นางเซี่ยมองซ้ำอีกครั้ง หนังงูสองผืนนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง นางจึงนึกขึ้นได้ว่ายามที่เห็นมันเมื่อคืนไม่ใช่มีเพียงหนังเท่านั้น แต่ยังมีตัวงูด้วย ยามนั้นนางบอกให้เมิ่งอู่เอาของที่น่าขนลุกนี่ไปทิ้ง ไฉนผ่านไปคืนเดียว ไม่เพียงเอามาไว้ในครัว แต่ยังเหลือแค่หนังด้วย?!
นั่นเป็เพราะเมิ่งอู่ลืมทิ้งหลังจัดการกับมันตอนเช้า...
"เมิ่งอู่!"
นางเซี่ยรีบเร่งออกมา เมิ่งอู่ยังไม่ทันได้ลิ้มชิมรสน้ำแกงงูในชามก็ถูกนางเซี่ยแย่งไป
"ท่านแม่ อย่าเท อย่าเท ของดีบำรุงร่างกายนะเ้าคะ ท่านลองชิมดูสิ รสชาติดีมาก!"
นางเซี่ยกล่าว "เ้าก็กล้ากินกระทั่งงูพิษโดยไม่กลัวว่าจะโดนพิษ!"
กล่าวอย่างนั้นแล้วก็เททิ้งลงไปตรงๆ เมิ่งอู่ยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกปวดใจยิ่งยวด
เมื่อเห็นว่าในหม้อไม่มีเหลือแล้ว ในชามก็ว่างเปล่าแล้ว นางเซี่ยค่อยโล่งใจก่อนเดินกลับเข้าครัว
เมิ่งอู่นั่งอยู่บนม้านั่งเย็นๆ ใต้ชายคาอย่างโดดเดี่ยว มองดูไก่ป่าตัวเมียในลานเรือนส่งเสียงร้องกุ๊กๆๆ อย่างมีความสุข ขณะจิกกินเนื้องูของนาง
"อาอู่" อินเหิงที่อยู่ในห้องเรียกนาง
ในมือของอินเหิงยังถือชามน้ำแกงงูอยู่ เป็ชามที่เมิ่งอู่ส่งเข้ามาให้ก่อนหน้านี้ จึงรอดพ้นจากเงื้อมมือชั่วร้ายของนางเซี่ยได้สำเร็จ
ครั้นเมิ่งอู่เดินเข้าห้อง อินเหิงก็เชิญชวน "กินด้วยกันเถิด"
น้ำแกงงูหนึ่งชาม ช้อนเล็กๆ หนึ่งคัน เมิ่งอู่ตักกินหนึ่งคำ อินเหิงค่อยตักกินหนึ่งคำ เมิ่งอู่เดาะปากรสชาติไม่เลวเลย ทันใดนั้นก็รู้สึกคล้ายว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีแฝงอยู่
ยามบ่ายเมิ่งอู่เตรียมนำโสมที่ขุดได้ไปขายแลกเงิน
หมู่บ้านแห่งนี้ห่างจากตัวเมืองยี่สิบกว่าหลี่ เดินทางไปกลับต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวัน ยามนี้นางจะไม่เข้าเมือง แต่จะไปหาหมอที่เดินทางไปรักษาผู้ป่วยตามหมู่บ้าน เพื่อดูว่าจะขายต่อให้ได้หรือไม่
เดิมอินเหิงไม่เคยใส่ใจกับเงินทองเล็กน้อย ส่วนเมิ่งอู่ก็ไม่เข้าใจกำลังซื้อของเงินในยุคนี้ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันด้วยความงงงวย ไม่รู้ว่าโสมต้นนี้สมควรจะขายได้ราคาเท่าไร
โชคดีที่ได้เรียนรู้จากนางเซี่ยว่า เงินหนึ่งตำลึงเงินสามารถซื้อธัญพืชได้สองตั้น โดยพื้นฐานแล้วเพียงพอสำหรับเป็ค่าใช้จ่ายในหนึ่งปีของครอบครัวชาวนาในชนบท เมิ่งอู่จึงคำนวณในใจว่าสมควรขายโสมต้นนี้ได้สองสามตำลึงเงิน
หากเป็ไปตามคาด เงินที่ได้รับน่าจะเพียงพอสำหรับการสร้างเรือนหลังใหม่ที่งดงาม
ในหมู่บ้านแห่งนี้มีหมอหยางเพียงคนเดียวที่เดินทางไปมา บางครั้งเขาจะเข้าไปซื้อยาสมุนไพรในเมือง
เมิ่งอู่ไปตามหาเขาที่เรือนพัก แต่หมอหยางออกไปตรวจรักษาคนไข้แล้ว จะไม่กลับจนกว่าจะบ่ายแก่ๆ
ในเวลานั้นพอหมอหยางเห็นนางก็ชะงักเท้า จากนั้นค่อยก้าวขึ้นหน้าพลางยิ้มอย่างหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม [1] ถามว่า “เ้ามาเอายาให้มารดาของเ้าหรือ?”
