บทที่ 73 เคล็ดวิชาปรุงโอสถศักดิ์สิทธิ์
เื่การรักษาต่อจากนี้ลู่อวี่ไม่ต้องกังวลใจเื่ใดอีก ทางหลิงหวาฮูหยินก็ให้คนนำผลไม้วิเศษ และสุราวิเศษออกมาต้อนรับขับสู้ทุกคนมากทีเดียว จากนั้นก็พาลูกศิษย์อย่างกู้จงเสวียนเข้าไปในห้องสงบใจ เพื่อช่วยรักษาอาการาเ็ให้เขา
หลินเหยาเป็ผู้ที่มีอุปนิสัยร่าเริงคนหนึ่ง เดิมทีเวลานี้หากอาจารย์ไม่อยู่ จะเป็่เวลาที่นางเข้าไปออดอ้อนมารดา พูดคุยบอกเล่าเื่ราวในชีวิตให้ฟัง แต่สองวันที่ผ่านมานี้เกิดเื่มากมายจนทำให้นางลังเลและตัดสินใจไม่ถูกว่าจะบอกมารดาดีหรือไม่ โดยเฉพาะคนสารเลวที่ชอบยั่วยุอารมณ์สตรีผู้นั้น ที่คิดไม่ถึงว่าจะปรุงยาฟื้นกำลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอาจารย์และท่านแม่จะส่งตัวนางให้ไปเป็สาวใช้ข้างกายของคนสารเลวผู้นั้นจริงหรือไม่ หากนางเข้าไปอยู่ในตระกูลลู่ แล้วคนสารเลวแซ่ลู่คิดรังแกนาง นางควรต่อต้านดีหรือไม่?
เดิมทีมารดามักเข้าใจบุตรสาวที่สุด แต่ในฐานะนายหญิงตระกูลหลินเซี่ยจวิน หากสังเกตดูดีๆ คงเดาใจบุตรสาวออกไม่ยาก แต่เวลานี้ทุกคนกลับพะวงอยู่แต่กับลู่อวี่ และมันยิ่งทำให้นางรู้สึกว่า หากบุตรสาวของนางสามารถดึงดูดสายตาของบุรุษผู้นี้ ที่มีพร์ไร้เทียมทานผู้นี้ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็บุญของตระกูลหลินแล้ว
ดังนั้นตอนนี้เซี่ยจวินจึงกำลังพูดคุยกับผู้เฒ่าของตระกูลหลินและผู้เฒ่าหลายคนของตระกูลลู่อยู่ด้วยความโอภาปราศรัย หากพูดกันตรงๆ ก็คือกำลังสานสัมพันธ์และผูกไมตรีต่อกัน แม้จะรู้สึกว่ายังมีบุตรสาวเป็ไพ่ต่อรองอยู่ แต่ในฐานะนายหญิงและผู้เฒ่าของตระกูลใหญ่สูงสุดแห่งเทียนตู นางก็ต้องวางท่าทีสักเล็กน้อย จะให้ทำอย่างตรงไปตรงมาเหมือนคนในโลกที่ลากเรือไปให้ถึงที่ได้อย่างไร
แม้ว่าลู่อวี่จะอมยิ้มฟังอยู่ข้างๆ และทำเหมือนกำลังฟังสองสามท่านนี้พูดคุยกันอยู่ ทว่าอันที่จริงแล้ว กลับไม่ได้สนใจเื่นี้เลยด้วยซ้ำ เพราะในเวลานี้เขากำลังดีใจอยู่กับยาวิเศษสองสามอย่างที่ได้มา อีกทั้งยังกำลังวางแผนที่จะปรุงโอสถให้ตัวเองอยู่
ประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมา หลิงหวาฮูหยินก็ออกมาพร้อมกับลูกศิษย์คนโตกู้จงเสวียนที่ไม่มีสภาพโรยแรงและอ่อนแออย่างก่อนหน้านี้แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาดูมีเืฝาดระเรื่อ แววตานิ่งสงบ บวกกับรูปร่างที่สูงโปร่ง ทำให้ดูกำยำและทรงพลัง
ผู้เฒ่าใหญ่ของตระกูลหลินถึงกับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “หายเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูไม่เหมือนคนเคยาเ็มาก่อน ยาฟื้นกำลังศักดิ์สิทธิ์นี้มันมหัศจรรย์เช่นนี้เชียวหรือ เทพโอสถท่านนั้นเก่งสมชื่อจริงๆ!”
