หรงจิ่งเองก็ััได้อย่างชัดเจนว่าซ่งอวี้มีบางอย่างผิดปกติ นางเหม่อลอยเป็ครั้งคราว บางครั้งขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ สีหน้าก็ซีดขาว
"แม่นางเป็อะไร? ไม่สบายหรือ?" หลังจากหรงจิ่งเห็นซ่งอวี้เหม่อลอยอีกครั้งก็อดไม่ได้ที่จะถาม
ซ่งอวี้ดึงสติกลับมา ส่ายหน้าให้หรงจิ่ง หลังจากนั้นก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น "หรงจิ่ง ร้านยาถงอันของท่านเปิดอยู่ทั่วแคว้นเป่ยเฉินไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นช่วยให้คนสืบหน่อยได้หรือไม่ จะเกิดาขึ้นหรือ?"
หรงจิ่งจับจ้องไปที่ซ่งอวี้ครู่หนึ่ง มองกระทั่งต้องเบี่ยงหน้าหนี เขาหัวเราะแล้วพูด "หมู่บ้านเสี่ยวหนิวไม่ได้อยู่แถบชายแดน แม้จะเกิดาขึ้นก็ไม่ใช่ที่แรกที่จะเดือดร้อน แม่นางกำลังกังวลเื่อะไร?"
พูดตามตรง ั้แ่นางมาอยู่ในร่างนี้ เคยไปไกลที่สุดแค่ในอำเภอเท่านั้น นางไม่รู้จริงๆ ว่าภูมิประเทศของแคว้นเป่ยเฉินเป็อย่างไร ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าหมู่บ้านเสี่ยวหนิวอยู่ส่วนใดของแคว้นเป่ยเฉิน
หลังจากหรงจิ่งได้ฟังคำอธิบายของซ่งอวี้ เขาก็หยิบพู่กันกับกระดาษขึ้นมาวาดรูปแผนที่แคว้นเป่ยเฉินที่ตนเคยเห็น "ร้านยาถงอันมีอยู่ทั่วเป่ยเฉิน ดังนั้นจึงมีแผนที่ฉบับสมบูรณ์ ข้าวาดแผนที่ให้แม่นางดู แม่นางลองดูเถอะ"
"แม่นางดูเล่า นี่คือเมืองหลวงของเป่ยเฉิน ส่วนหมู่บ้านเสี่ยวหนิวน่าจะอยู่ตรงนี้ แม้จะไม่ไกลนัก ทว่าหากเดินเท้าเข้าเมืองหลวงก็ต้องใช้เวลาในการเดินห้าวัน"
"ส่วนนี่คือชายแดน ระยะห่างจากชายแดนมายังหมู่บ้านเสี่ยวหนิว ประมาณนี้ หากเดินเท้าต้องใช้เวลาสิบห้าวัน เป็สามเท่าของการไปเมืองหลวง"
หรงจิ่งยิ้มแล้ววาดแผนที่ฉบับง่ายๆ ลงบนกระดาษ แต่แผนที่ที่เขาวาดก็เพียงพอให้มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือแคว้นเป่ยเฉิน
"แผนที่นี้บรรพบุรุษของตระกูลหรงค่อยๆ ศึกษารวบรวมเอาไว้ตอนที่เก็บสมุนไพร ทั่วทั้งเป่ยเฉินคาดว่าคงไม่มีแผนที่ใดละเอียดเท่านี้แล้ว แต่น่าเสียดายที่ความจำของข้ามีจำกัด ไม่อาจวาดออกมาได้ทั้งหมด
แผนที่คือรูปวาดใบหนึ่ง บางคนมองเพียงปราดเดียวก็จำได้ขึ้นใจ สามารถจดจำรายละเอียดทั้งหมดได้ แต่ว่าแผนที่ใบนั้นเป็ความลับของตระกูลหรง แม้หรงจิ่งจะขัดแย้งกับความคิดของคนในตระกูลเพียงใด ไม่สนใจกฎเกณฑ์เพียงใด เขาก็ยังให้เกียรติตระกูล
หลังจากซ่งอวี้ได้ยินว่าหมู่บ้านเสี่ยวหนิวอยู่ห่างจากชายแดน หากเดินเท้าต้องใช้เวลาถึงสิบห้าวัน ลางสังหรณ์บางอย่างก็มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีทาง ไม่มีทาง นางคิดมากเกินไปแน่ๆ!
