เช้าวันต่อมา
ตอนที่ฟ้าเริ่มสาง ิอวี่ก็นำเอายาที่ปรุงจากหลิงจือโลหิตม่วงมาให้แก่หยางเสวี่ยหรง โดยอ้างว่าเขาได้หลิงจือโลหิตม่วงมาจากเพื่อนของเขา
หยางเสวี่ยหรงดื่มยาด้วยความสงสัย แต่เพราะมีอาการอ่อนล้าและอิดโรยจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว ิอวี่เองก็ไม่ได้รบกวนนางอีก
เมื่อเห็นอาการไอของหยางเสวี่ยหรงทุเลาลง เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น
ิอวี่ผลักประตูแล้วเดินออกมาจากห้อง แสงยามเช้าส่องสะท้อนลงบนใบหน้าของเขา เขาสูดรับอากาศบริสุทธิ์ และได้ยินเสียงนกกระจอกร้องดังขึ้นอยู่ที่ข้างหู
เขารู้สึกอารมณ์ดีมาก ั้แ่ที่เมื่อวานได้ก้าวสู่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หนึ่งอย่างเป็ทางการแล้ว ร่างกายของิอวี่ก็พลิกจากหน้ามือเป็หลังมือ
เพราะการได้ฝึกกายเหล็กสุริยัน ิอวี่จึงดูดีขึ้น สุขุมขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างดำวาวดูมีความมั่นใจ มีพลังและมีเสน่ห์ที่อธิบายเป็คำพูดไม่ได้และไม่เหมือนใคร
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น ิอวี่จึงหันไปดู นางกำนัลเสี่ยวซวงเดินมารายงานว่า “องค์ชาย คุณหนูเยี่ยนาง ... นางมาเยี่ยมท่าน มาถึงหน้าประตูแล้ว ท่าน ... ทรงอยากจะพบนางไหมเพคะ?”
“คุณหนูเยี่ย?”
ิอวี่หลับตาลง ภาพในความทรงจำก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ในความทรงจำของเขา มันเป็ภาพของคู่รักในวัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน เขามอบเงินทองมากมายจีบผู้หญิงคนนี้เป็เวลาสองปีเต็ม ผู้หญิงที่ไม่เคยแสดงท่าทีอะไรตอบกลับเขาเลย ผู้หญิงที่หลอกเขามาตลอด ผู้หญิงที่สั่งให้ทหารองครักษ์กระทืบและโยนตัวเขากลับมาที่ตำหนักลั่วฮวาเมื่อวานนี้ก็คือ ... คุณหนูเยี่ยคนนี้นี่แหละ!
“ในเมื่อเป็คุณหนูเยี่ย ข้าจะไม่พบได้อย่างไรกันล่ะ?”
ิอวี่ยิ้มมุมปากอย่างเ็า แล้วก็เดินตามเสี่ยวซวงไปที่ประตูใหญ่
พอมาถึงที่หน้าประตูจวนก็เห็นบ่าวไพร่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการเช็ดโต๊ะหินอ่อน ยกน้ำชา จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างโต๊ะเพื่อรอให้แขกมาถึง
“เปิดประตู”
ิอวี่ออกคำสั่ง ประตูใหญ่ของตำหนักลั่วฮวาค่อยๆ ถูกเปิดออก สิ่งที่ดึงดูดสายตาของิอวีคือเกี้ยวสีน้ำเงินขอบฝังด้วยทองคำ ส่องประกายระยิบระยับในแสงแดด
คนแบกเกี้ยวสี่คนย่อตัวคุกเข่าลงกับพื้น แล้ววางเกี้ยวลงอย่างระมัดระวัง
หญิงสาวผมยาวผิวขาวเนียนคนหนึ่งยื่นมือขวาออกมาเปิดม่าน แล้วค่อยๆ เดินลงมาอย่างช้าๆ
ใบหน้าของนางงดงามมาก สวมกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเลคลุมร่างอันสง่างามของนางเอาไว้ ท่อนขารูปทรงโค้งเรียวยาวขาวราวกับหิมะ นางสวมรองเท้าประดับหยกหนึ่งคู่ แล้วค่อยๆ เดินมาที่ประตู
วินาทีที่ิอวี่เห็นผู้หญิงคนนั้น ความทรงจำในหัวที่เกี่ยวกับนางก็ผุดขึ้นมา ผู้ที่กำลังเดินมาคือเ้าของร่างหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ลูกสาวเสนาบดีกรมอาญาของราชวงศ์ต้าิ เยี่ยซี!
