เซวียเสี่ยวหรั่นไหนเลยจะสนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ยากนักที่จะได้ออกมาสักรอบ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องซื้อของให้ครบถ้วน
ท้ายหมู่บ้านกับปากทางเข้าหมู่บ้านอยู่ไกลกันมาก ไม่ได้มาง่ายๆ
เธออยากซื้อพู่กันหมึกกระดาษและแท่นฝนหมึก แต่กลับพบว่าแผงขายของจิปาถะเหล่านี้ไม่มีขาย พอสอบถามถึงรู้ว่าของแบบนั้นราคาสูง ร้านค้าเล็กๆ แบบนี้ไม่มีอยู่แล้ว
"หากต้าเหนียงจื่ออยากซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก ต้องรอท่านพ่อเข้าเมืองหรือมีตลาดนัดครั้งหน้า ค่อยไหว้วานให้เขาช่วยเป็ธุระให้" ซีมู่เซียงรีบบอก
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า "ต้องรบกวนท่านลุงซีแล้วล่ะ"
ซีมู่เซียงเล่าว่า ตลาดนัดใหญ่ที่สุดของละแวกนี้อยู่ที่หมู่บ้านลิ่วไผ ไม่ไกลจากขู่หลิ่งถุนมากนัก เดินไปใช้เวลาประมาณสองเค่อ หากนั่งเกวียนก็หนึ่งเค่อเท่านั้น
รอมีเวลาว่างก่อน เธอจะต้องไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย แน่นอนว่าไม่ใช่ยามนี้
เพราะตอนนี้เธอยังยุ่งมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นเองไม่สามารถใช้พู่กัน หมึก กระดาษ แท่นฝนหมึก แต่เธอคิดว่าเหลียนเซวียนน่าจะใช้ได้
ลายมือของเขาสวยขนาดนั้น ไม่เขียนเยอะๆ ก็น่าเสียดาย
นึกถึงคืนนั้น มือใหญ่เห็นข้อนิ้วชัดเจนจับพู่กันตวัดอย่างอิสรเสรี ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นก็หรี่เป็วงโค้ง
ซื้อของมาได้กองใหญ่ ซีหย่วนกับซีมู่เซียงช่วยแบ่งเบาภาระของเธอได้ไม่น้อย
เดินไปอีกไม่กี่ก้าว ก็มาถึงแผงเนื้อแห่งเดียวของหมู่บ้าน
แผงเนื้อตั้งอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ผนังกำแพงปูด้วยแผ่นกระเบื้องสีเทา แลดูหรูหรางดงามเป็พิเศษ
"ท่านลุงอาควาน" ซีมู่เซียงยืนลังเลที่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะะโเรียกชายที่กำลังยุ่งอยู่ข้างใน
"มู่เซียง ไม่เจอกันนานเลยนะ เมื่อวานพี่ชายเ้าเพิ่งมาเอาเนื้อไปสองชั่ง วันนี้จะเอาอีกหรือ"
ลุงอาควานอายุประมาณสี่สิบปี รูปร่างไม่สูง แต่ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ คิ้วหนาตาดุ แลดูแข็งแรงมาก
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แม้ครอบครัวของซีต้าเฉียงจะมีฐานะดีหน่อย แต่เพราะต้องหาส่งหลานชายเรียนในสำนักศึกษา ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย แค่มีเนื้อกินสม่ำเสมอก็ถือว่าดีมากแล้ว
