เมื่อส่ง ‘แม่ตัวซวย’ กลับไปแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงได้โล่งอก แม้ประตูปิดสนิท แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลับไม่กล้าจากไปไหน กระทั่งเสียงฝีเท้าเดินจากไปของสวี่ชิวเยวี่ยด้านนอกเบาลงจนไม่ได้ยิน นางจึงถอนหายใจยาว แล้วเดินเข้าไปยังห้องด้านใน
‘คนไข้’ ที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ไม่มีสภาพความเป็ผู้หญิงอยู่เลยตามที่คาด! ทำเอาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็ใจนรีบปิดตา แต่ก็ยังแอบมองผ่านซอกนิ้วอย่างอดไม่ได้ แผ่นหลังเปลือยเปล่าของเยวี่ยเจาหรานโผล่ออกมานอกผ้าห่มเล็กน้อย ช่างดูยวนตาเสียจริง
กระทั่งเสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงได้หลุดออกจากภวังค์ นางยักไหล่ สั่นสะท้านขึ้นมาอีกสองสามครั้ง รู้สึกว่าขนของตนลุกชันขึ้นมาเล็กน้อย
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเดินออกไปข้างนอกสองสามก้าว ทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้หยิบช้อนชาข้างไข่ตุ๋นขึ้นมา แล้วกินเข้าไปเองคำหนึ่ง ก่อนจะเห็นชัดว่าผู้มาเยือนนั้นคือชุ่ยเชี่ยว “ชุ่ยเชี่ยว!”
เมื่อได้ยินคนเรียก ชุ่ยเชี่ยวยังนึกว่าเป็เยวี่ยเจาหรานตื่นขึ้นมาแล้ว กระทั่งตั้งสติได้ว่าเป็เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แววตาจึงวูบไหวเล็กน้อย “คุณชายเยี่ยน ท่านน่าจะเรียนหนังสืออยู่กับอาจารย์อวี้ไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
นี่มันคำพูดบ้าบออะไรกัน! คนที่นอนอยู่บนเตียงผู้นั้น ผู้นั้น... เป็ฮูหยินในนามของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเชียวนะ! เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะโดดเรียนมาหาภรรยาไม่ได้เชียวหรือ?
พลันความโมโหที่อธิบายไม่ถูกก็แล่นปราดขึ้นมา ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบ้ปาก “ถ้าข้ายังไม่มา ยัยสวี่ชิวเยวี่ยก็คงได้เข้ามาแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าขัดขวางนางที่ประตูได้ทัน สภาพเนื้อตัวเปลือยเปล่าของนายน้อยเ้าก็ถูกคนอื่นเขาเห็นไปแล้ว ทั้งใต้หล้าคงได้รู้กันทั่วว่าข้าคุณชายผู้นี้แต่งงานกับกะเทยน่ะสิ!”
ในคำพูดนั้นมีความต่อว่าต่อขานอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรเื่นี้ก็เป็เื่ใหญ่ที่แบกรับชีวิตของคนทั้งตระกูลเยี่ยนและเยวี่ยทั้งสองตระกูลอยู่! หากประมาทเลินเล่อเพียงนิด แล้วถูกสวี่ชิวเยวี่ยที่คอยจ้องหาโอกาสจัดการกับเยวี่ยเจาหรานรู้เข้าละก็ หากไม่ฆ่าปิดปากนาง ก็ต้องฝังทั้งตระกูลไปพร้อมกับนาง แต่ไม่ว่าบทสรุปไหน ทางที่ดีควรซ่อนเร้นมันต่อไปจะดีกว่า
“เ้าคะ?”
ชุ่ยเชี่ยวที่ถูกดุอย่างไม่รู้เื่รู้ราวนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เป็ธรรม นางวางของในมือลง แล้วจึงเลิกม่านมู่ลี่ครึ่งหนึ่งมองเข้าไปข้างใน นางเอ่ยพร้อมยิ้มให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างเก้อเขิน “คุณชายท่านบอกว่าใส่เสื้อผ้ามากชิ้นแล้วรู้สึกไม่สบาย ทั้งคิดว่าไม่มีคนมา ก็... ก็เลยปล่อยตัวไปนิดหน่อยเ้าค่ะ”
เอ่ยดังนั้น นางจึงหันไปจัดการเื่ของตัวเองต่อ พลางเอ่ยถามเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอีกครั้ง “คุณชายเยี่ยน เหตุวันนี้จึงกลับมาเร็วนักเ้าคะ?”
