ตลอดเส้นทางต่อจากนั้น ผู้ที่ตามกู่ไห่มา ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ชายหนุ่มกลับมิได้ใส่ใจ การเดินทางครานี้ เขาไม่ได้ปิดบังตัวตนเช่นครั้งก่อนๆ ด้วยตัวตนของเขาในยามนี้ และตำแหน่งหัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน ก็รับประกันได้ว่าจะปลอดภัยไร้กังวล
ไม่นาน การเดินทางก็ยุติลง... ถึงสำนักติงหลงแล้ว!
บัดนี้ เหล่าผู้ฝึกตนรวมถึงกู่ไห่ ได้มารวมตัวกันหน้าสำนักติงหลง บริเวณด้านหน้าพวกเขา ปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกหนาทึบ
ภาพของเกาะขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางเวหา ปรากฏแก่สายตาของทุกคน ้าของตัวเกาะเป็ทรงเรียว ส่วนด้านล่างเป็ปลายแหลม
เมฆและหมอกโอบล้อมรอบตัวเกาะ และที่แปลกยิ่งกว่านั้น ก็คงจะเป็กระดานหมากล้อม ซึ่งเคลื่อนที่ช้าๆ กระจัดกระจายรายรอบสำนักติงหลงนั่นเอง
ไกลออกไป มีกลุ่มผู้ฝึกตนกำลังนั่งกับพื้นเบื้องล่าง โดยมีกระดานหมากล้อมสีขุ่นตั้งอยู่ตรงนั้น และพวกเขากำลังจดจ่ออยู่กับการเดินหมากบนกระดาน
ผู้ฝึกตนที่นั่งอยู่หน้ากระดานหมาก ถือหมากเม็ดหนึ่งอยู่ในมือ ดูเหมือนหมากล้อมกระดานนี้จะถูกคัดลอก และแยกวางไว้สองแห่ง กระดานหนึ่งอยู่ตรงหน้าของผู้ฝึกตนคนนั้น ส่วนอีกหนึ่งอยู่บนก้อนเมฆ
“กระดานหมากล้อมหรือ?” กู่ไห่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ นี่คือกระดานหมากล้อมที่สร้างขึ้นโดยสำนักติงหลง พวกเขารับปากจะให้รางวัลเป็หินิญญาระดับสูงสิบก้อน แก่ผู้ใดก็ตามที่สามารถแก้หมากได้หนึ่งกระดานขอรับ” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“โอ้?” ชายหนุ่มแสดงอาการประหลาดใจทันที ที่ได้ยินเช่นนั้น
“ทว่า หมากล้อมเหล่านี้ช่างยากนัก มีทั้งหมดสามพันกระดาน แต่เพิ่งจะแก้ไปได้เพียงห้าร้อยกระดานเท่านั้น โดยหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกเราแก้หมากไปได้เพียงหนึ่งร้อยกระดาน
แต่เมื่อสามาาหมากล้อมแห่งทะเลพันเกาะเข้ามา พวกเขาก็สามารถแก้หมากได้อย่างรวดเร็ว” ผู้ฝึกตนคนนั้นอธิบาย
“อืม!”
