หนิงเทียนรู้สึกราวกับกำลังจะตาย ทั่วทั้งร่างกำลังแตกสลายจากการกระแทกอย่างรุนแรง เืพุ่งออกจากลำคอจนไม่สามารถพูดได้ และอวัยวะภายในของเขาก็ถูกทำลายสิ้น
จางเฟิงหยางยืนนิ่ง ณ จุดเดิม ราวกับไม่เคยมีการโจมตีเกิดขึ้น ทว่าอาการาเ็ของหนิงเทียนกลับสะท้อนถึงความน่ากลัวของเขา
เ้าเยี่ยนเหมยแสยะยิ้ม ส่วนซูอวิ๋นก็ฉายแววลังเลในดวงตาแวบหนึ่งก่อนจะปกคลุมด้วยความโเี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหนิงเทียนดีกับนางมาก นางจึงมีความลังเลอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงอนาคตและความโด่งดังในใต้หล้าแล้ว ความทรงจำเล็กน้อยเ่าั้ก็อันตรธานไปกับสายลม
ริมฝีปากของซูอู่อ้าออกเล็กน้อย เขาอยากเข้าไปตรวจอาการของหนิงเทียน แต่ก็พบว่าเ้าเยี่ยนเหมยกำลังมองมาด้วยสายตาตำหนิ
หนิงเทียนถูกจางเฟิงหยางทำร้าย หากซูอู่วิ่งเข้าไปในเวลานี้ จะไม่เป็การทำให้จางเฟิงหยางเสียหน้าหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นจางเฟิงหยางยังทำเพื่อช่วยซูอวิ๋น แล้วซูอู่จะไม่เห็นค่าของการกระทำนี้ได้อย่างไร?
ฝูงชนที่เฝ้ามองอยู่โดยรอบต่างก็ส่ายหัวและถอนหายใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา
ตระกูลหนิงมีชื่อเสียงดีงามในเมืองเสวียนซาน แต่ในเมื่อหนิงหยางสิ้นใจไปแล้วและหนิงเทียนก็กำลังจะตาย ยามนี้จะมีผู้ใดหาญกล้ารุกรานตระกูลซูเพื่อช่วยเขา?
ใบหน้าซีดเผือดของหนิงเทียนผู้นอนอยู่บนพื้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง อวัยวะภายในของเขาแหลกละเอียด แม้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นานแต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งยังกัดฟันสาปแช่งด้วยความเกลียดชังที่รุนแรงอย่างยิ่ง
“ไม่ช้าก็เร็วพวกเ้าต้องไม่ตายดี! หากวันนี้ข้ารอดไปได้ ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเ้าไป!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องกลบเสียงของหนิงเทียน กลุ่มเมฆดำทะมึนทั่วฟ้าค่อยๆ รวมตัวกัน สายฟ้าเริ่มขู่คำราม อีกทั้งหยาดฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างกะทันหัน
“ฝนตก!” หลายคนเงยหน้าขึ้นมอง พวกเขาััได้ถึงความโศกเศร้าที่แฝงมาในลมฝน นี่ฟ้ากำลังร้องหาตระกูลหนิงหรือ?
จางเฟิงหยางเดินจากไปแล้ว เ้าเยี่ยนเหมยกับซูอวิ๋นก็เช่นกัน ขณะนี้เหลือเพียงซูอู่ที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเปล่าเปลี่ยว สายตาแห่งความรู้สึกผิดของเขาบ่งบอกถึงการอับจนหนทาง
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผู้คนล้วนแยกย้ายกันไป และไม่มีผู้ใดรู้ว่าซูอู่กลับเรือนไปเมื่อใด
ใต้ต้นหลิวตรงมุมถนน มีร่างผอมเพรียวยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลา
ภายใต้ลมฝนโหมกระหน่ำและฟ้าคำรามก้อง ร่างนั้นกลับเคลื่อนตัวเข้าหาหนิงเทียนอย่างเชื่องช้า ก่อนก้มลงแบกเขาขึ้นหลัง
ณ เรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิง หนิงเทียนนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงราวกับคนที่ตายไปแล้ว
มีร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง เมื่อสังเกตเครื่องแต่งกายที่คนผู้นี้สวมก็สามารถบอกได้ว่านี่คือสตรีนางหนึ่ง
ดวงตาของนางมีเพียงความเศร้าโศก มือหยกเพรียวบางวางบนร่างของหนิงเทียนอย่างแ่เบา อวัยวะภายในของเขาแตกเป็เสี่ยงๆ หากมนุษย์ทั่วไปปะทะกับระดับพลังกายขั้นเจ็ดเช่นนี้ คงหลีกเลี่ยงความตายไม่ได้เป็แน่
หญิงผู้นั้นตรวจสอบสถานการณ์ของหนิงเทียนอย่างระมัดระวัง ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ช่างน่าสะพรึงยิ่งกว่าที่นางจินตนาการไว้เสียอีก
นางครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถอนหายใจอย่างขมขื่น พร้อมเปล่งเสียงผะแ่
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องช่วยเ้าให้ได้”
คนงามค่อยๆ เปลื้องผ้า ร่างหยกกรุ่นกลิ่นหอม
