นางเห็นสตรีตรงหน้าสวมอาภรณ์สีชมพูน่ารักเมื่อมองสายตาที่เฉินอ๋องใช้มองนาง หรงหว่านซีจึงรู้ว่าเหตุใดหลูเหม่ยเหรินในจวนเฉินอ๋องถึงได้รับการโปรดปรานหลายครั้งมากที่สุด...เพราะใบหน้าของหลูเหม่ยเหรินละม้ายคล้ายคลึงกับสตรีตรงหน้าผู้นี้ไม่น้อย
สตรีตรงหน้าเรือนร่างอรชร งามหยดย้อยแลดูมีชีวิตชีวาแน่นอนว่าเป็หญิงงามจัดอยู่ในอันดับหนึ่งที่ยากจะพบเจอโดยเฉพาะยามริมฝีปากหยักงามยกยิ้มอ่อนโยนฟันภายในเรียงตัวเป็ระเบียบดุจไข่มุกสีขาวบริสุทธิ์ดวงตาคู่นั้นช่างเหมือนกันหลูเหม่ยเหรินยามเอ่ยยามยกยิ้มช่างละมุนจนยากจะพรรณนาออกมายิ่งนัก
“หม่อมฉันถวายบังคมเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยและพระชายาเฉินอ๋องเพคะ...”ฉินอิ่งเยว่ถอนสายบัวให้พวกเขาทั้งสองด้วยท่าทางอ่อนโยน
น้ำเสียงของนางเอาแต่ใจจนน่าเอ็นดู เพียงแต่ยามสนทนาทั่วไปเมื่อนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเช่นนี้ กลับทำให้ผู้อื่นอ่อนยวบ
เฉินอ๋องมองนาง เขาเอาแต่เหม่อมองนางเช่นนี้ ราวกับออกตามหาตลอดหลายชาติหลายภพในที่สุดก็หานางพบจนเจอ ทันใดนั้นลืมกระทั่งบอกให้นางลุกขึ้น
“ฮูหยินรีบลุกขึ้นเถิด”หรงหว่านซียกยิ้มพลางประคองฉินอิ่งเยว่ให้ลุกขึ้น
“เตี้ยนเซี่ยพักผ่อนอยู่ในตำหนักหลังทางนี้จึงเป็หน้าที่ของหม่อมฉันเพคะ หากเผลอหมางเมินประการใดหวังว่าเตี้ยนเซี่ยกับเหนียงเหนียงจะไม่ถือโทษเพคะ”
“เสี่ยวเถา รีบไปเชิญเตี้ยนเซี่ยเร็วเข้าทูลว่าเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยกับพระชายาเฉินอ๋องเสด็จมาถึงแล้ว”ฉินอิ่งเยว่หันหลังกลับไปออกคำสั่งกับหญิงรับใช้
“เพคะฮูหยิน” เสี่ยวเถาเอ่ย
เฉินอ๋องยังคงยืนอยู่หน้าประตูเช่นนี้เขามองนางด้วยแววตาค่อนข้างลุ่มหลงเมามายคล้ายกับถูกปลุกด้วยเสียงฝีเท้าของหญิงรับใช้ที่วิ่งออกไปเขาถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง จากนั้นกลับคืนสู่ใบหน้าเอ้อระเหยและเอ่ยหยอกล้อ“พี่ใหญ่เลื่อนเ้าเป็เหม่ยเหรินแล้วรึ?”
