เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาเองไม่ได้กลิ่นอันใด แต่เสียงที่มู่หลานเฟินบอกนั้นตลอดหลายคืนมานี้เขาพอจะได้ยินอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาไปสอบถามเสิ่นเหวยอันก็ได้ความว่าเสิ่นเหวยอันก็ได้ยินเช่นเดียวกัน
การเดินทางเข้าเมืองถงหวางครั้งนี้เขาไม่ได้แจ้งต่อท่านเ้าเมือง เพราะ้าสืบคดีให้แน่ชัด การที่มีคนนอกล่วงรู้เื่นี้มากเกินไปอาจไม่ส่งผลดีต่อรูปคดี
ที่สำคัญตัวตนของเขาพวกเขาได้ถูกปิดบังอย่างชัดเจนแล้ว ก่อนเข้าเมืองก็ได้จัดการเอกสารหลักฐานที่ใช้เข้าเมืองได้อย่างแเีไม่มีพิรุธ
"คืนนี้ข้าจะไปตรวจดูรอบ ๆ เมือง เ้าอยู่ในบ้านปิดหน้าต่างและประตูให้ดี"
"ข้าไปด้วยสิ"
มู่หลานเฟินรีบอ้อนวอนเซวียนซานหลาง แต่ชายหนุ่มกลับมองนางเหมือนมองตัวปัญหา
"อย่าเป็ตัวถ่วงข้า"
"ตัวถ่วงอันใดกันเล่า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าจมูกข้าดีมาก หูข้ารึก็ดีกว่าท่าน ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยให้ท่านและพี่เสิ่นตามเบาะแสของคนร้ายได้ ข้ารับรองว่าจะไม่เป็ตัวถ่วงท่านแน่นอน ไม่ต้องกังวล"
"ไม่..."
"ที่น้องหรานหร่านเอ่ยมาก็นับว่ามีเหตุมีผล ซื่อจื่อ ท่านก็อย่าเอาแต่ใจนักเลย"
เสียงที่คุ้นเคยทำให้เซวียนซานหลางถึงกับหัวเสีย เป็เสิ่นเหวยอันอีกแล้ว
“เ้าเข้ามาได้อย่างไร ประตูร้านปิดแล้ว”
“อ้อ มีช่องสุนัขลอดอยู่ตรงนั้น”
“เ้าลอดเข้ามาทางช่องสุนัข?”
“ไม่ได้หรือ? ซื่อจื่อ ท่านลองลอดดูสักครั้งสิ สนุกมากเลยแหละ”
“เหอะ”
เสิ่นเหวยอันชี้ไม้ชี้มือไปทางช่องลอดสุนัขตรงหลังบ้านของเขาอย่างไม่รู้สึกกระดากอาย อีกทั้งในมือยังหิ้วสุราไหหนึ่งติดมือมาด้วย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มู่หลานเฟิน มู่หลานเฟินถึงกับต้องมองเสิ่นเหวยอันใหม่ ไม่คิดว่าเขาจะถึงขนาดลอดช่องสุนัขเข้ามาเช่นนี้ ด้านเซวียนเจ๋อก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารไม่กล้าเงยหน้า เพราะตอนนี้เขาสวมชุดสตรีอีกทั้งยังแต่งหน้าทาปาก หากใต้เท้าเสิ่นจำเขาได้คงได้อับอายไปจนตายแน่นอน หลังจากกินเสร็จเขาก็วิ่งหนีเข้าห้องตนไปทันที
เสิ่นเหวยอันหันมาส่งยิ้มให้มู่หลานเฟินพร้อมเอ่ยอย่างชื่นชม
"น้องหรานหร่าน เมื่อครู่เ้าบอกว่าเ้าได้กลิ่นประหลาด จมูกของเ้านี่ดีจริง ๆ น่าทึ่งนัก สตรีที่มีความสามารถเช่นนี้หายากมากนัก จมูกดีเหมือนสุนัขที่จวนของข้าเลย"
มู่หลานเฟินถึงกับยิ้มแห้ง ที่เสิ่นเหวยอันเอ่ยมาก็ไม่ผิด นางเคยเป็สุนัขจริง ๆ นั่นแหละ
เซวียนซานหลางวางตะเกียบในมือลง ก่อนจะเอ่ยกับเสิ่นเหวยอัน
"เ้าให้นางตามไป หากรูปคดีเกิดปัญหา เ้ารับผิดชอบไหวหรือ"
"ย่อมไหวแน่นอน เพราะน้องหรานหร่านจะไม่มีทางก่อปัญหา ข้ามั่นใจ"
"เหอะ"
เซวียนซานหลางหมดคำจะกล่่าว เมื่อหันไปมองก็พบว่าตอนนี้มู่หลานเฟินกำลังยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ในใจเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ยิ้มให้ผู้ใดดูกัน!
