เจียวอี้หลินใช้เวลาอยู่ในร่างนี้มาเกือบเดือน รอยพกซ้ำบางส่วนก็สมานตัวดี ผิวพรรณเริ่มผ่อง มีเพียงเรือนเล็กท้ายจวนแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่เธอสามารถอยู่ได้ ดูเหมือนว่าเื่ที่แม่นมหลี่ชินฮวาเสียชีวิตจะยังสืบไม่แน่ชัด ไม่เช่นนั้นแล้วฉินลู่อวิ๋นก็คงไม่ปล่อยให้เธออยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้ได้แน่
มือเรียวที่กำลังจดพู่กันอยู่บนกระดาษ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนเื่ราวที่ยังคงพอจดจำได้ แม้บาง่จะขาดหายไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือจ้าวซูหลินต้องรับโทษที่ก่อไว้ เนื้อหาตอนที่เธอทะลุไม่ติมาสวมร่างก็อยู่เกือบตอนท้ายของนิยาย อีกไม่นานผลกรรมที่จ้าวซูหลินก่อไว้ต้องได้รับการชำระโทษ แต่เธอจะต้องทำอย่างไรดีละในเมื่อจ้าวซูหลินตายไปเสียก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงดวงิญญาของเธอที่ยังคงอาศัยอยู่ในร่างนี้ ช่างน่าเวทนานัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูไม้ด้านหน้าห้องนอน เจียวอี้หลินในร่างจ้าวซูหลินรีบคว้ากระดาษตรงหน้าซ่อนไว้ในตู้
"ฮูหยิน...ท่านแม่ทัพใหญ่มาพบเ้าค่ะ" เสียงมู่ชิงชิงะโบอกหน้าประตูห้อง คิ้วเรียวขมวดชนแต่ก็รีบตอบกลับ
"เชิญแม่ทัพใหญ่เข้ามาเสี่ยวมู่" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"จ้าวซูหลิน...เป็เ้าอีกแล้วซินะที่ส่งคนให้ไปแกล้งฮวาเอ๋อร์จนตกน้ำ" น้ำเสียงเดือดดาดตะคอกใส่ตรงหน้าทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ร่างสูงกำยำยืนกำมือแน่นทั้งยังแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เธอ ราวกับว่าเธอนั้นได้ลงมือฆ่าผู้ใดอีก
"ท่านแม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว ข้าอยู่แต่ในเรือนจะออกไปสั่งใครได้"
"เ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าที่ผ่านมาเ้าก็ส่งคนไปทำร้ายฮวาเอ๋อร์เสียตั้งหลายครั้ง" ไม่เอ่ยเปล่ามือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้
"ท่านอย่าใส่ร้ายข้าให้มาก ในเมื่อข้าบอกว่าหยุดก็คือหยุด หากท่านไม่เชื่อเชิญสืบหาความจริงได้เลย"
"นี่เ้าท้าทายข้างั้นรึ เ้ามันก็แค่สตรีร้ายกาจ คิดว่ามารยาของเ้าจะโป้ปดเอาตัวรอดได้หรือ"
‘หยาบคาย..นี่ปากพระเอกหรือเนี้ย’ เจียวอี้หลินหมดคำที่จะกล่าวจึงสะบัดข้อมืออีกครั้ง
"ปล่อยข้า...ข้าไม่ได้ทำ ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน" เจียวอี้หลินสะบัดข้อมือตน แต่กลับถูกฉินลู่อวิ๋นกระชากกลับจนร่างบางเซถลาซบเข้ากับแผลงอกแกร่งของเขา