“หม่อมฉันต่ำต้อยแต่กลับได้รับความรักและเมตตาอันเป็ล้นพ้นจากไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยอย่างไม่ควรจะเป็เตี้ยนเซี่ยทรงแต่งตั้งหม่อมฉันเป็ฮุ้ยเหม่ยเหรินเพคะ”
เฉินอ๋องเข้ามาในตำหนักอี๋หลายที่ใช้จัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับแขกผู้มาเยือนเขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะยาวตัวหนึ่งตามอำเภอใจ จากนั้นเอ่ยเรื่อยเปื่อยว่า“อ้อ? เป็เหม่ยเหรินที่มีราชทินนามเสียด้วยเห็นได้ชัดว่าพี่ใหญ่ชอบเ้าไม่น้อย”
“เตี้ยนเซี่ยโปรดดื่มชิงฉา* สักจอกเพื่อเป็การพักผ่อนก่อนเถิดเพคะจากที่หม่อมฉันดู เตี้ยนเซี่ยน่าจะรีบมาทันทีหลังกลับจากท้องพระโรงใช่หรือไม่เพคะ? คาดว่าคงจะไม่มีกระทั่งเวลาดื่มชาเสียด้วยซ้ำ!อีกครู่ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยก็จะเสด็จมาแล้วเพคะไม่นานนักจิ้งอ๋องเตี้ยนเซี่ยกับเหล่าองค์หญิงก็จะตามมาบรรดาคุณชายที่สนิทสนมกับก็จะมาร่วมฉลองเช่นกัน ประเดี๋ยวเตี้ยนเซี่ยก็จะไม่รู้สึกอึดอัดแล้วเพคะ...”
ขณะฉินอิ่งเยว่กล่าวทำราวกับหรงหว่านซีไม่ได้อยู่ด้วยอย่างไรอย่างนั้นนางรินน้ำชาให้เฉินอ๋องด้วยตนเองพร้อมกับใช้สองมือยื่นให้เขาหรงหว่านซีฟังจากน้ำเสียงแล้วรู้สึกถึงความค่อนข้างสนิทสนม
ทว่าไม่ได้เป็เพราะน้ำเสียงออดอ้อนน่าเอ็นดูแต่เดิมของนางน้ำเสียงเช่นนี้ไม่เหมือนการสนทนาระหว่างอนุชายาของพี่ชายกับน้องชายแต่...หากจะบอกว่าเกินความเหมาะสมก็ยังไม่ถึงขั้น แค่ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกไม่ดีนักเท่านั้น
เดิมทีสำหรับหรงหว่านซีไม่มีความรู้สึกชอบหรือรังเกียจฉินอิ่งเยว่ผู้นี้คนผู้นี้เป็เพียงคนที่สหายของนางชอบพอก็เท่านั้น นอกจากนั้นยังต้องขอบคุณการมีอยู่ของฉินอิ่งเยว่ที่ทำให้นางมีทางเลือกอื่นขณะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
แต่เมื่อได้ฟังจากน้ำเสียงของนางในวันนี้เหตุใดภายในใจของหรงหว่านซีกลับไม่อาจเป็มิตร มักรู้สึกว่าสตรีนางนี้ช่างสุขุมและแผนสูง
ทว่านางแค่มองดูทุกอย่างไว้ในสายตาเท่านั้นแน่นอนว่าไม่มีทางเผยสีหน้าใดๆ ออกไป สตรีในจวนองค์รัชทายาทหรือสตรีที่เฉินอ๋องชอบพอไม่ว่าจะมีนิสัยใจคอเช่นไรก็เป็เพียงคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
เฉินอ๋องรับจอกน้ำชามาจากฉินอิ่งเยว่ขณะจอกน้ำชากำลังจะจรดริมฝีปากกลับชะงักอย่างกะทันหัน
“ซีเอ๋อร์ เ้าดื่มแล้วรึ? เ้าดื่มก่อน เปิ่นหวางยังทนไหว”ทันใดนั้นเฉินอ๋องก็ส่งจอกน้ำชาจอกนั้นมาให้หรงหว่านซี
เมื่อหรงหว่านซีที่นั่งอยู่ข้างกายเฉินอ๋องทำตัวเป็ธาตุอากาศมาโดยตลอดได้ยินเช่นนี้...นางเกือบจะหันมองเฉินอ๋องด้วยสีหน้าประหลาดใจ!เหอะ...ความรักใคร่โปรดปรานของท่านช่างมาไม่ให้สุ้มให้เสียงจริงๆ
ทว่าใบหน้ายังคงราบเรียบยิ่งนักทำราวกับคาดเดาไว้ั้แ่แรกว่าเฉินอ๋องจะแสดงออกถึง “ความเอาใจใส่” ต่อนางเช่นนี้จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างเอาใจใส่เขาว่า “เตี้ยนเซี่ยโปรดดื่มก่อนเถิดเพคะหม่อมฉันยังไม่อยากดื่มเพคะ”
ฉินอิ่งเยว่ระบายยิ้ม“ได้ยินว่าเตี้ยนเซี่ยกับเหนียงเหนียงรักใคร่กันยิ่งนัก เมื่อได้มาเห็นในวันนี้ผลคือเป็อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เพคะ...”
