื่แผนการ แต่หมายถึงเื่ที่เรียวเจอคนที่ถูกใจแล้ว”
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ทำเพียงแค่พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “ตอนนี้อาม่าน่าจะหลับไปแล้ว”
“...”
“ไว้เรียวค่อยคุยกับอาม่าพรุ่งนี้ดีกว่า”
“อือ”
“งั้นเรียวขอตัวก่อนนะครับ”
“จ้ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะลูก”
ลูกชายคนโตอย่างเขาพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ระหว่างก้าวเดิน ความคิดว่า ‘เื่ที่รู้มาวันนี้ก็ว่าพีคแล้ว พรุ่งนี้จะพีคกว่าเดิมไหมวะ?’ ก็ผุดขึ้นในหัว เรียวส่ายหัวเล็กน้อยพลางลอบถอนหายใจ ก่อนสายตาจะเหลือบไปมองประตูห้องของอาม่า
เท้าข้างหนึ่งที่ก้าวไปเหยียบบนขั้นบันไดไม้สีน้ำตาลมันวับหยุดชะงักงัน ดวงตาเรียวยาวยังคงจับจ้องอยู่ที่ประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกแกะสลักเป็รูปดอกท้ออย่างสวยงามอยู่แบบนั้น
เรียวรู้ดีว่าอาม่าคาดหวังกับหลานคนโตอย่างเขามากแค่ไหน แน่นอนว่าท่านอยากให้เขามีภรรยาคอยอยู่เคียงข้างและดูแลกันไปจนแก่เฒ่า มีลูกมาเติมเต็มครอบครัว นั่นหมายความว่าอาม่าอยากให้หลานตัวเองมี...ครอบครัวที่สมบูรณ์
แต่เรียวได้เลือกแล้วว่า...ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ได้หมายถึงการมีภรรยาเป็ผู้หญิง มีลูก ๆ มาเป็สักขีพยานรัก หากแต่ครอบครัวที่สมบูรณ์ของเขาหมายถึง ‘ผมก็แค่อยากมีเฮียอยู่เคียงข้าง...ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ’
แค่นั้นเลย...
เพราะเรียวไม่เคยทำให้อาม่าผิดหวังหรือเสียใจเลยสักครั้ง นั่นจึงทำให้เขารู้สึกหนักใจมากในตอนนี้ เพราะเขาคิดว่า ‘บางที...สิ่งที่หลานคนนี้เลือก มันอาจจะทำให้อาม่ารู้สึกผิดหวัง’ แม้จะรู้ว่าสักวันจะต้องเปิดเผยเื่นี้กับอีกฝ่าย แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ...
มันก็...
รู้สึกหนักใจจนพูดไม่ออก
คนตัวสูงนิ่งเงียบอยู่สักพักเพื่อคิดไตร่ตรอง ก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าเดินไปที่ห้องนอนของอาม่าที่อยู่ชั้นล่างแทน เขาก้าวเท้ามาหยุดยืนที่หน้าประตูไม้แกะสลัก ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูเพื่อขออนุญาต
ก๊อก ๆ
“อาม่า...หลับหรือยังครับ?”
