มนุษย์ช่างเป็สัตว์ที่ซับซ้อนเสียจริงๆ
ในแง่หนึ่งตัวเขาเองก็ไม่ชอบการอบรมสั่งสอนของชวีอี้เจี๋ย แต่อีกแง่หนึ่งกลับโหยหาการดูแลเอาใจใส่จากเขา ทั้งยังคิดเล็กคิดน้อยกับความไม่เท่าเทียมในเื่นี้อีกด้วย
ถ้าหากจำเป็ที่จะต้องหาข้ออ้าง ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าสาเหตุที่เขารู้สึกอ่อนไหวเช่นนี้อาจจะเป็เพราะตัวตนของเขาเอง เขาไม่อาจที่จะไปโทษสิ่งอื่นใดได้เลย เพียงแค่ในบางครั้งเขาก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าหากตัวเขาเองสามารถเป็เหมือนกับชวีจิ่งได้ บางทีในหลายๆ ครั้งเขาอาจจะสามารถอกผายไหล่ผึ่งได้มากขึ้นกว่านี้
ช่างมันเถอะ ไม่คิดแล้ว
คิดเื่พวกนี้ไปแล้วได้อะไรขึ้นมา
แต่บางทีคนเราก็เป็เช่นนี้แหละ เพียงแค่คิดเื่ไร้สาระเหล่านี้ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็ตัวของตัวเองได้มากขึ้น เพราะถึงยังไงเพียงแค่คิดก็ไม่จำเป็ต้องไปรับผิดชอบเื่ใดใด ทั้งยังไม่จำเป็ต้องไปอธิบายอะไรให้ใครฟัง
วันจันทร์ยังคงเป็วันจันทร์ที่เหมือนกับทุกที
ไม่รู้เป็เพราะว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีเื่อะไรให้ทำเยอะเกินไปหรือเปล่า ชวีเสี่ยวปอถึงได้หาวออกมาตลอดตั้งเช้าจนถึงตอนบ่าย ทั้งยังเอาแต่คว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะเพื่อนอนชดเชยตลอดทั้งวัน จนกระทั่งตอนเรียนคาบเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำถึงจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา ในตอนนั้นเขาจึงสะกิดเซี่ยเจิงที่กำลังนั่งแก้ข้อผิดอยู่ข้างๆ
“ฉันหิวแล้ว”
เซี่ยเจิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่กลับดึงลิ้นชักออกมา
ขวีเสี่ยวปอชะโงกคอไปดู จากนั้นจึงส่งเสียงไม่พอใจออกมา : “ไม่เห็นมีอะไรเลย !”
“ฮะ? ” เซี่ยเจิงวางปากกาลง แล้วดึงลิ้นชักออกมาพลิกดู “นายกินจนหมดเกลี้ยงแล้ว”
“ฉันหิวอะ” ชวีเสี่ยวปอหลับตาลง นอนลงไปบนโต๊ะเช่นเดิม
“อนาคตสดใสจริงๆ เลย” เซี่ยเจิงหัวเราะออกมา “วันนี้นอกจากนอนนายก็กิน แล้วยังจะมาบ่นอีก”
“เมื่อวานนี้ฉันใช้พลังงานไปเยอะ” ชวีเสี่ยวปอใช้แขนรองเข้าไปใต้ศีรษะพลางพูดขึ้นมา : “ไปเดินชอปปิงกับแม่มา การไปเดินชอปปิงเป็เพื่อนผู้หญิงมันใช้ทั้งแรงกายแรงใจเยอะแค่ไหนนายรู้ไหม !”