นายหญิงตระกูลหลินเซี่ยจวินก็พยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวเสริมไปว่า “นี่น่าจะเป็เพราะผู้เฒ่าหลินปกป้องเขาด้วย!”
ในขณะที่ทุกคนต่างทยอยกันยืนขึ้นแสดงความยินดีอยู่นั้น หลิงหวาฮูหยินก็ทักทายตอบกลับไปอย่างสุภาพทีละคน จนในที่สุดก็ให้ลูกศิษย์คนที่สามถังซินหวั่นนำวัตถุวิเศษและวัตถุดิบยาวิเศษจำนวนมาก ที่เตรียมมาจากทะเลตงไห่มอบให้ตระกูลลู่เพื่อแสดงคำขอบคุณ ส่วนเื่ของหลินเหยากับลู่อวี่กลับไม่เอ่ยถึง
ไม่ใช่ว่าหลิงหวาฮูหยิน้าจะบิดเบือนคำพูด ไม่รักษาสัญญา แต่เพราะมันไม่สะดวกมากกว่า อีกอย่างมารดาของหลินเหยาก็อยู่ที่นี่ด้วย จะให้นางออกหน้าแทนทั้งหมดเห็นทีคงไม่ได้ อีกอย่างเื่เดิมพันต่อสู้ของตระกูลหลินกับตระกูลลู่ ในสายตาของคนส่วนใหญ่แล้ว นับว่าเป็เื่ตลกของเด็กๆ ไม่ได้มีผู้ใดจริงจังกับมันนัก ดังนั้นเื่นี้เมื่อลู่อวี่ไม่กล่าวถึง และในสภาพที่คนของเกาะหลิงหวาเซียนและคนในตระกูลหลินไม่สนใจ เื่นี้จึงถูกเลื่อนออกไป
หลังจากกลับมาถึงตระกูลลู่แล้ว ลู่หงชางผู้เฒ่ารองของตระกูลลู่ก็รีบไปหาประมุขทันที ในระหว่างการออกนอกตระกูลครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ได้ผูกมิตรกับตระกูลหลินเท่านั้น แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนจากเกาะหลิงหวาเซียนแห่งตงไห่ด้วย นับว่าเป็ลู่ทางที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยต่อการขยายอำนาจของตระกูลลู่ในต่างแดน
แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่เขารีบร้อนมาหาประมุขตระกูลลู่ สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้น คือเขาพบว่า นายน้อยตระกูลลู่มีความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาลับ อย่างการเพาะเลี้ยงหญ้าเช้าเย็นด้วย แม้ว่าหญ้าเช้าเย็นจะไม่ใช่สิ่งล้ำค่า แต่ปีหนึ่งก็มีการใช้จำนวนมหาศาล ที่ผ่านมาเขาหนิงชุยเฟิงถือสิทธิ์ผูกขาด มาวันนี้ทางฝั่งตระกูลลู่ก็มีเคล็ดวิชานี้แล้ว เช่นนั้นจะให้ยืนมองคนของเขาหนิงชุยเฟิงกวาดหินวิเศษเข้ากระเป๋าตนเองตาปริบๆ อีกได้อย่างไร
ดังนั้นเขาจึงมาหาประมุขลู่เหว่ยจุนด้วยสาเหตุนี้
ระหว่างทางที่กลับมา เขาได้สอบถามกับลู่อวี่แล้วว่า เื่นี้ตระกูลลู่สามารถทำได้หรือไม่ ฝ่ายลู่อวี่ก็ให้คำตอบยืนยันกลับมาแล้วด้วย ซึ่งเื่นี้มันทำเขาร้อนใจนัก
ปัจจุบันตระกูลลู่กำลังอยู่ใน่ฟื้นฟูให้เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อมีลู่อวี่ และคนปรุงโอสถในตระกูลที่เขาฝึกฝนมา ความแข็งแกร่งโดยรวมของทั้งตระกูลจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นอกเหนือจากยาอายุวัฒนะแล้ว อย่างอื่นก็ใช้จำนวนมากเช่นกัน หากไม่มีทรัพยากรมหาศาล แล้วตระกูลลู่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร?
