สีหน้าของชายหนุ่มที่เืเย็นและสยงถูเริ่มเปลี่ยนไป แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ ก็จำเป็ต้องระงับความโกรธไว้ให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้น อาจจะนำมาซึ่งหายนะได้
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบด้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีคนจำตัวตนของสยงถูและชายหนุ่มเืเย็นได้
“นั่นมันหลิงซวีลูกชายคนเดียวของหลิงตู้หวัง และสยงถู ลูกคนที่ห้าของสยงเทียนโห่ว ข้าได้ยินมานานแล้วว่าสยงถูลูกชายของสยงเทียนโห่วเป็คนยโสโอหัง นึกไม่ถึงว่าวันนี้เขากลับต้องมาเจอคนจริงเสียบ้างแล้ว”
“หากเด็กหนุ่มคนนี้เป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้จริง ต่อให้เป็หลิงตู้หวัง หรือสยงเทียนโห่วมาด้วยตนเองก็คงไม่กล้าทำอะไรเขา นับประสาอะไรกับลูกชายของเขาโดยลำพัง”
“นึกไม่ถึงเลยจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้เฒ่าร้องไห้จะยอมรับศิษย์แล้วจริงๆ แม้จะเป็อดีตคนขุดหลุมศพแล้วอย่างไรหรือ? ตอนนี้เขากลับได้เลื่อนสถานะได้อย่างสบาย”
“ในภายภาคหน้า ดูเหมือนแดนต้าโหมวเทียนจะมีที่ให้กับหลี่โหยวฉายผู้นี้แน่นอน”
เมื่อได้ยินการสนทนากันของเหล่าผู้ฝึกตนรอบด้าน ชายหนุ่มเืเย็นหลิงซวีและสยงถูต่างมีสีหน้าที่น่าเกลียดไปกว่าเดิมเล็กน้อย จากนั้นจึงหันกลับไปมองฉินอวี่ด้วยสีหน้าที่มืดมน หลิงซวีค่อยๆ พูดขึ้นมา “สหายหลี่ อย่าได้ทำอะไรอีกเลย ปล่อยวางเถอะ เหตุใดต้องข่มเหงกันเช่นนี้?” หากวันนี้ต้องก้มหัวให้ฉินอวี่ แล้วหลิงซวีจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก?
“ตอนนี้รู้จักการให้ปล่อยไปแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้พวกข้าสามคนก็ยืนอยู่ตรงนี้ดีๆ พวกเ้าสามคนก็โจมตีเข้ามา แต่นี่ยังไม่เท่าไร จู่ๆ พวกเ้าก็ฟาดแส้ฆ่าัเข้ามาอีก เอาอย่างหรือไม่ พวกเ้าลองไปรับแส้ฆ่าัสักสามที เื่ในวันนี้ก็เป็อันแล้วกันไป เป็อย่างไร?” ฉินอวี่จ้องไปทางหลิงซวี และพูดอย่างเย้ยหยันด้วยคำพูดที่หลิงซวีพูดขึ้นก่อนหน้านี้
ทุกคนต่างตกอยู่ในความโกลาหล รับแส้ฆ่าัสามที แม้ว่าหลิงซวีจะเป็คนขั้นเทพ์ระดับต้นก็อาจต้องนอนพักฟื้นอยู่ยาวหลายเดือนแน่นอน
“ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้จริงๆ ไม่เช่นนั้นจะกล้าทำให้ลูกชายคนที่ห้าของหลิงตู้หวังขุ่นเคืองหรือ? อย่างไรก็ตาม หลิงตู้หวังมีลูกตอนแก่ จึงไม่ค่อยได้อบรมสั่งสอนลูกมากนัก จากวันนี้ไป เกรงว่าหลี่โหย่วฉายคงจะทำให้หลิงตู้หวังขุ่นเคืองอย่างมากแน่นอน”
“หลิงตู้หวัง? เหอๆ มีผู้เฒ่าร้องไห้อยู่ หลิงตู้หวังจะกล้าลองดีกับหลี่โหย่วฉายหรือ?”
“อย่าว่าแต่ลูกชายของหลี่ตู้หวังเลย แม้จะเป็บุตรของเต้าจวิน ก็ทำอะไรหลี่โหย่วฉายไม่ได้หรอก!”
ท่ามกลางการสนทนากันของผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ สีหน้าของหลิงซวีและสยงถูก็ยิ่งดูไม่ได้มากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนเหล่านี้ แม้แต่พวกเขาสองคนก็ยังเชื่อว่าฉินอวี่เป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ ไม่เช่นนั้น จะกล้าข่มขู่ผู้อื่นไม่หยุดหย่อนเช่นนี้หรือ?