เยี่ยซีเกิดมาก็มีรูปร่างผอมเพรียว แต่ิอวี่เ้าของร่างคนเก่าเป็คนเลือกกินมาก สุขภาพเลยไม่ค่อยจะดี ทำให้เขาสูงกว่าผู้หญิงคนนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่พอมายืนเผชิญหน้ากัน ก็เห็นว่าทั้งสองคนสูงเกือบจะเท่าๆ กันเลย
เพราะการดูดซับพลังงานธรรมชาติที่ดี พลังฝีมือของเยี่ยซีจึงแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความงามของนางก็ยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดมากขึ้น เมื่อเทียบกับคนธรรมดาอย่างเขาที่ไม่มีแม้แต่พละกำลังอะไรเลย ก็ยิ่งทำให้ดูห่างไกลกันเหลือเกิน
“ดูเหมือนว่า เ้าจะไม่ได้าเ็อะไรเท่าไรนะ”
เยี่ยซียืนอยู่หน้าประตู มองไปที่ชายธรรมดาที่ยืนอยู่ตรงหน้า เสียงของนางนุ่มนวล แต่ก็แฝงไปด้วยความเ็า
บ่าวรับใช้ในตำหนักลั่วฮวาต่างเริ่มคิด ถึงแม้น้ำเสียงของคุณหนูเยี่ยซีจะดูค่อนข้างเ็า แต่วันนี้นางก็ยังมาเยี่ยมองค์ชาย มาถามไถ่อาการาเ็ของเขา เป็ไปได้ว่านางจะยังเป็ห่วงเป็ใยองค์ชายอยู่? เพียงแต่นางต้องสงวนท่าทีเอาไว้?
ไม่แน่ว่า เื่เมื่อวานนี้มันอาจจะเป็เพียงข่าวลือก็ได้ พอคิดได้แบบนี้ บ่าวไพร่ของตำหนักลั่วฮวาก็ล้วนแต่ดีใจ
เพียงแต่เยี่ยซีไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
เมื่อวานนางเป็คนสั่งให้องครักษ์กระทืบิอวี่ทันทีที่ิอวี่ปรากฏตัวที่หน้าตำหนักองค์ชายเก้า นางไม่มีทางยอมให้เขามาขัดขวางการหมั้นหมายของนางเด็ดขาด
นางกลับไม่รู้เลยว่าองครักษ์กลุ่มนั้นถูกิอวี่สั่งสอนจนน่วมไปแล้ว พอเห็นิอวี่ดูยังมีสติสมบูรณ์ ก็เข้าใจว่าเขายังไม่ยอมรามือจากนางแน่ นางเลยรู้สึกหงุดหงิด
ดังนั้น น้ำเสียงของเยี่ยซีจึงค่อนข้างหมางเมิน
“อือ เพราะวาสนาของเ้า เลยไม่ได้เจ็บหนัก” ิอวี่ตอบอย่างเรียบเฉย
ิอวี่ต้องรู้อยู่แล้วว่าเื่เมื่อวานตอนบ่ายเป็คำสั่งของเยี่ยซี เพราะบนโลกนี้คงไม่มีเื่บังเอิญขนาดนั้นหรอก คำพูดของเขาเลยเต็มไปด้วยการประชดประชันและเสียดสี!
แต่เยี่ยซีกลับขมวดคิ้วหนักขึ้น น้ำเสียงของนางเ็าแบบสุดๆ “เ้าหมายความว่าอย่างไร? เื่นี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ? ข้าจะหมั้นหมาย เ้าไม่มีสิทธิมายุ่งอยู่แล้ว โดนตีมาก็สมควรแล้วนี่! แล้วดูเ้า? ไม่เพียงไม่ยอมรับ ยังโยนความผิดทั้งหมดมาที่ข้าอีก เ้ายังมีความเป็ลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
เยี่ยซียิ่งพูดยิ่งโมโห แต่นางไม่ได้อยากทำให้มันเป็เื่ เลยยังพยายามอดทนแล้วพูดว่า “พอได้แล้วนะิอวี่ เ้าชอบข้าได้นะ แต่ขอร้องล่ะ ต่อไปอย่าได้มารบกวนอะไรข้าอีกเลย ได้ไหม?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของนาง บรรยากาศภายในตำหนักก็เปลี่ยนไป เสี่ยวซวงที่อยู่ในมุมหนึ่งก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
ที่ผ่านมา องค์ชายของนางจริงใจกับเยี่ยซีมาก เมื่อได้ยินแบบนี้ องค์ชายจะรู้สึกเสียใจแค่ไหนกันนะ!