ซ่งอวี้ปลอบใจตนเอง ทว่าหัวใจของนางกลับทรยศ หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีทหารม้าของศัตรูกระทำความชั่วช้าในดินแดนเป่ยเฉิน ทำให้ชาวบ้านมากมายต้องเร่ร่อนและออกจากบ้านเกิดจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ เมื่อเป็เช่นนี้ก็หมายความว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในแคว้นเป่ยเฉิน
หากบรรดาผู้ลี้ภัยอยากจะมีชีวิตรอดก็ต้องมีเงินและอาหาร บางคนขอทานประทังชีวิต บางคนถึงขั้นกลายเป็โจร ฉกชิงข้าวของของผู้อื่น เกิดเป็วงจรเลวร้าย แล้วแคว้นเป่ยเฉินจะไม่วุ่นวายได้อย่างไร
เมื่อใดที่แคว้นตกอยู่ในความไม่สงบ เมื่อนั้นชายแดนก็จะตกอยู่ในอันตราย ศัตรูจ้องจะทำร้าย เกิดเื่ขึ้นเพียงเล็กน้อย ไม่แน่อาจจะเป็จุดเริ่มต้นของาก็ว่าได้
ไม่สิ า...
ดวงตากลมโตของซ่งอวี้หรี่ลงเล็กน้อย นางมองหรงจิ่งแล้วยิ้มประหลาด
"ดูเหมือนว่านับจากนี้การค้าของร้านยาถงอันคงจะดีไม่น้อย เพราะเมื่อมีผู้ลี้ภัยมากขึ้น เช่นนั้นปัญหาก็จะมากขึ้นด้วย ย่อมมีคนมาหาหมอและซื้อยาไม่หยุดหย่อน"
าไม่เพียงนำมาสู่ความทุกข์ แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสทางการค้ามากมายด้วยเช่นกัน สิ่งจำเป็ในาจะได้รับความนิยม ยกตัวอย่างเช่นอาวุธ อาหารแห้งและยาสมุนไพร
สายตาของหรงจิ่งมองผ่านแดดอบอุ่นยามบ่าย หยุดลงที่ซ่งอวี้ ทว่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น
"หรือว่าแม่นางซ่ง เข้าใจเื่ในใต้หล้าด้วย?" หรงจิ่งยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม แม้กระทั่งรอยยิ้มมุมปากของเขาก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
ซ่งอวี้หัวเราะแห้งๆ แกล้งทำเป็โง่เขลา "เื่ในใต้หล้า? ข้าไม่เข้าใจ ความรู้เพียงอย่างเดียวของข้าคือการรักษาคน เกรงว่าจะเป็ได้เพียงหมอธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น"
น่าเสียดายที่สายตาลุ่มลึกของหรงจิ่งจับจ้องซ่งอวี้ตลอดเวลา ทำให้นางร้อนตัวอย่างมาก จึงทำได้เพียงหาข้ออ้างแล้วเดินออกไป
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดรับสมุนไพรตามที่ตกลงกับร้านยาถงอัน ทว่าผู้จัดการโจวกลับมามือเปล่า
ซ่งอวี้ถามจึงได้รู้ว่าเวลานี้คล้ายว่าจะเกิดความโกลาหลขึ้นแล้ว ดังนั้นร้านยาต่างๆ จึงไม่ขายสมุนไพร ด้วยเหตุนี้จึงหยุดการค้านี้ชั่วคราว
แต่ว่าระยะที่ผ่านมานี้ซ่งอวี้ได้กำไรไม่น้อย น่าจะประมาณหนึ่งถึงสองพันตำลึงได้
ค่าใช้จ่ายของชาวบ้านทั่วไปในหนึ่งปีก็ประมาณสองร้อยตำลึง เงินจำนวนนี้จึงเพียงพอให้ซ่งอวี้ใช้ไปได้อีกนาน นางเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ถามว่าเพราะเหตุใดร้านยาถงอันจึงไม่แจ้งนางก่อน
ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่ต่างกัน อีกฝ่ายเป็คนมีอำนาจ เหตุที่ทำการค้าร่วมกับซ่งอวี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าของท่านจ้าว ลำพังตัวนางไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น