อาการาเ็ของหนิงเทียนสาหัสยิ่ง มีเพียง “วิธีพิเศษ” เท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้
หลังจากเปลื้องผ้า นางก็เคลื่อนเข้ามาอยู่ข้างกายของหนิงเทียน ดวงตาชวนฝันส่องแสงนุ่มนวล
ภายนอก สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ภายในกลับมีดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย
คืนนี้ลมฝนไล่ตามคลื่น และรัตติกาลแสนงดงามก็แปรเปลี่ยนเป็โศกนาฏกรรม
เช้าวันรุ่งขึ้น ฝนหยุดตกแล้ว
ศพของหนิงหยางและร่างของหนิงเทียนหายไปจากหน้าจวนตระกูลซู เืของพวกเขาถูกสายฝนชะล้างจนหมด
ซูอู่รู้สึกหดหู่ ในขณะที่เ้าเยี่ยนเหมยจับมือซูอวิ๋น พร้อมบอกให้นางตั้งใจฝึกฝน อย่านำความอับอายมาสู่ตระกูลซู ต้องโดดเด่นในสำนักหานเทียน และต้องมีชื่อเสียงก้องหล้าในอนาคต
ตามกำหนดการเดิม ซูอวิ๋นตั้งใจจะไปรายงานตัวกับสำนักหานเทียนภายในสองสามวันนี้ แต่เหตุการณ์เมื่อวานทำให้ตระกูลซูถูกกล่าวถึงไปทั่วเมืองเสวียนซาน นางไม่อยากถูกวิจารณ์ จึงตัดสินใจออกเดินทางทันทีที่ฝนหยุด
“ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าไม่มีวันทำท่านผิดหวัง”
ซูอวิ๋นจากไปพร้อมความหวังของตระกูลซู แต่ก็ไม่อาจขจัดความโศกเศร้าของตระกูลหนิงได้
...
บนเตียงไม้ หนิงเทียนค่อยๆ ขยับตัว ไม่นานก็ลืมตาขึ้น
ความเ็ปอย่างรุนแรงแล่นเข้ามาในหัวใจ เขารู้สึกร้อนรุ่มราวกับร่างถูกฉีกเป็ชิ้นๆ
ที่นี่คือที่ใด? ยมโลกหรือ?
หนิงเทียนสับสน เขารู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเคยเห็นมาก่อน
เขาหลับตาลง พยายามทบทวนความทรงจำ ไม่นานก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและจำได้ว่า นี่คือเรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิง
เมื่อคราวที่เขาถูกพิษไฟก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงหลังนี้ บัดนี้ก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง นี่คือความฝันหรือ?
หนิงเทียนยังจำได้ว่าที่ตื่นมาครานั้น เขาปวดหัวมากราวกับจะแตกเป็เสี่ยงๆ ส่วนครานี้เขาก็ยังคงเ็ปอยู่ แต่เป็การเจ็บไปทั้งร่าง ไม่ใช่แค่หัวอีกแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
ข้าไม่ได้ตายหน้าตระกูลซูด้วยน้ำมือของจางเฟิงหยางหรอกหรือ?
เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่?
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมร่างผอมเพรียวเดินถือชามข้าวต้มมาหยุดอยู่ข้างเตียง หนิงเทียนได้กลิ่นหอมของอาหารจึงหันไปมอง จากนั้นคนที่เขาไม่เคยจินตนาการถึงก็มาปรากฏอยู่ข้างกาย
“เป็เ้า!” เสียงแหบแห้งของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง แม้จะขยับตัวไม่ได้แต่ความเคียดแค้นก็กำลังแผดเผาหัวใจของเขา
ผู้มาเยือนจ้องมองหนิงเทียน นางรับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองในใจเขา พลันดวงตากระจ่างใสก็มืดลงทันที
“ทานอะไรหน่อยเถิด...” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความขมขื่น
“ไปให้พ้น! ข้าไม่้าความเมตตาจากเ้า ข้าเกลียดตระกูลซู แม้ตายก็ไม่ขอรับความเมตตา!” หนิงเทียนตื่นตระหนกจนเืทะลักออกจากปากและจมูก อวัยวะภายในของเขาที่แตกสลายก็ฉีกออกจากกันอีกครั้ง
“อย่าตระหนกไปเลย ขะ...ข้าจะมาดูเ้าในภายหลัง” นางหันหลังกลับทั้งน้ำตา แล้วจากไปอย่างเงียบๆ
หนิงเทียนพยายามดิ้นรนสาปแช่ง แต่ไม่นานก็หมดสติไปเพราะความเ็ป
ผ่านไปครู่หนึ่งคนงามก็กลับมาอีกครั้ง ในมือยังคงถือชามข้าวต้มและเข้ามานั่งที่ขอบเตียง นางมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน จากนั้นก็ป้อนข้าวต้มให้ผู้หมดสติจากการเสียเืมากเกินไป
ลำคอแห้งผากทำให้เขากลืนข้าวต้มลงไปตามสัญชาตญาณ
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หนิงเทียนก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
หญิงสาวยืนอยู่นอกประตู ดวงตาซับซ้อนแฝงความเศร้าจ้องมองเขาจากระยะไกล
หนิงเทียนลืมตาขึ้นและคาดเดาความคิดของนาง
นี่คือความเวทนาหรือ?