"ข้าไม่ได้เป็คนซื้อหรอกเ้าค่ะท่านลุงอาควาน นี่คือต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียน พวกเขาสองสามีภรรยามาพักอาศัยที่เรือนหลังเก่าของครอบครัวซีหย่วนชั่วคราว เป็นางที่้าซื้อเนื้อเ้าค่ะ" ซีมู่เซียงกระซิบอธิบาย
พอเห็นหญิงสาวข้างกายซีมู่เซียง ดวงตาของลุงอาควานทอประกายวาว นี่คือต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนที่แบ่งผลตอบแทนค่าหมีดำให้ซีต้าเฉียงตั้งครึ่งหนึ่ง
ผิวพรรณขาวสะอาด งดงามอ่อนโยน แลดูเปราะบาง ไม่นึกว่าจะเป็สตรีใจกว้างเป็อย่างยิ่ง
"ที่แท้ก็ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนนี่เอง ท่าน้าอะไรบ้าง วันนี้ร้านเล็กๆ ของเราเพิ่งเชือดหมูตัวอ้วนพี รับประกันความสดใหม่" ลุงอาควานเชิญชวนอย่างคล่องแคล่ว ลูกค้ารายใหญ่มาเยือนถึงประตูทั้งที่ รอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นก็ปรากฏออกมา
"ท่านลุงควาน กระดูกหมูขายอย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นมองกระดูกหมูที่ขูดเนื้อจนเกลี้ยงเกลาบนแผง
กระดูกหมู? ลุงอาควานอึ้งงัน รอยยิ้มบนมุมปากหุบลงทันใด หันไปตวัดสายตาใส่ซีมู่เซียงกับซีหย่วน
นึกว่าจะเป็ลูกค้ารายใหญ่ ใครจะรู้ แค่เอ่ยปากก็ถามถึงกระดูกไม่มีราคา
"ถ้าต้าเหนียงจื่อ้า กองนี้สิบอีแปะก็ได้" ลุงอาควานเหยียดมุมปากอย่างหมดอารมณ์ต้อนรับลูกค้า ก้มหน้าก้มตาหั่นเนื้อบนเขียงต่อไป
ซีมู่เซียงกับซีหย่วนสบตาก่อนจะทำสีหน้าละเหี่ยใจ
อูควานผู้นี้ถือว่าบ้านของตนทำการค้าผูกขาดอยู่บ้านเดียว แต่ไรมาจึงมักดูแคลนคนที่มีฐานะยากจน
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นกระดูกกองใหญ่จำนวนไม่น้อยแค่สิบอีแปะเท่านั้น ก็รู้สึกดีใจ แต่ซีหย่วนที่อยู่ด้านข้างกลับพูดว่า
"แฮ่ม ท่านลุงควาน กระดูกที่ขูดจนเกลี้ยงขนาดนี้ เศษเนื้อสักนิดก็ไม่มีเหลือ ปรกติใช้เป็ของแถม เหตุใดจึงขายราคาแพงเช่นนี้เล่า" ซีหย่วนรู้สึกว่าการขูดรีดคนไม่เข้าใจราคาตลาดอย่างต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนคือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
คนในหมู่บ้านต่างรู้ว่าอูควานทำการค้าไม่ค่อยซื่อตรงเท่าไร หากมีทางเลือก บ้านของซีหย่วนก็คงไม่มาซื้อเนื้อที่บ้านเขา
อูควานเงยหน้าถลึงตาใส่ แค่นเสียงเยาะ "เนื้อร้านข้า ข้าพอใจเท่าไรก็ขายเท่านั้น ไม่อยากซื้อก็วิ่งไปที่หมู่บ้านลิ่วไผเองสิ"
เ้าพวกน้ำมันหมูพอกใจ [1] คนเห็นแก่ตัว!
