พวกเขาเดินไปที่หน้าเทวรูปกวนอิม มองรูปสลักสูงใหญ่เบื้องหน้า
ดวงเนตรของเทวรูปนุ่มนวลอ่อนโยนยิ่ง ประหนึ่งแววตาของมารดาซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเมตตา เพียงแต่เทวรูปกวนอิมองค์นี้หาได้ถือแจกันหยก ตรงส่วนที่ควรจะเป็แจกันกลับเป็โพรงว่าง ซึ่งเมื่อพิศดูก็พบว่ามีลักษณะเป็รูปแจกัน ถังชิงหรูพลันรู้สึกว่าตรงจุดนั้นควรจะมีแจกันวางอยู่ หากนำของวางกลับไปวางตรงตำแหน่ง จะต้องมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแน่นอน
"เผ่าของพวกเ้ามีแจกันรูปทรงแบบนี้หรือไม่" ถังชิงหรูซักถามอิงฉี
อิงฉีสังเกตตำแหน่งที่ตั้งของแจกันใบนั้น พลางยกมือขึ้นกะขนาด พยายามย้อนนึกในความทรงจำ ก่อนอุทานเสียงเบาออกมา "เ้าอย่าพูดไปนะ มีแจกันแบบนี้จริงๆ"
"เ้ากล้าลองเอาแจกันกลับมาวางไหมล่ะ" ถังชิงหรูยกยิ้มน้อยๆ มองอิงฉีที่อยู่ด้านข้าง
อิงฉีหน้าตาสะสวย เป็คนเปิดเผยใจกว้าง ถังชิงหรูก็มีอุปนิสัยตรงไปตรงมา พวกนางสองคนจึงได้ถูกชะตากัน ถังชิงหรูเอ่ยมาแบบนี้ อิงฉีมิร่ำไรตอบตกลงทันควัน กลับเป็ถังอวี้ซูเสียอีกที่คิดรอบคอบกว่า เขาดึงแขนของอิงฉีกล่าวว่า "แจกันใบนั้นเป็สมบัติล้ำค่า มีเพียงหัวหน้าเผ่าเท่านั้นถึงจะแตะต้องมันได้ ตอนนี้เ้ายังไม่ใช่หัวหน้าเผ่า หากแจกันใบนั้นเกิดเสียหาย ผู้นำาุโต้องไม่ให้อภัยเ้าแน่ ช่างมันดีกว่า พวกเรากลับกันเถอะ ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนุกเลย"
"แค่แจกันใบเดียว เสียหายก็เสียหายไปสิ ท่านแม่จะสังหารข้าทิ้งหรือไร อีกอย่าง คืนนี้ข้าก็จะได้เป็หัวหน้าเผ่าแล้ว ต่อไปแจกันใบนั้นก็ต้องตกทอดมาถึงข้า" อิงฉียกมือขึ้นโบกอย่างไม่นำพา "ข้าจะกลับไปเอาแจกันมา สถานที่แห่งนี้วิเศษนัก แม้แต่ข้ายังรู้สึกสนใจเลย ข้าต้องเข้าไปดูให้ได้ว่าในนั้นมีสิ่งใดซ่อนอยู่"
"ข้าคิดว่าพี่ถังผู้นี้กล่าวมีเหตุผล ถึงอย่างไรคืนนี้เ้าก็ต้องขึ้นสืบทอดตำแหน่ง ต่อไปแจกันใบนี้ย่อมอยู่ในอำนาจการจัดการของเ้า ตอนนี้เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเราจะโอ้เอ้อยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้ มิเช่นนั้นอาจส่งผลถึงงานเลี้ยงของเ้า วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนเถอะ อีกสองสามวันมีเวลาว่าง พวกเราค่อยมากันใหม่" เฉินิออกความเห็น
อิงฉีเป็คนใจร้อน เมื่อปัญหาตั้งอยู่ตรงหน้า ฆ่าให้ตายยังทรมานน้อยกว่าปล่อยให้นางจมอยู่กับปริศนาข้อนี้อีกสองสามวัน แต่นางก็ตระหนักได้ว่าคู่หมั้นของตนเองกล่าวมีเหตุผล ยามนี้ไม่ควรด่วนใจร้อน มิเช่นนั้นอาจไม่ทันงานเลี้ยงเย็นนี้ อีกอย่างถึงกลับไปเอาแจกันตอนนี้ มารดาของนางต้องไม่ตกลงแน่นอน
นางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ "เช่นนั้นอีกสองสามวันค่อยมาก็ได้ ข้าเรียกเ้าว่าชิงหรูได้ไหม? ชิงหรู เ้าอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน พวกเราค่อยมาตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ด้วยกัน"
ถังชิงหรูย่อมไม่มีความเห็น นางแค่อยากรู้ว่าที่นี่มีอะไร ขุมสมบัติที่ซ่อนอยู่ หรือว่าความลับของเผ่าอิงกู
พวกเขาพบกระต่ายตัวหนึ่งบนูเา เฉินิรับหน้าที่มือสังหาร ส่วนถังชิงหรูก็นำไปย่างให้เป็อาหารเลิศรส ถังอวี้ซูกับอิงฉีเดิมทีก็ทำใจไม่ได้ แต่สุดท้ายคนที่กินมากสุดกลับเป็พวกเขาสองคน
"รสชาติอร่อยมากจริงๆ เมื่อก่อนหัวหน้าเผ่าห้ามล่าสัตว์ในเขตหวงห้าม พวกเราก็เลยกินแต่เนื้อแพะกับเนื้อแกะมาสิบกว่าปีแล้ว ยังนึกว่าเนื้อในโลกนี้ล้วนมีรสชาติเหมือนกันหมด ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าแตกต่าง" ถังอวี้ซูตีพุงอย่างอิ่มหนำสำราญ
อิงฉีเช็ดมุมปาก พูดชมไม่หยุดหย่อน "หอมสุดๆ ไปเลย เนื้อกระต่ายอร่อยแบบนี้นี่เอง น่าเสียดาย คนในเผ่าไม่อาจล่าสัตว์ที่นี่ พวกเราเลยได้แต่พึ่งใบบุญของชิงหรูกับคุณชายเฉิน ต่อไปคงไม่มีลาภปากแบบนี้อีกแล้วล่ะ"
"เผ่าอิงกูของพวกเ้ากับเมืองชิ่งทำการค้าไปมาหาสู่กัน เมืองชิ่งมีทุกอย่างที่้า หากพวกเ้าชอบ ไปหาซื้อที่นั่นก็ได้" เฉินิเอ่ยเสียงเรียบ
"ท่านอาจไม่ทราบสถานการณ์ของเผ่าอิงกูเรา" อิงฉีโยนซากกระดูกกระต่ายที่กินเหลือเข้ากองไฟด้านหน้า "พวกเราอาศัยโคและแพะเป็หลักในการทำการค้ากับโลกภายนอก แต่ถึงอย่างไรเผ่าอิงกูของเราก็เป็แค่ชนกลุ่มน้อย มักถูกผู้อื่นดูแคลน วัวตัวหนึ่งในเมืองชิ่งของพวกท่านขายได้สิบกว่าตำลึง แต่เผ่าของเรานำออกไปกลับขายได้เพียงหนึ่งถึงสองตำลึงเท่านั้น พวกเราอับจนหนทาง จะมิขายก็ไม่ได้ มิเช่นนั้นทุกคนคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงฤดูหนาว"
"ม้าของเผ่าอิงกูหน่วยก้านดีมาก ไฉนถึงไม่ขายม้าเล่า" ถังชิงหรูถามข้อกังขา
"ม้าของเผ่าอิงกูจะขายให้คนนอกไม่ได้ นี่เป็กฎระเบียบที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ม้าของพวกเรามีไว้ใช้เองเท่านั้น" อิงฉีตอบพลางทอยิ้มน้อยๆ "อย่าเห็นว่าข้าเป็ถึงหัวหน้าเผ่า ชีวิตข้ายังสุขสบายสู้ชาวบ้านธรรมดาในเมืองชิ่งของพวกท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ ภาพลักษณ์ภายนอกเผ่าอิงกูอาจดูสวยงาม แต่แท้จริงแล้วการทำมาหากินฝืดเคืองนัก"
