ตอนที่ 127 ฉู่อี้ผู้น่าสงสาร
“แม่นาง ท่านโหวสั่งไว้ว่าไม่ต้องเอ่ยขอบคุณ ข้าจะให้คนพาเ้าลงเรือลำเล็กไปส่งที่ฝั่งเเม่น้ำ” น้ำเสียงเ็าปนเอือมระอาเป็ของจางหลิง
จากนั้นอวิ๋นเจียวก็ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องขอด้วยความหวาดกลัว “ขอท่านเมตตาด้วยเถิดเ้าค่ะ บ่าวกลับไปไม่ได้ กลับไปคุณหนูต้องฆ่าบ่าวตายเป็เเน่ ขอท่านให้ความเมตตา ให้บ่าวได้พบหน้าท่านโหวด้วยเถิดเ้าค่ะ!”
จางหลิงหน้าเคร่งขรึม นี่ตั้งใจจะเกาะไม่ปล่อยแล้วหรือ?
“แม่นาง เ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วข้าจะพาเ้าไปส่งที่ฝั่ง ใบขายตัวของเ้าอยู่ในมือเ้านาย หากพวกข้ากักตัวเ้าไว้ก็เท่ากับเป็การยึดทรัพย์สินของผู้อื่น เป็การทำผิดกฎหมาย”
“ใต้เท้า ขอร้องล่ะเ้าค่ะ ขอท่านเมตตา ให้บ่าวได้พบหน้าท่านโหวด้วยเถิดเ้าค่ะ! บ่าวมีเื่สำคัญจะแจ้งแก่ท่านโหว ขอเพียงท่านโหวช่วยชีวิตบ่าวด้วยเถิดเ้าค่ะ!”
นี่ตั้งใจจะเกาะไม่ปล่อยจริงๆ หรือ?
จางหลิงสีหน้าดำคล้ำ อยากจะโยนสาวใช้คนนี้ลงน้ำไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขาก็เกรงใจท่านโหว ยิ่งตอนนี้คนตระกูลอวิ๋นอยู่ด้วย หากพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านโหวเป็คนใจคอโเี้ไร้ความปรานีจะทำเช่นไร? ช่างน่าปวดหัวนัก
เรือสำราญเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่งอย่างช้าๆ สาวใช้คนนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าจางหลิง กระแทกศีรษะกับพื้นเสียงดังสนั่น
“ให้นางเข้ามา” เสียงของฉู่อี้ดังเล็ดลอดออกมา สาวใช้คนนั้นเบิกตากว้าง ดวงตาฉายแววแห่งความหวังในทันที
นางรีบลุกขึ้นวิ่งผ่านจางหลิงเข้าไปในห้องโถง “ขอท่านโหวเมตตา! ขอท่านโหวเมตตาให้บ่าวอยู่รับใช้ด้วยเถิดเ้าค่ะ!”
ศีรษะของนางแทบจะแนบชิดกับพื้นห้องพลางร้องขออย่างน่าสงสาร เมื่อนางเงยหน้ามองฉู่อี้ ใบหน้าหวานซึ้งชุ่มไปด้วยน้ำตาราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝนแลดูอ่อนแอ ชวนให้คนรู้สึกสงสารอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นดังนั้นคิ้วของฉู่อี้พลันขมวดเป็ปม คนตระกูลอวิ๋นไม่มีใครเอ่ยปาก เห็นได้ชัดว่าสาวใช้ผู้นี้มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงต่อฉู่อี้
ฉู่อี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้าเป็เพียงทาสที่ถูกขายมา หากไม่ยอมกลับจวนก็เท่ากับเป็ทาสหลบหนี”
เมื่อได้ยินดังนั้นสาวใช้คนนั้นจึงคุกเข่าเข้าไปใกล้อีกสองก้าว พยายามจะเข้าไปกอดขาของฉู่อี้ ทันใดนั้น สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายฉู่อี้ก็จับแขนของนางไว้คนละข้าง ขวางนางเอาไว้
“ท่านโหว ขอร้องล่ะเ้าค่ะ หากบ่าวกลับไปต้องตายแน่ๆ เพียงท่านโหวส่งคนไปที่จวนผู้ตรวจการเผยสักคน พวกเขาต้องยอมมอบสัญญาขายตัวของบ่าวให้ท่านโหวแน่ๆ”
นี่เป็โอกาสเดียวของนางที่จะได้เกาะเจิ้นหย่วนโหวไว้ ต่อหน้าแขกมากมายเช่นนี้ คิดว่าเจิ้นหย่วนโหวคงไม่กล้าปฏิเสธ
นางไม่อยากกลับไปรับใช้เผยิ่อีกแล้ว เผยิ่เป็คนที่ใจแคบ แม้จะอายุยังน้อยแต่นางก็โหดร้ายทารุณ บ่อยครั้งที่ตีสาวใช้ตายเพียงเพราะเื่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นางเป็รุ่นที่ห้าแล้วที่ถูกส่งตัวไปรับใช้เผยิ่