ข้าไม่้า!
หรือนี่คือการชดใช้?
ข้าไม่มีทางให้อภัยตระกูลซู! บิดาของข้าเสียชีวิต ตระกูลหนิงสูญสิ้น!
ความเกลียดชังที่หนิงเทียนมีต่อตระกูลซูอยู่ในจุดที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ตกกลางคืน คนงามก็กลับมาอีกครั้ง
“ทานสักหน่อย...”
“ถุย!”
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ แล้วจากไป นางรอจนหนิงเทียนหลับและเข้ามาพร้อมข้าวต้ม
เวลาเที่ยงคืน ทั้งเรือนอบอวลด้วยกลิ่นหอมอีกครา
คนงามรักษาหนิงเทียนเป็ครั้งที่สอง เพื่อช่วยให้พลังของเขาฟื้นคืน นางยอมเสียแม้กระทั่งแก่นโลหิต
เมื่อหนิงเทียนตื่นมาในวันรุ่งขึ้น เขารู้สึกได้ว่าร่างกายเปลี่ยนไปมาก เมื่อวานเขาไม่สามารถขยับแขนขาได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าวันนี้กลับขยับได้จนน่าประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าข้ากำลังจะตาย แล้วเหตุใดถึงฟื้นตัวได้เร็วเพียงนี้เล่า? เป็เพราะนางอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้นคนงามก็เดินเข้ามายามที่หนิงเทียนเริ่มหิวพอดี
“ข้าไม่้าความเมตตาจากเ้าและไม่รับการชดเชยใดๆ จากตระกูลซู อย่าเข้ามาใกล้ข้า!” หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับยิ้มและป้อนข้าวต้มให้เขาต่อไป
“นางวิปลาส ไปให้พ้น!” เขาพ่นข้าวต้มใส่หน้าจนนางตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เช็ดออกอย่างเงียบๆ แล้วป้อนเขาต่อ
หนิงเทียนทั้งสาปแช่งและถ่มน้ำลายใส่หน้านางอยู่นาน แต่อีกฝ่ายก็อดทนจนเขาเหนื่อยไปเอง
ความเกลียดชังในดวงตาของชายหนุ่มจางลงไปมากแล้ว หลังจากเขาได้ระบายออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
กลางดึกคืนนั้นยามหนิงเทียนกำลังหลับใหล คนงามก็เข้ามารักษาเขาอีกครั้ง
ในเช้าวันที่สาม หนิงเทียนตื่นขึ้นมาและรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป
อาการาเ็ส่วนใหญ่หายเป็ปลิดทิ้ง แม้บางส่วนยังรู้สึกปวดอยู่บ้าง แต่เขาก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้
ความเร็วในการฟื้นตัวช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก นี่ไม่ใช่เื่ปกติแล้ว
หนิงเทียนลืมตาและพยายามคิดอย่างถี่ถ้วน
ในเวลานี้กลิ่นหอมของข้าวต้มลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ และคนงามก็กลับเข้ามาอีกครั้ง
เขาจ้องมองนาง และนางก็มองเขาเช่นกัน
นางยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ทว่าไม่สามารถทำให้ความเกลียดชังของหนิงเทียนหายไปได้
“ทานให้มากเสียหน่อย พรุ่งนี้เ้าอาจลุกจากเตียงได้แล้ว” เสียงนุ่มนวลแฝงด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ
ทว่าหนิงเทียนกลับสะบัดมือตบหน้านาง “ออกไป! ข้ากับตระกูลซูไม่อาจหวนคืนดังเก่าก่อน! อย่ามัวทำสิ่งไร้ประโยชน์ ปล่อยให้ข้าตายไปเสีย ไม่เช่นนั้นตระกูลซูของเ้าจะต้องเสียใจ!”
รอยฝ่ามือปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน หญิงสาวเปิดปากเล็กน้อยราวกับ้ากล่าวบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้
“มาเถิด ข้าป้อน” นางฝืนยิ้ม และนั่นก็ทำให้หนิงเทียนโกรธยิ่งกว่าเดิม
“เ้าไม่ละอายใจบ้างหรือ? ข้าเกลียดเ้า เกลียดตระกูลซู เ้ารู้หรือไม่?” เขาสบถ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้
ท้ายที่สุดหนิงเทียนก็เหนื่อยและยอมกินข้าวต้ม
คืนนั้น หลังจากหนิงเทียนหลับสนิท คนงามก็ปรากฏตัวข้างเตียงอีกครั้งพร้อมแววตาเศร้าสร้อย
“พรุ่งนี้เ้าก็ลุกจากเตียงได้แล้ว ถึงยามนั้นข้าจะไม่มาให้เ้าเห็นหน้าอีก” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับกำลังปิดบังบางสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้