กลางดึกคืนนั้น เซวียนซานหลางสั่งให้เซวียนเจ๋อและลั่วเหมยปิดบ้านให้ดี ส่วนเขา มู่หลานเฟิน และเสิ่นเหวยอันนั้นได้ลอบออกมาจากบ้านกลางดึก คนทั้งสามสวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า มู่หลานเฟินมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง ท่าทีของนางดูทะมัดทะแมงเหมือนบุรุษ อีกทั้งยังไม่ได้ทำตัวเป็ภาระให้เซวียนซานหลางอย่างที่กล่าวเอาไว้จริง ๆ
ยามดึกท้องฟ้ามืดทะมึน บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัด เงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น มู่หลานเฟินมองฝ่าความมืด ฉับพลันหูของนางก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังแว่วมาตามสายลม เซวียนซานหลางเมื่อเห็นนางมีท่าทีแปลกไปก็รีบเอ่ยถามทันที
“เ้าเป็อันใดไป"
มู่หลานเฟินย่นหัวคิ้ว พร้อมกับตั้งใจฟังเสียงนั้น
"มีเสียงหญิงสาวกำลังร้องเพลง อีกทั้งยังมีเสียงร่ำไห้ ผสมผสานกับเสียงกรีดร้องของสตรี"
เสิ่นเหวยอันที่ยืนอยู่ข้างกันเมื่อได้ยินเช่นนั้นแววตาก็ทอประกายเย็นเยียบ เขาก้าวเข้ามาก่อนจะกระซิบถามมู่หลานเฟิน
"ทิศทางของเสียงอยู่ที่ใด เ้าพอจับใจความได้หรือไม่"
มู่หลานเฟินมองไปโดยรอบ ก่อนจะชี้มือไปยังท้ายหมู่บ้าน
"ทางนั้น ให้ตายเถอะ กลิ่นคาวเืเข้มข้นมาก รีบไปเร็ว!"
เมื่อได้ยินมู่หลานเฟินเอ่ยเช่นนั้น ทั้งเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันต่างก็ไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเสียงนั้นทันที ยิ่งเข้าใกล้ท้ายหมู่บ้านเท่าไรก็ได้ยินเสียงร้องเพลงและเสียงร่ำไห้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของสตรีดังแว่วมาเป็ระยะอีกด้วย
จากตรงนี้ไม่มีบ้านคนแล้ว เพราะเป็ป่ารกที่มีต้นไม้สูงใหญ่รายล้อมเต็มไปหมด สายลมพัดมาผะแ่ กิ่งของต้นไม้เอนไหวไปตามทิศทางลม มองดูแล้วคล้ายปีศาจต้นไม้กำลังร่ายรำ ช่างน่าหวาดหวั่นไม่น้อยเลย
คนทั้งสามหันมามองหน้ากัน อยู่ ๆ มู่หลานเฟินก็ััได้ว่ามีของเหลวหยดลงมาบนหว่างคิ้วของตน นางยกมือแตะมันและเอามาดม ก่อนจะต้องผงะ
เืหรือ!
หญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทิศทางของโลหิตปริศนานั้นทันที ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเบื้องหน้าปรากฏร่างของสตรีสวมชุดแต่งงานนางหนึ่งกำลังห้อยโตงเตงอยู่บนต้นไม้ใหญ่
มู่หลานเฟินจ้องมองภาพตรงหน้าเขม็ง ก่อนจะเขวี้ยงมีดที่นำติดตัวมาด้วยตัดเชือกเส้นนั้นจนขาดสะบั้น เซวียนซานหลางรีบวิ่งเข้าไปดูพร้อมเสิ่นเหวยอัน ก่อนจะพบว่ามันคือหุ่นเ้าสาวที่ถูกย้อมด้วยเืเพียงเท่านั้น
มันคือหุ่นที่ทำจากฟางและใช้เือาบย้อมจนเปียกชุ่ม กลิ่นเหม็นเน่าคาวคละคลุ้งจนมู่หลานเฟินรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา
เซวียนซานหลางมองไปโดยรอบก่อนจะเอ่ย
"หุ่นฟางเ้าสาวย้อมโลหิตนี่มันมาจากที่ใดกัน"
มู่หลานเฟินย่นหัวคิ้ว ก่อนจะคิดถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยกับพวกเขาทันที
“ซื่อจื่อ พี่เสิ่น ข้าลืมบอกพวกท่านไปเื่หนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ชาวบ้านเล่าถึงเื่ิญญาของสตรีนางนั้น พวกเขาบอกว่า ยามที่มีหญิงสาวถูกเอาตัวไป ก่อนพบศพจะเจอกับหุ่นฟางเ้าสาวอาบย้อมเืห้อยโตงเตงบนต้นไม้ ไม่ไกลกันนักจะพบศพของสตรีผู้เคราะห์ร้าย ชาวบ้านเชื่อกันว่าหุ่นฟางเ้าสาวย้อมโลหิตนี้ คือตัวแทนิญญาของสตรีนางนั้น ที่มาพรากชีวิตของหญิงสาวที่เข้าพิธีแต่งงานไป ในเมื่อเราเจอหุ่นตัวปัญหานี่ เป็ไปได้ว่าศพอาจจะอยู่ไม่ไกล คืนนี้จะต้องมีคนตายอีกแน่!”
เอ่ยจบนางทิ้งกายลงนั่งยอง ๆ พลางยื่นมือไปลูบ ๆ พื้นดินข้างล่างก่อนจะหยิบดินขึ้นมาดม การกระทำของนางทำให้เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เสิ่นเหวยอันรีบเอ่ยถามทันที
“น้องหรานหร่าน เ้ากำลังทำอันใด"
มู่หลานเฟินไม่ตอบ เสิ่นเหวยอันคิดจะถามอีกแต่เซวียนซานหลางกลับส่ายหน้าปรามเขาเอาไว้
นางกำเศษดินนั้นมาดมอีกหลายครั้ง จมูกของหญิงสาวพลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นดินผสมกลิ่นคาวเืคละคลุ้ง มู่หลานเฟินมีท่่าทีตื่นตระหนก ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
"ข้าได้กลิ่นเื เืนี้เป็เืใหม่ ไม่ใช่เืเหม็นเน่าที่ชโลมหุ่นเ้าสาวตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะมีการฆ่าคนเกิดขึ้น อาจเพราะตอนลากตัวเหยื่อไปไม่ทันระวัง ทำให้เืของเหยื่อหยดลงไปตามทาง หากเราตามกลิ่นเืนี้ไป อาจจะพบคนร้ายก็ได้"
เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันพยักหน้า ตอนนี้สิ่งใดที่เป็เบาะแสย่อมต้องทำตามไปก่อน
ตลอดทางที่เดินไปมู่หลานเฟินจะหยิบดินขึ้นมาดมกลิ่นเป็ระยะ พวกนางตามกลิ่นนั้นไปเรื่อย ๆ เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันหันมองหน้ากันไปมาแต่ไม่อาจรอช้าได้ ยามนี้การตามไล่ล่าจับคนร้ายให้ได้เป็สิ่งสำคัญ หากยังจับตัวมันมาลงโทษไม่ได้ เมืองถงหวางย่อมหาความสงบสุขไม่ได้ และพวกเขาอาจจะไม่ได้กลับเมืองหลวงในเร็ววัน
มู่หลานเฟินนำทางโดยใช้จมูกดมกลิ่นเป็ระยะ โดยมีเสิ่นเหวยอันและเซวียนซานหลางคอยระวังหลังให้ เดินกันมาเรื่อย ๆ กลับพบว่าทางเบื้องหน้าเป็ทางตันเสียแล้ว คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกหน ในขณะที่กำลังใช้ความคิด มู่หลานเฟินก็รู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่น ๆ หยดลงมาโดนเสื้อผ้าของนาง
หญิงสาวรีบก้าวถอยหลัง พลางเงยหน้าขึ้นไปมอง ภาพตรงหน้าทำเอามู่หลานเฟินถึงกับผงะ!
ศพของสตรีนางหนึ่งถูกมัดห้อยโตงเตงอยู่บนต้นไม้ ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เห็นได้ชัดว่าสภาพศพน่าหวาดหวั่นมากเพียงใด!