ติดตามรับใช้เจิ้นหย่วนโหวเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ ท่านโหวอายุยังน้อย นางก็งดงาม และยังรู้จักวิธีเอาใจบุรุษ คิดว่าหากได้อยู่ข้างกายท่านโหวคงมีโอกาสได้เป็อนุภรรยาแน่
“ท่านโหว เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฮูหยินเพิ่งมาที่จวนตระกูลเผย และได้ตกลงกับคนของจวนเผยเื่การแต่งงานระหว่างท่านโหวกับคุณหนูเผยิ่เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อเห็นฉู่อี้ไม่สนใจไยดี สาวใช้คนนั้นจึงรีบบอกเื่ที่ตนเองรู้เพื่อแลกกับความสงสารจากฉู่อี้
“ท่านโหว คุณหนูสามไม่คู่ควรกับท่าน นางเป็คนใจคอโเี้ ไม่อาจทนเห็นหัวใครได้ วันนี้ท่านโหวช่วยชีวิตบ่าวเอาไว้ หากบ่าวกลับไปต้องถูกนางตีตายแน่ๆ บ่าวกลัวเ้าค่ะ คุณหนูสามลงมือตีสาวใช้จนตายด้วยมือตนเองไม่ต่ำกว่าสิบคนแล้ว... ขอท่านโหวเมตตาเห็นแก่ที่บ่าวมาบอกข่าวนี้ ช่วยบ่าวด้วยเถิดเ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของฉู่อี้ยิ่งเ็าลงไปอีก “นี่คือสิ่งที่เ้า้าจะบอกข้าอย่างนั้นรึ?”
“ท่านโหว...”
“เื่การแต่งงานของข้า เมื่อใดกันที่เป็เื่ที่บ่าวรับใช้เช่นเ้าจะมายุ่งได้ ใครก็ได้ เอาตัวนางออกไป หากนางไม่ยอมกลับจวนตระกูลเผยก็ส่งตัวนางไปศาลาว่าการอำเภอ!”
“ขอรับ ท่านโหว!”
สาวใช้คนนั้นถูกลากตัวออกไป ปากที่ร้องโวยวายไม่หยุดก็ถูกปิดเอาไว้
ฉู่อี้หันไปขอโทษอวิ๋นโส่วจงกับภรรยาด้วยความรู้สึกผิด “ขออภัยท่านลุงและท่านป้าด้วยขอรับ”
อวิ๋นโส่วจงกลับรู้สึกชื่นชมการกระทำที่เด็ดขาดของเขา “คนเนรคุณเช่นนี้ ท่านโหวไม่ลงโทษนางก็ถือว่าเมตตามากแล้ว”
ทั้งๆ ที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้แท้ๆ ไม่เพียงแต่ไม่เอ่ยขอบคุณ กลับยังคิดจะเกาะไม่ปล่อย ให้ฉู่อี้ไปขอสัญญาขายตัวของนางจากจวนตระกูลเผยอีก
ฉู่อี้ยังไม่ยอมรับแม้แต่พี่น้องของจวนตระกูลเผย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของจวนตระกูลเผย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้ช่างเนรคุณเสียจริง
เื่นี้แม้แต่อวิ๋นเจียวเองก็ยังไม่สงสารสาวใช้คนนั้นเลย ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองฉู่อี้ราวกับ้าจะล่อลวง
ตอนนี้นางกลับรู้สึกสงสารฉู่อี้ เพียงเพราะมีฐานะเป็ถึงท่านโหว อายุแค่สิบสองปีก็ตกเป็เป้าหมายของหญิงสาวมากมาย
ไม่รู้ว่าญาติผู้น้องที่ไหนโผล่มา ไหนจะสาวใช้ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ต่อไปในอนาคตคงมีอีกมากมาย ที่รุมล้อมเข้าหาเขาไม่หยุดหย่อน
ลองนึกดู หากพี่ชายของนางถูกหญิงสาวรุมล้อมเช่นนี้ นางต้องปล่อยเสี่ยวไป๋ออกไปกัดพวกนางแน่ๆ แต่ฉู่อี้กลับไม่มีใครช่วยเหลือ ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาที่ยังอายุน้อยแต่กลับมีบรรยากาศเ็าอยู่รอบตัว
ที่ท่าเรือ รถม้าเตรียมพร้อมไว้แล้ว หลังจากลงจากเรือสำราญอวิ๋นเจียวและคนอื่นๆ ก็ขึ้นรถม้า
สารถีของตระกูลอวิ๋นก็ได้รับการจัดสรรจากฉู่อี้เช่นกัน สัญญาขายตัวของสารถีผู้นี้ถูกมอบให้ฟางซื่อเรียบร้อยแล้ว
ฟางซื่อรู้สึกขอบคุณฉู่อี้ในใจ ไม่ว่าจะเป็เื่โรคระบาดหรือเื่นายกองทหารผู้นั้น ไม่ว่าเื่ไหนก็ล้วนทำให้ครอบครัวของนางพบเจอกับหายนะได้ทั้งสิ้น