หรงหว่านซีได้ยินเช่นนั้น รู้สึกว่าในน้ำเสียงของนางฟังดูหดหู่เล็กน้อย
นางจึงอดหันไปมองเฉินอ๋องไม่ได้พบว่าดวงตาของเขาซ่อนความรู้สึกไม่แสดงออกและไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วกำลังคิดสิ่งใด
แสดงให้เห็นว่าเฉินอ๋องจงใจทำเช่นนั้นเพื่อให้ฉินอิ่งเยว่ดูเพราะอยากให้นางขุ่นเคืองและดูปฏิกิริยาของนางทว่ายามนี้หรงหว่านซีแสดงท่าทีหึงหวงแต่กลับไม่เห็นเฉินอ๋องจะแสดงออกถึงท่าทางของผู้ชนะ
หรงหว่านซีนึกขบขันเล็กน้อยเฉินอ๋องทรมานตัวเองเช่นนี้มีอะไรน่าสนุกแม้อยากจะทำร้ายแต่ก็ไม่อาจหักใจทำร้ายนางนึกไม่ถึงว่าเฉินอ๋องผู้ไม่แยแสต่อสิ่งใดจะมี่เวลาที่สับสนเช่นนี้
หรงหว่านซีนั่งรอชมเื่น่าสนุก...นางอยากดูยิ่งนักว่าในงานเลี้ยงฉลองครั้งนี้บทโศกของคู่รักอาภัพวาสนาอย่างเฉินอ๋องกับฉินอิ่งเยว่จะดำเนินไปถึงขั้นใด
ทว่าบทโศกของคู่รักอาภัพวาสนายังไม่ทันได้ดำเนินต่อไป กลับได้ยินเสียงหัวเราะเสียงดังมาจากหน้าประตู“เหตุใดพี่สามถึงมาเร็วเช่นนี้? น้องยังแวะไปหาท่านที่จวนด้วยซ้ำ!ทว่าอวิ๋นฉางบอกว่าท่านกับพี่สะใภ้มาที่นี่เสียแล้ว!”
“เหตุใดเ้าจึงมาเพียงลำพัง?เด็กสองคนนั้นไม่ได้มากับเ้ารึ? ข้านึกว่าพวกนางจะไปหาเ้าเสียด้วยซ้ำ!”
“คาดว่าคงกำลังหวีผมแต่งหน้ากระมังพ่ะย่ะค่ะ”จิ้งอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “เมื่อวานข้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าเสด็จย่าและพบกับหนิงเอ๋อร์นางซักไซ้ข้าเื่ความงามของพี่สะใภ้เพราะกลัวว่าจะงามน้อยกว่าจึงต้องแต่งหน้าแต่งตัวให้ดีจะปล่อยให้องค์หญิงของเชื้อพระวงศ์แลดูอัปลักษณ์ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ขณะจิ้งอ๋องเอ่ยถึงเห็นเต็มตาว่าฉินอิ่งเยว่อยู่ตรงหน้าเฉินอ๋องทันใดนั้นยกยิ้มเก้อเขินทำตัวไม่ถูก เขาหันมองเฉินอ๋อง ตามด้วยหรงหว่านซีจากนั้นตามด้วยฉินอิ่งเยว่ เหอะๆ... น่าสนุกจริงๆ
“หม่อมฉันถวายบังคมจิ้งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ”ฉินอิ่งเยว่ถอนสายบัวไปทางจิ้งอ๋อง
“ฮูหยินรีบลุกขึ้นเถิด”จิ้งอ๋องอำพรางความเก้อเขินทำตัวไม่ถูกของตนพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างสุดความสามารถ
