อวิ๋นซีส่ายหน้าตอบ“ก็แค่กำลังคิดว่า รอจนบิดากลับมาแล้ว ข้าควรคาดคั้นเอาความเื่นี้กับเขาอย่างจริงจังจะดีหรือไม่เพราะข้าอยากรู้ว่าเขาไปทำอันใดอยู่ด้านนอกนั่นกันแน่” เมื่อพูดจบนางก็มองไปยังบุรุษข้างกาย “ท่านก็ด้วย หากข้ารู้ว่าท่านให้องครักษ์ัโลหิตไปสืบเื่ของบิดาข้ามาแล้วแต่กลับจงใจไม่บอกข้า ต่อไปนี้ท่านก็ไปนอนที่ห้องหนังสือเสีย”
“ชายารักฮูหยิน เื่นี้ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับข้ามากหรอกกระมัง เหตุใดไฟโกรธของเ้าถึงได้ละลงบนตัวข้าด้วยเล่า? ” ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก เขาคงไม่สัญญากับอีกฝ่ายว่าจะช่วยปกปิดให้เพียงเพราะเห็นว่าอวิ๋นซานเป็บิดาของสตรีของเขาแม้ในใจเองก็มีความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
ตอนนี้ดียิ่งฮูหยินของเขาพูดแล้วว่า หากเขารู้แล้วไม่บอก ตนก็ต้องย้ายไปนอนในห้องหนังสือเดิมทีแต่งงานกันมาจนถึงตอนนี้ก็หลายเดือนแล้ว เื่ที่เขาไม่ได้เข้าหอกับนางก็ถือเป็เื่ที่น่าอนาถมากพออยู่แล้วตอนนี้ยังต้องถูกขับไล่ไปนอนห้องหนังสืออีก? นี่ยังมีเหตุผลอยู่หรือไม่เล่า
“ไม่เกี่ยวข้องหรือ? ” อวิ๋นซีสาดสายตาเ็าไปทางเขา “คนผู้นั้นเป็ถึงบิดาข้าหากเขาจะต้องพบเจอกับเื่ใดขึ้นมาจริงๆ โดยที่ท่านเองก็รู้จริงเท็จอยู่แล้วแต่กลับไม่บอก ข้าจะไม่ให้อภัยท่านไปชั่วชีวิต” นางมิได้ล้อเล่น ด้วยเื่นี้นางรู้สึกอยู่ลึกๆว่าเื่ที่บิดาแอบไปทำอย่างลับๆ นั้นจะต้องไม่ธรรมดา หรือหากจะพูดโดยง่ายก็คือฐานะของบิดาย่อมไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น
ในจุดนี้เ้าของร่างเดิมมิได้สงสัย แต่ตัวนางสงสัย เพราะอวิ๋นซานนั้น แค่ดูก็รู้แล้วว่ามิใช่หมอธรรมดาๆถึงแม้วิชาแพทย์ของเขาจะสูงส่ง แต่กลิ่นอายที่แอบซ่อนไว้บนร่างนั้นก็หลอกใครไม่ได้
“อาซี”จวินเหยียนได้ยินนางพูดประโยคที่จริงจังเช่นนี้ออกมาก็อดตอกกลับด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่ได้“หรือเ้าจะเอาจริงเอาจังกับข้าเพียงเพื่ออวิ๋นซานผู้นั้นคนเดียว อีกประการเปิ่นหวางมิได้บอกเ้าไปแล้วหรือว่า ข้าได้ส่งคนไปปกป้องอยู่ข้างกายเขาแล้ว”
“จริงหรือ? ” จู่ๆ อวิ๋นซีก็ยิ้มแล้วเขยิบเข้าไปใกล้เขาในดวงตาแวววาวที่จดจ้องเขาอยู่คู่นั้นราวกับล่วงรู้ในทุกสิ่งอย่างอย่างทะลุปรุโปร่งก็ไม่ปาน
จวินเหยียนหันกายไปคลับคล้ายกำลังหลบเลี่ยงบางอย่างอยู่และเป็นานถึงได้พูดขึ้น “จริง แน่นอนอยู่แล้ว”
“เกรงว่าจะไม่ได้ให้คนไปปกป้องบิดาข้าจริงๆส่วนคนที่ทำหน้าที่ปกป้องเขาที่ว่านั้นก็น่าจะเป็คนของเขาเองกระมัง” อวิ๋นซีขบคิดและคิดได้ว่าคงมีเพียงความเป็ไปได้นี้เท่านั้น “ตกลงว่าบิดาข้าปกปิดอันใดไว้กันแน่ท่านรู้ เขาก็คงจะรู้ดีกว่า พวกท่านกำลังรวมหัวกันปิดบังข้าอยู่ จวินเหยียน ท่านทำข้าผิดหวังจริงๆท่านก็รู้นี่ว่า เขาสำคัญกับข้ามากแค่ไหน ดังนั้น หากบิดาข้าเกิดเื่อันใดขึ้นจริงๆข้าบอกแล้วว่าจะไม่อภัยให้ท่านก็ย่อมหมายความเช่นนั้น ข้าจะไม่อภัยให้ท่านอีก”
