น้องสาวคนนี้โตที่ออสเตรเลีย เธอเป็ลูกสาวของคุณอาของเขา
เพราะซูหงเยวี่ยนกับคุณอาตัดขาดความสัมพันธ์กันมานาน เขาจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสเจออวิ๋นอวิ๋นนัก ในความทรงจำของเขา น้องสาวคนนี้เป็เพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง
ถ้าเธอไม่ได้มาเป็นักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัย A เป็เวลาหนึ่งปี และหากเขาไม่ได้รับการฝากฝังจากคุณอาให้ช่วยดูแลเธอแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีทางรู้ว่าเซียวอวิ๋นอวิ๋นโตเป็สาวขนาดนี้แล้ว
และเมื่อครู่ สาวน้อยคนนี้ได้พูดแทงใจดำซูอี้เฉิงเข้าอย่างจัง
ถ้าหึงใคร แสดงว่าชอบคนคนนั้นจริงๆ แล้ว “ความสัมพันธ์” ที่ผ่านมาของเขา คืออะไร?
“เมื่อก่อนพี่ก็แค่หาคนไว้คลายเหงาในยามค่ำคืนเท่านั้นแหละค่ะ” อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยซ้ำแผลเดิม “ตอนนี้พี่ได้เจอรักแท้แล้วมันก็ยังไม่สายนะ แต่ถ้าเธอไปคบกันคนอื่นหรือแต่งงานไปแล้วพี่เพิ่งมารู้ตัวล่ะก็ โศกนาฏกรรมของแท้เลยล่ะ”
รัก?
คำนี้ทำให้ซูอี้เฉิงนิ่งคิดไป
เขาหยิกแก้มน้องสาวตัวดีเบาๆ “อายุแค่นี้ทำไมรู้เื่รักๆ ใคร่ๆ เยอะจัง บอกความจริงพี่มานะ ว่าเรามีแฟนมากี่คนแล้ว?”
อวิ๋นอวิ๋นเม้มปากก่อนจะยิ้มบาง “หนูไม่เคยคบใครสักคน! พี่ดีกว่า...คงคบมาเยอะแล้วล่ะสิ~”
ซูอี้เฉิงไม่โกรธแถมยังยิ้มขำ เขาทำท่าจะเข้าไปหยิกแก้มอวิ๋นอวิ๋นอีกครั้ง แต่เธอกลับวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกลิง
ขณะเดียวกัน เมื่อลั่วเสี่ยวซีกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง เธอก็เดินไปบอกแคนดี้ว่าเธอขอตัวกลับก่อน
“คุณลั่วทำไมกลับเร็วจังครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามารั้งเธอไว้ “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเลยนะ อีกหน่อยถ้ามีอะไรให้ผมช่วยละก็ มาหาผมได้นะครับ ไม่ว่าจะเื่เล็กเื่ใหญ่ผมจัดการให้คุณได้หมด”
ชายวัยกลางคนตรงหน้าทำท่าเหมือนตัวเองเจ๋งที่สุดในโลก สำหรับเด็กหน้าใหม่ในวงการแล้ว เขาเป็เสมือนลูกกวาดหอมหวานชั้นดี
แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็ผู้ชาย เขาคงไม่มีทางให้ลูกกวาดกับใครฟรีๆ โดยเฉพาะในวงการบันเทิงแบบนี้
ลั่วเสี่ยวซีเข้าใจกฎของวงการนี้ดีจึงยิ้มบางพลางตอบ “ฉันรู้จักคุณค่ะคุณต่ง ไว้คราวหน้าค่อยคุยกันนะคะ วันนี้ฉันติดธุระ คงต้องขอตัวก่อน”
คุณต่งที่ว่ามองตามแผ่นหลังของลั่วเสี่ยวซี จนกระทั่งเธอเดินออกจากงานพลางยิ้มอย่างพอใจ ในเมื่อเธอรู้จักเขาก็คงรู้ว่าเขามีอิทธิพลในวงการนี้มากแค่ไหน เขามั่นใจว่าลั่วเสี่ยวซีจะต้องมาหาเขาด้วยตัวเองแน่
เขาไม่รู้เลยว่า ลั่วเสี่ยวซีแค่กวาดตามองรายชื่อสปอนเซอร์ผ่านตามาเท่านั้นเลยจำเขาได้ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นสักนิด
ลั่วเสี่ยวซีเดินไปที่รถเพื่อขับกลับบ้านทันทีหลังเดินออกจากโรงแรม
เฟอร์รารีสีแดงเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน แสงไฟข้างทางที่สาดส่องกลายเป็ริ้วเส้นผ่านทำนองสายตา
คำพูดเมื่อครู่ของซูอี้เฉิง ทำให้จิตใจของเธอปั่นป่วน
ถึงแม้จะไม่กล้าฟันธงว่าการที่เขาพูดแบบนั้น แสดงว่าพวกเธอยังมีความหวังหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดดีใจไม่ได้
อย่างน้อยซูอี้เฉิงก็ยังสนใจเธอ ซึ่งถือเป็ข่าวดี
ลั่วเสี่ยวซีคนเดิมกลับมาแล้ว!