ตอนที่ทะลุมิติไปเป็บุตรสาวของหวูโจ้วคนผ่าศพ นางได้ตามบิดาไปพบเจอศพมากมาย แม้จะรู้สึกชินตามากเพียงใด แต่เมื่อได้เห็นศพตรงหน้าที่ีมีสภาพยับเยินเช่นนี้ นางก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น
คนร้ายลงมือได้อำมหิตโเี้ผิดมนุษย์ยิ่งนัก!
"อย่ามอง หลับตา!"
เซวียนซานหลางดึงตัวมู่หลานเฟินให้หันหน้ามาหาเขาและบอกให้นางหลับตา ก่อนจะสั่งให้เสิ่นเหวยอันหาทางนำศพลงมาจากต้นไม้
เซวียนซานหลางมองเห็นว่าตอนนี้สีหน้าของมู่หลานเฟินไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก บางครานางอาจจะใกลัวจนขวัญเสีย
มู่หลานเฟินพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ นางจะต้องไม่กลัว หากปล่อยให้ความกลัวครอบงำเช่นนี้จะทำการใดต่อไปไม่ได้อีก
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมา แต่เพราะตอนนี้อยู่ใกล้กับเซวียนซานหลางมากเกินไป ทำให้ตอนเงยหน้าขึ้นมาศีรษะของนางจึงดูเหมือนกำลังซบอยู่กับแผงอกของเขา อีกทั้งท่าทีของเขายามนี้ก็เหมือนกับกำลังโอบกอดปลอบประโลมนางอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเซวียนซานหลางก้มหน้าลงมาก็สบเข้ากับดวงตาใสกระจ่างของมู่หลานเฟิน คนทั้งสองมีท่าทีกระอักกระอ่วนก่อนจะรีบผละออกจากกัน
เสิ่นเหวยอันจัดการใช้ดาบฟันเชือกให้ขาดจนศพร่วงมาที่พื้น ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเซวียนซานหลาง
"ต้องแจ้งทางการ"
"ตอนนี้พวกเรายังเปิดเผยตัวตนไม่ได้"
“นั่นสิ เช่นนั้นเอาอย่างไรดี”
“วางศพนางไว้ตรงนี้แหละ เราต้องรอให้ชาวบ้านมาพบศพแล้วแจ้งทางการ ระหว่างนี้ต้องห้ามแตะต้องศพ ห้ามทำสิ่งใดกับศพจนกว่าคนของทางการจะมาถึง หากพวกเราเร่งเปิดเผยตัวตนคงไม่ดีแน่”
เสิ่นเหวยอันที่ได้ฟังก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่เขากำลังจะนำศพของสตรีผู้เคราะห์ร้ายไปวางไว้ใต้ต้นไม้ มู่หลานเฟินก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"ช้าก่อน ข้าขอดูศพของแม่นางผู้นี้หน่อย"
เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบคว้าแขนของนางเอาไว้ทันที
“เ้าจะทำอันใด"
"ท่านวางใจ ข้าจะไม่ทำให้เสียเื่แน่นอน"
เอ่ยจบมู่หลานเฟินก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ ศพ หญิงสาวทิ้งกายนั่งลงพลางมองสำรวจอย่างละเอียด นางเพียงใช้สายตามองไม่ได้ยื่นมือไปแตะต้องศพเลยแม้แต่น้อย
มู่หลานเฟินมองสำรวจศพอย่างละเอียด ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวราง ยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง
"ดวงตาเหมือนเพิ่งถูกควักออกไปเพราะในเบ้าตายังมีเืสด ๆ ซึมออกมา รอบลำคอคล้ายถูกเชือกรัดรึงอย่างแ่าก่อนแล้วค่อยนำมาแขวนเอาไว้บนต้นไม้ รอยของการรัดไม่คงที่ ดูเหมือนจะเกิดการขัดขืนต่อสู้ เหยื่อ้าเอาตัวรอดทำให้ต้องพยายามรัดคออยู่หลายครั้งจึงสำเร็จ ส่วนเล็บมือเล็บเท้าของนางคล้ายถูกของมีคมดึงออก นี่ไม่ใช่ิญญาอาฆาตอันใดหรอก แต่นางถูกลักพาตัวมาฆ่าต่างหาก แต่ที่ข้าอยากรู้ก็คือ แรงจูงใจของฆาตกรคือสาเหตุใดกันแน่ ทำไมถึงลงมือกับสตรีบอบบางได้อย่างอำมหิตและโเี้ได้ถึงเพียงนี้"