ยืนรอเพียงชั่วครู่ คนที่อยู่อีกฝั่งของประตูก็ขานรับเสียงดัง
“อาม่ายังไม่นอน เข้ามาสิ”
มือหนายื่นไปจับลูกบิดประตูไว้ แต่ยังไม่เปิดประตูเข้าไป คล้ายว่าอยากขอเตรียมตัวอีกสักนิดก่อน เรียวพรูลมออกจากปาก ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไป
ทันทีที่ประตูแง้มเปิดออก เขาก็เห็นเ้าของผมสีดอกเลานั่งดูอัลบั้มรูปถ่ายอยู่บนเตียงนอน ประตูไม้บานใหญ่ถูกปิดลงอย่างเบามือ เรียวสาวเท้าเข้าไปใกล้อาม่า ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ท่าน
“เรียวคิดว่าอาม่านอนแล้ว”
“ความจริงอาม่าก็ควรนอนแล้ว แต่เพราะอาม่ารู้ดีว่าวันนี้หลานจะต้องมีเื่ร้อนใจที่อยากคุยกับอาม่า...” ท่านเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนพลางส่งยิ้มให้เขา “...อาม่าก็เลยอยู่รอคุยกับเรียวไง”
ตอนนี้นับเป็จังหวะที่ดีที่ควรจะเริ่มพูดเื่นี้กับอาม่า แต่เรียวกลับไม่เอ่ยอะไรออกไป เขาหลุบตาลงมองอัลบั้มรูปถ่ายที่วางอยู่บนตักของอาม่าแทน
“ณรินทร์ตอนไปเที่ยวสวนสัตว์” พูดพลางมองรูปของน้องสาวในวัยเด็ก
“ใช่ ๆ ตอนนั้นณรินทร์ชอบไปสวนสัตว์มาก” อาม่าพูดปนหัวเราะ ก่อนจะเปิดหน้าถัดไป เราสองคนดูอัลบั้มรูปถ่ายของครอบครัวไปเรื่อย ๆ แล้วก็หัวเราะกันเบา ๆ เมื่อเห็นรูปของเขาและน้องสาวตอนเด็ก ๆ
“ใครเอาแว่นอันนี้ให้เรียวใส่ครับอาม่า?”
“ป๊าของเรียว เขาบอกว่าอยากให้ลูกเท่”
เรียวเผยรอยยิ้มเบา ๆ ขณะมองภาพถ่ายพวกนั้น ก่อนที่หน้าถัดไปของอัลบั้มจะทำให้เขารู้สึกกลืนน้ำลายลงคอยากลำบากมากขึ้น
แต่เป็เพราะเรียวรู้ดีว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีใครสามารถหลบหนีความจริงไปได้ตลอด เขาจึงตัดสินใจเอ่ยออกไป...
“อาม่าครับ...”
“...” อาม่าไม่ได้ขานรับ ท่านทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง
“อาม่าคงจะรู้เื่ของเรียวมาบ้างแล้ว”
“…”
“แต่เรียวก็อยากมาบอกอาม่าด้วยตัวเองอีกครั้ง”
“…”
“เรียวเจอคนที่ถูกใจแล้ว”
“…”
“แล้วคนคนนั้นก็คือ ‘เฮีย’ ”
“...”
“เรียวแอบรักเฮียมานานแล้วครับ”
“...”
“เรียวขอโทษนะอาม่า”
“...”
“ขอโทษที่อาจจะทำให้อาม่าผิดหวัง”
“...”
“ขอโทษที่สุดท้ายแล้ว...สิ่งที่เรียวเลือกจะทำให้อาม่าเสียใจ”
“...”
เรียวสบตากับดวงตาคู่เดิม...ที่มองเขาด้วยความรักและความหวังดีเสมอมา อาม่ายังคงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะก้มหน้ามองอัลบั้มรูปภาพอีกครั้ง แล้วในหน้าสุดท้ายของอัลบั้มรูปก็มีรูปที่เรียวไม่เคยเห็นมาก่อนติดอยู่ในนั้น
มันเป็รูปภาพที่เขาถ่ายรวมกับครอบครัวและญาติ ๆ และแน่นอนว่ามีเพื่อนสนิทอยู่ร่วมด้วย เขาจะไม่แปลกใจเลย...ถ้ามันเป็รูปครอบครัวที่ทุกคนพร้อมใจกันมองกล้อง เพราะเขาเคยเห็นรูปนั้นนับร้อยครั้งแล้ว
แต่ทว่ารูปนี้...กลับมีเขาเพียงคนเดียวที่ไม่ได้หันมองกล้อง แต่เขากำลังมองคนข้างกายอย่างเพื่อนสนิทอยู่ และนั่นทำให้เรียวคิดว่า...
บางที...
อาม่าอาจจะรู้มานานแล้ว
“ภาพนี้น่ะ...ตากล้องบอกว่าเผลอกดถ่ายแบบไม่ตั้งใจ”
“...”
“เขาเกือบจะลบทิ้งแล้ว...แต่อาม่าดันโทรไปหาเขาซะก่อน แล้วก็บอกว่าให้เอาทุกรูปมาให้เลือกก่อน ห้ามลบรูปไหนเด็ดขาด”
“...”