อาจเพราะรับรู้ได้ว่าเมื่อครู่ตนพึ่งจะยกยิ้มเก้อเขินเมื่อรู้สึกไม่เหมาะสมนักจึงเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “พี่ใหญ่เล่า? เหตุใดวันนี้ฮูหยินถึงมาอยู่ในตำหนักอี๋หลาย?งานเลี้ยงฉลองวันเกิดเมื่อปีที่แล้วไม่เห็นพี่ใหญ่จะสั่งให้บรรดาฮูหยินในตำหนักเป็ผู้รับผิดชอบกลับทำให้ฮูหยินต้องลำบากเสียแล้ว”
“เตี้ยนเซี่ยกำลังพักผ่อนอยู่ในตำหนักหลังเพคะหม่อมฉันให้หญิงรับใช้ไปกราบทูลแล้วเพคะ”แม้เสียงของฉินอิ่งเยว่ยังคงนุ่มนวลดังเดิม ทว่าฟังดูสุขุมราบเรียบยิ่งนัก“หม่อมฉันไม่ทราบว่าเพราะอะไรเช่นกันเพคะพิธีเฉลิมฉลองวันประสูติในปีนี้จำต้องให้หม่อมฉันเป็ผู้จัดเตรียมให้ได้โดยให้ซ่งหมัวหมั่วเป็ผู้คอยช่วยเหลือ หม่อมฉันน่ะหรือจะรู้จักจัดการเื่ราวต่างๆภายในจวนองค์รัชทายาท จึงได้เรียนหลายสิ่งหลายอย่างอยู่บ้างเพคะ”
จิ้งอ๋องพยักหน้า “เห็นทีพี่ใหญ่คงให้ความสำคัญกับฮูหยิน”
เมื่อเป็เช่นนี้จึงนึกถึงท่าทีเสียมารยาทเมื่อครู่ของตนเขาไม่กล่าวสิ่งใดอีกและเดินไปหาเฉินอ๋องเพื่อพูดจาหยอกล้อ
หรงหว่านซีนิ่งฟังการทำความเคารพและน้ำเสียงที่ใช้พูดจาของฉินอิ่งเยว่ล้วนสุขุมยิ่งนักยามปฏิบัติกับจิ้งอ๋องช่างแตกต่างจากยามสนทนากับเฉินอ๋องโดยสิ้นเชิง
นางพึ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดฉินอิ่งเยว่ถึงทำให้นางรู้สึกไม่ดีนักั้แ่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้เพราะั้แ่น้ำเสียงจนถึงท่าทีของฉินอิ่งเยว่ไม่มีสิ่งใดไม่บอกว่า—ข้ากับเฉินอ๋องคือคนที่มีอดีตมาก่อน
ต่อให้นางไม่จงใจสื่อความหมายถึง “อดีต” ด้วยตัวเองแต่เมื่อมีสายตาลุ่มหลงยากจะได้พบเห็นเช่นนี้ของเฉินอ๋องผู้มีตาแค่ปรายตามองเพียงครู่ก็ดูออกแต่ถ้าผู้อื่นดูออกถึงสิ่งที่เ้าจงใจจะสื่อออกมาด้วยตัวเองความหมายก็คงแตกต่างกันเป็อย่างมาก
ในเมื่อมีความรู้สึกต่อเฉินอ๋องแล้วเหตุใดถึงไปเป็เหม่ยเหรินขององค์รัชทายาทเล่า?หรือองค์รัชทายาทบีบบังคับเ้าอย่างนั้นรึ?
แน่นอนว่าเื่เช่นนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ทว่าฉินอิ่งเยว่ไม่เหมือนกับนาง หากตอนที่นางตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากพี่หลิงยังอยู่ในเมืองหลวง นางคงไม่มีวันเลือกพึ่งพาเฉินอ๋องอย่างแน่นอนทว่าเฉินอ๋องอยู่ในเมืองหลวงมานาน ในเมื่อชายหญิงมีใจให้กันเหตุใดฉินอิ่งเยว่ถึงไม่เล่าเื่นี้ให้เฉินอ๋องฟังกันเล่า?