“อาจารย์อวี้ให้ข้าหยุดเรียนกลับมาดูแล ‘ฮูหยิน’ อย่างไรล่ะ แต่ว่าเ้าเองก็เลินเล่อนัก แม้ว่ายามปกติจะไม่มีใครมา แต่อย่างไรก็ต้องให้เขาสำรวมเสียหน่อย หากวันนี้ไม่ใช่เพราะข้ามาทันเวลา ก็คงปิดบังตัวตนของเขาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพูดไปพร้อมตักไข่ตุ๋นเข้าปากสองสามคำ ยังจะมาบอกว่าเตรียมมาให้เยวี่ยเจาหรานอะไรอีก
ชุ่ยเชี่ยวขานรับอยู่ไกลๆ แล้วไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่เยวี่ยเจาหรานกลับตื่นขึ้นมา ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างหงุดหงิด “เ้าทำเสียงฮึดฮัดทำไมน่ะ รู้สึกไม่ดีหรือ?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอยู่ใกล้จึงได้ยินเสียงของเขาก่อน จากนั้นจึงโยนช้อนในมือทิ้งแล้วเข้าไปในห้อง กลัวว่าเยวี่ยเจาหรานที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง จะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีก
เมื่อเห็นนางเข้ามา เยวี่ยเจาหรานก็รีบร้อนดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด แล้วเอ่ยขึ้น “เ้ามาได้อย่างไร?” ฟังเสียงดูแล้ว ร่างกายโดยรวมคงดีขึ้นไม่น้อย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเห็นเช่นนั้นก็อดจิกกัดอยู่ในใจไม่ได้ คนบ้ากามที่เอาเปรียบข้าเมื่อตอนนั้นไม่ใช่เ้าหรือไร? ข้าเห็นทุกอย่างจนหมดจดแล้ว วันนี้ยังจะทำหน้าบางขึ้นมา เอี้ยวซ้ายหลบขวาเสียอย่างนั้น
แต่สุดท้ายคำพูดนั้นก็ไม่ได้เอ่ยออกจากปาก แล้วกลับแทนที่ด้วยคำพูดเช่นนี้แทน “อาจารย์อวี้ปล่อยให้ข้ากลับมาดูแลเ้า แต่ข้าดูแล้ว ท่าทางของเ้าคงจะใกล้จะหายดีแล้วสินะ”
บุรุษกับสตรีอย่างไรก็มีความแตกต่างกัน ยิ่งกว่านั้นแม้เยวี่ยเจาหรานจะไม่ได้แตกฉานในวิชายุทธ์ แต่อย่างไรเสียก็ยังพอมีวรยุทธ์อยู่บ้าง ร่างกายย่อมต้องแข็งแรงกว่าปัญญาชนธรรมดาทั่วไป แค่ทนหนาวมาคืนหนึ่ง แม้จะได้ไข้ขึ้นใหญ่โต แต่ถึงอย่างไรก็ฟื้นตัวได้พอสมควรในเวลาไม่นาน
“อืม เ้าออกไปก่อน ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เยวี่ยเจาหรานส่งเสียงอืมคำหนึ่ง แล้วไล่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วออกไป เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยอะไร แล้วจึงหมุนตัวจากไปอย่างไม่อาวรณ์แม้แต่น้อย
“เื่ที่วางยาแม่ข้า เป็เ้าจริงหรือ?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่นั่งรออยู่ข้างนอกกินไข่ตุ๋นไปพลางถามไปพลาง เยวี่ยเจาหรานไม่ได้ตอบั้แ่แรก เขาออกมาจากมู่ลี่มองเห็นไข่ตุ๋นที่เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว จึงเอ่ย “ไข่ตุ๋นนี่ไม่ได้เตรียมมาให้ข้าหรอกหรือ? เหตุใดจึงเหลือน้อยเช่นนี้”
พูดบ่ายเบี่ยงอ้อมไปอ้อมมา น่าโมโหเสียจริง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ฟังไม่ตอบ แล้วเพียงเอ่ยซ้ำอีกครั้ง “ข้าถามเ้าอยู่นะ”