ร่างบางใรีบใช้มือผลักตัวเองออกดวงหน้าตื่นตระหนักสร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย แม้จะนึกรังเกียจแต่บุรุษเช่นเขาก็อดที่จะเผลอปกป้องสตรีไม่ได้ ในเมื่อเหตุการณ์อยู่ตรงหน้าร่างกายของเขาก็ขยับตามสัญชาตญาณ ไม่คิดเลยว่าสตรีที่แข็งกร้าวจะบอกบางกว่าที่คิด เขาจ้องมองใบหน้าตื่นใของนาง อดนึกรู้สึกแปลกอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน นางทำราวกับว่ารังเกียจเขาอย่างไรอย่างนั้น
เจียวอี้หลินดันตัวเองออกทำท่าเชิดคางใส่ อยู่ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาก็แดงกล่ำขึ้น เมื่อครู่ตอนนางล้มความนุ่มนิ่มที่บดเบียดกับแผลงอกของเขามันเด่นชัดเสียจนเขากะคร่าว ๆ ได้ว่าอวบอิ่มเพียงใด แม้นางจะดูแบบบาง แต่ทรวงอกอิ่มล้นนั้นย่อมปกปิดไม่ไม่ด
ฉินลู่อวิ๋นทำเสียงกระแอมในลำคอก่อนย้ำสตรีที่เขาว่าร้ายตรงหน้า
"ข้าหวังว่าเ้าจะรักษาสัจวาจาที่กล่าวไว้ เพราะข้าทูลขอปลดเ้าจากตำแหน่งฉินฮูหยินต่อฮ่องเต้แล้ว สามเดือนข้าให้เวลาเ้าอยู่ในเรือนนี้เพียงสามเดือนเท่านั้น" ฉินลู่อวิ๋นเอ่ยจบก็ผละออกจากประตูห้องนอนนางไปด้วยท่าทางขุ่นเคือง
"ไม่ต้องรอถึงสามเดือนข้าก็จะไป" เจียวอี้หลินะโตามหลังเขาก่อนที่จะรีบสะบัดอาภรณ์ให้เข้าที่เรียบร้อยดังเดิม
เจียวอี้หลินไม่รอเวลา เธอรีบสั่งให้มู่ชิงชิงจัดการสินเดิมของจ้าวซูหลินใส่หีบเพราะเธอจะเดินทางกลับจวนเสนาบดีจ้าวทันทีเมื่อจัดเตรียมหีบเสร็จ
"เหตุใดคุณหนูจึงไม่รอราชโองการจากฝ่าาเสียก่อนเ้าคะ" มู่ชิงชิงถามอย่างนึกอดสงสารนายตนไม่ได้
นางไม่คิดว่านายหญิงตนจะยอมแพ้ในความรักเช่นนี้ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานางกลับหาทุกวิถีทางที่จะได้แม่ทัพใหญ่ฉินลู่อวิ๋นมาเป็สามี
"ไม่วันนี้ หรือวันหน้า ไปเสียตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน เ้าไม่ต้องมากความรีบเก็บข้าวของเถอะ"
"เ้าค่ะ..." มู่ชิงชิงตอบเสียงแ่แล้วพับผ้าต่อ
รุ่งเช้าเจียวอี้หลินเร่งให้พ่อบ้านจัดเตรียมรถม้าไปยังจวนเสนาบดีจ้าว แต่กลับเป็ว่าเธอถูกตามให้เข้าวังหลวงพร้อมกับฉินลู่อวิ๋น ด้วยเพราะเื่ที่จ้าวซูหลินได้ทำไว้กับหลี่ชินฮวา เธอไม่ปริปากเอ่ยถามใด ๆ นอกจากเหม่อมองออกไปนอกรถม้า จวนแม่ทัพใหญ่อยู่ไม่ห่างจากวังหลวงนักใช้เวลาไม่นานก็ถึง เธอรีบลุกจัดแจงอาภรณ์ก่อนจะก้าวลงจากรถม้าทันที คนบังคับรถม้าว่างโต๊ะรองเท้าให้นางก็รีบก้าวเท้าฉับไม่สนใจคนที่ยื่นส่งมือรับ
ฉินลู่อวิ๋นเก็บมือด้วยความอายปนโกรธ นางไม่ไว้หน้าเขา ช่างแตกต่างนัก หากก่อนหน้านี้ไม่ใช่นางหรือที่คอยออดอ้อนให้เข้าอุ้มนางลงเสียงด้วยซ้ำ แต่ยามนี้นอกจากจะไม่สนใจเขาแล้วนางกลับดูดื้อรั้นราวกับเด็กๆ