เมื่อพูดจบอวิ๋นซีก็เดินออกไป ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้นางก็ไม่อยากเห็นบุรุษผู้นี้ ก่อนนี้นางได้สูญเสียอะไรไปมากมายเกินไปแล้วดังนั้น ญาติสนิทข้างกายที่หลงเหลืออยู่ก็มีแค่หวานหว่านและอวิ๋นซานส่วนจวินเหยียนนั้น บางทีอาจนับได้ว่าเป็คนหนึ่งที่สำคัญมากแต่เมื่อเทียบกับหวานหว่านและอวิ๋นซานแล้ว จวินเหยียนก็ยังมีข้อแตกต่างอยู่จริงๆ
“อวิ๋นซี ตอนนี้สถานะของข้าในหัวใจเ้าเป็อย่างไรกันแน่?เป็เพียงผู้ร่วมมือกันเท่านั้นจริงๆ หรือ? แต่งงานกันมานานเพียงนี้จิตใจเด็ดเดี่ยวของเ้าไม่เคยสั่นไหวเพราะข้าเลยจริงๆ น่ะหรือ ไม่แม้แต่นิด? ”จวินเหยียนมองเงาหลังอันเด็ดขาดของนาง ถึงแม้เขาเองจะพยายามบอกกับตนเองว่า กาลก่อนนางต้องสูญเสียญาติในตระกูลเฉียวไปมากมายเพียงนั้นดังนั้น นางจักต้องให้ความสำคัญกับบิดาอวิ๋นซานผู้นี้มาก ทว่า ตัวเขาเองก็ใส่ใจนางเพียงนี้แน่นอนว่าย่อมต้องคาดหวังพื้นที่ในใจนางที่ไม่ว่าจะกี่มากน้อยก็ควรต้องมีตนอยู่บ้าง
เหตุใดในสายตาของนางถึงไม่เคยเห็นเขา? เพราะอะไร?
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำของจวินเหยียนก็ถึงกับชะงักฝีเท้าในใจนางไม่มีจวินเหยียนจริงหรือ? ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น ในใจนางมีเขาอยู่
“ไม่ว่าจะท่านหรือบิดาข้า รวมถึงหวานหว่าน ข้าล้วนไม่อยากเห็นผู้ใดถูกทำร้ายทั้งนั้น จวินเหยียนหากเพราะการรู้แล้วไม่บอกของท่าน ทำให้บิดาข้ามีอันตราย แล้วท่านยังจะหวังให้พวกเราอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างไร? ”
เมื่ออวิ๋นซีพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อจวินเหยียนได้ยินชั่วขณะนั้นก็อึ้งไป นางบอกว่า ไม่อยากให้ตนเอง หวานหว่าน หรืออวิ๋นซานเกิดเื่ใดขึ้นทั้งนั้นนี่จะเป็การแสดงออกหรือไม่ว่า แท้จริงแล้วในใจนางยังมีเขาอยู่ด้วยอีกคน? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จวินเหยียนก็รู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง
ถึงแม้การปกปิดความลับให้อวิ๋นซานจะสำคัญมากแต่ว่าภรรยาก็สำคัญกว่านี่ เมื่อครุ่นคิดถึงเื่นี้ให้ดีแล้วจวินเหยียนก็รีบก้าวเท้าไล่ตามไปยังทิศทางของอวิ๋นซี เื่ของพ่อตาแน่นอนว่าไม่สำคัญมากไปกว่าภรรยา
จวินเหยียนตามอวิ๋นซีออกไปและรั้งนางไว้ได้ทัน ยามนี้พวกเขาหยุดอยู่ด้านนอกไม่ไกลจากประตูสวนชิงเฟิงมากนัก ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะคิดก็อุ้มคนขึ้นมาเลยจากนั้นจึงเดินมุ่งหน้ากลับเข้าไปยังสวนชิงเฟิง “อย่าโกรธอีกเลย สามีผิดไปแล้วข้าจะบอกเื่บิดาเ้าแก่เ้า”
อวิ๋นซีที่เดิมทียังคิดจะดิ้นรนเมื่อได้ยินคำของเขาแล้วก็ใจเย็นลง“วางข้าลง ข้าเดินเองได้” หากถูกคนอื่นเห็นเข้า เข้าท่าที่ไหนกัน
“เปิ่นหวางอุ้มสตรีของตนเองใครจะกล้าว่าอันใด? อีกทั้ง คนในสวนชิงเฟิงนี้ล้วนเป็สาวใช้รับใช้เ้าหากพวกนางได้เห็นเปิ่นหวางรักเ้าเช่นนี้ มีแต่จะดีใจแทนเ้า”
