นางเซี่ยรีบหาเชือกเส้นหนึ่งมาให้เมิ่งอู่ เมิ่งอู่ใช้เชือกมัดขาไก่ป่าเอาไว้ด้วยวิธีแปลกๆ ยิ่งมันดิ้นรน เชือกยิ่งรัดแน่น สุดท้ายมันกระพือปีกอยู่สองทีก็บินไม่ขึ้น
เมิ่งอู่ผูกปลายเชือกอีกด้านหนึ่งไว้กับเสาไม้ต้นหนึ่งอย่างราบรื่น
“อาอู่ ไฉนวันนี้กลับเรือนช้าจริง” นางเซี่ยเอ่ยถามไปพลาง เดินเข้าครัวไปจัดเก็บอาหารให้เป็ระเบียบไปพลาง
เมิ่งอู่จัดการทำความสะอาดกระต่ายป่า ก่อนส่งหม้อให้นางเซี่ย กล่าวว่า “วันนี้ข้าเดินเข้าไปในูเาลึกพอสมควรเ้าค่ะ”
ในไม่ช้ากลิ่นหอมของน้ำแกงเนื้อในหม้อก็โชยออกมา
นางเซี่ยเดินตามเมิ่งอู่เข้าห้องมาดู เมิ่งอู่เทสมุนไพรทั้งหมดที่เก็บมาวันนี้ออกจากตะกร้าท่ามกลางแสงเทียนสลัว
อินเหิงกล่าว “วันนี้อาอู่เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยเลย”
เมิ่งอู่เหลียวมองเขาแวบหนึ่ง ยกมุมปากขึ้นยิ้ม “ต้องขอบคุณธนูไม้ไผ่ที่เ้าทำให้ข้า”
นางนำธนูไม้ไผ่กับกระบอกใส่ลูกธนูออกมาวางไว้ด้านข้าง บนนั้นเปื้อนคราบเืของสัตว์บางชนิด จากนั้นนางจึงแยกสมุนไพรที่นางเซี่ยกับอินเหิงใช้เป็ประจำออกมา
ท่ามกลางสมุนไพรเ่าั้ ยังมีสิ่งหนึ่งตุงๆ ที่ถูกห่อด้วยใบไม้เขียว
นางนั่งขัดสมาธิบนพื้น ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ค่อยๆ คลี่ใบไม้เขียวออกอย่างระมัดระวัง เห็นเพียงโสมที่มีรากเขียวชอุ่มและสมบูรณ์มากอยู่ภายใน
เมิ่งอู่กล่าว “วันนี้ข้าโชคดี หาโสมต้นนี้เจอจริงๆ”
อินเหิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เอ่ยว่า “อาอู่ช่างอดทนนัก สามารถขุดมันขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์เพียงนี้ แม้แต่รากเส้นเดียวก็ไม่เสียหายเลย”
เมิ่งอู่กล่าว “แน่นอนสิ กว่าจะขุดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ข้าใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามเชียว พึงรู้ว่ารากโสมยิ่งแตกแขนงมากเท่าไรก็ยิ่งมีคุณค่ามากเท่านั้น ต้องขุดมันออกมาให้สมบูรณ์ ถึงจะไม่ทำลายคุณค่าของมัน แต่น่าเสียดายอีกต้นหนึ่งไม่มีโชคขนาดนั้น”
นางเซี่ยเพิ่งเคยเห็นโสมเป็ครั้งแรกในชีวิต เป็ธรรมดาที่จะเข้ามารุมสังเกตอย่างละเอียด
เมิ่งอู่กล่าวพลางเปิดใบไม้อีกใบหนึ่งที่ห่อโสมอีกต้นหนึ่งไว้ คุณภาพของโสมต้นนี้ด้อยกว่ามาก นางกล่าว “ต้นนี้เก็บไว้ให้ท่านแม่กับอาเหิงบำรุงร่างกาย ยามนี้ใช้ประโยชน์ได้พอดี”
นางเซี่ยกล่าว “ไม่อย่างนั้นเอาไปขายหมดเลยดีกว่ากระมัง นี่แพงนะ”
เมิ่งอู่ยิ้มกล่าว “ต้นนี้รากเสียหาย ขายได้ไม่กี่เหรียญหรอกเ้าค่ะ ถึงแม้การหาเงินสำคัญ แต่สุขภาพร่างกายก็สำคัญเช่นกัน อีกครู่ท่านแม่นำมันไปล้างให้สะอาด แล้วใส่ลงไปในน้ำแกงเนื้อสองสามชิ้นนะเ้าคะ”
“ได้ๆ” นางเซี่ยรับโสมมาอย่างระมัดระวัง
เมิ่งอู่ล้วงมือลงไปก้นตะกร้า ก่อนเงยหน้ามองนางเซี่ยที่ยังไม่ยอมไปที่ใด นางถาม “ท่านแม่ยังอยากดูต่ออีกหรือเ้าคะ?”