กาลก่อนเพราะอาการป่วยของนางเซี่ย เมิ่งอู่จึงติดต่อกับหมอหยางบ่อยครั้ง โดยเฉพาะยามที่เมิ่งอู่ไปเก็บสมุนไพรบนูเาไม่ได้ นางก็จะเอาของทุกอย่างในเรือนที่แลกเปลี่ยนได้มาแลกยากับหมอหยาง
เพียงแต่รอยยิ้มของหมอหยางมีนัยประเภทหนูขาวตัวน้อยตกมาใส่จานอาหารของเขาเอง เมิ่งอู่ในอดีตไม่เคยสังเกตเห็น แต่บัดนี้นางกลับเข้าใจแจ่มแจ้งทันที
เมิ่งอู่หรี่ตา ไม่แสดงความคิดเห็นใด
หมอหยางเปิดล่วมยาของเขา กล่าวว่า “ไข้หนาวสั่นของมารดาเ้ากำเริบอีกแล้วหรือ? ข้ามียาที่เหมาะสม เ้าจะอยากลองหรือไม่?” กล่าวจบ เขาก็มองเมิ่งอู่ “วันนี้เ้าเอาสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน?”
เมิ่งอู่กล่าว “วันนี้ข้าไม่ได้มาแลกยาให้ท่านแม่ของข้า”
รอยยิ้มบนใบหน้าหมอหยางพลันเลือนหาย ถามว่า “เช่นนั้นเ้ามาทำอันใด?”
เมิ่งอู่ตอบ “เมื่อสองวันก่อนข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ได้โสมต้นหนึ่ง จึงอยากให้ท่านหมอหยางช่วยดูให้ทีว่า จะขายได้ราคาเท่าไร”
“โสมหรือ” ั์ตาของหมอหยางเป็ประกาย แต่กลับแสร้งรำพึงรำพันกับตนเองแล้วลูบคาง กล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเป็โสมแบบใด เ้าเอาออกมาให้ข้าดูก่อนสิ”
เมิ่งอู่มองเขา มุมปากค่อยๆ คลี่ยิ้มน่าสะพรึงสองส่วน กล่าวว่า “ได้สิเ้าคะ”
นางจึงเปิดผ้าที่ห่อโสมออกต่อหน้าหมอหยางจริงๆ และให้หมอหยางพิจารณาโสมทั้งต้นที่วางอยู่บนนั้น
ดวงตาของหมอหยางแทบจะติดอยู่กับโสม เขาเอื้อมมือออกไปหยิบ หลังพินิจพิจารณาครึ่งค่อนวันก็กล่าว “เมิ่งอู่ นี่ไม่ใช่โสม เป็เพียงรากหญ้าที่มีลักษณะคล้ายโสมมากเท่านั้น”
เมิ่งอู่มีสีหน้าผิดหวัง กล่าวว่า “อ้อ ปรากฏว่าไม่ใช่โสม ข้ายังคิดว่าจะขายได้เงินจำนวนหนึ่ง”
หมอหยางกล่าวอย่างใจกว้าง แต่ก็ฝืนใจทำในเื่ที่เป็ไปไม่ได้ “เห็นแก่ที่เ้าลำบากลำบนขุด ข้าให้เ้าสิบเหรียญทองแดง ขายสิ่งนี้ให้ข้าเถิด”
เมิ่งอู่กล่าว “หากไม่ใช่โสม ข้าก็ไม่กล้าขายมั่วซั่ว ท่านหมอหยางคืนให้ข้าเถิดเ้าค่ะ”
หมอหยางไม่คาดคิดว่าเมิ่งอู่จะไม่ขายจึงถามว่า “เหตุไฉนเล่า สิบเหรียญทองแดงยังน้อยเกินไปสำหรับเ้าหรือ ข้าขอบอกเ้าไว้เลยว่ารากหญ้าไร้ประโยชน์เยี่ยงนี้ ต่อให้เอาไปขายที่อื่น ก็ไม่มีผู้ใดให้เ้าแม้แต่เหรียญเดียว”
เมิ่งอู่เอ่ย “เฮ้อ ในเมื่อเป็ของไร้ประโยชน์เช่นนี้ ข้าจะให้ท่านหมอหยางเสียเงินได้อย่างไร ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่านเ้าค่ะ”
หมอหยาง “เ้าคิดว่าเงินน้อยเกินไปหรือ? เอาอย่างนี้ ข้าเพิ่มให้เ้าอีกสิบเหรียญทองแดง พอใจแล้วนะ! ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
เมิ่งอู่เลิกคิ้วกล่าว “ท่านหมอหยางซื้อโสมทั้งต้นจากข้าในราคายี่สิบเหรียญทองแดง จากนั้นนำไปขายต่อในราคาหลายตำลึง ช่างเป็พระโพธิสัตว์ผู้มีจิตใจเมตตาจริงๆ”
พอหมอหยางถูกเปิดโปงก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่บ้าง “ข้าบอกเ้าแล้วว่านี่ไม่ใช่โสม ให้เ้ายี่สิบเหรียญทองแดงก็ถือว่าเห็นแก่เ้าแล้ว!”
