จ้านอู๋มิ่งกลับถึงตระกูลจ้านอย่างเงียบๆ ก็ได้ยินเมืองมู่เหย่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสูญเสียอย่างหนักของตระกูลจี้ รายงานเื่ราวแตกต่างกันไป บางคนบอกว่าตระกูลจี้ไปแดนรกร้างโหยวอวิ๋น ถูกโจมตีโดยคนของแดนรกร้าง บางคนบอกว่าพวกเขาไปป่าสัตว์อสูร พบเจอกับสัตว์อสูรระดับสูง อย่างไรก็ตามผลก็คือตระกูลจี้ประสบความสูญเสียอย่างหนัก สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงอย่างอื่น ตระกูลจี้มิได้เปิดเผยและก็มิยอมให้เล็ดลอดออกภายนอก
สถานการณ์ของตระกูลจี้ช่างน่าอเนจอนาถจริงๆ จี้เซี่ยงตงซึ่งกำลังจะรับ่ผู้นำตระกูลเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ศิษย์ระดับปรมาจารย์นักยุทธ์และอาจารย์นักยุทธ์หลายสิบคนเสียชีวิต ทั้งหมดเป็ชนชั้นสูงของตระกูลจี้ ทำให้ผู้นำตระกูลจี้บันดาลโทสะจนกระอักเื แต่การเผชิญหน้ากับหุบเขาค่างปีศาจ ตระกูลจี้มีความตั้งใจแต่ไร้กำลัง หากแบ่งปันข่าวดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์กับตระกูลอื่นๆ จิตใจพวกเขาก็รู้สึกไม่ยินยอม สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าในหุบเขาค่างปีศาจจะมีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์อยู่จริง?
ตระกูลจี้รับเื่นี้ไม่ได้ ยามนี้จี้เซี่ยงหนานกลับถึงตระกูลจี้ด้วยร่างกายที่าเ็สาหัส ทำให้บรรยากาศในตระกูลจี้ดีขึ้นมาบ้าง
หลังจากจี้เซี่ยงหนานกลับมา เขาก็รีบเสนอคำแนะนำแก่ผู้นำตระกูลจี้ทันที ถึงแม้ตระกูลจี้จะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ก็มิอาจไม่แก้แค้นครั้งนี้ แม้จะหาคนนำทางตระกูลจี้เข้าไปในหุบเขาค่างปีศาจไม่ได้ แต่สัตว์อสูรวานรของหุบเขาค่างปีศาจก็ยังอยู่ที่นั่น หุบเขาค่างปีศาจจะต้องถูกทำลายราบเป็หน้ากลองเพื่อบรรเทาความเกลียดชังของตระกูลจี้ ถ้าไม่มีใครในเมืองมู่เหย่เต็มใจยืนหยัดเพื่อตระกูลจี้ ถ้าเช่นนั้นก็ร่วมมือกับตระกูลเจิ้ง และเจิ้งอวี้ฟูเองก็เสียชีวิตในหุบเขาค่างปีศาจ ตระกูลเจิ้งยิ่งมีเหตุผลมากกว่าที่จะยืนหยัดเคียงข้างตระกูลจี้ แน่นอน ถ้ามีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์จริงๆ ตระกูลเจิ้งก็จะเจริญรุ่งเรืองแล้ว ตระกูลจี้เองก็จะพลอยได้ดี เพราะอย่างน้อยเคยร่วมมือกับตระกูลเจิ้ง
ข้อเสนอของจี้เซี่ยงหนานได้รับการอนุมัติทันทีโดยผู้นำตระกูลจี้และเหล่าผู้าุโทั้งหมด น่าเสียดายที่สัตว์อสูรค้นหาควันพันลี้ตายเพราะสัตว์อสูรวานรไปแล้ว ทำให้การสูญเสียของตระกูลจี้ยิ่งรุนแรงขึ้น จี้ฉางเฟิงเป็ผู้าุโใหญ่ของตระกูลจี้ เป็หนึ่งในสองที่พลังการบ่มเพาะสูงที่สุดในตระกูลจี้ มีจี้ฉางเฟิงเป็พยาน จี้เซี่ยงหนานโชคดีมากแล้วที่สามารถกลับมาได้ ดังนั้นไม่มีใครตำหนิจี้เซี่ยงหนานที่ไม่ช่วยจี้เซี่ยงตง ผู้เป็พี่ชายกลับมา ที่นั่นมีสัตว์อสูรราชันวานรเทียบเท่าราชันาระดับห้าดาวและสัตว์อสูรระดับสี่ สัตว์อสูรหลายตัวที่เทียบเท่าราชันาระดับต้น แม้แต่จี้ฉางเฟิง ราชันาสี่ดาวก็ยังต้องวิ่งหนี ผู้ใดจะคาดหวังให้ปรมาจารย์นักยุทธ์เก้าดาวคนหนึ่งจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ตระกูลจี้ได้เล่า