นางเซี่ยใคร่รู้ เอ่ยว่า “ข้าจะดูอีกสักหน่อย ดูสิว่าเ้ายังเอามาอันใดกลับมาอีกบ้าง”
เมิ่งอู่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กล่าวว่า “อย่าดูเลยเ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านจะใกลัว”
นางเซี่ยกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “จะมีอันใดน่ากลัวกันเล่า”
ทว่าพอเมิ่งอู่หยิบงูสองตัวที่มีสีสันสดใสออกจากตะกร้า นางเซี่ยก็ใจนขาอ่อน ร้องเสียงหลง
เมิ่งอู่วางงูสองตัวนั้นบนพื้น กล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ต้องกลัว มันตายแล้วเ้าค่ะ”
“เ้า… เ้า… เ้าเอามันกลับมาทำไม!”
เมิ่งอู่เอื้อมมือไปลูบจากหัวงูลงมา กล่าวว่า “มันมีประโยชน์ต่อการรักษาอาการาเ็ของอาเหิงเ้าค่ะ”
ั์ตาสงบราบเรียบของอินเหิงกะพริบวิบวับเล็กน้อย
นางคลำเจอก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่ง จึงใช้เคียวกรีดเปิดออกอย่างระมัดระวัง ก่อนนำถุงน้ำดีของงูตัวเล็กออกมา
ครั้นนางเอาถุงน้ำดีของงูทั้งสองตัวออกมาแล้ว ก็นำไปนึ่งในหม้อในครัวทันที
ส่วนตัวงูนั้น นางเซี่ยไม่้าเห็นมันอีก จึงรีบบอกให้เมิ่งอู่นำไปโยนทิ้ง
เมิ่งอู่พึมพำ “โยนทิ้งไปออกจะน่าเสียดาย เนื้อก็เป็หนึ่งมื้อ”
ทว่านางเซี่ยยังคงหวาดผวา กล่าวว่า “เก็บไว้ไย สีสันสดใสขนาดนี้มองผาดเดียวก็รู้ว่ามีพิษ!”
นางเซี่ยไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่างูพิษตัวนี้มีพิษที่ต่อมพิษเท่านั้น แต่ตัวงูไม่มีพิษ ต่อให้เมิ่งอู่อธิบายให้นางฟังแล้วก็ตาม นางก็ยังไม่เชื่อ
เมิ่งอู่ไม่ได้ทำให้นางกลัวอีกต่อไป ปากสมควรที่จะพูดแต่เื่ดีๆ ทว่านางกลับฉวยโอกาสยามนางเซี่ยยุ่งง่วนอยู่ในครัวหันกลับมายิ้มให้อินเหิง กะพริบตาก่อนกระซิบกับเขา “อาเหิง วันพรุ่งทำน้ำแกงงู เ้ากล้ากินหรือไม่?”
มุมปากของอินเหิงโค้งขึ้น กระซิบตอบเช่นกัน “ขอเพียงอาอู่ทำ ข้ากินทั้งหมด”
เมื่อเมิ่งอู่เห็นสีหน้าท่าทางของเขาเยี่ยงนี้ จู่ๆ ความเหนื่อยล้าทั้งวันพลันอันตรธานสิ้น นางกล่าว “เช่นนั้นข้าจะไปตักน้ำจากบ่อน้ำมาแช่ไว้ก่อน”
ตอนกินอาหารค่ำ นางเซี่ยไม่อยากเห็นภาพเมิ่งอู่ป้อนข้าวให้อินเหิง จึงตัดสินใจนำโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็กมาวางไว้ในห้อง ให้อินเหิงลุกขึ้นมานั่งกินข้าวด้วยตนเอง
กิริยาท่าทางการกินของเขาสบายๆ ใจเย็นมาก ไม่มีข้อบกพร่องเลย ทำให้เมิ่งอู่มองเพลินจนถึงกับลืมกินอาหารในชามของตน
นางเซี่ยสะกิดแขนเมิ่งอู่ด้วยความไม่พอใจเหลือหลาย กล่าวว่า “มองอันใด หน้าตาดีแล้วกินแทนข้าวได้หรือ?”