เยวี่ยเจาหรานฉกช้อนในมือของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเขามากนัก เพียงแค่ฟังเยวี่ยเจาหรานเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่ได้จะไม่ตอบ แต่เื่นี้ข้ายังไม่ได้คำตอบ เ้ายังไม่รู้จักข้าดีอีกหรือ ข้าทำติ่มซำเป็ที่ไหนกันเล่า ของที่ส่งไปในเรือนของแม่เ้าทุกครั้ง ก็ผ่านมือข้าเพียงรอบเดียวเท่านั้นเอง”
นั่นก็เป็ความจริง เหล่าเฉินที่อยู่ในครัวเล็ก พอเห็นหน้าของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงช่วยพูดเื่นี้ให้ ว่าเยวี่ยเจาหรานนั้นไม่น่าจะมีโอกาสที่จะวางยาได้
เช่นนั้นมือมืดที่อยู่เื้ันั้นคือใคร ก็คงเดาได้ไม่ยาก
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เพียงแค่มองเยวี่ยเจาหรานกินไข่ตุ๋นที่นางตั้งใจเตรียมมาให้ทีละคำทีละคำจนหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มใจ เป็ความอิ่มใจที่ไม่อาจอธิบายได้
เมื่อกินดื่มจนอิ่มเอม ทั้งสองก็นั่งหันหน้าเข้าหากันด้วยความเงียบงันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เป็คนเปิดหีบเสียงขึ้นมาก่อน “ร่างกายของเ้าเพิ่งจะดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเป็จุดสนใจ อย่าวิ่งไปนู่นมานี่ทั้งวัน ในจวนแห่งนี้มีคนมากมายที่เห็นเ้ารกหูรกตานะ”
“จะใครเสียอีก ไม่ใช่เปี่ยวเม่ยสวี่ชิวเยวี่ยที่อยากได้เ้าตาเป็มันผู้นั้นหรอกหรือ?” เยวี่ยเจาหรานหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้ตอบมาแล้ว
แต่ชัดเจนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นยังไม่วางใจ จึงเอ่ยกำชับอีกครั้ง “เ้าก็อย่าทำเป็เล่นไปเชียว เดี๋ยวจะโดนหลอกเอาไม่รู้ตัว ในเมื่อรู้ว่าในใจนางคิดไม่ซื่อ เ้าก็ระวังนางเอาไว้หน่อย อย่าให้ใครมาแอบลอบทำร้ายเ้าได้อีก จำได้แล้วหรือไม่?”
“จำได้แล้ว จำได้แล้ว เดิมทีข้าคิดว่าเ้าเป็สตรีบ้าบิ่นเสียอีก ไม่นึกว่าความคิดกลับเฉียบแหลมได้ นับว่าเป็เด็กเฉลียวฉลาดทีเดียว”
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไร เยวี่ยเจาหรานผู้เอาจริงเอาจังนั้นได้ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพาเสียคนไปเสียแล้ว ลักษณะท่าทางยามนิ่งดั่งหญิงงาม ทว่ายามขยับกลับกระโดกกระเดกราวกับคนเขลาอย่างไรอย่างนั้น
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยกมือขึ้นทำเป็กำปั้น วางท่าราวกับจะจัดการเขา แต่กลับโดนเยวี่ยเจาหรานหลบไปซ่อนข้างหลัง ปากร้องขอความเมตตาไม่หยุด “ก็ได้ๆ ข้าต่างหากที่เป็สตรี ข้าเป็สตรีเองพอใจหรือยัง...”
“่นี้เ้าชักจะกำเริบหนักข้อขึ้นทุกวันเลยจริงเชียว... คราวหลังพูดกับข้าก็ระวังคำพูดเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องให้เ้าได้ลิ้มรสกำปั้นของข้า!” คุกคามด้วยกำปั้น ทั้งยั่วยุด้วยวาจา ทำให้เยวี่ยเจาหรานเรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง และไม่กล้ากำเริบเสิบสานโดยสมบูรณ์
ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันครู่หนึ่ง แล้วจึงกินอาหารเย็นด้วยกัน ใช้ชีวิตอันสงบสุขผ่านไปสองวัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้