“คนสารเลวจะพูดจะจาอะไรก็ล้วนสารเลว”อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็า “ท่านควรจะพูดว่า คนในสวนชิงเฟิงนี้ล้วนเป็คนของท่านทั้งสิ้นต่างหาก”
“สตรีโง่งม”เขาจุมพิตหน้าผากนางเบาๆ “นับแต่วันแรกที่พวกนางติดตามเ้า พวกนางก็ถือเป็คนของเ้าแล้วไม่ว่าคนจะเป็จะตายล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเปิ่นหวาง” การที่นางยังคงแบ่งแยกเื่ของเขาและตัวนางอย่างชัดเจนอยู่เช่นนี้ดูท่ายามนี้น่าจะมีบางเื่ที่ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว
คนทั้งสองกลับเข้ามาในห้องในสวนชิงเฟิงเขาวางคนลงบนตั่งกุ้ยเฟย จากนั้นก็ยันกายมองอวิ๋นซี “อาซี จริงๆแล้วบิดาของเ้าไม่ใช่หมอธรรมดา แต่ควรพูดว่า เขาเป็พ่อค้าสมุนไพรเ้าใหญ่ที่สุดในดินแดนตะวันตก”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำของจวินเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจยิ่ง“จวินเหยียน ท่านบอกว่าบิดาข้าเป็พ่อค้าสมุนไพรเ้าใหญ่ที่สุดในดินแดนตะวันตกหรือ? ” ด้วยเื่นี้ นางไม่เคยรู้มาก่อนแม้แต่น้อย
“ถูกต้อง”จวินเหยียนพยักหน้า “เกรงว่าเ้าคงยังไม่รู้กระมังว่าสินเดิมที่บิดาเ้าให้เ้าติดตัวมามีเท่าใด”
อวิ๋นซีส่ายหน้านางไม่ได้ใส่ใจเื่เหล่านี้มากนัก เพราะยามนั้นที่ต้องแต่งงาน ทุกอย่างก็ถูกจัดขึ้นอย่างรีบเร่งและแม้ในตอนหลังเพ่ยเอ๋อร์จะเคยถามว่า นางจะจัดการของหมั้นสินเดิมทั้งหลายด้วยตัวเองหรือไม่เดิมทีนางคิดว่า สินเดิมพวกนั้นคงไม่ได้มากมายอะไร อย่างไรเสียบิดาตนก็มีชีวิตที่เรียบง่ายมาโดยตลอดดังนั้น สินเดิมที่มีให้นางก็ไม่น่าจะมีมากมาย
ด้วยเหตุนี้นางจึงยกให้พ่อบ้านเฉียวช่วยจัดการดูแลไปเลยทั้งหมด ทว่า ตอนนี้จวินเหยียนกลับถามเช่นนี้หรือว่า สินเดิมที่บิดาให้นางจะมีอยู่มาก?
“สินเดิมที่บิดาเ้าให้ไว้หากหักลบนับเป็เงินก็มีมากถึงสามแสนตำลึง” จวินเหยียนลูบจมูกนางเ้าเด็กมึนงงไม่รู้ความนี่ เื่สำคัญเพียงนี้ก็ยังไม่รู้ “ยิ่งกว่านั้น จริงๆแล้ว หลายปีมานี้สามีของชีเหนียงผู้นั้นทำหน้าที่ช่วยบิดาเ้าดูแลร้านขายสมุนไพร ทว่าหลังจากที่เขาป่วยเื่มากมายล้วนเป็บิดาเ้าที่ต้องไปจัดการด้วยตนเอง ทั้งยังต้องปิดบังเ้าไว้อีกด้วยข้าเดาว่าหลายปีมานี้ที่เขาไม่ยอมออกไปจากหานโจว เหตุผลส่วนใหญ่คงเพราะเขา้าอยู่เป็เพื่อนเ้าเฝ้าดูเ้าเติบโต ทว่า ตอนนี้เ้าเติบใหญ่แล้ว มิหนำซ้ำยังแต่งงานแล้ว ดังนั้นนี่อาจถึงเวลาที่เขาควรต้องไปทำเื่ของตนเอง”
“หึหึ” อวิ๋นซีอดหัวเราะออกมาไม่ได้“ข้าไม่เคยรู้เลยว่า จริงๆ แล้วตนเองเป็ถึงคุณหนูตระกูลร่ำรวย และที่แท้พ่อค้าสมุนไพรเ้าใหญ่ที่สุดในดินแดนตะวันตกนี่ก็เป็บิดาข้าเองด้วยเื่นี้ดูเหมือนว่า คราวก่อนที่ชีเหนียงพูดว่าท่านพ่อไปทำการค้าสมุนไพรอันใดนั่นจะต้องเป็คำพูดคลุมเครือที่ให้ความหมายสองแง่เป็แน่ เพราะนางย่อมต้องรู้เื่ทั้งหมดของบิดาเพียงแต่ยังคงคิดจะปิดบังข้าไว้ก็เท่านั้น”