ไกลออกไป ดูเหมือนจะมีหมากกระดานหนึ่งที่แก้ได้แล้ว ทันใดนั้นกระดานหมากล้อมก็ลอยขึ้น ก่อนจะแตกออก กลายเป็ก้อนเมฆสีขาวขนาดใหญ่ พุ่งตรงไปยังเกาะลอยฟ้าทันที
และกระดานหมากล้อมที่ถูกคัดลอกไปบนก้อนเมฆก่อนหน้า ก็หายไปในทันทีที่แก้หมากสำเร็จ
ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏร่างชายในชุดเหลืองเดินลงมาจากม่านหมอก ที่ปกคลุมสำนักติงหลงไว้
“ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ ชายผู้นั้นคือศิษย์ของสำนักติงหลง” ชายที่อยู่ด้านข้างอธิบาย
ศิษย์ของสำนักติงหลงผู้นั้น หยิบหินิญญาระดับสูงสิบก้อนออกมา และมอบให้ผู้ที่แก้หมากสำเร็จไปเมื่อครู่ ด้วยท่าทีนอบน้อม
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างก็รู้สึกอิจฉา หินิญญาระดับสูงสิบก้อน ก็เทียบเท่าหินิญญาระดับต่ำถึงแสนก้อน ซึ่งถือว่ามากเหลือเกินสำหรับพวกเขา
“แก้หมากล้อมพวกนี้ไปเพื่ออะไรกัน?” กู่ไห่ขมวดคิ้ว
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน เื่นี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนครึ่งที่แล้ว ผู้ที่มีทักษะการเล่นหมากล้อมอันแข็งแกร่ง ได้ถูกเชิญเข้าร่วมแก้หมากของสำนักติงหลง บางทีพวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ขอรับ” ชายที่อยู่ด้านข้างส่ายหัว พลางตอบ
“หืม... าาหมากล้อมทั้งสามที่เ้าเพิ่งเอ่ยถึง ก็เข้าร่วมด้วยอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มถาม
“ขอรับ! าาหมากล้อมทั้งสาม ล้วนเป็ผู้ทรงอำนาจในแคว้นหยวนหนิงแห่งทะเลพันเกาะ และจุดเด่นของการเล่นหมากล้อมนี้ ก็คือเราสามารถประลองฝีมือกับผู้อื่นได้ หาก้าชนะ ก็ต้องแก้หมากในกระดานเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด” ชายคนนั้นอธิบาย
“ท่านกู่ ตอนที่อยู่ในดินแดนแรกสาบสูญ ฝีมือหมากล้อมของท่านก็มิได้อ่อนด้อย เหตุใดจึงไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ? อย่างน้อยแก้ได้หนึ่งกระดาน ก็ได้หินิญญาระดับสูงมากถึงสิบก้อนเชียวนะ” ชายที่ยืนข้างๆ กัน กล่าวอย่างคาดหวัง
“ใช่ๆ! ท่านกู่ลองดูสิ พวกเราพยายามศึกษาหมากในกระดานเหล่านี้มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจแก้พวกมันได้”
กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับ เพียงมองตามคนก่อนหน้านี้ ที่ะโคว้าหนึ่งในกระดานหมากที่ลอยอยู่กลางเวหาอีกครั้ง
ฟึ่บ!
กระดานหมากล้อมเมฆาแยกออกเป็สองกระดาน หนึ่งในนั้นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่วนอีกกระดานที่เหมือนกันทุกประการ ก็ร่อนลงมาอยู่ตรงหน้าเขา
“ท่านกู่! อยากลองเล่นดูหรือไม่?” ชายคนนั้นถาม ด้วยความนอบน้อม
กู่ไห่มองดูกระดานหมากล้อมตรงหน้า สลับกับสำนักติงหลงด้วยความกังขา
เขาเดาว่าตอนนี้ติงรุ่ยคงจะอยู่ด้านในสำนัก เขารับรู้ได้ว่าหมากบนกระดานเหล่านี้ รวมถึงของรางวัล คงจะมิใช่เื่ปกติธรรมดา แต่ต้องมีเื้ัแฝงอยู่แน่ แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่พัฒนามากขึ้น ก็ทำให้เขาไม่หวั่นที่ก้าวเข้าสู่เล่ห์กลเ่าั้ เพราะตอนนี้ เขาอยากรู้เื่เกี่ยวกับชีพจรัของเกาะจิ๋วหวู่
หากเสาะหาสิ่งที่เ้า้า ขณะที่มีพลังอ่อนแอ เ้าก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้ค้นพบหรือมัน! ในทางกลับกัน...
“ได้เลย!” ชายหนุ่มพยักหน้าตกลง จากนั้นก็นั่งลง และเริ่มแก้หมากตรงหน้าทันที
มีชามใส่เม็ดหมากวางอยู่ข้างกระดานหมากล้อม เขาหยิบหมากขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ก่อนวางมันลงไป
ก๊อก!
กู่ไห่วางเม็ดหมากลงทันที
ตอนนี้ บริเวณโดยรอบ มีผู้ฝึกตนจำนวนมาก ที่เอาแต่จับจ้องชายหนุ่ม
...