“สหายหลี่ ก่อนหน้านี้เป็ความผิดของข้าเอง เป็เพราะพวกข้ารีบร้อน และพวกเ้าสามคนก็ยืนนิ่งขวางทางอยู่ไม่ขยับไปไหน ข้าจึงใจร้อนลงมือใส่พวกเ้า” สยงถูเริ่มอ่อนลง ตอนนี้เขาคิดเพียงจะถอยหนีออกไป เพราะชื่อของศิษย์ผู้เฒ่าร้องไห้ทำให้เขาอึดอัดเป็อย่างยิ่ง
ฉินอวี่มองสยงถูอย่างสงสัย นึกไม่ถึงว่าสยงถูที่ดูเหมือนจะชาญฉลาด จะอ่อนข้อลงถึงเพียงนี้ แต่ฉินอวี่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สายตายังคงจับจ้องหลิงซวี ในวันนี้ ฉินอวี่ตัดสินใจอย่างหนักแน่นแล้วว่าจะต้องจัดการกับหลิงซวีให้ได้
เขาไม่คิดว่าเื่เล็กๆ ในวันนี้ จะไม่สามารถทำอะไรหลิงซวีได้ หากมองจากความบูดบึ้งและหม่นหมองในดวงตาแล้ว ในใจของหลิงซวีจะต้องเป็คนที่โเี้มาก ในเมื่อถูกทำให้ขุ่นเคืองใจแล้ว จะไม่คิดข่มเหงกันถึงตายหรือ?
หากเอาความเป็ศิษย์ผู้เฒ่าร้องไห้ออกไป ฉินอวี่จำเป็ต้องแสดงความแข็งแกร่งออกมา ประการแรกคือการให้คนเชื่อถือ ประการที่สองเป็เพราะสถานะของตนเอง ไม่เช่นนั้นเขาอาจเกิดเื่ใหญ่ถึงชีวิตได้ อย่างน้อยที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่ในแดนต้าโหมวเทียน จะต้องไม่ให้สถานะนำพาหายนะมาสู่ตนเอง
“สหายหลี่ เ้ายังไม่ยอมวางมือใช่หรือไม่?” ใบหน้าของหลิงซวีดูหม่นหมองยิ่งนัก สายตาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเกือบจะเหมือนดาบเหมือนกระบี่ ที่อยากจะฟาดฟันฉินอวี่ออกเป็พันๆ ครั้ง
“ก่อนหน้านี้ข้าก็อยากถามเ้าเช่นนี้” ฉินอวี่พูดอย่างใจเย็น
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลิงซวีกระตุก เหลือบมองฉินอวี่อย่างน่ากลัว และพูดอย่างเยือกเย็น “ข้าก็อยากรู้นักว่าเ้าจะทำอย่างไรกับพวกข้า สยงถู ไปกันเถอะ!” พูดจบ หลิงซวีหันหลังกลับไป สยงถูมองไปยังหลิงซวี จากนั้นจึงหันมองฉินอวี่ หลังจากขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินตามหลังหลิงซวีไป
“กลับไปรายงานหลิงตู้หวัง สยงเทียนโห่ว ฟาดด้วยแส้ฆ่าัให้ครบห้าหน ห้ามน้อยไปแม้แต่ครั้งเดียว! จำไว้ด้วย บอกด้วยว่าข้าหลี่โหย่วฉายเป็คนพูด” ฉินอวี่หรี่ตาลงมองทั้งสองคนจากออกไป และพูดอย่างเฉยเมย
ใบหน้าของหลิงซวีดูเหี้ยมมากยิ่งนัก และหยุดลงครู่หนึ่ง ก่อนก้าวเท้าเดินออกไป สยงถูสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเดินตามไปทันที
ฉินอวี่มองทั้งสองคนเดินจากไป และยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนกวาดสายตามองผู้ฝึกตนที่กำลังหวาดกลัวอยู่โดยรอบ และมองไปยังหวังจงกับหลิวเจ๋อที่แข็งทื่อเหมือนไก่ไม้สลัก พร้อมพูดอย่างเฉยเมย “ไปกันเถอะ ไปชมเมืองเทียนโหมวชั้นนอกกัน!” พูดจบ ฉินอวี่ก็เดินไปยังร้านค้าแห่งหนึ่งทันที
หวังจงและหลิวเจ๋อเพิ่งได้สติขึ้นมา จนถึงตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังไม่รู้สึกถึงความรู้สึกจริงในตอนนี้มากนัก เมื่อเห็นฉินอวี่จากไป ทั้งสองคนจึงเดินตามเขาไปอย่างงุนงง
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบด้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปทางฉินอวี่ด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ใครที่พอจะรู้เื่ราว ต่างรู้กันว่า หลิงซวีและสยงถูคงหนีไม่พ้นแส้ฆ่าัทั้งห้ายกนั้นแน่นอน หลิงตู้หวัง สยงเทียนโห่วคงไม่กล้าปล่อยให้เหตุนี้ขุ่นเคืองถึงผู้เฒ่าร้องไห้แน่
ในเวลาเดียวกันนี้
เมืองเทียนโหมวชั้นใน ในจวนอันหรูหราแห่งหนึ่ง!