แม้นางจะไม่รู้แน่ชัดว่าฉินอิ่งเยว่กลายเป็ผู้หญิงขององค์รัชทายาทั้แ่เมื่อไรแต่เื่นี้คงไม่ประจวบเหมาะกับ่ที่เฉินอ๋องออกตรวจตราแม่น้ำหวยกระมัง? หากเป็เช่นนี้ก็แสดงว่าองค์รัชทายาทฉวยโอกาสตอนเฉินอ๋องไม่ทันรู้ตัวแย่งผู้หญิงของเขาเื่โง่งมที่ต้องถูกผู้คนประณามเช่นนี้ องค์รัชทายาทไม่มีทางทำเด็ดขาด
ทันใดนั้น หรงหว่านซีค่อนข้างสนใจใคร่รู้เื่ราวระหว่างเฉินอ๋องกับฉินอิ่งเยว่ขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินอิ่งเยว่รินน้ำชาให้จิ้งอ๋อง เฉินอ๋อง รวมถึงหรงหว่านซีตอนนี้จิ้งอ๋องกลับรู้มารยาทและเอ่ย “รบกวนฮูหยินแล้ว”
หรงหว่านซีเอ่ยตามเขา “รบกวนฮูหยินแล้ว”ทว่าเฉินอ๋องกลับไม่เอ่ยสิ่งใด
คล้ายเขากำลังหลีกเลี่ยงการเรียกชื่อนางหากสามารถเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง
“อ้าว...เหตุใดเตี้ยนเซี่ยทั้งสองถึงเสด็จมาเร็วถึงเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมนึกว่ากระหม่อมมาคนแรกเสียอีก!”มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในห้อง
หรงหว่านซีหันมองตามเสียง จึงพบเพียง... ซงซวี่
หรงหว่านซีหันหน้าหนีไปอีกด้านอย่างสุขุมแสร้งทำราวกับมองไม่เห็นเขา
ก่อนหน้านี้ตอนยังอยู่แถบพรมแดนท่านพ่อทุ่มเทสั่งสอนวิชาซงซวี่อย่างสุดกำลัง ไม่ว่าจะวิชายิงธนูบนหลังม้าการใช้ศาสตราวุธ รวมถึงวิชาความรู้ด้านวรรณกรรมและหลักมารยาทล้วนแต่ทุ่มเทสอนสั่งเขาโดยไม่คิดหลงเหลือเอาไว้ซงซวี่เคารพนอบน้อมต่อบิดาของเขาเป็อย่างมากมาโดยตลอด ทุกๆ คำมักเรียกว่า“ท่านอาจารย์”
ทว่ายามเกิดเื่คับขัน นางไปหาเขาถึงจวนทว่าซงซวี่กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพบ
คนต่ำทรามเช่นนี้ หรงหว่านซีไม่อยากจะสนทนาด้วย
“กระหม่อมถวายบังคมเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ย จิ้งอ๋องเตี้ยนเซี่ยพระชายาเฉินอ๋อง....ศิษย์น้องหญิง ั้แ่กลับมาจากพรมแดนก็ไม่ได้พบกันนานมากทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่?”
หรงหว่านซีเอ่ยอย่างราบเรียบ “ราบเรียบดีทุกประการลำบากท่านโหวน้อยเป็ห่วงเสียแล้ว”
“พระชายาตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะเรียกชื่อกระหม่อมตรงก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” ซงซวี่เอ่ย
“มารยาทที่ท่านพ่อเคยสอนสั่ง เปิ่นเฟยไม่กล้าลืมจะเรียกชื่อของคุณชายตรงๆ ได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าอย่างไรก็ควรเรียกขานด้วยคำว่าคุณชายสองคำนี้ คุณชายลุกขึ้นเถิดไม่จำเป็ต้องมากพิธี” น้ำเสียงของหรงหว่านซียังคงราบเรียบดังเดิม
ทว่าเฉินอ๋องฟังออกว่าหรงหว่านซีไม่ค่อยพอใจซงซวี่เป็อย่างมาก
จะว่าไปก็แปลกเหมือน แม้นางมักไม่เปิดเผยความรู้สึกน้ำเสียงและสีหน้าต่างราบเรียบยิ่งนัก แม้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันไม่นานทว่าเขากลับเข้าใจอารมณ์ของสตรีนางนี้ได้อย่างละเอียด
อาจจะเรียกได้ว่าเป็โชคชะตากระมัง
ขณะพูดคุยกันทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะดุจเสียงกระดิ่งเงินดังขึ้น
*ชิงฉาชาไม่ใส่น้ำตาล ชงชาใบชาเขียว