“เ้ามาได้เวลาพอดี” หร่านซวี่จือล้วงขวดยาในเสื้อออกมา “ยานี่ เ้าเป็คนเอาให้เขาหรือ? ”
เมื่อหรวนเสี่ยวเหอเห็นขวดยา ความวิตกก็ฉายอยู่บนใบหน้าแวบหนึ่ง แล้วหนุ่มน้อยก็เอ่ยอย่างกังวล “เป็ของเสี่ยวเหอขอรับ”
หร่านซวี่จือพยักหน้าพลางโยนขวดยานั้นคืนให้หรวนเสี่ยวเหอ
“หรวนเสี่ยวเหอ เ้าคงไม่ได้ลืมว่าตนเองเป็ผู้ชายในหอนางโลมแห่งนี้หรอกนะ” หร่านซวี่จือเอ่ย
หรวนเสี่ยวเหอรับขวดยามาและกำไว้ในมือ พร้อมกับส่ายศีรษะ
“เ้านั้นเป็คนที่รู้กาลเทศะมาตลอด ทว่า เส้นกั้นบางอย่างก็ต้องระวัง ต้องแบ่งแยกว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร” หร่านซวี่จือสะบัดพัดออกแล้วโบกสองสามที
“เสี่ยวเหอทราบแล้วขอรรับ”
หรวนเสี่ยวเหอก้มหน้าก้มหน้าด้วยอาการเศร้าสร้อยเล็กน้อย
หร่านซวี่จือพยักหน้าด้วยความพอใจ เมื่อพูดเสร็จก็หันหลังจะจากไป ใครจะรู้ว่าพอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงที่มีความขี้ขลาดอยู่บ้างของหรวนเสี่ยวเหอที่อยู่ด้านหลังก็ดังขึ้น “นาย…นายท่าน…”
หร่านซวี่จือชะงักแล้วหันศีรษะกลับมามองเขา
ราวกับว่าหรวนเสี่ยวเหอนั้นรวบรวมความกล้าอย่างมาก น้ำเสียงของเขาดังขึ้นมาจากปกติไม่น้อย “นายท่าน เสี่ยวเหอมีเื่จะขอร้อง! ”
“ว่ามา”
“นายท่าน พอจะสามารถจัดสรรเวลาพักผ่อนให้คุณชายน้อยได้บ้างหรือไม่ขอรับ วัยของคุณชายเช่นนี้ วันวันเอาแต่ยุ่งจนดึกจนดื่น ร่างกายก็มีาแนับไม่ถ้วน…” ขณะที่หรวนเสี่ยวเหอพูด ขอบตาของเขาแดงก่ำ
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หร่านซวี่จืออดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น
“่เวลาพักผ่อนหรือ? ”
หร่านซวี่จือหุบพัดเก็บเสียงดัง ‘พรึบ’ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “เ้าเป็เพียงชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป มีสิทธิ์อันใดมาพูดเื่การสั่งสอนของข้า? จินเฟิงคือน้องชายแห่งเ้าสำนักชิงหยาเก๋อ ทุกเศษเสี้ยวนาทีของเขาล้วนไม่ควรถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง เ้าเป็เพียงเกอิชาเล็กๆ คนหนึ่ง ทุกวันเอาแต่สรรหาความรื่นเริงและเป็ปฏิปักษ์ต่อข้า แล้วใครกันที่มอบความกล้าแก่เ้า ให้เ้ามาสิ้นเปลืองเวลาระหว่างข้ากับจินเฟิง? ”
“น่าขันสิ้นดี”
พอหร่านซวี่จือพูดจบ เขาก็ไม่ได้สนใจหรวนเสี่ยวเหอที่หน้าดำหน้าแดงอยู่ แล้วก็จากไปทั้งอย่างนั้น
ในชาติที่แล้ว หรวนเสี่ยวเหอนั้นยืนอยู่ข้างจินเฟิงอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ต่อมาก็มีหลายคราที่คิดทำร้ายร่างเดิมเพื่อที่จะช่วยจินเฟิงกำจัดเขา หากแต่น่าเสียดายที่ความสามารถของเขานั้นไม่มากพอจึงทำไม่สำเร็จ กลับกันคือถูกคนจับได้และมอบตัวให้หร่านซวี่จือ
แม้ว่ายามนี้หรวนเสี่ยวเฟิงจะเป็คนที่มีค่าสำหรับจินเฟิง บางทีอาจจะเป็คนรักในอนาคตของจินเฟิง แต่หร่านซวี่จือนั้นรู้สึกต่อต้านเขาจากข้างในจิตใจ ไม่ใช่เพียงแค่หรวนเสี่ยวเหอนั้นมีจิตเป็อริกับตน แต่ยังเป็เพราะความใกล้ชิดของหรวนเสี่ยวเหอกับจินเฟิงนั้นมีมากกว่าระหว่างเขากับจินเฟิง
