ท่านป้าเหลียงฮุ่ยรักและเอ็นดูเจาเจามาก แม้ว่าชาติก่อนท่านป้าโชคไม่ดีเสียชีวิตจากการประชวร แต่ก่อนจากไปก็ยังนึกถึงเด็กกำพร้าเจาเจา ทิ้งองครักษ์จินอู่ครึ่งหนึ่งไว้ปกป้องนาง
เมื่อลองมาคิดใคร่ครวญหลายตลบ ก็พบว่าแท้จริงท่านป้าไม่เคยเอะใจเลยว่าเหลียงอิน บุตรชายของตนเองจะสนใจเจาเจามาั้แ่ต้น อีกทั้งองครักษ์จินอู่ก็ไม่ได้ช่วยชีวิตนาง แต่โดนนางส่งมอบออกไปด้วยตนเองแทน
ขณะที่เจาเจากำลังนึกถึงเื่เข้าวังไปพบท่านป้า ก็ลืมนึกไปว่าจวนเยี่ยนไม่เคยปล่อยให้นางได้ผ่อนคลาย
จู่ๆ เยี่ยนฟางเยว่ บุตรสาวอนุของบ้านใหญ่เกิดป่วยกะทันหัน มีอาการอาเจียนและท้องเสีย หาหมอแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น วันสองวันหลังจากนั้นก็อาการหนักขึ้นจนเกือบตาย
โจวอี๋เหนียง แม่ผู้ให้กำเนิดเยี่ยนฟางเยว่ รู้สึกจนปัญญา จำต้องเชิญนักพรตเข้าจวนมาตรวจ นักพรตคนนั้นร่ายคาถาดังอื้ออึงอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายบอกว่าสวนมวลบุปผาหอมข้างบ้านสามมีปีศาจก่อกวนจนเยี่ยนฟางเยว่ใกลัว
สวนมวลบุปผาหอมเป็ที่ประทับในปัจจุบันของเยี่ยนเหิงและองค์หญิงฉงหยาง อันที่จริงเมื่อทั้งสองแต่งงานกันก็ควรสร้างที่ประทับอีกหลัง แต่องค์หญิงกลัวเยี่ยนเหิงไม่คุ้นชิน ฮองเฮาจึงออกราชโองการให้บูรณะสวนหลวงข้างบ้านสามสกุลเยี่ยนที่ทิ้งร้างมานับสิบปีขึ้นมาใหม่ โดยตีทะลุระหว่างกำแพงสูงของจวนเยี่ยน เพื่อให้เยี่ยนเหิงกับองค์หญิงอาศัยอยู่
องค์หญิงฉงหยางกับเยี่ยนเหิงพำนักอยู่ในเรือนนภาครามที่ใหญ่โตที่สุด ส่วนเยี่ยนเจาเจาพักอยู่เรือนหิมะมรกตอันงดงามที่สุด และด้านในยังมีเขตอาศัยซึ่งแกะสลักและวาดลวยลายบนคานไม้บางแห่ง อย่างหอเซียวเซียงของหนานิเหอด้วย
นักพรตคนนั้นก็ช่างรู้จักปั้นน้ำเป็ตัว บอกว่าปีศาจนั่นมีความชั่วร้ายคละคลุ้ง หากไม่จัดการ เกรงว่าจะรุกรานฮูหยินเฒ่าในจวนก่อนคนแรก
เยี่ยนหลิวซื่อกลัวภูติผีปีศาจเหล่านี้ที่สุด ตอนนั้นเยี่ยนเหิงเองก็อยู่ในวังยังไม่กลับมา องค์หญิงก็อยู่ค่ายทหารเหลียงเป่ย และเป็่ที่เจาเจาพักรักษาตัว นางจึงหาญกล้าเปิดประตูเล็กระหว่างบ้านสามกับสวนมวลบุปผาหอม ให้พวกนักพรตพิลึกพิลั่นเดินแถวยาวเหยียดเข้ามา ก่อนจะเคาะตีไปทั้งสวนมวลบุปผาหอม ส่งเสียงดังเอะอะ
เพียงแต่สวนมวลบุปผาหอมยังมีคนขององค์หญิงอยู่ คนกลุ่มนี้จึงมิอาจเข้าเรือนนภาครามและเรือนหิมะมรกตได้ เลยวิ่งแจ้นไปก่อเื่ที่หอเซียวเซียงซึ่งมีเด็กรับใช้ไม่กี่คนแทน
ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของหนานิเหอโดนคว่ำออกมากองไปทั่ว หนังสือภาพวาดและพู่กันต่างๆ ถูกทุบตีจนเละเทะ นักพรตชรานั่นถึงกับกล่าวว่าห้องนอนของหนานิเหอมีปีศาจ จึงต้องเผาเตียงนอนของเขาทิ้ง
พวกนักพรตนั่นมากันเร็วมาก ตอนเยี่ยนเจาเจาได้รับข่าว พวกเขาก็รื้อสวนมวลบุปผาหอมจนเกือบหมดแล้ว ส่วนหอเซียวเซียงก็พังไม่เป็ท่า