เพียงแต่ิอวี่กลับไม่ได้อาละวาด ไม่ได้คลั่ง แต่ดูนิ่งอย่างผิดหูผิดตา
เขามองจ้องไปที่เยี่ยซีอย่างไม่ละสายตา แล้วพูดว่า “ข้อแรก ด้วยวาสนาที่เ้าสั่งให้ทหารองครักษ์มาลงมือกับข้า! ความรับผิดชอบนี้มันก็ต้องเป็ของเ้า ทำไมข้าจะต้องรับมันด้วย?”
“ข้อที่สอง ข้าจำได้ว่าทุกครั้งที่ข้ามอบเครื่องประดับเพชรนิลจินดาให้กับเ้า เ้าก็ยิ้มรับมันเสมอ จะบอกว่าน่ารำคาญได้อย่างไรกันล่ะ? แต่ว่าตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว องค์ชายเก้าร่ำรวย เทียบกับของราคาถูกที่ข้ามอบให้ มันจะไปทำให้เ้ามีความสุขได้อย่างไรกันล่ะ?”
นี่มัน ...
ทุกคนถึงกับอึ้งไป องค์ชายสิบเจ็ดไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับเยี่ยซีเหมือนปกติ แต่กลับพูดความในใจอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันดูไม่เหมือนองค์ชายสิบเจ็ดที่อ่อนแอคนนั้นเลย!
“เ้า ...”
เยี่ยซีก็อึ้งไปเหมือนกัน จากนั้นก็พูดด้วยความเ็าว่า “คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเป็คนที่ใจดำความรู้ตื้นเขินขนาดนี้ คนที่ข้ารักคือองค์ชายเก้า เขาคือคนที่ข้าจะฝากชีวิตเอาไว้ได้ เ้าเข้าใจหรือว่าความรักคืออะไร?”
“ฮึ” ิอวี่หัวเราะ ซึ่งไม่เข้ากับบรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่เลย “เ้าทำให้ข้าขำมากเลยนะนี่”
“ความรักคืออะไรอย่างนั้นหรือ? ความรักของข้าก็คือการเอาเงินที่ข้าสะสมมากว่าครึ่งปีไปซื้อชุดปักลายทองให้ เพียงเพราะว่าเ้าบอกว่าชอบ ยามเ้าป่วยไข้ ข้าก็แค่เฝ้าดูแลอยู่ข้างกายของเ้าจนถึงเช้า ทั้งๆ ที่ตัวข้าเองก็มีไข้ขึ้นสูง แต่ก็ไม่ได้บอกเ้า เพราะกลัวว่าเ้าจะเป็กังวล”
“แต่แล้วสุดท้ายเ้ากลับไปหมั้นหมายกับผู้ชายอีกคนที่ไม่เคยเห็นหน้า แม้แต่ทำความรู้จักชอบพอก็ยังไม่เคย ยังมีหน้ามาถามข้าอีกว่าข้าเข้าใจหรือไม่ว่าความรักคืออะไร มันทำให้ข้ารู้สึกว่าก่อนหน้านี้ข้าชอบคนบ้าหรือเปล่า ช่างเป็รอยด่างในชีวิตข้าจริงๆ เลย”
ิอวี่พูดเสียงดังพอประมาณ เยี่ยซีฟังแล้วถึงกับหน้าถอดสี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนล้วนแต่ก้มหน้าลง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
บางอย่างก็ไม่ได้จำเป็ต้องพูดให้มันชัดเจนขนาดนั้นก็ได้กระมัง ... พอเห็นสีหน้าของเยี่ยซีขาวซีด บ่าวไพร่ก็อับอายจนทำอะไรไม่ถูก ...
ิอวี่มองไปที่เยี่ยซีด้วยความจนใจ แล้วพูดว่า “คุณหนูเยี่ย เ้าคิดว่าอย่างไร? ข้าโง่มากเลยใช่ไหม?”
เยี่ยซีหน้าดำคร่ำเครียดไปพร้อมกับสีหน้าซีดเซียว ทำไมนางจะไม่เข้าใจความหมายที่ิอวี่พูดล่ะ?
ดูผิวเผิน ิอวี่กำลังว่าตัวเองว่าโง่ แต่กลับเป็การตีวัวกระทบคราด เขาพูดถึงนางอยู่!