เฮ้อ เื่ทั้งหมดนี้ต้องโทษร่างเดิม
หร่านซวี่จือคิดไปพลาง แล้วก็ส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจไปพลาง
ขณะที่หร่านซวี่จือเดินกลับไปที่ห้องก็เจอกับหลิงอวิ้นที่หน้าประตู ร่างกายของเธอนิ่งไม่ขยับ เหมือนว่ายืนอยู่นานแล้ว
“เ้ามีเื่อันใด? ” หร่านซวี่จือเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินเสียงของหร่านซวี่จือ หลิงอวิ้นก็หันศีรษะมามอง แล้วทำความเคารพ จากนั้นยื่นมือออกมาจากแขนเสื้อ ในมือนั้นถือห่อผ้าไว้หนึ่งห่อ
“นี่คือ? ” หร่านซวี่จือเดินไปแล้วรับห่อผ้านั้น ด้านในมีทั้งถุงหอมสีขาวหิมะ และพวกยาทาที่มีมูลค่าสูง
“สำหรับเื่เมื่อวาน ขอบพระคุณนายท่านมาก” หลิงอวิ้นเอ่ยด้วยเสียงไพเราะ
หร่านซวี่จือเข้าใจว่าหลิงอวิ้นมาเพื่อกล่าวขอบคุณ เขาจึงรับไว้แต่โดยดี “ลำบากแม่นางแล้ว เ้าเป็คนในหอของข้า ข้าก็เพียงแค่ออกโรงช่วยเหลือก็เท่านั้น”
พูดจบ หร่านซวี่จือนึกว่าหลิงอวิ้นจะจากไป ใครจะรู้ว่าหลิงอวิ้นยังคงยืนอยู่หน้าประตูเหมือนกับว่าเธอกำลังลังเลเล็กน้อย
หร่านซวี่จืออ่านความคิดของเธอออก “แม่นางยังมีเื่อื่นอีกหรือ? ”
หลิงอวิ้น “นายท่าน หลิงอวิ้นมีเื่ขอร้อง”
หร่านซวี่จือ “เ้าเอ่ยมาได้เลย”
หลิงอวิ้น “หากนายท่านมีเวลาออกไปพักผ่อนนอกเมือง ท่านจะพาหลิงอวิ้นออกเที่ยวชมด้วยได้หรือไม่? ”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ขนตาของหร่านซวี่จือถึงกับสั่นไหว
คำพูดนี้ก็เคยออกมาจากปากของไป๋หลิงฮัว เพียงแต่เขาไม่สามารถทำตามความปรารถนาของไป๋หลิงฮัวได้
หลิงอวิ้นเอ่ยต่อ “หลิงอวิ้นมาที่เมืองหลวงนานมากแล้ว แต่ยังมิเคยได้ก้าวออกจากเยวี่ยชุนโหลวแม้แต่หนเดียว ฉะนั้นจึงสงสัยใคร่รู้ว่าด้านนอกเป็เช่นไร เหล่าพี่สาวก็มิได้มีความคิดเช่นข้า หากนายท่านยุ่ง ถ้าเยี่ยงนั้นข้าน้อยก็จะไม่ขอรบกวน”
หร่านซวี่จือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน รอจนข้าจัดการธุระของหอใบไม้ผลิแล้วเสร็จ หลังจากนั้นคงจะพอพาเ้าออกไปได้”
หลิงอวิ้นเงยหน้าขึ้นแล้วทำความเคารพ “ขอบพระคุณนายท่าน”
เื่ของจินเฟิงที่เกิดความวุ่นวายใหญ่โตก่อนหน้านี้ เพียงไม่กี่วัน หร่านซวี่จือก็ได้รับสาส์นเชิญจากเจียงเส่าเสวี่ยให้ไปเป็แขกในจวนตระกูลเจียง
เจียงเส่าเสวี่ยอยากแสดงความขอโทษเพียงแต่ในนาม ทว่าหร่านซวี่จือเดาได้ว่าเขาน่าจะ้าถามไถ่เื่จินเฟิง จึงแสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้และไปตามคำเชิญ
หน้าประตูของจวนตระกูลเจียงนั้นค่อนข้างโอ่อ่า หน้าประตูมีสิงโตหินตั้งตระหง่านอยู่สองตัว บานประตูถูกฉาบด้วยสีแดงหรูหรา ดูก็รู้ว่าเป็ตระกูลผู้ดีชั้นสูง
หร่านซวี่จือเดินลงจากรถม้า เมื่อมองไปก็เห็นเงาร่างของเจียงเส่าเสวี่ย
“นายท่านหร่านซวี่จือ ข้ารออยู่เสียนาน” เจียงเส่าเสวี่ยเอ่ยอย่างมีมารยาท