นางติดหนี้บุญคุณเขาไว้มากมายขนาดนี้ เื่เล็กๆ น้อยๆ นางคงไม่เกรงใจอีกต่อไป มนุษย์ก็เป็เช่นนี้ หากทั้งสองฝ่ายมีเื่ราวคล้ายความลับร่วมกัน ความสัมพันธ์ก็จะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงก็มีความคิดอื่น ตระกูลของพวกเขาสนิทสนมกับฉู่อี้ แม้จะดูโดดเด่นไปสักหน่อย แต่บางทีอาจจะปลอดภัยกว่าก็เป็ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟางซื่อเป็คนลงมือทำอาหารเช้าด้วยตนเอง ทุกคนรวมถึงฉู่อี้ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็ออกเดินทางไปยังโรงผลิตเครื่องเคลือบจิงผิงที่อยู่ชานเมืองแต่เช้า ฉู่อี้ก็ติดตามไปด้วย โดยอ้างว่าปลอมตัวมาตรวจงานอย่างลับๆ
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมก็มีรถม้าหรูหรามาจอดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมหลายคัน นำขบวนโดยเ้าหน้าที่ใต้สังกัดผู้ตรวจการเมือง หลงจู๊ใรีบสั่งให้คนไปตามเ้าของมา จากนั้นก็รีบออกไปต้อนรับด้วยความเคารพ
นายอำเภอประจำอำเภอจิ่วเจียงลงมาจากรถม้าเป็คนแรก ยืนรออยู่หน้ารถม้าคันหน้าด้วยท่าทางเคารพ ไม่นานนักชายวัยกลางคนก็ลงมาจากรถม้า คนผู้นี้ก็คือเผยกวง ผู้ตรวจการมณฑลจิ่วโจว
อายุของนายอำเภออู่เฟิ่งปินมากกว่าเขาอย่างน้อยสิบปี แต่กลับประคองเผยกวงลงจากรถม้าด้วยความเคารพนอบน้อม จากนั้นจึงเดินตามหลังเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยม
“ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้ตรวจการ คารวะท่านนายอำเภอ”
ทั้งสองคนสวมชุดขุนนาง บ่งบอกตำแหน่งอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นทุกปีหลงจู๊ของโรงเตี๊ยมต้องนำของขวัญไปมอบให้กับทั้งสองคนอยู่แล้ว จึงมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาทั้งสองคนอยู่ไกลๆ
“อืม ข้ามาคารวะ... เยี่ยมเยียนสหายคนหนึ่ง พวกเขาพักอยู่ที่นี่เมื่อวาน เ้าไปแจ้งให้พวกเขาทราบเถิด”
จริงๆ แล้วเผยกวงอยากจะพูดว่า ‘มาคารวะท่านโหว’ แต่พอคิดว่าฉู่อี้ไม่ได้บอกให้ใครรู้ คงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าแอบมาที่เมืองจิ่วเจียง แต่เขาก็ไม่คิดเสียบ้างเลยว่า การที่เขาแต่งกายด้วยชุดขุนนางมาเยี่ยมเช่นนี้ ต่อให้ฉู่อี้ไม่อยากเปิดเผยฐานะก็คงยากแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นหลงจู๊ก็รู้สึกใ เขาพอจะรู้ว่าแขกที่เหมาโรงเตี๊ยมของเขานั้นฐานะไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดเลยว่าจะไม่ธรรมดาถึงขั้นที่ขุนนางใหญ่ทั้งสองต้องแต่งกายเต็มยศมาคารวะด้วยตัวเองเช่นนี้
“เรียนท่านผู้ตรวจการ แขกผู้นั้นออกไปั้แ่เช้าแล้ว บอกว่าไม่ต้องเตรียมอาหารกลางวันและมื้อเย็นให้พวกเขาขอรับ”
เผยกวงขมวดคิ้ว ไม่ต้องเตรียมอาหาร? นั่นหมายความว่าจะไม่กลับมาแล้ว? เสียเที่ยวหรือนี่?
นายอำเภออู่เฟิ่งปินก็รู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดว่าจะได้พบหน้าท่านโหว หากสามารถทำให้เขาพอใจได้บ้าง บางทีเขาอาจจะได้รับการสนับสนุนให้เลื่อนขั้นก็เป็ได้
เผยกวงทิ้งคนเอาไว้สองคนให้เฝ้าอยู่ที่โรงเตี๊ยม สั่งให้พวกเขารีบไปรายงานเขาทันทีที่ฉู่อี้กลับมา จากนั้นจึงพาคนอื่นๆ จากไป
แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้น อวิ๋นโส่วจงและคนอื่นๆ ได้รับจดหมายจากผู้ดูแลโรงผลิตเครื่องเคลือบจิงผิง พวกเขาก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันที ฉู่อี้เองก็ติดตามครอบครัวของอวิ๋นโส่วจงกลับไปด้วย ไม่ได้กลับไปที่จิ่วเจียงอีก