ภายในสำนักติงหลง
ติงรุ่ยและหลงหว่านชิง เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
แต่หญิงชรากลับไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ ตราบใดที่มีโล่หยกั คอยปกป้องนางอยู่เช่นนี้
“หืม? หลงหว่านชิง ท่านอย่าดื้อรั้นนักเลย ที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ก็เพราะข้ายังไม่อยากสังหารท่านเท่านั้น หากข้า้าลงมือเมื่อใด ต่อให้เป็โล่หยกันี่ ก็ไม่อาจคุ้มครองท่านได้” ติงรุ่ยเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ
ถังจู่แห่งหออี้ผินมองหญิงชรา ด้วยสายตาเยียบเย็น “ติงรุ่ย เ้าไม่อยากสังหารอย่างนั้นหรือ? ขังข้าเอาไว้เช่นนี้ ก็มิได้ต่างอะไรกับการฆ่าให้ตายทั้งเป็”
หญิงชรามองกลับด้วยสายตานิ่งเรียบ
“เ้าไม่กลัวท่านตาของข้าหรืออย่างไร? ในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่นี้ ท่านตาคงกำลังตามหาข้าอยู่ แต่หากข้าตายไปเมื่อใด ท่านตาก็จะตามไล่ล่าเ้าแน่... ฮ่าๆๆๆ!”
“หลงหว่านชิง ชีพจรันั้น ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเป็ของข้า ข้าจะให้เวลาท่านได้มีชีวิตอยู่นานอีกสักหน่อย ส่วนท่านตาของท่านนั้น เขาไม่มีทางรู้เื่นี้แน่
ท่านตาของท่านมิได้ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดที่จะตามหาคนที่สังหารแม่ของท่านได้ และตอนนี้ เขาก็กำลังจะปล่อยให้ท่านตาย เหมือนแม่ของท่าน!” ติงรุ่ยกล่าวอย่างเ็า
“หืม?” หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยือกเย็น รู้ดีว่าสิ่งที่ติงรุ่ยเอ่ยมาทั้งหมด มิได้ล้อเล่นแน่
“เปี่ยวอี๋!” ทันใดนั้น เสียงของติงตงก็ดังขึ้นจากนอกห้อง
ประตูห้องโถงถูกเปิดออก พร้อมกันนั้น ชายชราก็รีบเดินเข้ามาอย่างร้อนรน พลางมองหลงหว่านชิงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“คารวะท่านถังจู่แห่งหออี้ผิน” ติงตงทักทายอย่างนอบน้อม
“เฮอะ!” หญิงสาวตอบกลับอย่างมึนตึง ก่อนหันหน้าหนี ไม่อยากรับรู้สิ่งใด
“มีอะไรหรือ?” ติงรุ่ยถามเสียงเรียบ
“กู่... กู่ไห่อยู่ที่นี่!” ติงตงรายงานอย่างกังวล
“อะไรนะ?” ดวงตาของหญิงชราเบิกกว้าง ทันทีที่ได้ยิน
“กู่ไห่?” หลงหว่านชิงก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยไปกว่ากัน
“ใช่แล้ว! ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ได้ยินมาว่า เขาได้ทำลายพรรคต้าเฟิงและสำนักซ่งเจี่ยไปแล้ว และตอนนี้ เขาก็มาถึงสำนักติงหลงแล้ว
เปี่ยวอี๋... พวกเราจะทำอย่างไรดี? กู่ไห่ช่างโเี้นัก เมื่อครู่ มีศิษย์มารายงานให้ข้าฟัง ว่าเขาสามารถสังหารศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งหมด ได้โดยลำพัง” ชายชราพูดอย่างร้อนรน
“คนเดียว? ฆ่าศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งหมด? ไม่มีทาง!” หลงหว่านชิงขัดขึ้น อย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
เป็ไปได้อย่างไร? เมื่อครึ่งปีก่อน กู่ไห่เพิ่งจะเลื่อนระดับพลังไปเป็ขั้นก่อ์ แต่เขากลับสังหารศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งหมดได้? มีกันถึงห้าพันหรือหกพันคนมิใช่หรือ?
ติงตงยกยิ้มขมขื่นให้นาง ความหมายของรอยยิ้มเศร้านั่น ... แปลว่าทุกอย่างที่ได้ยิน คือเื่จริงอย่างนั้นหรือ?
แววตาหญิงสาวสั่นระริก ก่อนหน้านี้ ก็เคยได้รับรู้ถึงความสามารถของกู่ไห่มาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าตนประเมินคนผู้นี้ต่ำเกินไป
ในโลกของเซียนหมากล้อม เดิมนางเพียงคิดว่า ‘ความชอบ’ คือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเล่นหมากได้ดี แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า ‘ฝีมือในการเดินหมาก’ จะมิใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ง่ายดายเช่นนั้น เพราะแท้จริงแล้ว มันเป็สิ่งที่สะท้อนถึงศักยภาพของผู้เล่นต่างหาก
กู่ไห่? หัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน?
