“นี่เอาเนื้อย่างนั่นมาอีกสองไม้ซิ” ผู้หญิงคนนั้นชี้นิ้วสั่งหญิงสาวอีกคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บกวาดร้าน
เธอหันมามองอย่างจนใจแต่สุดท้ายก็ยัง เนื้อย่างเสียบไม้มาให้อย่างว่าง่าย พร้อมทั้งบอกว่า “ดึกแล้วกินให้น้อยหน่อยเถอะ เดี๋ยวอาหารจะไม่ย่อยได้ ไม่ห่วงลูกในท้องบ้างหรือไง?”
ผู้หญิงคนนั้นแค่ส่งเสียง หึ ในลำคอจากนั้นก็ชี้ไปที่ท้องตัวเองแล้วบอกว่า “เ้าเด็กนี่มันเตะฉันทุกวัน แข็งแรงดีจะตาย ไม่เป็ไรหรอกน่า” แต่เมื่อเห็นเ้าของร้านยังคงมองเธอด้วยคิวที่คิ้วขมวดมุ่น เธอก็เอ่ยเสริม “แกไม่ต้องเ้ากี้เ้าการกับชีวิตฉันเลยนะ ฉันไม่มีทางปล่อยให้เด็กนี่เป็อะไรหรอก นี่ในตัวเงินตัวทองเลยนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฟางเฉาก็ยิ่งถอนหายใจ “ทำไมถึงพี่ถึงเอาแต่พูดอะไรแบบนั้นล่ะ?ถ้าเด็กคนนั้นได้ยิน เขาคงจะเสียใจเสียใจ..”
ไป๋เถาตอบอย่างเฉยเมย “แกอย่าคิดอะไรให้มากนักมากเลย ยิ่งคิดก็จะยิ่งผูกพัน อย่าคิดว่าเด็กคนนี้เป็หลานตัวเองเชียวนะ รอพอคลอดเสร็จก็ไม่ใช่ลูกฉันแล้ว”
ฟางเฉาเม้มริมฝีปาก “พี่ตกลงจะขายเด็กคนนี้ให้เมียเถ้าแก่จริงๆ เหรอ?”
“แล้วจะให้ทำไงได้ล่ะ แกคิดว่าถึงฉันจะเก็บเด็กไว้กับตัว แล้วไอ้แก่นั่นมันจะหย่าเมียแล้วยกฉันมาเชิดหน้าชูตารึไง?” โจวไป๋เถาพูดเสียงเยาะเย้ย “โชคดีที่นางเมียหลวงบ้านนี้มันหัวอ่อนแถมยังมีลูกไม่ได้ พอฉันบอกว่าจะยกเด็กคนนี้ให้แล้วไม่โผล่หน้าไปหาครอบครัวพวกเขาอีก หล่อนถึงได้ตกลงที่จะให้เงินก้อนใหญ่กับฉันน่ะ”
ฟางเฉาเช็ดโต๊ะเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอะไรไปชั่วขณะ
“แกไม่ต้องคิดอะไรให้มากหรอกน่า นี่มันเื่ของฉัน” เธอพูดทางเคี้ยวเนื้อย่างไปด้วย “แล้วหนังสือที่ให้มาคราวก่อนล่ะ อ่านจบหรือยัง”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวพยักหน้า เธอก็พูดต่อ “ถ้าอ่านแล้วก็ไปลงทะเบียนสอบเทียบซะ ผู้หญิงชาวเขาชาวดอยอย่างเรา ถ้าออกไปเมืองใหญ่โดยไม่มีใบผลการเรียนสักหน่อย ไอ้คนเมืองพวกนั้นจะดูถูกเอาได้”
“… แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปเลย”
“แล้วแกยังมัวลังเลอะไรอีก?” ไป๋เถาพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจ “แกจะเป็ค้าขายเร่แบบนี้ไปตลอดชีวิต จากนั้นก็รอให้พ่อแม่กับน้องชายรอสูบเงินแก จากนั้นก็ขายแกให้ผู้ชายขาเป๋บนูเาเป็เมีย อยู่อย่างแร้นแค้นเหมือนพี่ใหญ่น่ะเหรอ?”