เมื่อมาถึงที่พักของลู่เหว่ยจุน หลังจากพบและพูดเื่นี้กับเขาแล้ว ประมุขของตระกูลก็เห็นด้วยไม่น้อยเช่นกัน จากนั้นจึงเรียกผู้เฒ่าอีกสามสี่ท่านมาเข้าพบ และได้เปิดประชุมเล็กๆ เพื่อปรึกษาหารือ ภายหลังจึงสรุปเื่นี้กัน ลู่เหว่ยจุนจะเข้าไปคุยเื่นี้กับบุตรชายเอง ส่วนท่าทีของทางเขาหนิงชุยเฟิงนั้น ตระกูลลู่ไม่เก็บเอามาใส่ใจด้วยซ้ำ!
เมื่อมีลู่อวี่สนับสนุน รวมถึงกำลังพลที่แข็งแกร่ง ทั้งยังมีทรัพยากรของตระกูลลู่หนุนหลังอยู่ จึงจัดเตรียมทุกอย่างจนเรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึงสิบวัน เพียงไม่นานลู่อวี่ก็ถ่ายทอดรายละเอียดให้กับคนปรุงโอสถสามคนของตระกูลลู่ใน่ไม่กี่วันนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ย่อมต้องมีลู่หงชางในฐานะผู้เฒ่าใหญ่อยู่ด้วย
ไม่กี่วันต่อมา ก่อนจะเปิดตัวหญ้าเช้าเย็นอย่างเป็ทางการในตลาดค้าวัตถุดิบยาวิเศษ ตระกูลลู่ก็อาศัยความสัมพันธ์และความกว้างขวางของตนเอง เพื่อดำเนินการบอกกล่าวสร้างความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังบอกเล่าเื่ราวเป็การทักทายกับสำนักและตระกูลน้อยใหญ่หลายตระกูล แต่การทำทั้งหมดนี้ไม่ได้้าให้พวกเขามาซื้อหญ้าเช้าเย็นจากตระกูลลู่ เพียงแต่้าให้ตระกูลและสำนักเ่าั้รับรู้ว่า จากนี้ไปหญ้าเช้าเย็นไม่ได้ผูกขาดที่เขาหนิงชุยเฟิงแต่เพียงผู้เดียวแล้ว ยังสามารถมาหาซื้อได้จากร้านค้าของตระกูลลู่ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับการเคลื่อนไหวของตระกูลลู่ ทางตระกูลอื่นๆ อีกหลายตระกูลก็ให้ความสนใจกันอยู่เนืองๆ แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเ่าั้ก็ราวกับเป็เพียงเสียงฝนตกฟ้าร้อง แน่นอนว่ามันไม่อาจสร้างผลกระทบใดๆ ต่อตระกูลลู่ได้
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ถืออำนาจอยู่ในตระกูลใหญ่ๆ เ่าั้ต่างชั่งใจกันอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ลอบลงมือทำอะไรลับๆ แต่ก็มีหลายวิธีที่พร้อมใช้ เพราะมันไม่ใช่เื่ยากหรือเื่ใหญ่โตอะไรนัก อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นาน แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการที่ตระกูลลู่ประกาศขายหญ้าเช้าเย็น ก็คือเขาหนิงชุยเฟิง ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางทิ้งทุกอย่าง เพื่อะโออกหน้าแทนเขาหนิงชุยเฟิงเป็แน่
หลังจากให้คำชี้แนะการฝึกฝนกับลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างจีชิงรั่วแล้ว เขาก็เริ่มฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างเข้มงวด หลังการติดต่อกับคนของเกาะหลิงหวาเซียนในครั้งนี้ได้มอบอะไรให้เขามากมาย เขาจึงวางแผนไว้ว่าอีกสักพักถึงจะปรุงโอสถ เพื่อบรรลุขั้นพลังยุทธ์ของตนเองให้สูงขึ้น