เมิ่งอู่ตอบ “ไม่ได้แน่นอนเ้าค่ะ” ก่อนพึมพำเบาๆ ประโยคหนึ่ง “แต่มองแล้วเจริญอาหารมากนะ”
นางเซี่ยได้ยินแล้ว ก็มองอินเหิงผาดหนึ่ง เดิมอยากจะสั่งสอนเขา แต่เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่ดูคล้ายไร้เดียงสาไร้พิษภัย ก็ไม่เห็นทางที่จะเริ่มพูดได้เลย
แท้จริงแล้วนางเซี่ยเป็คนมีเหตุผล ด้านหนึ่งนางรู้สึกว่าอินเหิงทำให้เมิ่งอู่สับสน แต่ด้านหนึ่งในใจก็รู้ว่าหาใช่ความผิดของเขาที่มีรูปโฉมหล่อเหลา
วันนี้อินเหิงทำธนูไม้ไผ่ให้เมิ่งอู่ นับว่าช่วยเหลือนาง ตอนกลางวันที่ครอบครัวเมิ่งต้ามาหาเื่ เขาก็ยังคงสงบนิ่งมาก
แม้นางเซี่ยจะไม่ชอบเขา แต่นางก็ดูออกว่าเขาพยายามจะไม่สร้างปัญหาให้เมิ่งอู่ และช่วยเหลือนางเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่จะทำได้
ดังนั้นนางเซี่ยจึงไม่มีทางเลือกได้แต่หันมาเทศนาเมิ่งอู่อีกครา “ข้าว่าเ้าคงโดนมนต์สะกดเข้าแล้ว!”
เมิ่งอู่คีบกับข้าวให้นางเซี่ยพร้อมกล่าว “ท่านแม่ กับข้าวที่ท่านแม่ทำค่ำนี้อร่อยเป็พิเศษ ทำไมฝีมือทำอาหารถึงดีเช่นนี้เล่าเ้าคะ”
นางเซี่ยโกรธจัดจนหัวเราะ นางอ่อนลงทันควัน กล่าวว่า “เช่นนั้นเ้าก็กินเยอะๆ หน่อย”
หลังจากนั้นเมิ่งอู่ก็เอ่ยถาม “วันนี้ข้าไม่อยู่ที่เรือน ครอบครัวท่านลุงใหญ่มาสร้างปัญหาอีกหรือไม่เ้าคะ?”
นางเซี่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ไม่มี วันนี้ในเรือนเรียบร้อยดี”
วันนี้นางเซี่ยประหวั่นพรั่นพรึงมาก แต่นางปวดใจที่เมิ่งอู่ต้องเดินบนูเาทั้งวัน แล้วจะทนให้เมิ่งอู่กังวลได้อย่างไร
หลังจากผ่านวันนี้ไป นางเซี่ยยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่ายามเมิ่งอู่ไม่อยู่ในเรือน นางยิ่งต้องปกป้องเรือนหลังนี้ไว้ให้ดี
อินเหิงก็ไม่เอ่ยวาจาใดๆ
เมิ่งอู่เงยหน้ามองนางเซี่ย ชั่วครู่ก็กล่าว “ไม่มีอะไรก็ดีแล้วเ้าค่ะ”
ทว่ายามนางกลับมา นางสังเกตเห็นว่ากับดักหนูที่ประตูหายไปอันหนึ่ง บนพื้นยังมีคราบเืเล็กน้อย
ในเมื่อนางเซี่ยไม่พูด เมิ่งอู่ก็ไม่เซ้าซี้ถาม
หลังอาหารค่ำ เมิ่งอู่ทำแผลให้อินเหิง ก่อนนำถุงน้ำดีงูที่นึ่งไว้พร้อมกับยาสมุนไพรต้มมาให้เขากิน
เมื่อตอนกลางวันนางเหงื่อออกมาก ้าอาบน้ำให้สะอาดอย่างเร่งด่วน
ในเรือนมีห้องอาบน้ำเป็เพิงไม้ที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ กลางคืนมืดมิดจะอาบน้ำในนั้นย่อมสะดวกสบาย
หลังเปลวเทียนดับแล้ว อินเหิงนั่งพักผ่อนอยู่ในห้อง เขาได้ยินเสียงน้ำใสไหลมาจากลานเรือน ดูเหมือนจะเป็ความสุขเล็กๆ ในยามราตรี
เมิ่งอู่กลับเข้าห้องอย่างสดชื่น ปลอบนางเซี่ยจนหลับใหล
เมื่อมีนางอยู่เคียงข้าง นางเซี่ยย่อมหลับสนิทมากตลอดทั้งคืน
เมิ่งอู่เหนื่อยมาก สมควรจะหลับลึกเช่นกัน แต่นางตื่นตัวมาก ต่อให้เมื่อครู่หลับลึก หากครู่ต่อมามีเสียงใดดังขึ้น นางก็จะรู้สึกตัวตื่นโดยพลัน
ไม่รู้ว่าเป็เวลาใดของค่ำคืน ภายในห้องมืดสนิท มีแสงจันทร์บางๆ ที่ขอบหน้าต่าง
เวลานี้มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยดังขึ้นนอกลานเรือน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้