ฟางเฉาก้มหน้า แรงมือที่ถูลงบนโต๊ะนั้นออกแรงเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ไป๋เถาดูขัดใจที่เหล็กไม่เป็เหล็กกล้า แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกว่าฟางเฉายังต้องใช้เวลาในการยอมรับข้อเสนอของเธอ เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เื่นี้ย่อมมีที่ว่างในการตัดสินใจ
เธอยังคงวาดพายหลอกล่อต่อไป “คิดดูดีๆ นะ ชีวิตแบบนี้มันมีอะไรดีกัน แกดูฉันสิ ใช้หน้าตาให้เป็ประโยชน์ก็ยังพอสูบเงินไอ้แก่นั่นมาใช้ได้บ้าง ตอนนี้รอคลอดเด็กแล้วก็จะมีเงินเป็ล้าน คนอย่างพวกเราทำงานอีกกี่ชาติถึงจะได้เห็นเงินจำนวนนี้?” หญิงสาวพูดไปก็ยิ่งตื่นเต้น รู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถมาก และแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับผู้หญิงหน้าเหลืองจากหลังเขาคนอื่น “เพราะฉันเห็นว่าแกเป็น้องสาวที่มีหัวคิดหรอกนะ ถึงอยากพาแกไปด้วย ดูสิ มันง่ายมากไม่ใช่เหรอ วันหน้าฉันจะย้ายเข้าไปในเมือง ไปทำหน้าสวยๆ แต่งตัวสวยๆ แต่งงานมีลูกกับผู้ชายรวยๆ สักคน ส่วนแกก็เป็แม่บ้านให้ฉัน แล้วฉันจะไม่ปฏิบัติกับแกไม่ดีแน่นอน” เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว โจวไป๋เถายังคงวางใจที่จะใช้คนใกล้ตัวมากกว่า อีกอย่างเป็เพราะน้องสาวคนนี้เป็คนที่มีไหวพริบและหัวคิดมากกว่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นของเธอ ที่มักจะก้มหน้าทำงานเงียบๆ ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่คิดใฝ่หาความก้าวหน้าบ้างเลย
ฟางเฉาก้มหน้าและเปลี่ยนเื่ “วันนี้คนงานขนของเสร็จหมดแล้ว ดังนั้นั้แ่พรุ่งนี้ฉันจะไม่มาขาย” สุดท้ายเธอก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ครั้งก่อนที่แม่โทรมาก็ถามหาพี่น่ะ วันหยุดยาวนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า?”
โจวไป๋เถาทำสีหน้าเหยียดหยาม “กลับทำไม?แกยังไม่รู้สินะว่าครั้งก่อนพี่ชายของนังเมียหลวงนั่นให้คนตามหาฉันจนไปถึงบ้านแล้ว ตอนนี้พ่อแม่คงจะรู้แล้วล่ะสิว่าฉันอยู่กับเศรษฐี ฉันจะโง่กลับเอาเงินไปให้พวกเขาทำไม” เธอกินเนื้อย่างเสียบไม้จนหมดแล้วรู้สึกว่าท้องเริ่มแน่นนิดหน่อยจึงยอมแพ้และไม่สั่งเพิ่มอีก
เธอโยนถ้วยกระดาษกับไม้เสียบลงบนถังขยะ จากนั้นก็ใช้ทิชชูเปียกในกระเป๋าเช็ดปากและมือของตนเอง ท่าทางละเมียดละไมนั้น แตกต่างจากตอนกินอย่างมาก
“เอาล่ะ ฉันอิ่มแล้ว เดี๋ยวจะกลับละ” เธอจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย มองดูน้องสาวที่ยกโต๊ะเก้าอี้ขึ้นบนรถเข็นแล้วอดจะจะพูดไม่ได้ “กลับบ้านครั้งนี้ก็ทำเป็หูทวนลมซะบ้างล่ะ อย่าเอาเงินไปให้คนพวกนั้นเสียหมด ฉันเพิ่งได้ยินว่าหลานชายของลุงยังหาเมียไม่ได้ แถมยังส่งป้ามาคุยกับแม่ตั้งหลายรอบ ถ้าแกโดนจับแต่งงานกับคนปัญญาอ่อนนั่นจริงๆ แล้วไม่มีเงินติดตัว ฉันจะรอสมน้ำหน้าแกแน่ที่หนีออกมาไม่ได้”
ฟางเฉาเม้มปากมองพี่สาวคน จากนั้นก็พูดเบาๆ “ฉันรู้แล้ว ขอบคุณพี่มาก”
ไป๋เถาเค้นเสียง หึ อีกครั้งอย่างไว้ตัว เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะที่เดินไปยังรถเก๋งคันเล็กที่ดูเก่าเล็กน้อย หลังจากเป็เมียเก็บของเถ้าแก่มาได้สองปี ดูเหมือนว่านี่จะเป็ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเธอ
ไม่นาน ฟางเฉาก็เก็บของเสร็จ เธอกวาดขยะที่อยู่รอบๆ ใส่ถัง และมองไปยังโกดังใหญ่ที่ตัวเองขายของมาหลายสัปดาห์ ก่อนจะค่อยๆ ดันรถเข็นกลับไปยังบ้านเช่า
“ซานหยา[1] พรุ่งนี้กลับบ้าน อย่าลืมซื้อเป็ดย่างมาให้น้องชายด้วยนะ เสื้อผ้าชุดใหม่กับซองแดง เตรียมไว้แล้วใช่ไหม”
“อื่ม” หญิงสาวได้แต่ตอบเบาๆ ขณะที่กำลังนั่งขัดตะแกรงปิ้งย่างอย่างสุดกำลัง มือที่กำลังทำความสะอาดโดยแช่น้ำนั้นแดงเถือกเนื่องจากถูกน้ำเย็นกัด แต่บ้านเช่าของเธอนั้นราคาถูกมาก และไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใดๆ เลย ได้แต่ทำกิจวัตรประจำวันซ้ำไปมาอย่างชินชา
“แล้วเอ้อหยา[2] ล่ะ จะกลับมาด้วยหรือเปล่า?” เสียงของมารดานั้นเปลี่ยนไปด้วยความหวัง
โจวฟางเฉาเงียบไปเล็กน้อยกว่าจะตอบ “พี่รองไม่มีเวลา คงจะไม่กลับไป…”
“โอ้ย นางลูกคนนี้นิ!” เสียงนั้นพึมพำดุด่าอยู่ในปลายสาย “แกไม่เกลี้ยกล่อมพี่ร้องของแกดีๆ ล่ะ! ถ้าแม้แต่วันปีใหม่ลูกสาวก็ไม่กลับมาเยี่ยมบ้านแม่ ครอบครัวพี่เขยของแกเขาจะคิดยังไง?!”
โจวฟางเฉาอยากจะบอกว่าพี่รองของเธอไม่เคยแต่งงานกับเถ้าแก่เลย และคงจะไม่มีทางได้แต่งด้วย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากพร่ำบ่นอยู่พักหนึ่ง เมื่อรู้ว่าคงไม่สามารถอัญเชิญลูกสาวผู้มั่งคั่งที่ปีนขึ้นไปบนยอดไม้กลับบ้านได้ นางโจวก็รีบวางสายไปอย่างไม่สบอารมณ์
ฟางเฉาทำงานของเธอเสร็จแล้วและเก็บของไว้อย่างเป็ระเบียบ อุปกรณ์พวกนี้คือสิ่งหาเลี้ยงชีพที่เธอเพียรเก็บเงินมานานหลายปีถึงจะซื้อได้
หลังจากนั้นเธอก็ตรวจนับสิ่งของที่ต้องนำกลับบ้านทีละอย่าง หากเธอไม่นำพวกมันกลับไป เธอก็คงไม่มีชีวิตใน่ปีใหม่ที่มีความสุขแน่นอน
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฟางเฉาก็รีบเข้านอนเพื่อประหยัดไฟ
ภายใต้ความมืดที่แทบมองไม่เห็นนิ้วมือตัวเอง เธอก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของพี่รองอย่างลึกซึ้ง
ไม่ใช่ว่าเธอโง่จนไม่รู้เจตนาของคนใกล้ตัว เพียงแต่เธอไม่มีทางเลือกจริงๆ
แม้จะอยากหนีห่างจากครอบครัวที่คอยสูบเืสูบเนื้อเพื่อไปหล่อเลี้ยงน้องชายคนเดียวของบ้าน แต่เธอก็ไม่มีทุนมากพอที่จะหนีไปได้ไกล
มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้บอก โจวไป๋เถานั่นก็คือ เธอได้นำเงินเก็บส่วนใหญ่ไปลงทะเบียนเรียนและสมัครหอพักให้กับหลานสองคนที่เป็ลูกของพี่สาวคนโต แต่น่าเสียดายที่ต้องมารู้ในภายหลังว่าญาติฝ่ายพ่อของเด็กกับแม่ได้ไปขอเงินจำนวนนี้คืนจากโรงเรียนแล้ว
ฟางเฉาได้แต่ถอดถอนใจ พี่สาวคนโตแต่งงานกับคนพิการแถมยังถูกครอบครัวสามีกดขี่ใช้งานจนล้มป่วยหลายครั้ง
ทว่าเธอก็ยังเห็นแก่ไข่นกไม่กี่ลูกที่พี่สาวคนโตแอบยัดใส่ปากให้ยามหิวเมื่อยังเป็เด็ก จนอดไม่ได้ที่จะช่วยดูแลพี่สาวกับลูกเป็ระยะ กระทั่งเงินเก็บของตัวเองก็แทบจะไม่เหลือ
แต่ถึงแบบนั้น โจวฉินเฉาก็ไม่ได้คิดจะยืนหยัดเพื่อลูกๆ ของตัวเองเลย
[1] คำเรียก ลูกสาวคนที่สาม
[2] คำเรียก ลูกสาวคนที่สอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้