แต่ก่อนหน้านั้น ยังต้องทำให้พลังขั้นพื้นฐานมั่นคงเสียก่อน และทำความเข้าใจให้คุ้นชินกับเคล็ดวิชาลับที่มีก่อนว่า นี่คือพื้นฐานของใจกลางที่แท้จริง เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ปรุงโอสถในอดีตอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าบางครั้งเขาจะยังรู้สึกภูมิใจในตัวตนของตนเองอยู่ แต่สำหรับเื่ฝึกฝน แม้จะใช้ยาอายุวัฒนะ แต่นั่นก็เพื่อลดขั้นตอนการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรที่ยากลำบากเ่าั้ให้กระชับขึ้นก็เท่านั้น
ส่วนขั้นตอนอื่นๆ เขาเลือกแล้วว่าจะไม่ใช้ยาอายุวัฒนะ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่้า เพราะความเข้าใจและกระบวนการ เป็ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร หากไม่มีก็ถือว่าขาด หากขาดก็หมายความว่าไม่สมบูรณ์ ในตอนที่ระดับขั้นพลังยุทธ์ยังต่ำอยู่ อาจส่งผลกระทบไม่มากนัก แต่เมื่อมีระดับขั้นพลังยุทธ์ค่อนข้างสูง การฝึกบำเพ็ญเพียรก็จะยิ่งยากมากขึ้น
ในตำหนักของาาโอสถแห่งเขาหนิงชุยเฟิง เสิ่นตานเจวี๋ยเองก็กำลังฟังคำบอกเล่าของลูกศิษย์ใหญ่อย่างเซินหยวนชิงอยู่เงียบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยและไม่มีท่าทีแสดงออกว่ามีอารมณ์โกรธ ในฐานะหัวหน้าบรรดาลูกศิษย์ของเสิ่นตานเจวี๋ย เขารู้นิสัยอาจารย์ของเขาดี หากอาจารย์ยิ่งนิ่ง ก็หมายความว่ายิ่งทวีความโกรธมากเท่านั้น แม้ว่าอาจารย์จะไม่มีชื่อเสียงเื่เข่นฆ่าในเทียนตู แต่ความเ้าเล่ห์เพทุบายนั้น ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประมุขและผู้าุโของตระกูลใหญ่ๆ แม้แต่น้อย
ครั้งนี้ เขาเพียงรายงานเื่สำคัญที่จู่ๆ ตระกูลลู่ก็เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาลับเพาะปลูกหญ้าเช้าเย็นกะทันหัน และกำลังจะนำมาวางขายในตลาดให้เสิ่นตานเจวี๋ยรับทราบ จึงตั้งใจขอให้ท่านอาจารย์ของตนเป็ผู้ตัดสินใจกับเื่นี้ แม้ว่ามีหลายเื่ที่าาโอสถส่งมอบให้เขาจัดการแล้ว แต่เื่นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเกี่ยวพันไปถึงส่วนต่างๆ อยู่ไม่น้อย ตระกูลลู่ก็เป็หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งเทียนตู แม้ว่าทางฝั่งเขาหนิงชุยเฟิงจะมีเส้นสาย เชื่อมสัมพันธ์ไว้อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก หากต้องเผชิญหน้ากับตระกูลลู่จริงๆ ว่ากันตามตรง ในโลกบำเพ็ญเพียรยังคงยึดถือกฎของป่า ผู้ที่กล่าวกันว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด
“ตระกูลลู่เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาลับเพาะปลูกหญ้าเช้าเย็นของเขาหนิงชุยเฟิงได้อย่างไร? เื่นี้ใครเป็ผู้รับผิดชอบอยู่?” น้ำเสียงของเสิ่นตานเจวี๋ยแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ว่าจะไม่ได้ใช้พูดคำรุนแรงใดๆ แต่หากมีคนทำเคล็ดวิชาลับรั่วไหลออกไปจริง ผลที่ตามมาคงไม่ดีแน่