สามชีวิตของตระกูลเจิ้งที่เสียไป ตระกูลจี้สามารถอธิบายให้ตระกูลเจิ้งฟังได้ โชคดีก่อนออกเดินทางเจิ้งอวี้ฟูได้ส่งข่าวไปให้ตระกูลเจิ้งแล้ว เชื่อว่าจะมียอดฝีมือจากตระกูลเจิ้งเดินทางมาทันทีในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะได้สามารถสนทนาหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันพอดี
……
จ้านอู๋มิ่งกลับมาถึงตระกูลจ้าน ถูกสั่งสอนอย่างหนักโดยจ้านชิงเผิง คุณชายผู้ฝึกพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ไม่ได้ผู้หนึ่ง หายไปครั้งหนึ่งเป็เวลาหลายวัน ถึงแม้จะทิ้งหนังสือไว้บอกว่าไปแสวงหาโอสถสมุนไพรหายาก แต่ไม่ได้พาผู้ติดตามไปด้วยแม้แต่คนเดียว ทำให้ทุกคนในตระกูลจ้านเป็ห่วงอยู่นาน
การกลับมาของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในบรรดาผู้าุโของตระกูลจ้านทันที มิใช่เพราะสาเหตุอื่นใด นั่นเพราะจ้านอู๋มิ่งได้นำสัตว์อสูรค้นหาควันพันลี้และราชันาหนึ่งดาวผู้หนึ่งกลับมาด้วย
ราชันาหนึ่งดาวยังไม่นับเป็อะไร ใน่หลายปีนี้ ตระกูลจ้านได้วางขายโอสถสรรพคุณน่าอัศจรรย์หลายขนาน และรวบรวมทรัพยากรไว้เป็จำนวนมาก ตอนนี้ในตระกูลมีราชันาห้าคนแล้ว แต่ราชันาหนึ่งดาวที่จ้านอู๋มิ่งพากลับมา ทำให้ตระกูลจ้านรู้สึกตื่นเต้นแล้ว เนื่องเพราะราชันาผู้นี้เป็คนรับใช้ของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้ราชันากลายเป็คนรับใช้ ท่านปู่ผู้เฒ่าจ้านเองยังยอมรับว่าตนเองไม่สามารถทำได้ และไม่มีคุณสมบัติพอ
ที่ไม่สมเหตุสมผลยิ่งกว่านั้นคือจ้านอู๋มิ่งลอบนำสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ สมบัติวิเศษของตระกูลจี้กลับมาด้วย ทำให้ท่านปู่ผู้เฒ่าจ้านใจนสะดุ้งโหยง หลานชายตัวน้อย้าทำสิ่งใดกันแน่นะ ้าเปิดศึกากับตระกูลจี้หรือ? หากตระกูลจี้ทราบว่าสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ถูกตระกูลจ้านขโมยไปแล้ว นั่นก็จะกลายเป็เื่ใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่าตระกูลจ้านจะไม่เกรงกลัวตระกูลจี้ แต่การต่อสู้ระหว่างสองขั้วอำนาจย่อมเกิดการสูญเสียมากมายแน่นอน ดีไม่ดีสถานการณ์ทั้งหมดของเมืองมู่เหย่ต้องแปรเปลี่ยนไป
สำหรับหลานชายคนนี้ จ้านชิงหลงพูดไม่ออกจริงๆ ก่อนหน้านี้ซุกซนก็เพียงแค่เรียกร้อง้าวัตถุในการหลอมโอสถ ยังคงวุ่นวายสับสนอยู่แต่ในจวนเท่านั้น และโอสถก็ไม่ทำให้คนเสียชีวิต ทุกคนจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เปิดตาข้างเดียว ปิดตาอีกข้างหนึ่ง แต่คราวนี้ประเสริฐแล้ว ลอบแอบหายไปเตร่อยู่ข้างนอกไม่กี่วัน นำถังดินปืนกลับมาให้ตระกูลจ้านถังหนึ่ง หนึ่งเป็ของหวงดุจชีวิตของตระกูลจี้ อีกหนึ่งเป็อาคันตุกะรับเชิญของตระกูลเจิ้ง จ้านอู๋มิ่งยังกล้ารับไว้เป็คนรับใช้จริงๆ แปรเปลี่ยนผู้พิทักษ์ของน้าสามให้กลายเป็คนรับใช้ตนเอง