โตมาจนถึงขนาดนี้ เยี่ยซีถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตลอด ถูกคนรักและโอบอุ้ม ดูแลอย่างดีไม่เคยมีใครขัดใจ จะไปเคยฟังคำพูดประชดประชันแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
“พอได้แล้ว ิอวี่!”
เยี่ยซีกัดฟันแล้วพูดว่า “ข้าหวังอยากจะให้ทหารองครักษ์พวกนั้นทำให้เ้าได้สติ แต่ข้าว่า พวกเขาตีเ้าจนเสียสติไปมากกว่า เ้าจะไปรู้อะไร? องค์ชายเก้าเป็หนึ่งในสามอัจฉริยะปีศาจของราชวงศ์ คนเดียวสามารถสู้กับข้าศึกได้เป็พันเป็หมื่นคน แล้วเ้ามีพร์อะไรบ้าง? เ้าเป็วีรบุรุษแบบไหนกันหรือ คู่ควรให้ข้าชื่นชมหรืออย่างไร? ข้าชอบเขามานานแล้ว ตอนนี้เ้าเข้าใจแล้วหรือยัง!”
หวังว่าพวกทหารองครักษ์จะทำให้เ้าได้สติ!
เ้ามีพร์อะไรบ้าง? เ้าเป็วีรบุรุษแบบไหนกัน คู่ควรให้ข้าชื่นชมหรือ?
คำพูดของเยี่ยซี พูดจี้ใจของทุกคนในตำหนักลั่วฮวา
นั่นน่ะสิ เยี่ยซีพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ต่อให้ิอวี่จะพูดถูกแค่ไหน แต่อย่างไรเขาก็ยังเป็คนธรรมดาที่ยังไปไม่ถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนเลย
แต่เสี่ยวซวงกลับทนไม่ไหว นางรู้สึกเ็ปมากกว่า เพราะนางเห็นองค์ชายของนางทุ่มเทให้กับความรักนี้มาตลอดสองปีที่ผ่านมา จึงเดินออกมาด้วยความโมโห
“คุณหนูเยี่ย ท่านบอกว่าท่านชอบองค์ชายเก้ามานานแล้ว ที่จริงมันก็ไม่ผิดอะไร แต่ในเมื่อในใจของท่านก็มีองค์ชายเก้าอยู่แล้ว ทำไมตลอดสองปีที่ผ่านมาถึงไม่เคยปฏิเสธองค์ชายของเราเลยล่ะ? นี่มันเท่ากับท่านหลอกเงินองค์ชายของเราชัดๆ เลยนะเ้าคะ”
ิอวี่กระดกคิ้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวซวงจะพูดเตือนสติทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้
ทุกคนมองหน้ากัน ล้วนแต่มองไปที่เยี่ยซี หลังจากที่พวกเขามาคิดดูแล้ว เหมือนว่าเยี่ยซีจะมีความคิดแบบนั้นจริงๆ!
“ข้าจะทำอะไร ต้องให้เ้ามาสั่งสอนด้วยหรือ?”
เดิมเยี่ยซีก็โกรธมากอยู่แล้ว มาตอนนี้ยิ่งโกรธจนตัวสั่น นางยกมือข้างขวาอันขาวเรียวขึ้นมา ... “เพียะ!” มือนั้นตบลงไปบนใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวซวง
เสี่ยวซวงเป็แค่สาวใช้ชั้นต่ำ แต่กลับกล้าต่อเถียงกับนางต่อหน้าคนอื่น ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ
จากนั้นเยี่ยซีก็หันกลับมา แล้วจ้องไปที่ิอวี่ “เ้าเองมันก็ดีแต่พูด งานประลองยุทธ์ของราชสำนัก มีครั้งไหนที่เ้ามีคุณสมบัติได้เข้าร่วมบ้าง? ไร้ความสามารถอย่างไรก็ไร้ความสามารถอย่างนั้น อย่าคิดว่าแค่พูดได้แล้วเ้าจะมีหน้ามีตาขึ้นมานะ!”