มู่หลานเฟินเอ่ยไปพลางจ้องมองศพไปพลาง
เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันเองก็คิดเช่นเดียวกัน สภาพศพที่พวกเขาพบเห็นยามนี้มีพิรุธหลายอย่างจริง ๆ
ท้ายที่สุดพวกเขาจำต้องทิ้งศพเอาไว้เพราะไม่อาจแตะต้องศพส่งเดชได้
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน มู่หลานเฟินก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างไม้ล้างมือ ก่อนจะลงมาที่ชั้นล่างเพื่อหารือกับเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอัน
"คดีนี้แปลกพิลึก คนร้าย้าสิ่งใดกันแน่"
เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันมีท่าทีครุ่นคิด แต่คิดเท่าใดก็ยังคิดไม่ออก ยามนี้ก็ดึกมากแล้ว อีกทั้งอย่างไรย่อมต้องพักผ่อนเอาแรง สุดท้ายคนทั้งสามก็แยกย้ายกันไปพัก คืนนี้มู่หลานเฟินนอนไม่หลับ ยามที่กำลังจะข่มตาหลับก็จะได้กลิ่นคาวเื ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงร่ำไห้ของสตรีดังแว่วมาเป็ระยะ เช้าวันต่อมานางจึงไม่ได้เปิดร้านขายอาหาร
ตอนสายของวันต่อมา เซวียนซานหลางได้พานางลอบเข้าไปในห้องเก็บศพของสตรีนางนั้นเพื่อดูาแภายใน สภาพของสตรีนางนี้น่าเวทนาไม่น้อย เหมือนว่าก่อนตายจะถูกทารุณอย่างหนัก ร่างกายภายในบอบช้ำเสียหาย มู่หลานเฟินโมโหยิ่งนัก นางอยากจะเด็ดหัวฆาตกรใจชั่วออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เ้าหน้าที่ตัดสินคดีจบแล้ว เื่ราวจบลงที่ว่าเป็การฆ่า แต่ยังหาตัวคนร้ายไม่พบ หญิงสาวคนนี้เป็สตรีต่างหมู่บ้าน นางได้แต่งงานกับชายคนรักซึ่งเป็คนหมู่บ้านถงหวาง พวกเขาจัดงานแต่งกันเงียบ ๆ มีเพียงคนสนิทที่รู้ ในงานแต่งงานนางก็ยังปกติดี จนกระทั่งเข้าหอ สามีนางส่งแเื่เสร็จ เมื่อเข้ามาในห้องหอเ้าสาวสุดที่รักก็หายไปเสียแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็ศพเช่นนี้ เ้าบ่าวของนางร้องไห้เสียสติ เขาไม่เชื่อเื่ผีสาง แต่เมื่อได้เห็นสภาพศพของหญิงคนรักที่ตรงกับเื่เล่าทุกประการเขาก็เริ่มเชื่อและหวาดกลัว สุดท้ายก็กลายเป็คนเสียสติ ศพของหญิงสาวถูกญาตินำมารับกลับไปทำพิธีที่บ้านของนาง
เื่ราวก็จบลงเช่นนี้
มู่หลานเฟินกำมือแน่น นึกสงสารสตรีนางนั้นและคนรักของนางจับหัวใจ สตรีนางหนึ่งกำลังจะได้มีชีวิตที่ดี กำลังจะได้สร้างครอบครัวกับชายอันเป็ที่รัก กำลังจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น สุดท้ายกลับถูกความตายมาพรากจากไป
เดิมทีเื่ราวควรจบลงเพียงเท่านี้ แต่ทว่าสามคืนถัดมาก็มีคนพบศพหญิงสาวตายในลักษณะเดียวกันอีกครั้ง ครั้งนี้ลุกลามบานปลายไปถึงต่างหมู่บ้าน ผู้คนเริ่มหวาดกลัวจนไม่เป็อันกินอันนอน
มู่หลานเฟินเริ่มทนไม่ไหวแล้ว นางคิดว่าอย่างไรคงจะต้องเร่งจัดงานแต่งปลอม ๆ ระหว่างนางและเซวียนซานหลางเสียที
ต้องใช้งานแต่งจอมปลอมครั้งนี้ลากคอคนร้ายออกมาให้ได้