ซีหย่วนถูกตอกกลับ โมโหจนหน้าแดงก่ำ
หา? กระดูกกองหนึ่งสิบอีแปะ ยังแพงไปอีกหรือ? เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงงัน
"ท่านลุงควาน ท่านทำแบบนี้ก็ไม่ถูก ปรกติขายอย่างไรก็ขายอย่างนั้นสิ ไม่ใช่มาขูดรีดต้าเหนียงจื่อเช่นนี้" ซีมู่เซียงข่มกลั้นจนเหลืออด สุดท้ายก็เปล่งเสียงออกมา
อูควานปรายตาไปที่นางปราดหนึ่ง ก่อนยิ้มเยาะอย่างไม่นำพา "มู่เซียง สกุลซีของพวกเ้าได้ผลประโยชน์จากผู้อื่น ไม่เกี่ยวข้องกับสกุลอูของข้าสักหน่อยนี่"
ซีมู่เซียงอายุยังน้อย ดวงหน้าอ่อนเยาว์แดงก่ำไปจนถึงใบหู
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง "ท่านลุงผู้นี้ ก็แค่ถามว่ากระดูกขายอย่างไรเท่านั้นเองมิใช่หรือ ไฉนกลายเป็ล่วงเกินท่านไปได้เล่า เปิดร้านทำการค้า ยังห้ามคนถามราคาอีกหรือ"
"ถ้าจะซื้อกระดูกก็ไปซื้อที่หมู่บ้านลิ่วไผโน่น ร้านของข้าไม่ขายแล้ว" อูควานปักมีดสับกระดูกลงไปบนเขียงอย่างแรง สีหน้าดำทะมึนในฉับพลัน
ซีหย่วนหน้าถอดสี ดึงแขนเสื้อของซีมู่เซียงกับเซวียเสี่ยวหรั่นถอยหลังไปสองสามก้าว
บ้าฉิบ แค่ขายเนื้อหมูยังวางอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากตาค้าง
"ท่านพ่อ ท่านโมโหอะไรแต่เช้าเนี่ย"
ชายหนุ่มอ้วนฉุคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังแผงเนื้อ อายุอานามประมาณยี่สิบปี สวมอาภรณ์ตัวยาวสีม่วงเข้ม พุงพลุ้ยกลมดิกอุดมไปด้วยไขมัน
พอเห็นเซวียเสี่ยวหรั่นเสื้อแดงกระโปรงเหลือง เปลือกตาอวบอูมไปด้วยไขมันจนแทบปิดสนิทก็เบิกกว้างอย่างแรง
"มีคนเอาความซวยมาให้แต่เช้า จะไม่โมโหได้อย่างไร" อูควานสีหน้าบึ้งตึงดึงมีดขึ้นมาจากเขียง
ซีหย่วนกับซีมู่เซียงโกรธจนตัวสั่น
"ท่านลุงพูดเช่นนี้ก็เกินไป พวกเรามาซื้อเนื้อถามราคา ไฉนจึงกลายเป็ความซวยไปได้เล่า ท่านทำการค้าเช่นนี้เองหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าบึ้ง
เธอก็แค่ถามราคากระดูกหมู เหลียนเซวียนกระดูกร้าว ้าการบำรุง ย่อมต้องตุ๋นน้ำแกงกระดูกหมู
เธอไม่เพียงแค่้ากระดูกหมู เนื้อก็ต้องซื้อเหมือนกัน แต่เ้าของแผงหมูสายตาตื้นเขิน เอะอะก็ด่าเสียแล้ว
"บิดาจะทำการค้าแบบนี้ มีอะไรไหม? ไม่ว่าจะต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนหรือสกุลฟาง ถ้าไม่ซื้อก็หลบไปข้างๆ อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงาน"
อูควานโบกมือใส่พวกเขาเหมือนไล่แมลงวัน ให้พวกเขารีบออกไป
"ต้าเหนียงจื่อ พวกเราไปกันเถอะ อย่าซื้อที่นี่เลย" ซีหย่วนเกลี้ยกล่อมเสียงเบา
แต่ไรมาอูควานก็เป็คนเ้าอารมณ์เช่นนี้เสมอ บุตรชายสามคนล้วนแต่เสเพลไม่เป็โล้เป็พาย เอาแต่ใจไร้เหตุผล อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเป็ดีที่สุด
"ท่านพ่อทำเช่นนี้ก็ไม่ถูก ผู้อื่นมาซื้อเนื้อ มีเหตุผลใดต้องปฏิเสธเล่า ต้าเหนียงจื่อถูกใจชิ้นไหนก็บอกมาได้เลย ข้าจะให้ท่านพ่อคิดราคาย่อมเยาที่สุดให้แก่ท่าน"
กล่าวจบก็จ้องมองนางด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
ให้ตายเถอะ วันนี้ลืมดูปฏิทินหวงลี่ก่อนออกจากบ้าน [2] สินะ ถึงเจอแต่คนอุตริทั้งนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุก คร้านจะสนใจพวกเขาอีก ทั้งสามต่างรีบเดินออกมาจากแผงขายเนื้อ
...
[1] เป็ความเปรียบถึงคนจิตใจมืดบอด
[2] คนโบราณจะออกจากบ้านต้องดูฤกษ์ยาม ปฏิทินหวงลี่คือปฏิทินโหราศาสตร์ ดังนั้นไม่ได้ดูปฏิทินก่อนออกจากบ้านจึงหมายถึงดวงซวย