เมื่อถึงบ้านลั่วเสี่ยวซีจึงเข้าไปกอดเหล่าลั่วของเธอทันที
“ยัยลูกตัวแสบ” ประธานลั่วบ่นยิ้มๆ “ไปงานเลี้ยงมาไม่ใช่เหรอไง หายากนะเนี่ยที่จะกลับบ้านเร็วขนาดนี้” ถ้าเป็เมื่อก่อนคงอยู่จนงานเลิกกว่าจะยอมกลับ
“พ่อบอกเองไงคะว่าหนูโตแล้ว” ลั่วเสี่ยวซีหัวเราะ “เด็กดีต้องกลับบ้านเร็ว นอนไวตื่นเช้า ออกกำลังกายเยอะๆ”
ประธานลั่วอดอุทานอย่างแปลกใจไม่ได้
“รีบไปอาบน้ำไป กลิ่นน้ำหอมของลูกฟุ้งไปหมด พ่อไม่ชินเลยให้ตายสิ ของพวกนี้เดิมทีเอาไว้ดับกลิ่นเหม็นชัดๆ ทำไมเด็กสมัยนี้ชอบเอามาใช้ทำลายประสาทจมูกของคนแก่อย่างพ่อก็ไม่รู้”
“เหล่าลั่ว คุณไม่เข้าใจ น้ำหอมไม่ได้มีไว้สำหรับดับกลิ่นตัวของพวกฝรั่งอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ สำหรับสาวสมัยนี้มันกลายเป็ไอเท็มสำคัญไปแล้ว” ลั่วเสี่ยวซีถอนหายใจ “หนูี้เีอธิบายแล้ว ไปอาบน้ำก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะลงมาเล่นหมากรุกเป็เพื่อนค่า”
ประธานลั่วเห็นลูกสาวดูร่าเริง เขาก็อดยิ้มตามไม่ได้
ั้แ่ย้ายกลับมาอยู่บ้าน นอกจากออกไปเจอูเี่อันแล้ว น้อยครั้งที่เสี่ยวซีจะไปกินข้าวเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆ ส่วนมากเธอจะใช้เวลาอยู่เป็เพื่อนเขา ถึงแม้ยังคงชอบพูดล้อเล่นอย่างซนๆ หัวเราะเอิ้กอ้ากเหมือนเดิม แต่คนเป็พ่ออย่างเขารู้ดีว่า ลูกสาวไม่ได้มีความสุขจริงๆ อย่างที่แสดงออก
แต่วันนี้หลังกลับมาจากงานเลี้ยง เห็นได้ชัดว่าลูกสาวคนเดิมของเขาได้กลับมาแล้ว
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรประธานลั่วก็ดีใจทั้งนั้น เพราะกว่าครึ่งชีวิตที่ผ่านมา เขามีชีวิตเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกสาวมาโดยตลอด
ณ โลกอันกว้างใหญ่ คนที่ไม่มีความสุขนั้นมีมากมาย และในคืนนี้ บรรดาคนที่ว่าได้รวมตัวกันที่ผับแห่งหนึ่ง
ผับเป็สถานที่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกา แต่แรกเริ่มมันเป็สถานที่รวมตัวของพวกคาวบอยกับกลุ่มโจร เป็เพราะสาเหตุนี้ในผับจึงมักจะเต็มไปด้วยแสงสี และกิเลสตัณหา
เฉินเสวียนเสวียนมาที่นี่โดยมีเป้าหมายเดียวกับผู้ชายคนอื่นๆ ก็คือ เธอมาหา...เหยื่อ