ถังชิงหรูหันไปมองเฉินิที่อยู่ข้างกาย ด้วยสถานะของเขา แค่ออกปากประโยคเดียวก็สามารถแก้ปัญหาความยากลำบากนี้ได้ เพียงแต่ว่าทั้งสองฝ่ายต่างเป็คนแปลกหน้าที่เพิ่งมารู้จักกัน ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดที่เขาจะยื่นมือเข้าช่วย นางเป็แค่คนนอก มิอาจก้าวก่ายมากเกินไปนัก
เฉินิเข้าใจความคิดของถังชิงหรู เผ่าอิงกูเป็ชนเผ่าที่สตรีเป็ใหญ่ แม้ประชากรไม่เยอะ อาณาเขตไม่กว้างขวาง แต่ก็ได้รับความสำคัญจากแคว้นข้างเคียง ไม่มีผู้ใดไปสร้างความลำบากให้พวกเขา แต่ก็หาได้สนับสนุนช่วยเหลือเช่นกัน เมื่อแคว้นโดยรอบต่างสงวนท่าที หากแคว้นของตนทำลายกฎเกณฑ์นี้ เกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา
เวลาไม่เช้าแล้ว ดวงตะวันกำลังจะลับเหลี่ยมเขา แสงสายัณห์สาดส่องมาที่พวกเขา ทุ่งหญ้าทั้งผืนแลดูเงียบเหงากว่าปรกติ เสียงขับลำนำของหญิงสาวดังทอดมาจากสถานที่ห่างไกล ยังมีบุรุษขับร้องโต้ตอบกับพวกนาง เป็ภาพบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ ทว่าเสียดายที่ภายใต้ความงดงามที่ฉาบเคลือบอยู่ภายนอกกลับซ่อนความลำเค็ญและอุปสรรคเอาไว้มากมาย
อิงฉีมองบ้านเกิดที่สวยงามของตนเอง เอ่ยคำสาบานอยู่เงียบๆ "ข้าจะต้องนำพาพวกเขาให้หลุดพ้นจากความยากลำบากนี้ไปให้ได้ และต้องมีสักวัน ที่ข้าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เผ่าอิงกูของเรา"
ถังชิงหรูตบๆ บ่าของนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม "เ้าทำได้แน่ แต่ก่อนอื่น พวกเราจะต้องกลับไปให้ทันเวลา คืนนี้เ้าคือนางเอก ของมากมายที่จำเป็ต้องเตรียมเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง หากมารดาเ้าพบว่าเ้าหายตัวไป เ้าว่านางจะโกรธและนึกเสียใจภายหลังหรือไม่"
"ไม่หรอก นางอยากยกตำแหน่งให้ข้าจะแย่อยู่แล้ว แบบนี้นางถึงจะมีเวลาใช้ชีวิตอยู่กับคนรักของตนเอง" อิงฉีแค่นเสียงหึ "นางน่ะ เฝ้ารอวันที่ข้าเติบโตเป็ผู้ใหญ่อยู่ทุกลมหายใจ"
"แต่เ้าก็ไม่เหงาหรอก" ถังชิงหรูมองถังอวี้ซูซึ่งอยู่ด้านข้าง "อย่างน้อยเ้าก็มีอวี้ซูอยู่เคียงข้าง"
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม อาชาของพวกเขาก็กลับมาถึงเผ่าอิงกู ยามนี้พวกชาวบ้านต่างจุดคบไฟออกมาตามอิงฉีกันทั่วทุกหนแห่ง