ทันใดนั้น ดวงตาของหลงหว่านชิงพลันเปล่งประกาย เขาอยู่ที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ?
ติงรุ่ยหันไปมองหญิงสาว ก่อนเผยรอยยิ้มเย็นเยียบบนใบหน้า “หลงหว่านชิง ท่านหวังที่จะให้กู่ไห่มาช่วยอย่างนั้นหรือ?”
“หืม?”
“อย่าได้หวังเลย เดี๋ยวข้าจะจับมันมาขังรวมกับท่านเอาไว้ เป็อย่างไร?” หญิงชราเผยรอยยิ้มเย็นะเื
“ติงรุ่ย?” หลงหว่านมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉยเมย
“เปี่ยวอี๋ ตอนนี้เราไม่อาจจับเขาได้” ชายชรากล่าวเสียงแ่
“หืม?” หญิงทั้งสองมองติงตงด้วยความสงสัย
“กู่ไห่กำลังแก้หมากอยู่” เขาพูด
“หมายความว่าอย่างไร? เกิดอะไรขึ้น?” หญิงชราถามด้วยความสงสัย
“กู่ไห่มีทักษะหมากล้อมที่แข็งแกร่งจนน่าใ ในเวลาเพียงสั้นๆ เขาสามารถแก้หมากได้มากกว่าร้อยกระดานแล้ว” ติงตงรายงาน
“ร้อยกระดาน? เ้าล้อข้าเล่นหรือ? เขาใช้เวลาไปนานเท่าใด?” ติงรุ่ยเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“สองชั่วยามเท่านั้น!” ชายชราบอก
“เป็ไปไม่ได้ แค่สองชั่วยาม เขาจะสามารถแก้หมากร้อยกระดานได้อย่างไร?” หญิงชราถาม อย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตน
“มันคือเื่จริง กู่ไห่เดินหมากห้ากระดานในครั้งเดียว เมื่อเขาแก้ได้ห้ากระดานแล้ว ก็เล่นต่ออีกห้ากระดาน ทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ากำลังประลองหมากกับพวกมือใหม่กระนั้น...” ติงตงกล่าว พลางยกยิ้มเจื่อนๆ
“แก้หมากห้ากระดานในคราเดียว? เ้าหมายความว่าอย่างไร?” ติงรุ่ยถามอีก
“ก็คือ การเดินหมากห้ากระดานพร้อมกันอย่างไรเล่า”
หญิงชรานิ่งอึ้ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลงหว่านชิงพลันรู้สึกประหลาดใจ ในความสามารถของชายผู้นั้นไม่น้อย “ฝีมือหมากล้อมของกู่ไห่นี่ ไม่ธรรมดาเลย”
“เปี่ยวอี๋ ยังคิดจะจับตัวเขาอยู่อีกอย่างนั้นหรือ? ใช้เวลาเพียงสองชั่วยาม แต่สามารถแก้หมากได้ถึงร้อยกระดาน และยังคงแก้ต่อไปได้เรื่อยๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่าาาหมากล้อมทั้งสาม ที่เราเชิญมาในสำนักเสียอีก” ชายชราพูด
แววตาของติงรุ่ยฉายแววสับสน
จับกู่ไห่หรือ? แต่สิ่งที่นาง้ามากกว่า ก็คือการแก้หมากทั้งสามพันกระดานนี้ให้เร็วที่สุด
“เอาละ... ให้เขาแก้หมากต่อไป” หญิงชราสั่งเสียงเย็น
หลงหว่านชิงคลี่ยิ้มบางๆ ในที่สุดก็เข้าใจคำพูดของไต้ซือหลิวเหนียน ที่เคยเอ่ยว่า คนที่มีคุณค่านั้น ความสามารถคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
“หลงหว่านชิง เ้าลองคิดดูดีๆ อีกที ตอนนี้เ้ามีเวลาไม่มากแล้ว” ติงรุ่ยเอ่ยเสียงเย็นเยือก ก่อนหันหลังเดินออกไป
“ติงรุ่ย หากเ้าอยากจะฆ่าปิดปากข้าโดยไม่ให้เหลือร่องรอย ก็ต้องปิดปากทุกคนเช่นกัน ดังนั้น ทั้งสำนักติงหลงนี่ เ้าก็จงทำลายเสียให้สิ้น เพราะมีเพียงคนตายเท่านั้น ที่พูดไม่ได้” หญิงสาวกล่าวกลั้วหัวเราะ
หลงหว่านชิงเอ่ยะโไล่หลังอีกฝ่ายไป ก่อนมองติงตงที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเรียบเฉย
ชายชราตัวสั่นเทา หันไปมองติงรุ่ย ก่อนเดินตามอีกฝ่ายไปโดยมิได้เอ่ยอะไร
ตึง!