“ข้ากับเ้าอายุห่างกันเพียงสองปี เรียกข้าว่าสหายหร่านซวี่จือก็เพียงพอ ข้าก็จะเรียกเ้าว่าสหายเจียง” หร่านซวี่จือเอ่ยตอบ
“ย่อมได้”
เจียงเส่าเสวี่ยพาหร่านซวี่จือมายังห้องรับแขก “หลายวันก่อนเป็ความมุทะลุของข้าเอง ขออภัย ขอให้จิตใจกว้างขางดุจมหาสมุทรของสหายหร่านซวี่จือเข้าใจด้วย”
“เฮ้อ” หร่านซวี่จือโบกมือ “เื่เล็กน่า ปฏิกิริยาของข้าก็รุนแรงเกินไป เื่นี้ปล่อยให้มันผ่านไปเสียเถิด”
หญิงรับใช้หาที่นั่งให้หร่านซวี่จือนั่ง เมื่อหร่านซวี่จือเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นกระบี่โบราณสีน้ำตาลเข้มตั้งวางอยู่ตรงกลางห้องโถง
“กระบี่นี้มาจากที่ใดหรือ? ” หร่านซวี่จือจงใจถาม
เจียงเส่าเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ตอบว่า “นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของข้าให้มา ในตอนที่ข้าไปร่ำเรียนในแดนไกล”
“จะว่าไป” เจียงเส่าเสวี่ยรินน้ำชาให้หร่านซวี่จือ “สหายหร่านซวี่จือเคยบอกวันนั้นว่า ท่านมีน้องชายอย่างนั้นหรือ? ”
“ท่านมีอะไรหรือ? ”
“แต่ว่า ข้าได้ยินมาว่า น้องชายผู้นี้ของสหายหร่านซวี่จือ เพิ่งพบเจอเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ก่อนไม่ยักเคยได้ยิน” เจียงเส่าเสวี่ยเอ่ย
หร่านซวี่จือหัวเราะ “เป็น้องชายที่เป็ญาติห่างๆ จากแดนไกลของข้า เผอิญวว่าที่บ้านทางโน้นเกิดเื่ขึ้น จึงส่งมาให้ข้า”
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้” จู่ๆ เจียงเส่าเสวี่ยก็เปลี่ยนหัวเื่ “สหายหร่านซวี่จือเคยได้ยินเื่สำนักวายุภักดิ์มาก่อนหรือไม่? ”
หร่านซวี่จือยกน้ำชาขึ้นดื่มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เคยได้ยินมาบ้าง อดีตผู้เก่งกาจหลักแหลมแห่งยุทธภพ ต่อมาเ้าสำนักกับฮูหยินต่างก็สิ้นไป สำนักนี้จึงค่อยๆ ล่มสลาย”
“ถูกต้อง” เจียงเส่าเสวี่ยพยักหน้า “ข้ามีเื่อยากจะขอร้องท่าน”
“สหายหร่านซวี่จือนั้นกว้างขวางในเมืองหลวง ข้าอยากไหว้วานสหายหร่านซวี่จือให้ช่วยจับตาดูคนไม่กี่คน” เจียงเส่าเสวี่ยเอ่ย “คนเหล่านี้ไม่เหมือนคนจงหยวน พวกเขามาจากต่างถิ่นแดนไกล เพื่อเสาะหาเบาะแสของบุตรชายแห่งประมุขสำนักวายุภักดิ์ ถึงตอนนั้นข้าจะบอกเล่าเื่ราวที่เกี่ยวข้องแก่ท่าน หากตรวจพบอะไร ขอให้สหายหร่านซวี่จือแจ้งข่าวข้าโดยเร็ว”
หาเบาะแสของจินเฟิง?
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ จิตใจของหร่านซวี่จือก็หนักอึ้ง
เกิดอะไรขึ้น? คนเหล่านี้มาจากไหน? ชาติที่แล้วไม่เคยระบุไว้
หรือคนเหล่านี้้าทำร้ายจินเฟิง หรือว่าเป็คนจากสำนักวายุภักดิ์อยู่แล้ว หร่านซวี่จือเองก็ไม่แน่ใจ
“ตกลง” หร่านซวี่จือตอบรับ “ข้าจะพยายามสุดความสามารถ”
เมื่อหร่านซวี่จือออกจากจวนตระกูลเจียง เขาก็เข้าไปเดินเล่นในเมือง เมื่อกลับไปถึงเยวี่ยชุนโหลว ฟ้าก็มืดค่ำมากแล้ว ทุกคนกำลังทานอาหารค่ำกันเสร็จและเก็บโต๊ะรับแขกอยู่
จินเฟิงกลับเข้าห้องไปนานแล้ว หร่านซวี่จือก็เดินไปที่ห้องของจินเฟิง และนี่เป็ครั้งแรกที่เขาเคาะประตูอย่างมีมารยาท