ั้แ่เครือเฉินล้มละลาย พ่อก็ไม่อาจทนใช้ชีวิตอยู่ในเมือง A ได้อีก เขาเลยย้ายไปอยู่ในเมืองเล็กๆ ทางใต้ที่ไม่มีใครรู้จัก ส่วนเธอยังคงยืนยันที่จะอยู่เมืองนี้ต่อไป
เธอเกิดและโตที่นี่ ทุกครั้งที่พูดว่าตัวเองเป็คนเมือง A เธอมักจะรู้สึกภาคภูมิใจ เธอเป็ถึงคุณหนูไฮโซของตระกูลเฉินที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมชั้นสูง เติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดรราวกับเ้าหญิง
วิกฤตที่ครอบครัวของเธอต้องเจอ เธอยังรับมันไม่ได้ เธอจำเป็ต้องหาที่พึ่งคนใหม่ ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ จะหล่อหรืออัปลักษณ์ ขอแค่มีเงิน มีความสามารถที่จะพาเธอกลับเข้าสู่สังคมเดิม เธอก็ยอมทั้งนั้น
แต่เธอไม่นึกเลยว่า คนแรกที่เธอจะเจอในวันนี้คือซูหยวนหยวน น้องสาวต่างแม่ของูเี่อัน
ครั้งก่อนที่ซูหยวนหยวนไปก่อเื่ในงานการกุศลจนโดนตำรวจจับ ทำให้เธออับอายขายหน้า กลายเป็ตัวตลกของคนในสังคมเดียวกัน ถึงขนาดได้รับฉายาว่า “คุณหนูขี้คุก”
ซูหยวนหยวนคิดมาตลอดว่า ูเี่อันเป็ต้นเหตุที่ทำให้ตนต้องกลายเป็แบบนี้ ั้แ่ย้ายเข้าสู่ตระกูลซู ซูหยวนหยวนต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของูเี่อันมาโดยตลอด ถ้าเป็แบบนี้ ความโกรธเกลียดที่ซูหยวนหยวนมีต่อูเี่อันก็คงไม่ได้น้อยไปกว่าเธอ
เฉินเสวียนเสวียนเดินเข้าไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของซูหยวนหยวน และถามไปตรงๆ ว่าเกลียดูเี่อันหรือเปล่า
“จะไม่เกลียดได้ยังไง? ฉันกับแม่เกลียดยัยนั่นเข้าไส้!” ซูหยวนหยวนซดเหล้าลงคอไปค่อนแก้ว “แต่จะทำไงได้ ตอนนี้ยัยนั่นมีที่พึ่งอย่างลู่เป๋าเหยียน ขนาดแม่ยังห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่งกับยัยนั่นเลย ลู่เป๋าเหยียนไม่ใช่คนที่ควรจะทำให้โกรธ”
เฉินเสวียนเสวียนคิดอยู่ชั่วครู่ “แต่ถ้า...ลู่เป๋าเหยียนไม่สนใจูเี่อันแล้วล่ะ?”
ซูหยวนหยวนรีบเงยหน้าขึ้นมา “หมายความว่าไง”
เฉินเสวียนเสวียนยิ้ม “วิธีนี้ฉันคิดมานานแล้ว” เธอเข้าไปกระซิบข้างหูซูหยวนหยวนเพื่ออธิบายแผนการที่ตนคิดเอาไว้
เมื่ออธิบายจบเธอก็พูดเสริมขึ้นว่า “แผนการนี้ติดอยู่แค่เื่เวลากับโอกาส เพราะพวกเราคงไม่มีทางรู้ว่าโอกาสแบบนั้นจะหาได้เมื่อไร”
ซูหยวนหยวนเห็นด้วยว่าแผนการของเฉินเสวียนเสวียนนั้นไม่เลวเลย แต่ว่า...