เจิ้งอวี้ฟูเป็คนที่สามารถตอแยได้หรือ? วันนั้นบันดาลโทสะจากไป จนถึงตอนนี้ตระกูลจ้านยังคงกังวลว่าอีกฝ่ายจะเล่นงานกลับ นี่แค่ไม่กี่วัน หลานชายน่าสยดสยองผู้นี้แปรเปลี่ยนผู้พิทักษ์ของผู้อื่นให้เป็คนรับใช้ของตนเอง…จ้านชิงหลงไม่เคยเจอหลานชายที่สามารถสร้างปัญหาและก่อเภทภัยได้ถึงเพียงนี้มาก่อน
ผู้เฒ่าจ้านเทียนสิงมากน้ำใจต่อจ้านอู๋มิ่งเสมอมา คราวนี้สีหน้าก็ดูเป็ทุกข์กังวลเช่นกัน หลานคนนี้สะเพร่าเกินไปแล้วจริงๆ
ปากจ้านชิงเผิงโกรธจนบิดเบี้ยวไปแล้ว นี่ยังเป็บุตรชายที่ไหนอีกล่ะ นี่มันบรรพบุรุษคร่าชีวิตชัดๆ แต่แล้วหวนกลับมาคิดคราหนึ่ง ต่อให้ตนลงมือด้วยตัวเอง สามารถอุ้มสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้กลับมาหรือไม่? สามารถรับผู้พิทักษ์ที่เป็แขกรับเชิญของเจิ้งอวี้ฟูเป็คนรับใช้หรือไม่? พอคิดเช่นนี้ขึ้นมา บุตรชายคนนี้ฝีมือร้ายกาจกว่าบิดามากมายแล้ว
หลายคนพากันจ้องมองจ้านอู๋มิ่ง ราวกับจะจัดประชุมวาระสำคัญตัดสินความก็มิปาน สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้เกรงกลัวสายตาดุร้ายคนเหล่านี้แอบซุกตัวอยู่ด้านหลังจ้านอู๋มิ่ง ลอบชำเลืองมองเหล่าบรรดาท่านผู้เฒ่าที่กำลังเดือดดาลอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเ่าั้ เหยียนอี้กลับถูกทิ้งไว้ให้อยู่นอกห้องโถงบรรพบุรุษ
“ลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ท่านปู่ผู้เฒ่าจ้านเงียบขรึมอยู่นาน สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะเคาะพนักเก้าอี้พลางถามขึ้น
“สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้แย่งชิงมาจากตระกูลจี้ ส่วนเหยียนอี้คว้าตัวมาจากตระกูลเจิ้ง…” จ้านอู๋มิ่งแบมือไปมา กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางไร้เดียงสายิ่ง
“คว้า คว้า คว้า ไฉนเ้าจึงไม่ไปคว้าองค์หญิงและนางสนมแห่งราชวงศ์ต้าเหยียนมาเลยเล่า เ้ามีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้ั้แ่เมื่อใด แม้แต่ของรักของหวงดุจชีวิตของตระกูลจี้ก็ยังกล้าคว้ามา นอกจากนี้ เ้ายังคว้าอาคันตุกะรับเชิญของตระกูลเจิ้งมาเป็คนรับใช้อีก…อวดดีและเอิกเกริกถึงเพียงไหน…” จ้านชิงเผิงโกรธยกใหญ่ บุตรชายคนนี้มิเห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาจริงๆ แม้แต่การหยิบคว้าของผู้อื่นก็พูดอย่างมีเหตุมีผล ไม่เพียงแค่คว้าสัตว์อสูรที่เป็ของแปลกหายากมาเท่านั้น ยังคว้ายอดฝีมือมาอีกด้วย ถึงคราวที่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งจะมาหยิ่งผยองเช่นนี้ได้ั้แ่เมื่อใด? แม้แต่ท่านผู้เฒ่าตระกูลจ้านเองก็ยังมิมีความสามารถนี้เลย!