"เชิญท่านแม่ทัพใหญ่ ฉินฮูหยินที่ห้องทรงอักษร" น้ำเสียงเชื้อเชิญจากหยางกงกง ขันทีแก่ที่รับใช้มากว่าสามรัชสมัยเดินนำหน้าด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เจียวอี้หลินที่เห็นเช่นนั้นก็อดยกยิ้มออกมาไม่ได้ จนนางต้องเอามือป้องปากไว้เพราะเกรงว่าใครจะเห็น แม้ฉินลู่อวิ๋นจะตวัดสายตามองห้ามปรามกริยานางอย่างไร นางก็ไม่สนใจเดินตามหลังหยางกงกงไปจนเกือบสุดทางเดิน
ห้องโถงกว้างโอ่อ่ามีเหล่านางกำนัลขันทียืนก้มหน้าอยู่อย่างเงียบเชียบ จนได้ยินเสียงฝีเท้า ครั้นหยางกงกงหยุดเดินเบื้องหน้ามีบุรุษวัยกลางคนกำลังก้มหน้าจดอะไรบางอย่าง อย่างตั้งใจ
“ทูลฝ่าา...แม่ทัพใหญ่ฉินลู่อวิ๋น และฉินฮูหยินมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ถวายพระพรฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ” ฉินลู่อวิ๋นสะบัดแขนเสื้อก่อนยกคำนับ
“ถวายพระพรฮ่องเต้เพค่ะ” เจียวอี้หลินยอบตัวลงพร้อมวางมือไว้แนบท้องน้อย ขณะที่เว่ยฮ่องเต้ยังคงจับพู่กันจดลงฎีกาตรงหน้า ใบหน้าเอิบอิ่มดูเมตตาและอบอุ่นทอดมองมายังคนทั้งสอง ฉินลู่อวิ๋นไม่เพียงมีตำแหน่งเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ แต่เขายังคงเป็พระญาติห่าง ๆ ของฮ่องเต้ ด้วยเพราะบิดาฉินลู่อวิ๋นเป็น้องชายต่างมารดาของไทเฮาในตอนนี้ ทำให้อำนาจสิทธิ์ต่าง ๆ ของเขาก็มากล้น จ้าวซูหลินก็เช่นกันบิดานางเป็ถึงเสนาบดีกรมพิธีการ ตาของนางเป็ถึงราชครูของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางจึงมีอำนาจเหมาะสมได้เคียงคู่เขา
"ที่ข้าเรียกเ้าทั้งสองเข้าวังก็เพราะเื่ของบุตรีสกุลหลี่ ข้าได้รับการรายงานว่าเ้าทำร้ายนางอย่างงั้นรึ" ฮ่องเต้มองหน้าฉินลู่อวิ๋นราวกับบอกให้รู้ว่าเื่ที่จะเอ่ยคือเื่ใด
"กระหม่อมขออภัยที่รบกวนเวลาฝ่าา แต่นี่เป็เื่ใหญ่กระหม่อมไม่อาจข้ามผ่านได้พ่ะย่ะค่ะ" ฉินลู่อวิ๋นรีบยกมือขอโทษต่อเื่ที่เขาส่งมา
"ข้าก็ไม่ได้บอกให้เ้าปล่อยผ่าน เ้ายอมรับความจริงแล้วใช่หรือไม่ฉินฮูหยิน" ฮ่องเต้มองมายังจ้าวซูหลินขณะที่เธอยังคงตื่นตาตื่นใจกับห้องทรงอักษรที่ได้เห็นของจริงก็ในวันนี้ แววตาเหลือบมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่ได้สนใจบทสนทนาจนฮ่องเต้ต้องกระแอ้มขึ้น
"อะแอ้ม!! เ้ายอมรับเื่ที่เ้าทำผิดต่อคุณหนูหลี่แล้วใช่หรือไม่จ้าวซูหลิน"
"ม่ะ...หม่อมฉันยอมรับเพคะ" เจียวอี้หลินใรีบตอบ ก่อนจะรีบก้มหน้ามองไปยังพื้น
"เ้ารู้ผิดก็ดีแล้ว แต่ความผิดเ้าก็ต้องยอมรับ"
"เพคะ.."
