“ใครบอกว่าข้าจะท่องตำรา? ที่ข้าพูดกับเ้าก็คือการทำกับข้าว!” เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ แล้วปรายตามองผ่านไป “อย่างไร? เ้าคิดว่าไม่มีใครออกมารับคำท้าประลอง ดังนั้นจึงกล้าพูดจากำเริบเสิบสานใช่หรือไม่? ตอนนี้มีคนก้าวออกมารับคำท้าแล้ว เ้าไม่กล้ารับคำท้าละสิ?”
เทพอาหารหลัวมีสีหน้าไม่พอใจ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้าเป็ใครกัน? เ้ามีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็ตัวแทนของสาขาเทพอาหารหรือไม่? เวลาของข้ามีค่ายิ่งยวด ไม่มีเวลามาดูคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทำอาหารหรอกนะ”
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นเสียงในลำคอ ตอนนี้นางมิใช่ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง และไม่ใช่อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหง ฐานะของนางก้ำกึ่ง แต่การกระทำของอีกฝ่ายอวดดีเกินไป นางทนดูไม่ได้!
ขณะที่กำลังไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปอย่างไรนั้น รองอาจารย์ใหญ่พลันเอ่ยขึ้นว่า “แม่นางเฟิ่งเพิ่งจะสอบผ่านด่านหอดอกเหมย ตอนนี้เป็อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหง ตอนนี้ข้าให้นางเป็ตัวแทนของสาขาเทพอาหาร ให้นางรับคำประลองของเทพอาหารหลัวด้วยฐานะของอาจารย์ของสาขาเทพอาหาร เทพอาหารหลัวคิดเห็นอย่างไร?”
ท่านาุโเหลียนและท่านาุโเฉินได้ยินเช่นนั้นจึงมองรองอาจารย์ใหญ่ด้วยแววตาตื่นตะลึง
“รองอาจารย์ใหญ่ ไม่ได้เด็ดขาด!”
“รองอาจารย์ใหญ่...”
ท่านาุโฉินเอ่ยปากเช่นกัน “รองอาจารย์ใหญ่ นี่ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของสำนักศึกษา!”
รองอาจารย์ใหญ่ยกมือขึ้นห้ามพวกเขาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเฟิงบุกฝ่าด่านหอดอกเหมยสำเร็จอย่างราบรื่น ความสามารถของนางเป็ที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน นางมีคุณสมบัติเป็อาจารย์คนหนึ่งของสำนักศึกษาเทียนหง! ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางสถานการณ์เมื่อสักครู่ สาขาเทพอาหารไม่มีคนกล้าออกมารับคำท้าแม้แต่คนเดียว มีเพียงนางที่กล้าหาญ! ลำพังเพียงแค่ความกล้าหาญของนาง ข้าก็ต้องฉีกกฎเกณฑ์ของสำนักศึกษารับนางเข้าเป็คนของสำนักศึกษาให้ได้!”
ท่านาุโกู่คิดไม่ถึงเช่นกันว่ารองอาจารย์ใหญ่จะมีใจเปิดกว้างเช่นนี้ เขายกมือทั้งคู่ขึ้นสนับสนุน “รองอาจารย์ใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว! ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ยิ่งเห็นถึงจิตใจของคน! แพ้ไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวที่สุดคือ กระทั่งความกล้าหาญที่จะแพ้ก็ยังไม่มี นั่นจึงจะเรียกได้ว่าเกินเยียวยา!”
ศิษย์และอาจารย์ในสาขาเทพอาหารต่างมองหน้ากันด้วยความละอายแก่ใจ
ท่านหญิงชิงเสียพยักหน้าเงียบๆ นางหันไปมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตาเลื่อมใส
ท่านาุโฉินหันไปมองอาจารย์ใหญ่ด้วยสีหน้าเ็า “อาจารย์ใหญ่ ท่านเห็นอย่างไร?”
อาจารย์ใหญ่มองเฟิ่งเฉี่ยนอย่างจริงจัง แววตานิ่งลึกนั้นพลันเปล่งประกายเล็กน้อย “ข้าเชื่อในวิจารณญาณและการตัดสินใจของท่านาุโถง ในเมื่อเขาคิดว่าแม่นางเฟิงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหง เช่นนั้นนางก็มีคุณสมบัติ!”