“ฉันทำคนเดียวคงลำบากไป”
“ฉันช่วยเธอได้ แต่เธอต้องตกลงกับฉันอย่างหนึ่ง” เฉินเสวียนเสวียนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ก่อนจะพ่นควันออกมา “แนะนำผู้ชายรวยๆ ให้ฉันสักคน ขอแค่มีเงิน เื่อื่นฉันไม่สน จะให้ฉันทำอะไรก็ได้”
สาเหตุที่ทำให้ตระกูลเฉินต้องถึงจุดจบ ซูหยวนหยวนก็ได้ยินมาบ้าง เมื่อเห็นเฉินเสวียนเสวียนดูโกรธแค้นขนาดนี้เธอจึงถามอย่างสงสัย
“คนข้างนอกเขาลือกันว่า เพราะเธอไปทำร้ายูเี่อัน ลู่เป๋าเหยียนเลยโมโหจนต้องกลายมาเป็แบบนี้งั้นเหรอ?”
“ฉันอยู่ในสภาพนี้แล้วคงไม่จำเป็ต้องปิดบังเธออีก เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฉันขับรถชนูเี่อัน จากนั้น...” เฉินเสวียนเสวียนอธิบายเื่ราวทุกอย่างให้ซูหยวนหยวนฟัง
เมื่อฟังจบซูหยวนหยวนก็เริ่มหวั่นใจขึ้นมา ูเี่อันก็แค่แขนพลิก แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับทำเื่ใหญ่โตขนาดนี้ ถ้างั้นเธอ...
“กลัวแล้วล่ะสิ” เฉินเสวียนเสวียนยิ้มหยัน “ใจเสาะแบบนี้ยังจะบอกว่าอยากแก้แค้นูเี่อันอีกงั้นเหรอ ยัยนั่นไม่ใช่แค่จับเธอขังคุกคนเดียว แต่ยังลากแม่เธอเข้าไปด้วยนะ เธอจะยอมง่ายๆ แบบนี้?”
ซูหยวนหยวนยังคงเด็กมาก เมื่อเจอคำยุยงแบบนี้จึงสูดลมหายใจลึกพลางเชิดหน้า
“ใครบอกว่าฉันกลัว? ครั้งนี้พวกเราไม่ได้ไปแตะต้องอะไรูเี่อัน ก็ไม่จำเป็ต้องกลัวลู่เป๋าเหยียนนี่”
เฉินเสวียนเสวียนยิ้มเย็น “ถูกต้องแล้ว คราวนี้ฉันจะรอดูสิว่า ถ้าไม่มีลู่เป๋าเหยียน ูเี่อันจะทำยังไง”
แค่จินตนาการภาพูเี่อันที่อับจนหนทาง ซูหยวนหยวนก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
มีคนพยายามสร้างกับดักใหู้เี่อันตกลงไปในนั้น แต่เ้าตัวกลับไม่รู้เื่รู้ราวเลยสักนิด เธอกำลังคิดว่าชีวิตของเธอ่นี้ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะปกติ
ลั่วเสี่ยวซีกลับมาฮึดอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวลงแข่งรายการ TOP MODEL แล้ว เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวซีดูมีชีวิตชีวาขึ้น ูเี่อันเลยถามอย่างสงสัย ลั่วเสี่ยวซีจึงแกล้งทำท่าลึกลับก่อนจะเล่าความจริงให้ฟัง
เธอรู้สึกดีใจแทนเพื่อนคนนี้ด้วยจริงๆ จากนั้นลั่วเสี่ยวซีจึงพูดกับเธอว่า
“เธอกับลู่เป๋าเหยียนนับวันก็ยิ่งไปกันได้ดีนี่”
ูเี่อันแค่ยิ้มรับ
เพราะเธอไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับลู่เป๋าเหยียนเป็แบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่ที่แน่ใจคือ นับวันเธอยิ่งขาดเขาไม่ได้
คืนวันเดียวกัน ขณะทีู่เี่อันกำลังหลับ มือถือบนหัวเตียงก็ดังขึ้น สารวัตรเหยียนโทรมาหาเธอ เพราะที่เขตหนึ่งทางตะวันตกของเมืองมีคดีใหญ่เกิดขึ้น และมีผู้เสียชีวิตจึงขอให้เธอรีบไปปฏิบัติหน้าที่
เธอรีบลุกขึ้นมาพลางเก็บข้าวของที่จำเป็อย่างรวดเร็ว ว่ากันตามจริงเธอไม่ควรเสียงดังจนลู่เป๋าเหยียนตื่น แต่สุดท้ายเขาก็ตื่นจนได้
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” ลู่เป๋าเหยียนเอ่ย “เธอขับรถคนเดียวตอนนี้มันอันตราย”
“ไม่เป็ไร” ูเี่อันมองสีหน้าที่ดูอ่อนเพลียของเขา “พรุ่งนี้นายเองก็ต้องทำงาน กลับไปนอนเถอะนะ ฉันไปคนเดียวได้”
เพราะรู้ว่าเธอกำลังรีบ ลู่เป๋าเหยียนจึงไม่พูดอะไรต่อให้มากความ เขาลากเธอลงไปที่ชั้นล่างทันที ูเี่อันจึงได้แต่ตามใจเขา
ลู่เป๋าเหยียนบังคับพวงมาลัยพลางเอ่ย
“เมื่อก่อนเธอต้องออกไปที่เกิดเหตุกลางดึกแบบนี้บ่อยๆ เหรอ”
“ที่จริงแล้วก็ไม่บ่อยหรอก” ูเี่อันอธิบาย “ที่สถานีตำรวจมีแพทย์นิติเวชอยู่หลายคน ฉันเป็คนที่อายุน้อยที่สุด ทุกคนเลยเอ็นดูเป็พิเศษ ส่วนใหญ่งานลำบากๆ แบบนี้ฉันไม่ค่อยถูกเรียกหรอก วันนี้คงเป็กรณีพิเศษจริงๆ พวกเจียงเส้าข่ายก็ไม่ว่าง”
ลู่เป๋าเหยียนเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเพื่อพาูเี่อันไปที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด
ตึกสิบสี่ที่เป็สถานที่เกิดเหตุมีแสงไฟส่องสว่าง ูเี่อันปลดเข็มขัดนิรภัยพลางพูดกับลู่เป๋าเหยียนว่า
“นายมีอพาร์ตเมนต์อยู่ที่กลางเมืองใช่หรือเปล่า อย่าขับรถกลับไปที่บ้านเลยมันเสียเวลา ไปนอนพักที่นั่นแทนเถอะนะ”
“อืม” ลู่เป๋าเหยียนตอบรับ “เธอขึ้นไปเถอะ”
ูเี่อันพยักหน้าก่อนจะชูบัตรประจำตัวเพื่อผ่านเข้าไปข้างใน
กว่าจะทำงานเสร็จก็ตีสามกว่า เธอกับสารวัตรเหยียนและตำรวจอีกหลายคนจึงทยอยเดินลงมาที่ชั้นล่าง คนที่ตาไวที่สุดคือเสียวอิ่ง
“เอ๋? เจี่ยนอัน ผอ.ลู่ของเธอมาส่งงั้นเหรอ?”
ูเี่อันพอเดาอะไรได้ เมื่อมองตามไปก็เห็นรถของลู่เป๋าเหยียนยังคงจอดอยู่ที่เดิมตามคาด
นี่เขายังไม่ได้กลับไปอีกเหรอ?
นี่ถ้าเธอต้องทำงานยันเช้าวันพรุ่งนี้ขึ้นมาจะทำอย่างไร? เขาตั้งใจจะรอเธออยู่ที่นี่อีกคืนหรือเปล่าเนี่ย?