แต่พวกเขากลับใช้ความกตัญญูมาอ้างเพื่อก่อกวนไม่เลิกรา
เสี่ยวชุ่ยและคนอื่นๆ โกรธจัด ั์ตาของเยี่ยนเจาเจาเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม
เยี่ยนฟางหวายามนี้อายุยังน้อย ยังใช้วิธีแบบนี้ไม่เป็ หากเป็เยี่ยนหลิวซื่อก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะกระทำเื่ระแวงตนเองเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นคงเหลือเพียงคนเดียว นั่นก็คือหวังซื่อ แม่ของเยี่ยนฟางหวา
หวังซื่อเกิดในตระกูลมีชื่อเสียง การศึกษาดีเลิศ ทั้งยังเป็หลานสาวจากฮูหยินเอกของฉินกั๋วกง[1] หน้าตาสะสวย งดงามเหนือใคร หลังแต่งงานเข้ามาก็ได้ดูแลสามี อบรมบุตร ปรนนิบัติท่านย่า จัดระเบียบอนุภรรยาเองทุกอย่าง จนชื่อเสียงดีงามเปี่ยมคุณธรรม
คนนอกอาจไม่รู้ แต่เยี่ยนเจาเจาที่อยู่มาสองชาติรู้ว่าภายใต้เปลือกอันอ่อนโยน มีคุณธรรม ได้ซ่อนสตรีโเี้อำมหิตเพียงใดเอาไว้
เกรงว่าที่ตนตบเยี่ยนฟางหวาจนหน้าหันไป สตรีผู้นี้คงทนไม่ไหวแทน
หวังซื่อเป็คนเก่ง นางถึงกับลงมือด้วยตนเอง แปลว่านางให้ความสำคัญกับเยี่ยนฟางหวามาก
นางรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีเยี่ยนเจาเจาตรงๆ จึงลงมือกับลูกพลับนิ่มอย่างหนานิเหอแทน?
ริมฝีปากของเยี่ยนเจาเจาหยักยิ้มเย้ยหยัน ตอนนี้ร่างกายนางดีขึ้นเกินครึ่งแล้ว จะให้นางมองศัตรูมาก่อความวุ่นวายในบ้านตนเองหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังไปก่อเื่กับหอเซียวเซียง ที่เป็เรือนพักอาศัยของหนานิเหออีกด้วย
เยี่ยนเจาเจาตั้งปณิธานไว้แล้วว่าชาตินี้จะดีต่อคนที่รักทะนุถนอมตนเอง ในเมื่อตอนนี้ผู้บังเกิดเกล้าและพี่ชายรองไม่อยู่ในจวน นางก็ควรแสดงอำนาจของเ้านายออกมา
“เสี่ยวชุ่ย เปลี่ยนอาภรณ์” เยี่ยนเจาเจาคิ้วมุ่นลงอย่างเกียจคร้าน แต่แววตากลับปรากฏแววอาฆาต
“เฝ่ยชุ่ย ไปหยิบแส้ทองของข้ามา และเรียกอาเหวินกับอาอู่ให้พาองครักษ์สิบนายไปที่นั่น ข้าอยากเห็นนักว่าคนที่เดินเข้ามาวันนี้ จะมีคนโดนหามออกจากสวนมวลบุปผาหอมไปกี่คน?”
น้ำเสียงของนางเ็าหาใดเปรียบราวกับจะแช่แข็ง เด็กน้อยวัยแปดขวบอย่างนางก็มีกลิ่นอายน่าสะพรึงเช่นนี้บนร่าง
เยี่ยนเจาเจาตายไปแล้วครั้งหนึ่ง นางไม่กลัวใครทั้งนั้น
“องมานีปามีฮง[2] !”
เมื่อเยี่ยนเจาเจามาถึง หอเซียวเซียงก็เละเทะไปแล้ว
นานๆ ทีวันนี้ฝนไม่ตก แต่แดดกลับไม่ออก อากาศรอบๆ จึงทั้งชื้นทั้งหนาว
ตำราและภาพเขียนถูกเหยียบเละฉีกขาดกองอยู่ทั่ว จนตัวอักษรงดงามละลายปนไปกับน้ำบนพื้น
ซ้ายขวาล้วนมีแต่เศษกระเบื้องนับไม่ถ้วน กระทั่งจานฝนหมึกยังแตก
เยี่ยนเจาเจาจำได้ว่านั่นเป็จานฝนหมึกฮุยโจว[3] ที่ท่านพ่อมอบให้หนานิเหอ และเขาก็ชอบมันมาก
พวกนั้นถึงกับกล้าเหิมเกริมเยี่ยงนี้เลยหรือ?