ใจของเซินหยวนชิงเต้นระส่ำ โค้งคารวะตอบว่า “เรียนอาจารย์ เื่นี้ศิษย์น้องรองเป็ผู้ที่รับผิดชอบมาตลอด เพียงแต่เื่นี้ไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับเขา เพราะไม่ว่าจะเป็สูตรในการเตรียมน้ำวิเศษที่เร่งการเติบโต หรือเคล็ดวิชาลับทั้งหมดที่ใช้ในการเพาะปลูกหญ้าวิเศษ ต่างถูกแยกออกและส่งมอบให้กับคนที่ไว้วางใจได้มาปฏิบัติดูแล นอกจากนี้ศิษย์น้องรองยังมีภูมิหลังที่ใสสะอาด นิสัยซื่อๆ ไม่ค่อยออกไปข้างนอก คงไม่มีทางไปเกี่ยวข้องตระกูลลู่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเื่นี้นับว่าแปลกไม่น้อย เรายังไม่ได้สืบหาความจริง ดังนั้นขอท่านอาจารย์ผ่อนปรนให้ด้วย!”
แม้ว่าเซินหยวนชิงจะแน่ใจว่าศิษย์น้องรองไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับตระกูลลู่ แต่ในเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว ย่อมต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่ว่าเขาจะผิดหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นเขาจึงเพียงแต่ขอให้อาจารย์ผ่อนปรนให้ แต่ไม่ได้ห้ามปรามเสียทีเดียว
เสิ่นตานเจวี๋ยพยักหน้าช้าๆ และกล่าวว่า “เื่ของเขาค่อยว่ากันภายหลัง เ้ารีบเดินทางไปที่ตำหนักมหาเทพ และจวนตระกูลเมิ่ง รวมทั้งสำนักอื่นๆ อีกสองสามสำนัก คิดว่าตระกูลลู่มีอำนาจเพิ่มขึ้นรวดเร็วเช่นนี้ คงมีหลายคนที่ไม่เต็มใจจะเห็นมันนัก ยิ่งไปกว่านั้น เคล็ดวิชาลับในการเพาะปลูกหญ้าเช้าเย็นต่างเป็ที่รู้กันทั่วทั้งเทียนตูว่า เป็ความลับของเขาหนิงชุยเฟิง แต่ตอนนี้กลับถูกตระกูลลู่ขโมยไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทวงถามความยุติธรรมกลับคืนมาให้ได้!”
ใบหน้าของเซินหยวนชิงเต็มไปด้วยความสุข ระดับพลังยุทธ์ของอาจารย์ไม่ได้ถือว่าสูงมากนัก แต่ดูแลเขาหนิงชุยเฟิงมานานหลายปี ได้สานสัมพันธ์และมีเส้นสายมากพอตัว ในฐานะคนปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงของเขาหนิงชุยเฟิง หากคิดจะจัดการกับผู้ใด แทบไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ ขอเพียงพูดเป็นัยๆ ล้วนมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่้าผูกมิตรกับเขาหนิงชุยเฟิงออกหน้าจัดการให้จนแล้วเสร็จ
ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลลู่ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าทำเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอำนาจใหญ่อื่นๆ นั้นจะไม่ยินยอม มีเพียงบางส่วนที่โอนอ่อนผ่อนตามคำพูดของอาจารย์ ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลลู่จะได้กินผลลัพธ์ความเลวทรามของตนเองเท่านั้น พวกเขายังต้องชดใช้เป็สิบเท่าร้อยเท่าให้กับความสูญเสียที่เขาหนิงชุยเฟิงได้รับจากการกระทำนั้นด้วย
เมื่อเซินหยวนชิงคิดได้เช่นนี้ ก็โค้งคารวะตอบรับทันที หลังจากรับสารที่เสิ่นตานเจวี๋ยมอบให้แล้ว จึงเร่งออกเดินทางไปส่งสารให้กับสำนักอื่นอย่างไม่รอช้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้