“บอกมาสิว่าเ้าคว้ามาได้อย่างไร!” จ้านเทียนสิงทุบศีรษะเขาไปครั้งหนึ่ง หลานชายคนนี้ช่างดีจริงๆ เพิ่งออกไปเพียงไม่กี่วันเอง ไฉนจึงเหมือนกับพวกโจรผู้ร้ายก็มิปาน หันหน้ามองไปที่จ้านชิงเผิงครั้งหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “โมโหดุร้ายขนาดนั้นไปไย กับลูกๆ ต้องใจเย็นมีความอดทน ถ้าเ้ามีความสามารถก็ลองไปคว้าดูสิ! ของหวงดุจชีวิตของตระกูลจี้ถูกคว้าไปแล้ว ไม่เห็นตระกูลจี้มาโวยวายเอาเื่ถึงบ้าน คนของตระกูลเจิ้งถูกคว้าไปแล้ว ก็ไม่เห็นคนตระกูลเจิ้งมาขอคนคืนเช่นกัน เ้าในฐานะผู้นำตระกูลกลับตื่นตระหนกแล้ว มิรักษาภาพลักษณ์เอาเสียเลย”
จ้านชิงเผิงทอดถอนใจแล้ว เจอกับท่านผู้เฒ่าที่ไม่พูดเื่เหตุผล อบรมสั่งสอนบุตรก็จะต้องพูดจาดีๆ ด้วย นี่มันหน้าที่ของผู้นำตระกูลด้วยหรือ
จ้านอู๋มิ่งหัวเราะขบขัน หยิบแหวนจักรวาลและกระเป๋าจักรวาลออกมา ทุกคนมิทันได้แปลกใจ เทออกมา สิ่งของกระจายออกเป็กองๆ ครอบคลุมพื้นที่ห้องโถงบรรพบุรุษไปครึ่งหนึ่ง หนังสัตว์อสูรจำพวกนั้น ผลึกสัตว์อสูรต่างๆ ชิ้นส่วนของสัตว์อสูร ทองคำแท่ง อิฐทองคำ หินล้ำค่าและอัญมณี เม็ดโอสถ ถึงกับยังมีอาวุธจิติญญาระดับต่ำอีกหลายชิ้น และโอสถจิติญญาอีกจำนวนหนึ่ง สมุนไพรจิติญญา ศิลาหินแร่ ส่องแสงระยิบระยับละลานตาไปหมด
คนคลาคล่ำทั้งห้องโถงล้วนจ้องมองสิ่งของสีทองประกายแพรวพราวบนพื้นจนปากอ้าตาค้างและหันมองดูสีหน้าไร้เดียงสาของจ้านอู๋มิ่งอีกครั้ง ทุกคนต่างล้วนเอามือปิดหน้าผากเหมือนกับไข้ขึ้นแล้วก็มิปาน
ห้องโถงบรรพบุรุษที่กองด้วยอัญมณีล้ำค่ากองหนึ่ง พลันเล็กลงถนัดไปทันที จ้านชิงหลงพึมพำขึ้น “โอ้์ นี่ต้องไปคว้าขโมยมาจากคนมากมายเพียงใดกัน!”
จ้านชิงเผิงจึงได้พบว่าตนประเมินบุตรชายคนนี้ต่ำไปแล้ว พลันก็รู้สึกสำนึกเสียใจยิ่งที่เมื่อครู่ถามว่าไฉนไม่ไปคว้าองค์หญิงและนางสนมแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน เพราะเขาพบว่าบุตรชายมีความกล้าหาญที่จะไปคว้ามาจริงๆ
“เื่นี้...เื่นี้ชิงเผิงในฐานะผู้นำตระกูลจ้าน ยังคงต้องให้เ้าถามไถ่!” ผ่านไปเนิ่นนานจ้านเทียนสิงจึงสามารถตั้งสติได้ ส่งเสียงกระแอมไอคราหนึ่ง ยื่นเผือกร้อนลวกมือให้จ้านชิงเผิง เขาพบว่าตนตั้งคำถามกับหลานตนเอง คำตอบสามารถทำให้คนาเ็สาหัสได้ เพราะท่านไม่สามารถเดาได้ว่าลำดับต่อไป เขาจะหงายไพ่อะไรออกมา ตนเองมีชีวิตอยู่เจ็ดแปดสิบปีแล้ว เงินทองที่หามาได้ทั้งหมดยังไม่มากเท่ากับที่หลานชายไปคว้ามาด้วยเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น นี่มันทำร้ายจิตใจเกินไปแล้ว
จ้านชิงเผิงมองบรรดาพี่น้องสลับไปมา พบว่ายกเว้นพี่ใหญ่แล้ว ดวงตาของชิงหู่และชิงเป้าล้วนตะลึงแล้ว จึงถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “สิ่งของพวกนี้ก็หยิบมาด้วยหรือ?”