ไม่ว่าวัตถุประสงค์ของหวังซื่อคือให้เยี่ยนเจาเจาถูกรังเกียจ หรือกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างเยี่ยนเจาเจากับเยี่ยนหลิวซื่อก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ต้องบอกว่านางได้บรรลุเป้าหมายแล้ว
เยี่ยนเจาเจารู้สึกถึงโทสะที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในใจ นางจึงหลับตาสูดลมหายใจลึก ยามลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตารูปเมล็ดซิ่งก็เหลือเพียงความชิงชัง
บรรดานักพรตที่ไม่รู้ตัวว่าเป็คนเลวยังคงะโโหวกเหวกตรงกลางเรือนสี่ประสานของหอเซียวเซียง โต๊ะเขียนหนังสือและเตียงนอนของหนานิเหอกำลังลุกไหม้
เด็กในชุดคลุมนักพรตโยนยันต์ไปทั่ว ดูแล้วเหมือนกระดาษกงเต๊กที่โปรยตอนมีคนตาย
ร่างกายหนานิเหอไม่แข็งแรงอยู่แล้ว นี่หวังซื่อยังแช่งให้เขาตายอีกหรือ?!
ช่างบั่นทอนจิตใจนัก
“อาเหวินอาอู่ บ่าวหญิงชราที่เป็ผู้นำสองคนนั่น เฆี่ยนตายได้ทันที”
เยี่ยนเจาเจาหัวเราะ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาราบเรียบราวกับกำลังเชยชมดอกไม้อยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่รีบร้อนแต่อย่างใด
นางยืนนิ่งอยู่ตรงประตูเรือนเซียวเซียง น้ำเสียงไม่ดังไม่เบา แต่กลับทำให้คนรอบข้างตะลึงงันกันหมด
กระทั่งอาเหวินและอาอู่ยังต้องตั้งสติครู่หนึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าแข็งกระด้างของเ้านายน้อยผู้อ่อนโยนในอดีต ก็เข้าใจว่านางมิได้พูดเกินจริง
มีเด็กรับใช้หันกลับมาเห็นรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์บนหน้าเยี่ยนเจาเจา ทว่าความหวาดกลัวกลับผุดขึ้นมาในใจ
หากนางฟังไม่ผิด เยี่ยนเจาเจากล่าวว่า “เฆี่ยนตายได้ทันที” ใช่หรือไม่?
นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ไม่กล้าขยับมืออีกต่อไป
แต่พอบรรดานักพรตพวกนั้นมองเห็นเด็กน้อยงดงามเลอค่าราวรูปสลัก ก็พากันยิ้มกว้างทันที ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยสักนิด บางคนถึงขนาดะโว่า “กลิ่นอายปีศาจโผล่มาอีกแล้ว ทุกคนเร็วเข้า!”
“โครม!”
เืไก่ถังใหญ่ที่ไม่รู้ว่าขนมาจากไหนถูกสาดเข้าหอเซียวเซียง จนอาบไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ชวนคลื่นไส้ยิ่งนัก
เรือนที่เคยสงบสง่างามโดนกระทำเสียเละเทะ ราวกับไช่ซื่อโค่ว[4] สถานที่บั่นศีรษะก็ไม่ปาน
ดี ดียิ่ง
แส้สีทองในมือเยี่ยนเจาเจาตวัดลงพื้น กระแทกเข้ากับกองไฟโหมกระหน่ำกลางลานเรือนอย่างแรง ไม่รู้ว่าเด็กน้อยอย่างนี้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เตียงไม้ที่ถูกเผากลายเป็เถ้าถ่านถึงได้ะเิ จนประกายไฟแตกกระจายไปทั่ว
มีบ่าวหญิงคนหนึ่งอยู่ใกล้พอดี นางจึงถูกไฟลวกหน้า บนลำคอผุดตุ่มพองขึ้นเป็พืดจนร้องห่มร้องไห้เหมือนผี
เชิงอรรถ
[1] กั๋วกง หมายถึง ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงสุดของชั้นกง ขั้น 1 ชั้นรอง และเป็ตำแหน่งสูงสุดที่จะได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้
[2] องมานีปามีฮง หมายถึง บทสวดคาถาหัวใจพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ในภาษาจีน หรือ โอม มณี ปัทเม หุม ในภาษาสันสกฤต ซึ่งทุกอักษรในคาถานี้เป็ทางแห่งปัญญา มีความศักดิ์สิทธิ์ทรงพลานุภาพ
[3] ฮุยโจว หมายถึง เมืองที่ขึ้นตรงกับมณฑลอานฮุยในปัจจุบัน ซึ่งสมัยราชวงศ์โจวเคยขุดค้นพบสุสานดิน และค้นพบเครื่องดินเผา เครื่องลายครามโบราณจำนวนหนึ่ง
[4] ไช่ซื่อโค่ว หมายถึง ย่านการค้าหนึ่งในปักกิ่ง แต่ในสมัยราชวงศ์ชิงเป็สถานที่บั่นศีรษะนักโทษ หรือก็คือแดนปะา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้