“เขาก็เลยยังไม่ได้ลบรูปนี้”
“…”
“เรียวเชื่อไหม? ...ตอนที่อาม่าเห็นรูปนี้ครั้งแรก อาม่าก็รู้เลย”
“…”
“แต่เพราะอาม่าเคยอยู่ในยุคที่ไม่เข้าใจความรักในรูปแบบอื่นนอกจากผู้หญิงกับผู้ชาย อาม่าก็เลยไม่ยอมรับความจริง”
“…”
“อาม่าเอาแต่คิดว่า...ไม่จริงหรอก”
“...”
“เรียวก็เป็ผู้ชาย แล้วเฮียก็เป็ผู้ชาย จะรักกันได้ยังไง”
“...”
“อาม่าไม่ยอมรับความจริงอยู่นานมาก จนกระทั่งวันหนึ่งอาม่าเห็นเรียวเป็ทุกข์เพราะเฮียโดนแฟนนอกใจ”
“...”
“ตอนนั้นแหละ...” อาม่าเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ก่อนเอ่ยต่อ “...ที่อาม่านึกถึงตัวเองตอนเสียอากงไปใหม่ ๆ”
“...”
“มันเหมือนโลกของเรากำลังจะมืดดับ เพราะดวงอาทิตย์ของเราหายไปแล้ว”
“…”
“หลังจากนั้นอาม่าถึงได้ยอมรับว่า...ไม่ว่าจะเป็ผู้ชายกับผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิง หรือใครกับใครก็ตาม”
“...”
“ถ้ามีความรักเกิดขึ้นในใจแล้ว...ยังไงก็คือความรัก”
“...”
“อาม่าก็เลยคอยเอาใจช่วยเรียวมาตลอด แล้วตอนนี้อาม่าก็เข้าร่วมขบวนการกับทุกคนด้วยนะ” อาม่าพูดปนหัวเราะ แล้วจู่ ๆ ท่านก็น้ำตาไหลออกมา อาม่ายกมือข้างหนึ่งปาดคราบน้ำตาลวก ๆ ก่อนเอ่ย “...เฮ้ออ คนแก่นี่นะ อ่อนไหวง่ายจริง ๆ เลย”
เรียววาดแขนทั้งสองข้างโอบกอดคนตรงหน้าไว้ แล้วเขาก็รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา นั่นคงเป็เพราะเขารู้สึกซาบซึ้งเป็อย่างมาก
“ขอบคุณนะครับอาม่า”
อาม่ากอดตอบ ก่อนจะใช้มือลูบหลังเขาเบา ๆ “เรียว...สิ่งที่เรียวทำมันไม่ใช่เื่ผิดเลย”
“...”
“หลานไม่ต้องขอโทษอาม่าหรอก แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย”
“...” เรียวพยักหน้าพลางเก็บกลั้นทุกความรู้สึกเอาไว้
“หลานไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
“เรียวรู้ครับ...รู้มาตลอดว่าการรักเพศเดียวกันไม่ใช่เื่ผิด”
“...”
“แต่เรียวแค่กลัวว่าความไม่เข้าใจจะทำให้อาม่ารู้สึกผิดหวัง”
“...”
“พอเรียวรู้ว่าอาม่าเข้าใจเื่นี้...” เรียวกระชับวงแขนกอดอาม่าแน่นขึ้น ก่อนเอ่ย “…เรียวก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเลย”
“...”
“แล้วเรียวก็อยากขอบคุณอาม่าอีกครั้ง ขอบคุณที่รักและเลี้ยงเรียวมาเป็อย่างดีนะครับ”
“เรียว...”
“…”
“จนถึงตอนนี้...เรียวก็ยังไม่เคยทำให้อาม่าผิดหวังและเสียใจเลย”
“...”
“ขอบคุณที่เป็เด็กดีของอาม่านะ”
“...”
“แล้วก็ขอบคุณที่เกิดมาเป็หลานของอาม่า”
เรียวพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนเอ่ย “เรียวรักอาม่านะครับ”
“อาม่าก็รักเรียว”
ขอบคุณ
ขอบคุณจริง ๆ ที่ทุกคนเข้าใจ
และพร้อมอวยพรให้กับความรักของผม
TBC
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้