กองไฟขนาดใหญ่ถูกจุดขึ้นบนพื้นที่กว้างขวาง ผู้คนที่ทำงานหนักกันมาทั้งวันต่างมานั่งกินเนื้อตากแห้งอยู่หน้ากองไฟ ใบหน้าของพวกเขาอาบรอยยิ้มอิ่มเอม แม้ว่าของกินจะทั้งแห้งและไร้รสชาติ ยากจะกลืนลงคอ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ชีวิตอันแสนสงบยามนี้ก็คือความสุขอย่างแท้จริง
ถังชิงหรูเห็นพวกเขาใช้ชีวิตกันแบบนี้ ก็รู้สึกอดใจไม่ไหว ดึงแขนเสื้อของเฉินิพลางกระซิบข้างหู "ลูกน้องของท่านขี่ม้าเร็ว ให้เขากลับไปเอาเสบียงอาหารจากเมืองชิ่ง แล้วพวกเราทำของอร่อยให้พวกเขากันเถอะ"
"เ้ามีน้ำใจงาม แต่ไม่ดูเวลาเสียเลย ยามนี้ประตูเมืองปิดแล้ว" เฉินิตอบกลับเสียงห้วน "ต่อให้ข้าเป็เ้าเมืองก็ไม่มีข้อยกเว้น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ ว่าแต่พวกเขาสองคนจะแต่งงานกันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่"
"อื้ม" ถังชิงหรูมานึกๆ ดู เช่นนี้ก็เข้าท่า พรุ่งนี้เป็วันแต่งงานของอิงฉีกับถังอวี้ซู ให้พวกเขาสองคนได้กินดื่มสุราอาหารดีๆ เป็ของขวัญวันมงคลที่ไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต
"แค่คนแปลกหน้าสองคนที่เพิ่งรู้จักกันวันนี้เป็วันแรก ไยต้องดีกับพวกเขาขนาดนี้ด้วย ปรกติไม่เห็นเ้าจะดีกับข้าอย่างนี้บ้างเลย" เฉินินึกอิจฉาอยู่บ้าง
"ข้าไม่ดีกับท่านหรือ อย่าลืมสิ ตอนที่ข้าช่วยชีวิตท่าน ท่านก็เป็คนแปลกหน้าคนหนึ่งเหมือนกัน" ถังชิงหรูตวัดสายตาไปที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์
"ข้าเป็คนป่วย เ้าเป็หมอ เ้าก็ควรช่วยชีวิตข้าสิ หน้าที่ช่วยรักษาคนเจ็บไข้ให้พ้นจากความตายไม่ใช่ว่าเป็หน้าที่ของเ้าอยู่แล้วหรอกหรือ" เฉินิได้ยินถังชิงหรูเอาตนเองมาเปรียบเทียบกับชาวบ้านสามัญชนที่นี่ ไฟโทสะในใจก็ลุกโชนขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
เฉินิรู้สึกเสมอว่าต่อให้นางไม่ชอบเขา แต่ก็ควรมีตำแหน่งพิเศษในหัวใจของนาง จะเป็สหายก็ดี หรือคู่กัดก็ได้ ถึงอย่างไรก็ยังมีความพิเศษอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ถึงเข้าใจถ่องแท้ เป็ตนเองที่คิดไปฝ่ายเดียว ในสายตาของผู้หญิงไร้หัวใจคนนี้ เขาไม่ต่างอันใดกับชาวอิงกูที่เพิ่งรู้จักกัน
ถังชิงหรูมิแยแสบุรุษที่กำลังปั้นปึ่ง นางมองสตรีชาวเผ่าอิงกูเ่าั้อย่างสนอกสนใจ วันนี้นางแต่งกายด้วยอาภรณ์งามหรู เมื่อเทียบกับหญิงสาวเ่าั้การแต่งตัวของนางแลดูมีราคากว่า แต่ทว่ากลับรู้สึกไม่สบายใจเท่าไร นางชอบการแต่งกายของชนเผ่าอิงกู แม้ว่าแพรพรรณจะไม่งามวิจิตร รูปแบบไม่มีความซับซ้อน แต่กลับดูแปลกใหม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยามสวมใส่