“อืม พวกนี้เป็ของเจิ้งอวี้ฟูและจี้เซี่ยงตง ส่วนของเหล่านี้เป็ของปรมาจารย์นักยุทธ์ตระกูลจี้และราชันาคนหนึ่งของตระกูลเจิ้ง” วาจาของจ้านอู๋มิ่งราวกับหากไม่ทำให้ผู้อื่นตระหนกตกตะลึงจนเสียชีวิตจะมิยอมเลิกรา จ้านอู๋มิ่งเพิ่งพูดจบ คิ้วของทุกคนในห้องโถงบรรพบุรุษเริ่มพากันเลิกขึ้น
“เ้าปล้นพวกเขามาหรือ?” จ้านชิงเผิงถามอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่ในใจลอบก่นด่าอย่างลับๆ มีแต่คนโง่งมเท่านั้นที่มอบแหวนจักรวาลให้ผู้อื่น เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่าไปปล้นเขามา ตนยังคงถามคำถามมากมายเกินความจำเป็เหล่านี้
“ถ้าพวกท่านกลัวว่าข้าไปปล้นเขามา เช่นนั้นก็นับเสียว่าข้าหยิบมาก็แล้วกัน เพราะพวกมันล้วนตายหมดสิ้นแล้ว” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว มิกลั่นแกล้งคนในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าเขารู้สึกว่ายังคงค่อนข้างสนุกสนานอยู่ ยามปกติเห็นพวกเขาดุดันน่าเกรงขาม ยามนี้แต่ละคนล้วนพากันตื่นเต้นประหม่าแทบตาย อารมณ์การแสดงออกเช่นนี้มิค่อยได้มีโอกาสเห็นบ่อยนัก
ผู้คนทั้งบ้านแทบจะเป็ลมสิ้นสติ ไม่ได้ปล้นเขามาแต่หยิบมา เ้าเห็นมันเป็ก้อนกรวดตามข้างทางหรือไง คิดจะหยิบก็หยิบขึ้นมา ข่าวที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกยิ่งกว่าคือคนพวกนี้กลับล้วนตายหมดสิ้นแล้ว
“พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตในป่าสัตว์อสูร ตระกูลจี้เกือบถูกกำจัดหมดสิ้นในครั้งนี้ มีเพียงจี้เซี่ยงหนานและจี้ฉางเฟิงเท่านั้นที่หนีรอดกลับมาได้ ยอดฝีมือของตระกูลเจิ้งที่มาเยือนเมืองมู่เหย่ครั้งนี้ นอกจากคนที่ข้ารับไว้เป็บ่าว คนอื่นๆ ทั้งหมดล้วนเสียชีวิตในหุบเขาค่างปีศาจ” จ้านอู๋มิ่งไม่รอให้คนในครอบครัวถามอีก บอกต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมา
ข้าวของที่จ้านอู๋มิ่งริบมานั้นทำให้ผู้อื่นใยิ่งนัก แต่ที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าคือข่าวที่จ้านอู๋มิ่งนำกลับมา ชนชั้นสูงของตระกูลจี้ถูกฆ่าตายสิ้นในป่าสัตว์อสูร จี้ฉางเฟิงาเ็สาหัสกลับมา จี้เซี่ยงตงเสียชีวิต ยอดฝีมือตระกูลเจิ้งที่มาเมืองมู่เหย่ครั้งนี้ตายหมดสิ้น สำหรับตระกูลจ้าน นี่ย่อมเป็ข่าวดีอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าข่าวที่แพร่ออกภายนอกส่วนหนึ่งเป็เื่จริง
“เ้าก็ไปที่หุบเขาค่างปีศาจมาด้วย?” จ้านชิงเผิงถามด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจ เขายอมเชื่อแล้วว่าแหวนจักรวาลถูกจ้านอู๋มิ่งหยิบขึ้นมาจากซากศพ