หลัวชิงเยว่กำลังจ้องมองม่านแสงที่อยู่ตรงหน้า กลางม่านแสงนั้น ฉินอวี่กำลังเดินเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงมองไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดขุนนางบุ๋น และพูดด้วยท่าทางใ “ท่านพ่อ ท่านบอกว่าในร่างกายของเขามีเพลิงมรณะหรือ?”
คิ้วอันคมราวกระบี่ของชายวัยกลางคนเผยให้เห็นเจตนาอันไร้ความโกรธคืองจากภายใน หลังจากนิ่งคิดอยู่นาน ชายวัยกลางคนจึงตอบกลับไป “เ้าเห็นด้วยตาตนเองหรือไม่ ว่าผู้เฒ่าร้องไห้พาเขาเข้าไปในซากปรักหักพังแห่งนั้น?”
“ใช่” หลัวชิงเยว่พยักหน้า หลังจากที่กลับมาถึงเมืองเทียนโหมวชั้นใน
“เพลิงมรณะ ร่างอสุนีลึกลับ หยาจื้อ สายเืเสวียนอู่ อาวุธในกลุ่มพลังสายฟ้า รู้กันว่าเป็ของตระกูลเหลยของตี้หวัง แม้แต่บุตรชายของหลิงตู้หวังก็ยังกล้าล่วงเกิน เด็กคนนี้คงจะเป็ศิษย์แท้จริงของผู้เฒ่าร้องไห้ ไม่ใช่แค่ศิษย์ในนาม” ชายหนุ่มวัยกลางคนกล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“แล้วเช่นนั้นทำไมเขาต้องบอกว่าตนเองเป็ศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ล่ะ? อีกอย่าง เขาทำเช่นนี้เพื่อสร้างสถานการณ์มาข่มขู่พวกเราหรือ? บางทีอาจบอกได้ว่า เขาอาศัยชื่อของผู้เฒ่าร้องไห้เพื่อปกปิดความลับในร่างกายตนเอง?” หลัวชิงเยว่เหลือบมองฉินอวี่ในม่านแสง และถามขึ้นทันทีทันใด
“มีความเป็ไปได้อยู่บ้าง แต่น่าจะไม่มากนัก เด็กคนนี้มีความลึกลับยิ่งนัก ทำอะไรเด็ดเดี่ยว ไม่เหมือนกับการสร้างสถานการณ์เพียงข่มขู่ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาสร้างสถานการณ์จริง ก็ไม่น่าจะกล้าถึงขั้นล่วงเกินหลิงตู้หวังถึงขั้นร้ายแรงเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น หากหลิงตู้หวังโกรธขึ้นมาละก็ แม้แต่เ้าเองก็คงไม่อาจปกป้องเขาได้ เื่นี้เขาคงรู้ดีกว่าเ้าแน่นอน อีกอย่าง คนที่มีพลังเพลิงมรณะในแดนต้าโหมวเทียน มีเพียงคนเดียวคือผู้เฒ่าร้องไห้” ชายวัยกลางคนพูดช้าๆ พร้อมดวงตาที่หรี่ลง
“แต่หลายปีมานี้ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่ต้องตาผู้เฒ่าร้องไห้ อีกอย่าง ข้ารู้สึกเหมือนว่าหลี่โหย่วฉายกำลังปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้” หลัวชิงเยว่กล่าว
“ไม่มีความแน่นอนในทุกเื่ ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้สามารถตอบคำถามผู้เฒ่าร้องไห้ได้ถึงสองครั้ง ก็มีความเป็ไปได้มากที่ผู้เฒ่าร้องไห้จะรับไว้เป็ศิษย์ ส่วนเื่ที่บอกว่าเป็แค่ศิษย์ในนามนั้น อาจเป็เพราะมีแผนการบางอย่าง”
“มีแผนการบางอย่างหรือ?” หลัวชิงเยว่สงสัย
“ผู้เฒ่าร้องไห้อาศัยในซากปรักหักพังนั้นมานานจนนับปีไม่ได้แล้ว แต่หลี่โหย่วฉายแตกต่างออกไป เขายังหนุ่มยังแน่น เขาไม่มีวันเต็มใจจะถูกขังอยู่ในแดนต้าโหมวเทียนแห่งนี้แน่นอน แม้แต่สิ่งที่เขาบอกว่าเป็ศิษย์ในนาม เกรงว่าคงจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พวกเราช่วยเขาให้กลายเป็ศิษย์แท้จริงของผู้เฒ่าร้องไห้ คิดจะอาศัยพวกเราเพื่อให้ได้สิ่งที่เขา้า”