"ข้าจะมอบหนังสือหย่าให้เ้าทั้งสอง แต่ก่อนที่หย่ากันจ้าวซูหลิน เ้าเข้าวังหลวงมาช่วยไทเฮาจัดเตรียมงานราชสมภพให้กับข้าระหว่างที่รอเวลา ส่วนเ้า ลู่อวิ๋นเ้าก็สบายใจได้ว่าสามเดือนนี้จ้าวซูหลินจะไม่สามารถรังแกหลี่ชินฮวา หรือสร้างความกังวลใจต่อเ้าได้ เ้าไม่ต้องกังวล" ฮ่องเต้เอ่ยต่อทั้งคู่เพื่อให้สบายใจทั้งสองฝ่าย
"ขอบพระทัยฝ่าา" ทั้งคู่น้อมรับคำแนะนำก่อนจะเดินทางกลับจวน แต่ยังไม่ทันที่พวงเขาทั้งสองจะเดินถึงรถม้า บุรุษร่างสูงโปร่งสวมชุดสีขาวนวลใบหน้างดงามดูอบอุ่นเดินเข้ามาใกล้ ก่อนเอ่ยทักจ้าวซูหลินขึ้น
"หลินหลิน" น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นทำให้คนทั้งสองชะงักหยุดก้าวต่อ
".......!" เจียวอี้หลินหลงลืมกิริยามารยา จ้องมองบุรุษตรงหน้าราวกับไม่รู้จัก ก่อนนึกทบทวนตัวละครหลักของนิยายเื่นี้ทันที
"ท่านอ๋อง!" เจียวอี้หลินหลุดอุทานขึ้นเมื่อนึกถึงนามบุรุษผู้นี้ได้ และเอ่ยเรียกเขาราวกับเป็จ้าวซูหลินตัวจริง เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นอ๋องสามตัวจริงเร็วเช่นนี้ ทันทีที่เธอมองเขา ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็อ๋องสาม หรือเจียจื่อฮั่ว ก็เพราะในหนังสือบรรยายว่าเขาเป็บุรุษรูปร่างสูงโปร่งชอบสวมใส่ชุดขาวราวผู้ถือศีล แววตาที่เหมือนกับฮ่องเต้ที่ดูอบอุ่นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าบุรุษเบื้องหน้าในยามนี้คืออ๋องสาม
"ข้าได้ยินเื่ของเ้าจากเสด็จพ่อแล้ว"
"เพคะ..."เจียวอี้หลินก้มหน้างุดอย่างไร้ข้อกังขา เธอยอมรับความผิดที่ได้ทำแต่ไม่คิดว่าเื่นี้ฮ่องเต้จะนำไปบอกผู้อื่นอีกแม้จะคนใกล้ตัวก็ตามแต่นี่เป็เื่ที่น่าจะดูไม่สมควร
"เ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยเ้าเตรียมงานแน่นอน" เจียจื่อฮั่วยกยิ้มอย่างสบายใจ ฝ่ามือประคองมือเล็ก ๆ ของเธอทั้งสองราวให้กำลังใจ
"เพคะ!!..ช่วยงาน"
"ใช่...เสด็จพ่อให้เ้ามาช่วยไทเฮาเตรียมงานราชสมภพที่วังหลวงไม่ใช่หรือ ระหว่างที่เตรียมเ้าก็ต้องพักอยู่วังหลวงด้วยนี่" เจียวอี้หลินมองหน้าเขาอย่างงุนงง เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้เื่ที่เธอจะหย่าขาดกับฉินลู่อวิ๋นนี่เสียอีก แต่ผิดคาดเพราะที่เจียจื่อฮั่วเอ่ยกลับเอ่ยเป็เื่ที่เธอต้องเข้าวังเพื่อเตรียมงานราชสมภพฮ่องเต้นั่นเอง
"มีท่านอ๋องอยู่หม่อมฉันก็สบายพระทัยเพคะ" เธอรีบตอบรับ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวแน่นอน อย่างน้อยเจียจื่อฮั่วก็ยังคงรักและเอ็นดูจ้าวซูหลินเสมอ