“มิผิด หลายปีนี้ลูกได้ศึกษานิสัยของสัตว์อสูรมาโดยตลอด บังเอิญเคยช่วยชีวิตสัตว์อสูรราชันวานรเอาไว้ ครั้งนี้ประจวบมีโอสถสมุนไพรชนิดหนึ่งอยู่ในหุบเขาค่างปีศาจ” จ้านอู๋มิ่งขบคิดครู่หนึ่ง ยังคงปกปิดเื่ที่ตนสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์ได้แล้วเอาไว้ เขายังพอจะจำได้เลือนราง ชาติภพก่อนตระกูลจ้านถูกกำจัดสูญสิ้นก็สืบเนื่องจากคนในตระกูลตนเอง ตนยิ่งมีไพ่ตายอยู่ในมือมากเท่าไรก็ยิ่งมีผลดีต่อตระกูลจ้านมากขึ้น
ทุกคนพากันประหลาดใจ เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ ถึงแม้พวกเขาจะทราบว่าสัตว์อสูรระดับสูงมีสติปัญญา สัตว์อสูรระดับเจ็ดสามารถแปลงร่างเป็มนุษย์ได้ ในสภาพร่างกายที่เป็มนุษย์นั้นศักดิ์สิทธิ์ สติปัญญาก็เช่นเดียวกับมนุษย์แต่มีอายุขัยยืนยาว ยาวนานกว่าอายุขัยของมนุษย์มากมายนัก
“เหยียนอี้เป็เพราะข้าวิงวอนสัตว์อสูรราชันวานร จึงได้ละเว้นชีวิตเขา นายท่านสามเจิ้งและเจิ้งซื่อหรงล้วนเสียชีวิตทั้งคู่ พรรคพวกของเขาก็ตายแล้วเช่นกัน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รอดชีวิต ถ้าหวนกลับไปตระกูลเจิ้งจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นภายใต้การกดดันของสัตว์อสูรราชันวานร จึงได้แต่ยอมรับข้าเป็นาย กลายเป็ทาสรับใช้ของข้า” จ้านอู๋มิ่งอธิบายให้ฟัง
“แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ของตระกูลจี้?” จ้านชิงเป้ายังคงอดถามไม่ได้
“แรกเริ่มข้าไม่รู้ว่ามันเป็สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ เพียงแต่รู้สึกว่าเ้าตัวเล็กนี้ดูแปลกประหลาดมาก จึงจับเอาไว้ ต่อมาเหยียนอี้บอกว่าพวกมันกำลังไล่ติดตามใครอยู่ ติดตามจวบจนถึงบริเวณหุบเขาค่างปีศาจ ตระกูลจี้ก็ใช้เ้าตัวเล็กตัวนี้ ได้ยินมาว่าเ้าตัวเล็กนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ภายหลังเกิดศึกใหญ่ขึ้นนอกหุบเขาค่างปีศาจ เื่ของเ้าตัวเล็กนี้มิมีผู้ใดสนใจ บังเอิญถูกข้าจับได้ หากท่านคิดว่าสิ่งนี้สำคัญต่อตระกูลจี้มาก ข้าจะนำไปคืนให้พวกเขาก็แล้วกัน” จ้านอู๋มิ่งแกล้งทำเป็โง่แล้วต้องโง่ให้ถึงที่สุด
“ป้าวจื่อ[1] เ้าช่างพูดมากจริงๆ ในเมื่อมันถูกเก็บมาจากในป่าสัตว์อสูร ผู้ใดว่าต้องเป็ของตระกูลจี้อย่างแน่นอน? ป่าสัตว์อสูรมีของแปลกประหลาดมากมาย จะมีสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้สักตัวสองตัวก็เป็เื่ปกติ หรือว่าเฉพาะตระกูลจี้เท่านั้นที่มีได้?” จ้านเทียนสิงด่าขึ้นด้วยอารมณ์ที่มิค่อยดีนัก ทุกคนเงียบกริบ ท่านผู้เฒ่าไม่ได้สับสนเลยแม้แต่น้อย สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ก็มิใช่ว่ามีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ในป่าสัตว์อสูรบางทีอาจมีสัตว์อสูรสูงวัยสักตัว ในรังของมันอาจจะมีตัวเล็กๆ หลายตัวอยู่ในครอกเดียวกันก็ได้ พอดีถูกจ้านอู๋มิ่งเก็บมาได้ตัวหนึ่งโดยบังเอิญ เพียงอนุญาตให้ตระกูลจี้เก็บมันได้เท่านั้น ตระกูลจ้านเราไม่สามารถเก็บได้เช่นนั้นหรือ?
[1] เสือดาว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้