พูดจบ เยี่ยซีก็หันหลังเดินออกจากประตูใหญ่ไปขึ้นเกี้ยว แล้วออกจากตำหนักลั่วฮวาไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้เยี่ยซีโกรธมากจริงๆ นางต้องพยายามสงบสติอารมณ์
เพราะเยี่ยซีรู้ดี ต่อให้ิอวี่จะเติบโตแค่ไหน อย่างไรก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็ได้แค่คนธรรมดา หากจะไปโกรธคนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย มันก็เหมือนเป็การลดฐานะของตัวนางลง เพราะนกที่บินอยู่บนท้องฟ้ากับปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ แม้จะดูเหมือนคล้ายกัน แต่ในความเป็จริงแทบจะไม่มีอะไรที่เข้ากันได้เลย
ภายในตำหนักลั่วฮวา
เสี่ยวซวงไปปิดประตูตำหนักลั่วฮวา แล้วเอามือปิดหน้าที่บวมแดง สีหน้าเศร้า นางรู้ดีว่า ภายในใจขององค์ชายของนางจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
ใครจะคิดว่าสีหน้าของิอวี่กลับไม่แสดงอาการใดๆ เลย เขาหยิบเอาเงินห้าร้อยหยกดำออกมาจากถุงเก็บของแล้ววางไว้บนโต๊ะ แล้วพูดกับเสี่ยวซวงว่า “เสี่ยวซวง ข้าจะออกไปข้างนอกนะ เ้าเอาเงินนี่ไปซื้อยามาทาด้วย หน้าบวมหมดแล้วจะไม่สวยนะ”
เสี่ยวซวงตะลึงไป หน้าของนางแดงขึ้น และก้มหน้าลงแล้วรับคำ
ที่ผ่านมา องค์ชายสนใจแค่เยี่ยซีคนเดียวเท่านั้น วันนี้กลับไม่มีความอ่อนโยนเหมือนแต่ก่อน และเขายังเป็ห่วงคนรับใช้ชั้นต่ำอย่างพวกนางอีก
เห็นิอวี่เดินออกจากตำหนักลั่วฮวาไป เสี่ยวซวงก็คิดในใจว่า ดูท่าว่าองค์ชายจะโตขึ้นแล้วจริงๆ เขาไม่สนใจอะไรเยี่ยซีเลย ถึงแม้องค์ชายจะเป็แค่คนธรรมดา แต่ก็หวังว่าเขาจะมีความสุขตลอดไปนะ
...
เมื่อออกจากตำหนักลั่วฮวา ท่าทางของิอวี่ก็เริ่มจริงจัง
ถึงแม้วันนี้ิอวี่จะทำให้เยี่ยซีเสียหน้า แต่มันก็ทำให้เขานั้นเข้าใจว่าฐานะของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งนั้นมันสำคัญแค่ไหน
ในโลกใบนี้ ถือกำลังยุทธ์เป็ใหญ่ ความยุติธรรมที่ว่ากัน ก็จะต้องมีพลังยุทธ์ก่อนถึงจะมีได้
งานประลองยุทธ์ของราชสำนัก เป็งานประลองที่ทางราชสำนักจัดขึ้นเองปีละครั้ง ขอแค่อายุไม่เกินสิบแปด และติดอันดับหนึ่งในสิบ ก็จะได้รับรางวัลเป็จำนวนมาก
ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประลอง จะรวมไปถึงองค์ชาย องค์หญิง ศิษย์ลูกหลานของตระกูลใหญ่ แล้วก็พวกศิษย์ที่มีพร์ของสำนักใหญ่
ในแต่ละปี จะมีศิษย์ที่มีพร์รวมตัวกันเกินกว่าพันคน ผู้ชมมากกว่าหมื่นคน แล้วิอ๋องก็จะเสด็จมาชมการประลองด้วยพระองค์เองด้วย
ถึงเวลานั้น บนลานประลองของราชสำนัก เมื่อเหล่าผู้กล้ามารวมตัว กลุ่มคนเืร้อนทั้งนั้น ใครบ้างไม่อยากถูกมองว่าเป็ผู้กล้าบนลานประลองอย่างองอาจกัน?
มันเป็สนามที่ให้เหล่าคนหนุ่มสาวได้แสดงพร์และความสามารถของตัวเอง
แต่ิอวี่ในฐานะลูกชายของิอ๋อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีคุณสมบัติได้เข้าร่วมการประลองเลย ทุกครั้งที่ถึงวันประลอง เขาจะหลบอยู่แต่ในตำหนักลั่วฮวาโดยไม่ออกไปไหนเลย
เพราะเหตุนี้ ิอวี่ถึงได้ถูกคนนินทาว่าเป็พวกนอกคอก โดยเฉพาะเหล่าองค์ชายองค์หญิงในวังหลวงที่รังเกียจิอวี่เป็อย่างมาก พวกเขารู้สึกว่าิอวี่ที่ไม่เอาไหนไม่คู่ควรจะเป็สายเืราชวงศ์ด้วยซ้ำไป การมีตัวตนอยู่ของิอวี่ช่างเป็ความอัปยศของราชวงศ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้