“หากเป็เช่นนี้ นั่นยังจะต้องพาคนผู้นี้เข้าไปยังเมืองเทียนโหมวชั้นในหรือไม่? อีกอย่าง ข้ายังต้องรับเขาเป็อสูรอารักขาหรือไม่?” หลัวชิงเยว่สงสัย
“รับสิ ทำไมถึงไม่รับ? แต่หากจะรับ จะต้องพยายามตอบสนองทุกความ้าของเขาด้วย” ชายวัยกลางคนพูดอย่างหนักแน่น
ดวงตาอันงดงามของหลัวชิงเยว่หลุบลงเล็กน้อย ในสายตามีแสงอ่อนๆ ส่องประกาย และมองไปทางชายวัยกลางคน ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ “เพลิงมรณะนั่น...”
“เื่นี้ข้าจะไปรายงานปู่ทวดของเ้าเอง เมื่อเทียบกับการทำลายพันธนาการนี้แล้ว เพลิงมรณะไม่มีความหมายอะไรเลย?”
ไม่ถึงครึ่งวัน เื่ราวของหลี่โหย่วฉายได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเทียนโหมวชั้นนอก เื่นี้จะต้องสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ท้ายที่สุด ผู้เฒ่าร้องไห้ที่ขึ้นชื่อเื่ความดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อมีข่าวลือออกไปมากขึ้นทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียน หากผู้เฒ่าร้องไห้ถูกยอมรับให้เป็ที่สอง ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นเป็ที่หนึ่ง เขาจึงคู่ควรเป็ผู้แข็งแกร่งที่สุดในแดนต้าโหมวเทียน
และเหตุนี้ เมื่อศิษย์ในระดับชั้นยอดได้ถือกำเนิดขึ้น จะไม่ให้ผู้คนใได้อย่างไร?
ในขณะที่เมืองเทียนโหมวชั้นนอกยังคงคึกคัก ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาอีก หลิงซวี บุตรชายคนเดียวของหลิงตู้หวัง และสยงถูบุตรคนที่ห้าของสยงเทียนโห่วที่ล่วงเกินต่อหลี่โหย่วฉาย ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ ได้ถูกลงโทษด้วยแส้ฆ่าัเป็จำนวนห้าครั้งแล้ว จนมีจุดจบปางตาย
และสิ่งนี้ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่โหย่วฉายโด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
“ไม้ใหญ่ต้านลม หลี่โหย่วฉายผู้นี้ไม่กลัวตายเลย...”
“ไม่รู้ว่าหลี่โหย่วฉายนั่นทำอย่างไรจึงได้เป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้... หากต่อสู้ตัวต่อตัว ข้าว่าข้าสามารถท้าเขาสิบคนพร้อมกันได้เลย”
เสียงของความอิจฉาริษยาเช่นนี้ดังขึ้นทั่วไป
ฉินอวี่ หวังจง และหลิวเจ๋อเดินเลือกซื้อสินค้าตามร้านในเมืองเทียนโหมวชั้นนอกอย่างสบายๆ สำหรับการวิจารณ์ของคนนอกและมโนจิตจำนวนมากที่ปกคลุมเขาอยู่ ไม่ได้อยู่ในความสนใจของฉินอวี่เลย
ไม้ใหญ่ต้านลม? เหอะๆ ผู้แข็งแกร่งทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียน คงไม่้ามีเื่หรอกใช่หรือไม่
“หลี่โหย่วฉาย ตามข้าไปเมืองเทียนโหมวชั้นใน” ขณะที่ฉินอวี่กำลังดูอาวุธชิ้นหนึ่งอยู่นั้น เสียงของหลัวชิงเยว่ก็ดังขึ้นมา
ดูเหมือนฉินอวี่จะคาดหวังสิ่งนี้ไว้นานแล้ว จึงรีบหันกลับไปหาหลัวชิงเยว่ที่อยู่ทางด้านหลัง และพูดอย่างเฉยเมย “พาพวกเขาสองคนไปด้วยได้หรือไม่?”