ท่านาุโฉินได้ยินแล้วถึงกับเป็ใบ้
อาจารย์ใหญ่พลันเปลี่ยนน้ำเสียงแล้วพูดขึ้นว่า “ทว่าหากเป็อาจารย์ที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมา ล้วนต้องผ่านการทดสอบเป็ระยะเวลาหนึ่งเดือนทั้งสิ้น หากสามารถผ่านการสอบใน่เวลาทดสอบได้ จึงจะเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาอย่างแท้จริง! หากสอบไม่ผ่าน ต้องไปจากที่นี่เหมือนเดิม! การประลองในวันนี้ถือเป็การให้โอกาสแม่นางเฟิงทดสอบครั้งหนึ่งก็แล้วกัน!”
ครานี้ ท่านาุโเหลียน ท่านาุโเฉินและท่านาุโฉินต่างยอมศิโรราบ ไม่มีอะไรจะพูดอีก
จะเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาได้หรือไม่ ทั้งหมดทั้งมวลต้องดูที่ตัวเฟิ่งเฉี่ยนเองแล้ว ทว่าในสายตาของพวกเขาแล้ว เสี่ยง! เสี่ยงมาก!
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ นางรู้อยู่แล้วว่าเื่ราวย่อมไม่ได้ราบรื่นง่ายดายเช่นนี้ แต่ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อย นางล้วนไม่ยอมถอดใจ!
“ทดสอบก็ทดสอบ!”
ท่านาุโกู่คิดจะพูดแต่กลับอึกอัก เขาลอบกำหมัดแน่น ในสายตาของเขา สำนักศึกษาสร้างเงื่อนไขต่อแม่นางเฟิงเกินไป หากเปลี่ยนเป็คนอื่น มีพร์และความจำเหนือผู้อื่นปานนี้ย่อมถูกรับเป็ศิษย์นานแล้ว เพราะเป็นาง จึงได้ลำบากยากเย็นเช่นนี้ กระทั่งเขายังรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรมแทนแม่นางเฟิง
ทว่า เหล็กกล้าที่ดีย่อมต้องได้รับการตีออกมาทั้งสิ้น เหล็กที่ไม่ผ่านการตีย่อมไม่เป็อาวุธที่ดี เขาเชื่อว่าที่อาจารย์ใหญ่ทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของเขา!
เทพอาหารหลัวมองทุกอย่างด้วยสายตาเ็า พวกเขาได้ข้อสรุปในที่สุด เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “อยากประลองใช่หรือไม่? ได้ เช่นนั้นพวกเรามาตั้งกฎเกณฑ์! หากนางทำสำเร็จ สมาคมจะยกเลิกคำสั่งถอดถอนสาขาเทพอาหารกลับไป แต่หากนางพ่ายแพ้...”
เขาหยุดไปอึดใจหนึ่งแล้วหัวเราะชั่วร้าย “สาขาเทพอาหารจะต้องถอดถอนภายในเวลาสามวัน!”
ทุกคนโวยวายขึ้นมาทันที
นั่นหมายความว่า ตอนนี้การอยู่ต่อหรือสิ้นสุดของสาขาเทพอาหารขึ้นอยู่กับเฟิ่งเฉี่ยนเพียงคนเดียว...
นางทำสำเร็จ สาขาเทพอาหารดำเนินต่อไป นางล้มเหลว สาขาเทพอาหารต้องถูกถอดถอน!
นี่...มันจะเสี่ยงเกินไป!
“นางจะทำได้จริงๆ หรือ?”
“นำทุกอย่างมาเดิมพันไว้กับนาง ได้จริงๆ หรือ?”
“อาศัยอะไรให้นางเป็ตัวแทนของสาขาเทพอาหาร หากนางพ่ายแพ้จะทำอย่างไร?”
“พวกเรายังมีวิธีการที่ดีกว่านี้หรือไม่?”
“หากจะประลองก็ควรเป็เทพอาหารจ้าว! สาขาเทพอาหารของพวกเรานอกจากเทพอาหารไช่แล้ว ฝีมือการปรุงอาหารของเทพอาหารจ้าวเยี่ยมยอดที่สุดแล้ว!”
“เทพอาหารเหอก็ได้!”
“เหตุใดต้องเป็นาง?”
“หัวใจของข้าเต้นโครมคราม วูบโหวงไปหมด!”
“กลุ้มใจจะแย่แล้ว!”
“...”
บรรยากาศตรงหน้าโกลาหลทันที
เทพอาหารหลัวเห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างลำพองใจ “เป็อย่างไร? พวกเ้าตัดสินใจแล้วหรือไม่?”
อาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่สบตากัน จากนั้นหันไปมองเฟิ่งเฉี่ยนพร้อมกัน
รองอาจารย์ใหญ่ถามว่า “แม่นางเฟิง เ้ามีความมั่นใจกี่ส่วน?”
เฟิ่งเฉี่ยนครุ่นคิดแล้วยื่นฝ่ามือออกมาข้างหนึ่ง “ห้าส่วนกระมัง!”
ทุกคนแทบสิ้นสติ
ห้าส่วน?
เ้าพูดเช่นนี้เท่ากับไม่ได้พูด! สำเร็จหรือไม่มิใช่เท่าๆ กันหรือ?
ท่านหญิงชิงเสียพูดขึ้นมาในตอนนี้ “อาจารย์ใหญ่ รองอาจารย์ใหญ่ เมื่ออยู่ในหอดอกเหมย ทุกคนต่างคิดว่าแม่นางเฟิงบุกฝ่าด่านไม่สำเร็จ ข้าเองก็คิดว่านางทำไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายความจริงได้พิสูจน์ว่านางทำได้! นางมักจะสร้างความมหัศจรรย์ให้กับทุกคนในวินาทีหัวเลี้ยวหัวต่อเสมอ! ดังนั้น ข้าคิดว่า ในเมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ไม่สู้ให้นางลองดูสักตั้ง สู้ตายสักครั้ง! ทำสำเร็จทุกคนย่อมต้องยินดี ทำไม่สำเร็จ อย่างมากก็เป็ผลสรุปที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้นเอง มิใช่หรือ?”
อาจารย์ใหญ่ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าในที่สุด “ได้! ให้ทำตามที่เทพอาหารหลัวนัดหมาย”
“ช้าก่อน!” เฟิ่งเฉี่ยนพลันแทรกขึ้นมา “ข้ายังมีเงื่อนไขอีกหนึ่งข้อ!”
“เงื่อนไขอะไร?” เทพอาหารหลัวพูดอย่างไม่ยี่หระ
เฟิ่งเฉี่ยนละเลื่อนสายตาไปที่นกแก้ว แล้วยิ้มออกมา “ข้าขอยืมมันสักวันหนึ่งได้หรือไม่?”
ไม่รอให้เทพอาหารหลัวเอ่ยปาก เฟิงชิงอวี่ปฏิเสธก่อน “ไม่ได้ ต้าหยวนซ่วย ของข้าไม่ให้ใครยืมทั้งสิ้น!”
นกแก้วเลียนแบบคำพูดทันที “ไม่ยืม! ไม่ยืม!”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว เดิมทีคิดว่าจะยืมมันมาเพื่อสังเกตว่ามันชอบกินอะไร เช่นนี้แล้วนางจะได้ทำอาหารให้ถูกปาก แต่ตอนนี้ผู้อื่นไม่ให้ยืม นางก็ทำอะไรไม่ได้!
นางไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนแผน “เช่นนั้นข้าขอเปลี่ยนเงื่อนไข! ให้เวลาข้าเตรียมตัวสามวัน สามวันให้หลังข้าจะทำอาหารที่สัตว์เลี้ยงเทพยอมรับให้ได้!”
“สามวัน?” เทพอาหารหลัวลังเลใจเล็กน้อย
อาจารย์ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งประหนึ่งสายน้ำ “อาหารจานนี้เกี่ยวพันและตัดสินการจะอยู่หรือจะไปของสาขาเทพอาหาร ให้เวลาเตรียมตัวให้พร้อมสักสามวัน นี่คงไม่ใช่เื่เกินไปกระมัง?”
น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่อยทว่าเปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจ
เทพอาหารหลัวใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาหันไปมองคุณชายน้อย “คุณชาย ท่านเห็นอย่างไร?”
เฟิงชิงอวี่เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดอย่างไม่แยแส “สามวันก็สามวัน! อย่างไรข้าก็มาเยือนสำนักศึกษาเทียนหงเป็ครั้งแรก จะได้ฉวยโอกาสเดินดูให้ทั่ว!”
การนัดหมายสามวันให้หลังจึงกำหนดขึ้น ที่ควรแยกย้ายก็แยกย้าย เฟิ่งเฉี่ยนถูกรองอาจารย์ใหญ่เรียกตัวไปสนทนาอีกด้านหนึ่ง
“แม่นางเฟิง การจะอยู่หรือจะไปของสาขาเทพอาหารขึ้นอยู่กับเ้าแล้ว ในใจเ้าคิดอ่านวางแผนอย่างไร?”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้าตอบตามตรง “ตอนนี้ยังไม่มี!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้