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมาสะกิดที่ไหล่ของเขา เมื่อหันไปมองจึงเห็นว่าในมือของเจียงอี้หยางยกปากกาลูกลื่นขึ้นมาทั้งยังไม่ทันที่จะได้เอาเก็บกลับไป
“เจียงอี้หยางถ้านายยังมาสะกิดที่เสื้อฉันไม่เลิกอีกนะ ฉันจะบิดหัวนายให้หลุดออกมาเลย” ชวีเสี่ยวปอยกแขนขึ้นมาทำท่าจะศอกเข้าไปที่เจียงอี้หยาง
“ฮึ ฮึ” เจียงอี้หยางหัวเราะออกมาสองที พร้อมทั้งวางปากกาลง “ก็ฉันเห็นนายกว่าจะตื่นขึ้นมาได้ เลยอยากถามอะไรสักหน่อย วันที่หนึ่งตุลาพวกนายเตรียมจะไปเที่ยวที่ไหนกันไหม? ”
“วันที่หนึ่งตุลา” ชวีเสี่ยวปอมองเขาเซี่ยเจิงไปทีหนึ่ง
“อาทิตย์หน้า” เซี่ยเจิงพูด
“ไม่รู้อะ” ชวีเสี่ยวปอตอบออกไป ถ้าหากเจียงอี้หยางไม่ได้พูดขึ้นมา เขาก็ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าใกล้จะถึงวันหยุดเนื่องในโอกาสวันชาติจีนแล้ว
“แล้วเซี่ยเจิงล่ะ? ” เจียงอี้หยางถาม
“ไม่ได้คิดไว้นะ” เซี่ยเจิงพูด “หรือไม่ก็ไปทำงานพาร์ทไทม์”
“ให้ตายเถอะ วันที่หนึ่งตุลานายก็ไม่ปล่อยให้พวกเด็กๆ ได้ไปฉลองเทศกาลอย่างมีความสุขเหรอเนี่ย !” ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “เป็ครูสอนพิเศษที่โหดร้ายอะไรขนาดนี้”
“ถ้างั้น พวกนายอยากไปแคมป์บาร์บีคิวกันไหม? ” เจียงอี้หยางพูดแทรกขึ้นมา “แบบที่เป็กลางแจ้งอะ”
“บาร์บีคิว? ” ชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงพูดออกมาพร้อมกัน ทั้งยังหันหน้าไปมองเจียงอี้หยางเป็ตาเดียว
“แช่น้ำพุร้อนได้ด้วยนะ” เจียงอี้หยางถูกเขาทั้งสองคนมองจนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แล้วจึงอธิบายต่อไปว่า : “ก็พวกเราชนะการแข่งขันไม่ใช่หรือไง? ั้แ่ฉันเรียนมายังไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย ครั้งนี้พ่อฉันเลยคิดว่ามันเป็เื่ที่ดีมาก เลยให้ฉันพาพวกนายไปเที่ยวกัน”
“พ่อนาย? ” ทั้งสองคนถามออกมาพร้อมกันอีกครั้ง
“เอ่อ รีสอร์ตบ่อน้ำพุร้อนนี้ พ่อฉันเป็คนเปิดเองอะ”
ชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิง : “ว้าว”
ใบหน้าของเจียงอี้หยางดูหมดคำพูดขึ้นมาทันที : “นายสองคนบอกมาแค่ว่าจะไปไม่ไป !”
“แค่พวกเราสามคนเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอถาม
“พ่อฉันบอกว่าให้ชวนมาทั้งทีมบาสเลย” เจียงอี้หยางเกาศีรษะอย่างเขินๆ “อาจจะชวนพวกผู้หญิงไปด้วยสักสองสามคน”
ชวีเสี่ยวปอละเซี่ยเจิง : “ว้าว”
เจียงอี้หยางรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้ว : “หรือว่าพวกนายสองคนไม่ต้องไปแล้วก็ได้นะ !”
ชวีเสี่ยวปอหัวเราะ : “ไปไปไป พี่หยางเลี้ยงทั้งที ก็ต้องไปอยู่แล้ว”
วันหยุดเนื่องในโอกาสวันชาติจีน แม่ของชวีจิ่งพาชวีจิ่งไปหาลูกสาวคนโตที่ต่างประเทศ ซึ่งความหมายของชวีอี้เจี๋ยคือเขาจะพาเวินลี่และชวีเสี่ยวปอออกไปเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาได้ด้วยพอดี แต่ชวีเสี่ยวปอกลับปฏิเสธออกไป บอกว่าตัวเองมีนัดแล้ว ชวีอี้เจี๋ยไม่มีทางเลือกจึงต้องไปเที่ยวที่ประเทศไทยกับเวินลี่เพียงแค่สองคน
ทันทีที่พวกเขาทั้งสองคนออกจากบ้านไป ชวีเสี่ยวปอก็โทรศัพท์หาเจียงอี้หยางทันที
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง? แล้วพวกเราจะออกเดินทางกันตอนไหนอะ? ”
“ฉันกำลังจะออกจากบ้านแล้ว เดี๋ยวไปรับนายก่อนแล้วกัน” เจียงอี้หยางโทรศัพท์ไปด้วยพลางใส่เสื้อผ้าไปด้วย น้ำเสียงฟังดูรีบร้อนสุดๆ
“นายขับรถเองเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอถาม
“มีคนขับรถน่ะ” เจียงอี้หยางพูด
“นายจะพาพวกผู้หญิงไปด้วยไม่ใช่เหรอ? ” ชวีเสี่ยวปออยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “รถนายมีกี่ที่นั่ง? นาย ฉัน เซี่ยเจิง ซือจวิ้น แล้วก็... ”