ประตูของห้องโถงใหญ่ปิดลงอีกครั้ง
แต่ใบหน้าของหญิงสาว กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
...
สำนักติงหลง ณ ลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ชายชราชุดคลุมสีแดงกำลังเล่นหมากอยู่ โดยบริเวณรอบข้าง มีผู้ฝึกตนหลายร้อยคนยืนดู...
“ท่านอาจารย์ หมากกระดานนี้น่าประทับใจมาก”
“เบาเสียงหน่อย อาจารย์กำลังประลองการแก้หมากกับาาหมากล้อมแห่งทะเลใต้อยู่ พวกเ้าอย่ารบกวนสิ”
“ขอรับ!”
“ศิษย์พี่ ท่านอาจารย์เป็ถึงาาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือ แต่กลับไม่อาจจัดการกับาาหมากล้อมแห่งทะเลใต้ได้โดยตรง จริงๆ แล้ว หากจะรับมือก็ไม่ยากนัก ทำไมจึงไม่ประลองด้วยการเดินหมากกันสักกระดาน ให้รู้แพ้รู้ชนะไปเลยล่ะ? ต้องใช้วิธีนี้ด้วยหรือ? ”
“ใช่แล้ว! แก้หมากได้หนึ่งกระดาน จะได้รับหินิญญาระดับสูงสิบก้อน สำหรับคนอื่นนั้น ถือว่ามีค่าไม่น้อย แต่สำหรับอาจารย์แล้ว เขาไม่จำเป็ต้องสนใจมันเลย”
“าาหมากล้อมแห่งทะเลใต้นั่นก็เหมือนกัน มาแข่งแก้หมากล้อมของสำนักติงหลงที่อยู่ห่างถึงเกาะจิ๋วหวู่ ช่างแปลกจริงๆ”
“หรือบางที มันอาจเกี่ยวข้องกับคนในห้องนั้น?”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ก็มองไปยังห้องใต้หลังคาที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งาาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือเคยสั่งไว้ว่า แม้พวกตนจะติดตามเขาเข้ามาในสำนักติงหลง แต่ก็ไม่ควรย่างกรายไปแถวนั้น
แต่พวกเขาสามารถเดินไปรอบๆ บริเวณได้ตามที่้า ซึ่งก็เป็เช่นเดียวกันกับคนของทางฝั่งาาหมากรุกแห่งทะเลใต้ ที่โดนสั่งห้าม ไม่ให้ไปรบกวนแถวๆ ห้องใต้หลังคานั่น
...
ในห้องใต้หลังคา
ชายชุดขาวคนหนึ่ง กำลังเอนกายพิงหน้าต่างพลางดื่มสุราชั้นดี ดวงตาของเขาหรี่ลง ขณะมองนิ่งไปที่กระดานหมาก ด้านหน้าาาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือ
ห้องใต้หลังคานี้ ถือว่าเป็จุดที่ดีมาก ไม่เพียงสามารถมองเห็นฝูงชนที่อยู่โดยรอบ แต่ยังเห็นการแก้หมากของาาหมากแห่งทะเลใต้อีกด้วย
“าาหมากล้อมแห่งทะเลใต้ และาาหมากล้อมแห่งทะเลเหนือ? ทุกคนล้วน้าที่จะได้รับการสืบทอดจากข้า แต่ทักษะของพวกเ้านั้น... หึ! ช่างไม่ดีเอาเสียเลย” ชายชุดขาวจิบสุราชั้นดีในมือ พร้อมเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย
ขณะนั้นเอง ผู้ใต้บังคับบัญชาชุดเทาก็วิ่งมาหา ก่อนกระซิบ “คุณชายเก้า กู่ไห่ก็มาด้วยขอรับ!”
“หืม?” คุณชายเก้าหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เขาช่างแก้หมากในกระดานเ่าั้ ได้รวดเร็วนัก!”
“กูไห่ก็มาด้วยอย่างนั้นหรือ? ดีๆ!” คุณชายเก้าเอ่ย ดวงตาเป็ประกาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้