นางสะกิดจางหลินที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยว่า "เ้าหาชุดแบบนี้มาให้ข้าสักชุด ข้าอยากลองใส่ดูบ้าง"
"เสื้อผ้าแบบนี้ไม่เหมาะกับเ้า" เฉินิทัดทานทันควัน
"ไม่เหมาะอย่างไร ข้าว่าเหมาะสมดีออก" ถังชิงหรูขึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ "ห้ามท่านพูดมาก สาวงามมากมายขนาดนี้ยังอุดปากท่านไม่อยู่เลย"
"ชุดเปลือยไหล่เผย่ขาเยี่ยงนั้น ดูได้เสียที่ไหน" เฉินิเห็นนางดื้อดึงเช่นนี้ โทสะในใจก็ยิ่งเดือดดาล
"ก็เพราะเช่นนี้ ข้าถึงรู้สึกว่าน่าสนใจ เสื้อผ้าของพวกท่านห่อร่างคนเสียมิดชิดราวกับบ๊ะจ่างจนข้าแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว" ถังชิงหรูแค่นเสียงหึ "เสื้อผ้าของพวกเขาใส่สบาย ไม่ต้องไม่ต้องปิดแขนปิดขา ยามสวมใส่แลดูงดงามมาก"
จางหลินมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าลำบากใจ ถังชิงหรูมีสถานะพิเศษ มิอาจเสียมารยาท แต่เฉินิก็เป็เ้านายของตน เขาไม่กล้าล่วงเกินทั้งคู่
"เ้าอยากสวมใส่ก็ได้อยู่ แต่ห้ามสวมให้ผู้อื่นดู" ดวงตาของเฉินิทอประกายวาววับ ก่อนยื่นคำขาด "สรุปแล้ว ข้าไม่เห็นด้วย"
ถังชิงหรูมองเฉินิด้วยแววตาประหลาดใจ นางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อเหล่า ก่อนเปล่งเสียงหึ แล้วกล่าวค่อนแคะ "ชอบกลนัก ทำไมข้าต้องให้ท่านเห็นด้วยด้วยเล่า เราไม่ได้เป็อะไรกันเสียหน่อย ต่อให้น่าหลันหลิงก็เถอะ เขายังมิอาจเ้ากี้เ้าการกับข้าขนาดนี้เลย"
ยิ่งค่ำผู้คนก็ยิ่งมารวมตัวกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต่างมานั่งล้อมรอบกองไฟกองใหญ่ที่จุดไว้ตรงกลาง บ้างก็ขับร้อง บ้างก็ลุกขึ้นมาเต้นรำกันอย่างครึกครื้น
สาวน้อยนางหนึ่งวิ่งออกมาดึงแขนถังชิงหรูให้ออกไปเต้นรำด้วยกัน นางหันมามองเฉินิอย่างเป็กังวล แต่ดีที่จางหลินบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่มีผู้ใดฝืนข้อห้าม จนกระทั่งมั่นใจแล้วจางหลินปกป้องเฉินิให้ปลอดภัยได้ ถึงวางใจออกไปร่วมสนุกกับคนอื่นๆ
"ทุกท่าน หัวหน้าเผ่าคนใหม่ของพวกเรามาแล้ว" หลังจากนั้นก็มีเสียงประกาศดังลั่นขึ้น ทุกคนต่างหยุดร้องรำ หันมามองสตรีที่กำลังเดินเข้าแต่ไกล ยามนี้อิงฉีสวมใส่อาภรณ์แบบเต็มยศ ประดับศีรษะด้วยเครื่องประดับเงินชุดใหญ่ ดูคล้ายกับเขาโค อาภรณ์ของนางก็ดูจะหนักมาก ขณะที่นางเดินเข้ามาทุกคนต่างเปิดทางให้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้