“สวีเจี๋ยกับซุนเผิงเขาสองคนกลับบ้านต่างจังหวัดไปแล้ว มีแค่พวกเราไม่กี่คน” เจียงอี้หยางพูด “ให้ตายสินั่งไม่พอจริงๆ ด้วย ยังมีผู้หญิงอีกสองคน”
“นายนี่ใช้ได้เลยนะเพื่อน” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะใส่โทรศัพท์
“ไสหัวไปเลย” เจียงอี้หยางด่าออกมา ไม่ได้รู้สึกโมโหอะไร แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความเขินอาย
“งั้นเอาแบบนี้” ชวีเสี่ยวปอพูดพลางสะพายกระเป๋าขึ้นหลังแล้วเดินออกจากบ้านไป “เดี่ยวฉันเรียกรถไปรับเซี่ยเจิงกับซือจวิ้นเอง ส่วนนายก็พาผู้หญิงสองคนนั้นไปก็พอ”
่กลางฤดูใบไม้ร่วงอากาศช่างปลอดโปร่งแสนสบายเสียจริงๆ
ชวีเสี่ยวปอเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้ากว้างที่ไร้ซึ่งเมฆปกคลุม ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาก็กว้างตามขึ้นมาด้วย
หลังจากที่ออกจากบ้านและเข้ามานั่งอยู่ในรถเป็ที่เรียบร้อย เขาจึงส่งข้อความไปหาทั้งเซี่ยเจิงและซือจวิ้น ซือจวิ้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เซี่ยเจิงตอบกลับมาในทันที
“ต้องเตรียมอะไรไปด้วยไหม? ”
“ไม่ต้องๆ เจียงอี้หยางบอกว่าพ่อของเขาเตรียมเอาไว้ให้หมดทุกอย่างแล้ว”
“โอเค งั้นอีกเดี๋ยวเจอกัน”
ชวีเสี่ยวปอส่งสติ๊กเกอร์รูปเด็กยิ้มแฉ่งไปตัวหนึ่ง จากนั้นจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไป มองดูตึกสูงที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วด้านนอกหน้าต่าง ในขณะนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงออกมา
“พ่อหนุ่มนี่อารมณ์ดีจังเลยนะ” ในขณะที่รอรถติดไฟแดงอยู่นั้น คนขับรถจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ครับ” ชวีเสี่ยวปอยิ้มๆ “ได้หยุดแล้ว อารมณ์ก็เลยดีน่ะครับ”
ชวีเสี่ยวปอมองตัวเองในกระจกมองข้างไปครั้งหนึ่ง ท่าทางที่ยิ้มแย้มจนเห็นฟันขาวช่างเป็เหมือนความสุขที่ได้ออกมาเที่ยวใน่ฤดูใบไม้ผลิ
ของเด็กประถมจริงๆ
ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะแอบเบื่อหน่ายตัวเองในใจอยู่หลายวินาที แต่หลังจากที่ความรู้สึกเบื่อหน่ายผ่านไปความรู้สึกประหลาดใจก็แทรกขึ้นมา เมื่อก่อนในเวลาเช่นนี้ ต่อให้เขาไม่ไปกับชวีอี้เจี๋ยและเวินลี่ อย่างมากเขาก็แค่เล่นเกมกับซือจวิ้น แต่ในตอนที่เจียงอี้หยางถามออกมาว่าจะไปด้วยกันไหม ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาก็คือถามความคิดเห็นของเซี่ยเจิง
ถ้าเขาไปฉันก็ไป
คงจะเป็แบบนี้แหละ
ทันทีที่คนขับรถจอดรถตรงปากทาง เขาก็มองเห็นเซี่ยเจิงอยู่ไกลๆ อีกฝ่ายกำลังยืนกดโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงนั้น ทั้งตัวของเขาสวมชุดกีฬาที่ดูเรียบง่าย ซึ่งทำให้ดูหล่อแบบสบายๆ เป็พิเศษ ชวีเสี่ยวปอไม่ได้ลงจากรถ ทำเพียงแค่ยื่นศีรษะออกไปะโเรียกเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นเซี่ยเจิงก็รีบวิ่งมาทันที
“รอนานแล้วเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอเอี้ยวตัวไปมองเซี่ยเจิงที่นั่งลงตรงเบาะหลังพลางถามออกไป
“เปล่าหรอก ตอนที่นายส่งข้อความมาฉันเพิ่งจะออกจากบ้าน” เซี่ยเจิงตบไปบนกระเป๋าอันว่างเปล่าของเขา “ไม่ต้องเอาอะไรไปเลยจริงๆ เหรอ? ”
“นายจะเอาอะไรไปฮะ? เจียงอี้หยางบอกว่าเนื้อย่างกับเตาก็มีพร้อมเรียบร้อยแล้ว” จากนั้นชวีเสี่ยวปอก็หันมาบอกตำแหน่งบ้านของซือจวิ้นกับคนขับรถ แล้วจึงเอื้ยวตัวกลับไปพูดกับเซี่ยเจิงต่อ : “นายออกมาข้างนอกแบบนี้ แล้ววันนี้คุณป้ามีแผนจะทำอะไรบ้าง? ”
“วางใจได้เลย ป้าหลี่มานัดไปชอปปิงั้แ่เช้าตรู่แล้วละ บอกว่าในห้างมีของลดราคา” เซี่ยเจิงพูดพลางยิ้มออกมา : “แม่ฉันยุ่งกว่าฉันซะอีก”