เมิ่งอู่หัวเราะเยาะกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านอย่าได้เห็นแก่ข้าเลย ข้าแค่สงสัย หมออย่างท่านหมอหยางที่บอกว่าโสมเป็เพียงรากหญ้า แล้วมาเป็หมอได้อย่างไร ทักษะทางการแพทย์เชื่อถือได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าการซื้อขายล้มเหลว อีกทั้งตนไม่สามารถบังคับซื้อได้ มิฉะนั้นหากชาวบ้านล่วงรู้ว่าเขาหลอกลวงเยี่ยงนี้ ต่อไปใครจะกล้ามาหาเขาให้ช่วยรักษาอีกเล่า?
แต่เขาก็เดือดดาลและอับอาย รู้สึกไม่ยินยอมมาก กล่าวว่า “เอาเถิด เ้าไม่ขายก็ไม่ขาย ข้าจะรอดูซิว่าผู้ใดจะซื้อของที่แตกหักของเ้า!” เขาพูดไปพลาง แกล้งทำท่าว่าจะคืนโสมให้เมิ่งอู่ไปพลาง แต่กลับออกแรงที่มือโดยหมายจะหักโสมทิ้ง
เพียงแค่ทำลายรากฝอยอย่างเดียวก็ทำลายคุณค่าของมันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหักโสมทิ้ง ราคาคงลดลงอย่างมากเป็แน่
ทว่าหมอหยางเพิ่งขยับนิ้ว เมิ่งอู่ก็คว้านิ้วของเขาไว้โดยที่เขาไม่ทันป้องกัน ก่อนกดไปข้างหลังอย่างรุนแรง
หมอหยางพลันรู้สึกเจ็บนิ้วมากโขราวกับเกือบจะถูกเมิ่งอู่หักนิ้วแล้ว
ทันทีที่รู้สึกเ็ป มือของเขาก็คลายออกเป็ธรรมชาติ เมิ่งอู่ใช้ผ้ารองรับโสมของตนเองอย่างไม่ยากเย็น จากนั้นใช้มือหนึ่งห่อโสมอย่างไม่รีบไม่ร้อน ขณะเดียวกันก็ยิ่งกดนิ้วของหมอหยางลง กระดูกนิ้วของเขาแทบรับแรงกดไม่ไหว นิ้วอาจจะหักเมื่อใดก็ได้
หมอหยางร้องลั่นด้วยความเ็ป บิดแขนตาม บิดตัวลงตามไปด้วยเพื่อพยายามลดความเ็ปแม้เพียงเล็กน้อย เขาจ้องมองเมิ่งอู่ด้วยความฉุนเฉียว “เ้า… เ้ากล้าหักมือของข้า!”
เมิ่งอู่หยักยิ้มมุมปาก ถามว่า “ผู้ใดลงมือก่อนเล่า? หืม?”
เมิ่งอู่ออกแรงกดอย่างต่อเนื่อง หมอหยางเ็ปจนทรุดลงนั่งยองกับพื้น
นางก้มหน้ามองวัสดุยาในล่วมยาของหมอหยาง เขี่ยๆ สองสามครั้งอย่างง่ายดายก่อนกล่าวต่อ “นี่เป็ยาที่ข้าแลกเปลี่ยนกับเ้าเมื่อก่อนหรือ? พอนำของพวกนี้ไปตากแห้งใบก็ร่วงหล่น เหลือเพียงรากจริงๆ มิน่าเล่าอาการป่วยของท่านแม่ข้าถึงเป็ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
……….
[1] หมายถึง ยิ้มเสแสร้ง ยิ้มไม่จริงใจ ยิ้มแต่ภายนอกแต่ภายในคิดคด มุ่งร้ายผู้อื่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้