อย่างเดียวที่ซ่งอวี้รู้สึกเสียดายคือไม่อาจขอยาสมุนไพรกับร้านยาถงอันได้แล้ว
ปกติหากนาง้าสมุนไพรชนิดใด นางเพียงเขียนรายการให้ผู้จัดการโจว แล้วคราหน้ายามมาส่งของ ผู้จัดการโจวก็จะเอาให้นางเป็การส่วนตัว สะดวกกว่าไปเก็บสมุนไพรด้วยตนเองมาก
ทว่าหลังจากหยุดทำการค้า แน่นอนว่าผู้จัดการโจวย่อมไม่อาจวิ่งไปวิ่งมาเช่นเดิมได้ เส้นทางรับสมุนไพรนี้ของซ่งอวี้จึงหายไปด้วย
ช่างเถอะๆ ดูท่าชะตาของนางคงจะอาภัพ ต้องไปเก็บสมุนไพรด้วยตนเอง
"ยัยหนูซ่งอยู่หรือไม่?" จู่ๆ เสียงของลุงสือโถวก็ดังขึ้น เพราะปัญหาสุขภาพที่ขาของลุงสือโถว ทั้งสองจึงเจอกันแทบทุกวัน ตอนนี้สนิทสนมกันอย่างมาก
เสี่ยวหมานวิ่งไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือลุงสือโถวจริงๆ ด้วย แต่ว่าสีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียว คล้ายแก่ชราไปนับสิบปีในชั่วพริบตา
"เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ? ลุงสือโถว" ซ่งอวี้เอ่ยถาม
ปกติแล้วลุงสือโถวเป็คนสุขุมยิ่งนัก แม้ในหมู่บ้านจะมีเื่อื้อฉาวมากมาย แต่เขาก็จะยังคงนิ่งงัน สีหน้าเคร่งขรึมราวกับ 'แม้บรรพตเบื้องหน้าจะถล่ม สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนผัน'
ทว่าเทียบกับท่าทีของลุงสือโถวในวันนี้แล้ว ช่างแปลกยิ่งนัก
ยามลุงสือโถวเอ่ยพูด ซ่งอวี้สังเกตเห็นว่า น้ำเสียงของเขาแหบพร่าราวกับถูกกรวดบดขยี้ "ยัยหนูซ่ง เ้ามียารักษาาแหรือไม่? หากมี ข้าขอซื้อทั้งหมดเลย"
ซ่งอวี้พยักหน้า "ข้ามีเ้าค่ะ แต่ไม่มาก เวลานี้ร้านยาถงอันกับข้าหยุดทำการค้าร่วมกันชั่วคราว ข้าไม่มีแหล่งสมุนไพรแล้ว ก่อนหน้านี้ปรุงยาเผื่อไว้ใช้ยามจำเป็อยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็มีน้อย น่าจะมีประมาณห้าขวด ท่านลุงจะเอาหมดเลยหรือเ้าคะ?"
ท่าทีของลุงสือโถวช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก คล้ายถูกดูดพลังไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อลุงสือโถวได้ยินซ่งอวี้บอกว่ายังมียาเหลืออยู่ ความหวังก็ทอประกายในแววตา เขาพยักหน้า หยิบเงินทั้งหมดออกมาแล้วยัดใส่มือซ่งอวี้ "ข้าเอาทั้งหมด เ้ารีบเอามาให้ข้าเถอะ"
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาที่ซ่งอวี้ คล้ายกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจ
ซ่งอวี้ตกตะลึงกับท่าทีของลุงสือโถวจึงถามด้วยความแปลกใจ "ลุงสือโถว เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่เ้าคะ? ยารักษาาแห้าขวดไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ท่านซื้อไปทั้งหมด หรือว่ามีคนมากมายาเ็เช่นนั้นหรือ?"
ยาที่นางทำฤทธิ์ยาเป็เช่นไรนางล้วนจำได้ดี แม้ยารักษาาแนี้ชื่อจะฟังดูธรรมดา แต่ฤทธิ์ของยาสามารถใช้คำว่าน่าสะพรึงกลัวมาบรรยายได้เลย